Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Sengoku : 33

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
DanielsoN
Xiao Mei's Husband
Xiao Mei's Husband
DanielsoN


จำนวนข้อความ : 2272
Join date : 19/09/2010
Age : 29

Sengoku : 33 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Sengoku : 33   Sengoku : 33 EmptyThu Nov 06, 2014 4:38 pm

ยาโนะลืมตาขึ้นมาก่อนจะลุกออกจากฟูกที่วางอยู่บนพื้น เขาลุกขึ้นมาพร้อมกับยืดเส้นยืดสาย ชายหนุ่มหน้าสวยรวบผมของเขาก่อนจะจัดทรงให้เป็นทรงหางม้าอย่างเคย เขาถอดชุดนอนของเขาออกและเปลี่ยนมาแต่งกายด้วยชุดที่เขาสวมประจำ เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นเขาก็ก้าวเท้าออกไป มันเป็นเช้าอีกวันหนึ่งที่สดใส เสียงของเหล่าวิหคที่ส่งเสียงร้องอยู่บนผืนนภา อากาศอันเย็นสบายยามเช้า ยาโนะเดินด้วยใบหน้าอันสดใสและกล่าวทักทายผู้คนเกือบทุกคนที่เขาเดินผ่าน ตั้งแต่บริวารของเขาจนถึงผู้อาศัยในตำหนักเดียวกันกับเขา ยาโนะลงมายังห้องอาหารในปราสาทของเขา เมื่อเขามาถึงเขาก็เจอเหล่าคนใช้เตรียมอาหารไว้ให้อย่างดี ยาโนะนั่งลงก่อนจะคว้าตะเกียบและคีบอาหารออกจากจานและเข้าสู่ปากของเขา รอบๆตัวเขานั้นมีผู้อาศัยอยู่ครบ ไม่ว่าจะเป็นองค์หญิงฮานะ , ฮารุกะ รวมถึงอากิโตะ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นแค่องค์รักษ์ แต่สำหรับยาโนะแล้วพวกเขาเป็นเหมือนเพื่อนคนสำคัญของพวกเขา แต่ถึงกระนั้นบรรยากาศการกินอาหารนั้นเงียบสงัดและเป็นแบบนี้ทุกๆเช้า แต่ยาโนะก็ชินแล้วกับภาพแบบนี้ เขาใช้มือของเขาที่ถือตะเกียบอยู่คีบเนื้อปลาออกมาก่อนจะใส่ปากของเขา รสชาติของมันดีมาก สีหน้าของยาโนะแสดงได้ออกมาชัดเจนว่าเขามีความสุขกับอาหารมื้อนี้ขนาดไหน นอกจากนี้ยังมีซุบ และ ข้าววางอยู่บนถาดของเขา แต่ไม่ทันที่เขาจะได้ใช้ตะเกียบคีบข้าวของเขาขึ้นมาจากชาม ก็มีทหารคนหนึ่งวิ่งตรงมายังตำหนักของเขา เขาเลื่อนประตูกระดาษออก ก่อนจะพูดกับยาโนะที่กำลังนั่งกินข้าวเช้าของเขาอยู่

“ท่านยาโนะครับ....ท่านไทโซเรียกท่านครับ” ทหารคนนี้รายงาน
“เรื่องอะไรหรือ?” ยาโนะถามในขณะที่มือของเขากำลังถือชามข้าวและตะเกียบอยู่
“ข้าเองก็อธิบายไม่ถูก...ข้าว่าท่านมาดูเองเถิด” ทหารคนนี้ตอบ

ยาโนะถอนหายใจก่อนจะต้องจำใจวางชามข้าวลงบนถาดของเขาและลุกขึ้นมาจากผืนเสื่อ และเดินตามทหารคนนี้ ไม่นานนักเขาก็เดินมาถึงห้องของไทโซ ประตูถูกเปิดช้าๆ และสิ่งแรกที่ยาโนะเห็นนั้นก็ทำให้เขาต้องตกตะลึง นั่นก็คือชาวบ้านมากมายที่นั่งอยู่เต็มไปหมด ชาวบ้านทุกคนนั้นล้วนแต่หันมาทางเขาเมื่อประตูถูกเปิดขึ้นมา ยาโนะมองใบหน้าของพวกเขาก็สงสัยว่าคนพวกนี้เป็นใครนะ? เขาไม่เคยเห็นหน้าคนพวกนี้มาก่อนเลย ยาโนะเดินอ้อมฝูงชนพลางจ้องหน้าพวกเขา เขาเดินไปหานายของเขาก่อนจะคุกเข่าลง ยาโนะหันไปมองไทโซที่เอามือกุมปากของเขาอยู่ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง ชายหนุ่มหน้าหวานหันไปอีกข้างก่อนจะเห็นเมโกะที่สามารถมอมแมมนั่งอยู่ ชุดเกราะสีเงินของเธอนั้นเต็มไปด้วยรอยขีดข่วน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอต้องผ่านสงครามมาก่อนแน่ๆ แต่คำถามคือสงครามกับใครล่ะ? ในขณะที่ยาโนะกำลังเหลือบสงสัยนั้น เขาก็เห็นสาวผมดำที่นั่งข้างขวาของเมโกะ ดวงตาของเธอนั้นเศร้าสร้อยราวกับพึ่งสูญเสียคนสำคัญไป ถ้าจำไม่ผิดเธอคือน้องสาวไม่แท้ของเมโกะ รู้สึกว่าจะชื่อ “คานาเดะ” กระมั้ง ส่วนทางซ้ายนั้นก็เป็นหญิงสาวอีกคนที่มีใบหน้าคล้ายกับเมโกะ ถ้าให้เดาเธอก็คือแม่ของเมโกะ ไม่ต่างจากคานาเดะ สีหน้าของเธอนั้นดูไร้ซึ่งความสุขเลยแม้แต่น้อย แต่เรื่องนี้ไว้ที่หลัง สิ่งแรกที่ยาโนะอยากรู้คือไทโซเรียกเขามาทำไม

“ท่านไทโซครับ...ท่านเรียกข้ามาทำไมหรือ?” ยาโนะเอ่ยปากถาม

หากทว่าเจ้านายของเขาไม่ได้ตอบอะไร ยาโนะหันไปหาเพื่อนของเขาที่เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นกับอังกฤษ เธอพยักหน้าก่อนจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง เมื่อยาโนะฟังจนจบ เขาก็ตกตะลึงในความจริงที่ว่า “เรียวชิน” หนึ่งในนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในญี่ปุ่นแพ้ต่อศึกครั้งนี้ และเมื่อยาโนะฟังจนจบก็เขาอุทานด้วยน้ำเสียงเบาๆว่า “ไม่จริงน่า...” และกล่าวแสดงความเสียใจแก่เพื่อของเขา ตอนนี้เขาเข้าใจถึงความโศกเศร้าที่ปกคลุมอยู่ในห้องนี้ สำหรับไทโซนั้นเรียวชินถือเป็นเพื่อนสนิทของเขา ทั้งสองรู้จักกันตั้งแต่ก่อนที่ไทโซจะเดินทางเร่ร่อนในฐานะโรนินเสียอีก การสูญเสียเพื่อนคนสำคัญก็ถือเป็นเรื่องที่น่าปวดใจไม่ใช่น้อย แต่เอาเรื่องความเศร้าไว้ที่หลังก่อน ยาโนะเอ่ยปากถามถึงเจตนาของเมโกะที่มาเยี่ยมเยียนพวกเขา

“เมโกะ...อย่าหาว่าถ้าข้าเสียมารยาท เจ้าพอบอกข้าได้ไหมว่า เจ้ามาที่นี่ทำไม?” ยาโนะเอ่ยปากถามด้วยแววตาสงสัย
“ข้าต้องการจะยึดเมืองฮิดะคืน และข้าก็ต้องการพละของพวกท่าน” เมโกะเอ่ยพลางจ้องหน้าของผู้ถาม
“แล้วถ้าหากพวกเรายึดแคว้นฮิดะได้ เราจะได้อะไรตอบแทนล่ะ?” ชายหนุ่มหน้าหวานเอ่ยปากถาม
“ข้าจะยกแคว้นฮิดะให้กับท่าน” เมโกะตอบ
“แล้วถ้างั้นท่านจะข้าให้พวกข้ายึดทำไมล่ะ?” ยาโนะถามด้วยสีหน้าสงสัย
“ข้าต้องการให้แคว้นของพ่อข้าอยู่ในมือคนที่ข้าไว้ใจได้ และข้าก็คือท่าน...ท่านไทโซ” เมโกะพูดพลางมองหน้าของไทโซ
“สมมุติว่าเจ้ายกแคว้นฮิดะให้พวกข้าแล้ว เจ้าจะทำเช่นไรต่อ?” ยาโนะถามต่อ
“เรื่องนั้นเป็นเรื่องของอนาคต ข้ายังไม่คิดตอนนี้หรอก” เมโกะตอบด้วยแววตามุ่งมั่น

ยาโนะจ้องมองแววตาอันมุ่งมั่นนั่นก่อนจะหันมามองไทโซที่นั่งอยู่ข้างๆตน เมื่อชายหนุ่มหน้าสวยมองหน้าของเจ้านายตนเอง เขาก็หันกลับมามองที่ยาโนะก่อนจะเอ่ยปากถามกุนซือคนสนิทของเขา

“ยาโนะ เจ้าคิดยังไงบ้าง?”

ยาโนะนั่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง แน่นอนในฐานะเพื่อนเขาก็อยากจะช่วยเมโกะ แต่ในขณะเดียวกันในฐานะของกุนซือที่ทำเพื่อประโยชน์สูงสุดของตระกูลฮิมูระ การส่งทหารส่วนหนึ่งไปเสี่ยงชีวิตเพื่อรบกับตระกูลเท็ตซึยะเป็นอะไรที่เสี่ยงไม่น้อย เพราะว่าตระกูลเท็ตซึยะนั้นก็เป็นตระกูลที่แข็งแกร่งมากตระกูลหนึ่ง และการเอาชนะเรียวชินก็เหมือนเป็นเครื่องพิสูจน์อีกอย่างหนึ่งว่าตระกูลเท็ตซึยะนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน ถ้าตามปกติเขาก็คงปฏิเสธไปแล้ว หากทว่าหญิงสาวที่อยู่หน้าเขานั้นเป็น “เพื่อน” คนหนึ่ง เขาก็คงทำใจไม่ลงถ้าหากต้องปฏิเสธคำขอร้องของเธอ ยาโนะนั่งไตร่ตรองคำพูดของตนก่อนจะให้กับตอบกับเมโกะที่นั่งตั้งหน้าตั้งตาเฝ้ารอคำตอบจากหนุ่มหน้าหวาน

“โดยส่วนตัวข้าแล้ว ข้าว่าเราน่าจะช่วยเมโกะนะครับ”
“ข้าเองก็คิดเช่นนั้น...ข้าเองก็ต้องการแก้แค้นให้เรียวชิน” ไทโซพูดพลางกำหมัดของตนด้วยความแค้น
“เมโกะ...ในระหว่างนี้เจ้ากับครอบครัวของเจ้าอาศัยอยู่ที่ตำหนักของยาโนะก่อน” ไทโซพูดในขณะที่หันมาทางเมโกะ
“ส่วนชาวบ้านที่เหลือ ข้าอนุญาต ให้เจ้าตั้งถิ่นฐานที่นี่ถ้าหากเจ้าต้องการ”

เมโกะได้ยินก็ยิ้มก่อนจะก้มกราบไทโซ ผู้คนข้างๆและเบื้องหลังของเธอต่างลงไปก้มกราบเช่นเดียวกัน แม้มันจะไม่พร้อมเพียงกันแต่ชาวบ้านทุกคนต่างแสดงความขอบคุณต่อเจ้าเมืองแคว้นทังโกะ มันเป็นภาพที่งดงามไม่ใช้น้อย แต่หากทว่านั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญในตอนนี้ เพราะการที่ยาโนะตอบปากรับคำของเมโกะไป นั่นก็แปลว่าในเร็วๆนี้พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับตระกูลเท็ตซึยะ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะซูตะนั้นก็เป็นผู้นำที่มากไปด้วยความสามารถทั้งบู๊และบุ๋น นอกจากนี้ยังมี มูชิ หญิงสาวผมสีซากุระที่มีความรวดเร็วและว่องไวในการปลิดชีพคู่ต่อสู้ และสำคัญที่สุดก็คือ “จิน” ชายที่ยาโนะมีความแค้นเป็นการส่วนตัว ภาพของแมรี่ที่สิ้นใจในอ้อมกอดของเขายังคงตราตึงอยู่ในหัวใจของเขา ทุกวันนี้ยาโนะยังคงสาบานว่าซักวันเขาต้องแก้แค้นให้ได้ เขาต้องทำให้จินได้ชดใช้ในสิ่งที่เขาทำ

“จะว่าไปท่านไทโซ...ข้ารบกวนท่านช่วยเขียนจดหมายขอกำลังเสริมจากท่านเคนตะได้ไหมครับ?” ยาโนะหันมาถามไทโซ
“ได้เสีย...เจ้าจะเอาไปให้เคนตะงั้นหรือ?” ไทโซเอ่ยปากถาม
“ครับ ข้าคิดว่าด้วยกำลังของพวกเรานั้นคงไม่มากพอที่จะสามารถเอาชนะตระกูลเท็ตซึยะได้”
“ข้าคิดว่าถ้าหากได้ความช่วยเหลือจากท่านเคนตะก็คงดีไม่น้อย” ยาโนะอธิบาย

ไทโซพยักหน้าก่อนที่เขาจะบอกให้ทหารแถวๆนั้นหยิบกระดาษมาให้เขา ทหารคนนั้นรับคำสั่งก่อนจะวิ่งไปหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งและส่งให้ไทโซ ไทโซคว้าไว้ก่อนจะหยิบพู่กันที่อยู่ใกล้ตัวก่อนจะเริ่มจุ่มมันลงหมึกและเขียนข้อความตามที่ชายหนามหน้าหวานต้องการ ไม่นานนักข้อความก็ถูกเขียนจนเสร็จสิ้น ไทโซม้วนกระดาษก่อนจะยื่นให้กับยาโนะที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ยาโนะรับไว้ก่อนจะโค้งให้เจ้านายของตนและเดินออกไป เขาลงไปข้างล่างก่อนจะเห็นอากิโตะที่ยืนฟันดาบไม้ของเขาลงไปในอากาศ เสียงดาบฟันตัดผ่านอากาศดังขึ้นเป็นระยะๆ ยาโนะที่มองอยู่ก็ตะโกนเรียกชื่อของเขา มันทำให้อากิโตะหยุดฟันดาบก่อนจะจ้องมองมาที่ชายที่เรียกชื่อของตนเอง

“เรากำลังจะไปแคว้นโอมิกัน เจ้าไปเตรียมตัวเสีย” ยาโนะพูดกับองค์รักษ์ของตน
“ครับ” อากิโตะขานรับก่อนจะรีบวิ่งไปแต่งตัว
“แล้วข้าล่ะท่านยาโนะ?” ฮารุกะที่อยู่แถวๆนั้นเอ่ยปากถาม
“เจ้าอยู่ที่นี่เป็นเพื่อน องค์หญิงฮานะดีกว่า” ยาโนะยิ้มตอบองค์รักษ์อีกคนของตน

ฮารุกะพยักหน้ารับคำสั่งก่อนจะเดินจากไป ไม่นานนักอากิโตะก็วิ่งออกมาในชุดเกราะสีน้ำเงินของเขา ทั้งสองขึ้นนั่งบนหลังม้าของตัวเองก่อนจะควบไปยังแคว้นโอมิซึ่งเป็นแคว้นใกล้ๆกับแคว้นทังโกะเพื่อที่จะได้ส่งจดหมายขอความช่วยเหลือ เพื่อเตรียมพร้อมกับสงครามที่จะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้

=====

ยาโนะและองค์รักษ์ของเขาที่ชื่ออากิโตะในที่สุดก็มาถึงแค้วน “โอมิ” ซึ่งเป็นแคว้นของตระกูลโยชิคุนิ หรือตระกูลพันธมิตรของตระกูลฮิมูระนั่นแหละ มันก็เป็นแคว้นที่ไม่ค่อยต่างจากแคว้นทั่วๆไปเว้นเสียแต่หลังคาปราสาทที่ถูกย้อมเป็นสีเขียว ซึ่งไม่มีใครรู้เลยว่าเพราะเหตุใด เคนตะจึงกระทำเช่นนี้ บางทีอาจจะเป็นความชอบส่วนตัว หรืออาจจะเป็นกลยุทธ์บางอย่างที่ยาโนะไม่เข้าใจก็ได้ ชายหนุ่มหน้าหวานและชายตาเดียวควบม้ามุ่งเข้าไปที่กำแพงปราสาท เมื่อทหารเห็นยาโนะและอากิโตะก็ก้มโค้งให้ก่อนจะตะโกนให้ทหารข้างในเปิดประตูให้อาคันตุกะเข้าไปข้างใน เมื่อคนจากตระกูลฮิมูระเข้าไปก็ลงมาจากม้าพร้อมกับผูกม้าไว้กับต้นไม้ ยาโนะและอากิโตะมุ่งเข้าไปในตัวปราสาท ไม่นานนักทั้งคู่ก็มาถึงห้องของเคนตะซึ่งเป็นห้องที่อยู่ชั้นบนสุดไม่ต่างอะไรกับปราสาททั่วๆไป ยาโนะกับอากิโตะคุกเข่าลงหน้าห้องก่อนที่ยาโนะจะตะโกนขึ้นมา

“ท่านเคนตะครับ นี่ผมเองยาโนะ ผมมีเรื่องอยากจะขอร้องท่าน”
“ยาโนะงั้นหรือ? เข้ามาซิ” เสียงจากภายในตอบออกมา

ยาโนะใช้มือของเขาเลื่อนประตูกระดาษออก เมื่อประตูถูกเปิดออกมาสิ่งแรกที่ยาโนะเห็นนั้นก็คือชายสวมหน้ากากยักษ์สีแดงอยู่ มันทำให้ยาโนะตกใจไม่น้อย เมื่อชายสวมหน้ากากยักษ์แดงเห็นยาโนะหน้าถอดสีเพราะความตกใจ เขาก็ถอดหน้ากากออกมาและหัวเราะ ไม่ใช่ใครอื่น ผู้สวมหน้ากากนี้ก็คือชายผมดำที่ผมพะรุงพะรัง และหนวดเคราสีดำ เขาคือ โยชิคุนิ เคนตะ ผู้นำตระกูลโยชิคุนิ เอาจริงๆแล้วเคนตะนั้นเป็นคนร่าเริงและยิ้มง่ายอยู่แล้ว แต่เหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อน นั้นยาโนะได้เจอกับเขาในช่วงที่เขาไม่เคยยิ้ม ไม่เคยหัวเราะ จึงทำให้ยาโนะเข้าใจผิดไปช่วงใหญ่ๆว่าเคนตะเป็นคนโหดร้ายและน่ากลัว

“เชื่อยังล่ะยูริโกะ ว่าหน้ากากของข้าทำให้คนตกใจได้เสมอแหละ” เคนตะพูดกับใครบางคน

ยาโนะหันมองไปทางเดียวกันกับที่เคนตะหันไป เขาเห็นเด็กสาวผมสีดำยาวสลวย หน้าผากของเธอเปิดกว้าง หรือถ้าให้พูดง่ายๆก็เถิกนั่นแหละ ดวงตาทั้งสองข้างของเธอนั้นเป็นสีแดงก่ำและภายในดวงตาของเธอนั้นก็เต็มไปด้วยประกายแห่งความมั่นใจ เธอสวมชุดกิโมโนสีขาว แต่ในขณะเดียวกันไหล่ของก็ถูกคลุมด้วยกิโมโนสีแดงอีกที เธอสวมหมวกสีแดงสูงและกว้าง ยาโนะมองหน้าของเธอแล้วก็สงสัยไม่น้อยว่าเธอเป็นใคร เคนตะที่หันมามองยาโนะที่กำลังฉงนก็อธิบายให้ฟังว่าเด็กสาวคนนี้เป็นใคร

“อ่อ นี่หลานสาวและกุนซือของข้าเอง ยูริโกะน่ะ” เคนตะแนะนำหลานสาวของตนให้รู้จัก

ยาโนะทำท่าโค้งให้เพื่อการแสดงความเคารพ หากทว่าเธอไม่ได้โค้งกลับแต่อย่างใด พร้อมกับสีหน้ารังเกียจเล็กๆน้อย แน่นอนว่ายาโนะก็สังเกตเห็นถึงสีหน้าของนางแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ยาโนะหันกลับมาทางเคนตะก่อนจะหยิบกระดาษแผ่นที่ไทโซเขียนไปให้กับเคนตะ เคนตะรับไว้ก่อนจะเปิดอ่าน เขาอ่านด้วยความรวดเร็วก่อนจะม้วนกระดาษกลับไปยื่นกลับมาให้กับยาโนะ ยาโนะรับไว้ก่อนจะเก็บไว้ที่เดิม เคนตะยังไม่ได้ตอบอะไรเขาแต่เลือกจะหยิบเอาพัดของเขาขึ้นมาก่อนจะพัดอย่างช้าๆ พลางคุยอะไรกับยูริโกะและชายหนุ่มผมทองที่เป็นนินจาของเขานาม “มุนตะ” ที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ พวกเขาคุยกันซักพักก่อนจะหันกลับมาที่ยาโนะที่นั่งอยู่ข้างนอกห้อง

“ได้...ข้าจะร่วมทัพของพวกเจ้าด้วย เพราะยังไงข้าก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว” เคนตะตอบรับยาโนะ

ยาโนะโค้งขอบคุณก่อนจะใช้มือของเขาปิดประตู แต่ไม่ทันที่จะปิด เคนตะก็เรียกชื่อเขาทำให้หยุดการกระทำของเขา

“ยาโนะ...ก่อนที่เจ้าจะไปดูเหมือนหลานสาวของข้า มีเรื่องอยากจะพูดกับเจ้านะ”
“เรื่องอะไรหรือขอรับ?” ยาโนะถามด้วยแววตาสงสัย

เด็กสาวนามยูริโกะเดินตรงมาทางยาโนะ ก่อนจะหยุดลงที่หน้ายาโนะ ต่อให้เธอยืนอยู่นั้น เธอก็สูงกว่ายาโนะที่นั่งอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เธอมองมาที่ยาโนะด้วยสายตาหยิ่งยะโสก่อนจะแสยะยิ้มและพูดกับยาโนะที่นั่งอยู่

“ข้ารอวันนี้มานานแล้ว ยาโนะ”
“วันที่ข้าจะได้มาเผชิญหน้ากับชายที่ถูกเรียกว่าหนึ่งในกุนซือที่เก่งที่สุดในแผ่นดินนี้”
“แต่ถึงเจ้าจะเก่งแค่ไหน ข้าก็ยูริโกะ ก็จะแสดงให้เจ้าดูว่าข้าต่างหากที่เป็นคนที่เก่งที่สุดในประเทศญี่ปุ่น” ยูริโกะประกาศกร้าวพร้อมด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ

ยาโนะเองก็ไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่าเธอพูดอะไร แต่สิ่งหนึ่งที่ยาโนะรู้แน่ๆก็คือเขากำลังจะต้องเผชิญปัญหาอะไรอีกแล้ว
ขึ้นไปข้างบน Go down
 
Sengoku : 33
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1
 Similar topics
-
» Sengoku : 12
» Sengoku : 34
» Sengoku : 19
» Sengoku : 35
» Sengoku : 20

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: