Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Sengoku : 42

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
DanielsoN
Xiao Mei's Husband
Xiao Mei's Husband
DanielsoN


จำนวนข้อความ : 2272
Join date : 19/09/2010
Age : 29

Sengoku : 42 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Sengoku : 42   Sengoku : 42 EmptySun Nov 30, 2014 10:38 am

ณ ห้องๆในปราสาทอินาบะ ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลหลับตาลง เขานั่งอยู่กลางห้องที่ไร้ซึ่งผู้คนและไร้ซึ่งสิ่งของใดๆ มีเพียงแต่ดาบของเขาที่วางไว้ข้างๆกาย และหมวกซามูไรที่วางไว้ข้างหน้าตนเอง ไทโซสวมชุดเกราะตัวเดิมที่เขาใส่ในทุกๆสมรภูมิ ชุดเกราะนั้นยังดูสะอาดและไร้ซึ่งรอยขีดข่วน เพราะมีคนคอยทำความสะอาดและซ่อมแซมชุดเกราะของเขาเสมอๆ ห้องนั้นเงียบสงัด ไร้ซึ่งเสียงใดๆ นอกจากเสียงลมหายใจของไทโซที่เป็นผู้อาศัยคนเดียวในห้องนี้ ในหัวของเขาคิดถึงสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้น ตัวเขาเองก็รู้นั้นว่าสงครามนี้จะเป็นสงครามที่ยากที่สุดในชีวิตของเขา สิ่งเดียวที่เขาทำได้ในตอนนี้ก็คือสู้ให้ดีที่สุดและเชื่อมั่นในตัวของยาโนะ ในขณะที่เขากำลังนั่งอยู่นั้น เขาก็ได้ยินเสียงของคนใช้มือเปิดประตูกระดาษ เมื่อประตูถูกเปิดออกมา เขาก็เห็นหญิงผมสีทองในชุดยุโรปสีแดง เธอคือภรรยาของเขาที่ชื่อมาซามิ ไทโซลืมตาขึ้นมาก่อนจะมองหน้าภรรยาของเขา เธอส่ายหน้าให้กับไทโซที่นั่งอยู่

“เจ้ายังหาตัวยาโนะไม่เจอหรือ” ไทโซเอ่ยปากอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ
“ใช่ ข้าหาที่ไหนก็ไม่เจอ ข้าถามทั้งอากิโตะและฮารุกะ ดูเหมือนพวกเขาก็ไม่รู้ว่ายาโนะอยู่ไหน” มาซามิเสริม
“งั้นหรือ...เจ้านั่นจะทำอะไรกันนะ ทิ้งโน้ตให้ข้าว่าป้องกันเมืองไว้” ไทโซพูดกับตัวเอง

จริงๆแล้วนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ยาโนะก็เคยทำอะไรเช่นนี้ มันเป็นเรื่องตั้งแต่ห้าปีก่อน ตอนที่ยาโนะพยายามจะเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีระหว่างตระกูลเท็ตซึยะและโยชิคุนิ แต่น่าเสียดายที่คราวนั้นยาโนะทำไม่สำเร็จและสงครามนองเลือดของทั้งสองตระกูลก็ยังดำเนินต่อไป ถึงครั้งนั้นสงครามนั้นจะจบลงโดยไม่มีใครแพ้ชนะ แต่ท้ายที่สุดผู้คนมากมายก็ต่างล้มตายในสงครามนั้น ในขณะที่ไทโซกำลังนั่งนึกอะไรอยู่นั้น เขากับมาซามิก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินตรงมายังเขา มันเป็นฝีเท้าที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ มาซามิหันไปมองก่อนจะทำหน้าตกใจ ไทโซนั้นก็ได้แต่ฉงนว่าเพราะเหตุใดภรรยาของเขา ถึงตกใจ มาซามิหลีกทางให้กับเด็กสาวร่างเล็กในกิโมโนสีขาว เช่นเคยเธอยังคลุมไหล่ด้วยกิโมโนสีแดง สีหน้าของเธอยังเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจในทุกๆที ไทโซเห็นนั้นก็ถึงกับตกตะลึงพร้อมเรียกชื่อของเธอ

“ยูริโกะ!? เจ้ามาทำอะไรที่นี่” ไทโซพูดพลางชี้นิ้วไปด้วยความตกใจ

หากทว่าเธอไม่ได้ตอบในทันใด เธอกลับกวาดสายตาไปรอบๆ ราวกับหาใครบางคนอยู่ เมื่อเธอหาไม่เจอ เธอก็หันกลับไปหาไทโซก่อนจะเอ่ยปากถามในสิ่งที่ตนเองสงสัย

“แล้วยาโนะล่ะ?”
“ข้าเองก็ไม่รู้...ข้าก็หาเขาไม่เจอเหมือนกัน แล้วเจ้าจะตอบคำถามข้าได้หรือยัง?” ไทโซถามกลับ
“ตอนเช้าข้าได้รับจดหมายจากมุนตะว่ายาโนะต้องการตัวยูริโกะ ข้าก็เลยพาตัวนางมายังไงล่ะ” เสียงของชายอีกคนดังขึ้นมา

สิ้นเสียงของเขาก็ปรากฏเป็นภาพของชายผมดำที่มีผมยุ่งกะเซอะกระเซิง กล่าวคือเขาเป็นน้าของยูริโกะนั่นเอง ยูริโกะยืนคิดอะไรบางอย่าง เธอใช้นิ้วชี้ของตนเองกระแทกเข้าไปที่คางของเธอเป็นจังหวะๆ ดูเหมือนตอนนี้เธอกำลังจะประเมินสถานการณ์อะไรหลายๆอย่างอยู่ ไม่นานนักเธอก็ลดมือลง ก่อนจะยืนเท้าสะเอวพร้อมกับยิ้มและพูดกับเคนตะที่นั่งอยู่กลางห้อง

“ดูเหมือนยาโนะต้องการให้ข้าคุมทัพแทนในขณะที่ยาโนะไม่อยู่ซินะ งั้นก็ได้เลย ข้าจะทำเช่นนั้นก็ได้” ยูริโกะพูดด้วยความั่นใจ

ไทโซได้ยินดังนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไร เขาไม่รู้หรอกว่ามันเป็นอย่างที่ยูริโกะพูดจริงๆรึเปล่า แต่ตอนนี้การมีกุนซือดีๆซักคน ก็คงดีกว่าไม่มี ถึงแม้เขาจะไม่ค่อยชอบยูริโกะก็ตาม ด้วยความที่เธอเป็นคนที่มั่นใจเกินเหตุจนดูน่าหมั่นไส้ เมื่อยูริโกะพูดจบเธอก็วิ่งลงไปข้างล่าง เคนตะนั้นไม่ได้ตามลงไปด้วย แต่เขากลับเดินเข้ามาในห้อง เขานั่งคุกเข่าลงหน้าของไทโซ ผู้นำแคว้นทั้งสองต่างจ้องหน้ากัน มาซามิที่ยืนอยู่หน้าห้องดูเหมือนพอจะเดาได้ว่าผู้นำทั้งสองคนต้องการคุยกันลำพัง มาซามิใช้มือเลื่อนปิดประตู เมื่อประตูปิดสนิท ชายหนุ่มผมดำก็เป็นคนเริ่มพูด

“ข้ามีเรื่องอยากจะคุยกับเจ้าอีกเรื่องหนึ่ง มันเกี่ยวกับดินแดนที่ข้าปกครองน่ะ”
“ดินแดนที่ท่านปกครองมันทำไมหรือ?” ไทโซถามด้วยสีหน้าสงสัย
“ข้ากำลังคิดว่าข้าจะยกดินแดนของข้าให้กับท่านน่ะ” เคนตะพูด
“ว่าไงนะ ท่านจะยกดินแดนให้ข้างั้นหรือ?”

แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องดีสำหรับไทโซ (ถ้าหากเขาสามารถผ่านศึกนี้ไปได้) เพราะเขาไม่จำเป็นต้องสู้กับเพื่อนของเขา แต่มันก็ทำให้ไทโซอดสงสัยว่าเหตุใด เคนตะถึงยกดินแดนให้กับตน เป็นแผนของยูริโกะรึเปล่านะ? เคนตะที่โดนถามไปก็ตอบอย่างทันทีโดยไม่ได้คิดเลยแม้แต่น้อย

“ข้าขี้เกียจน่ะ ข้าอยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายโดยที่ไม่มีอะไรต้องกังวลอะไร”
“และข้าว่าท่านนั่นแหละคือผู้ที่เหมาะสมกับดินแดนของข้า” เคนตะพูด

มันเป็นคำตอบที่ดูสมกับเคนตะจริงๆ ถ้าหากจะให้พูดว่าบนโลกนี้มีใครซักคนยอมยกแผ่นดินให้กับคนอื่นก็คงจะมีเพียงแต่เคนตะ คนเดียวเท่านั้นละมั้งที่ตัดสินใจแบบนี้

“แล้วหลังจากนี้ท่านจะทำอะไรต่อหรือ?” ไทโซถามด้วยความสงสัย
“ข้าหรือ...ข้าก็ไม่รู้ซิว่าหลังศึกนี้จบข้าจะทำอะไร บางทีข้าอาจจะนอนเฉยๆทั้งวันก็ได้” เคนตะพูดพลางหัวเราะ

ไทโซไม่ได้พูดอะไร ไม่นานนักก็มีเงาสีดำปรากฏอยู่ข้างๆกายของเคนตะ เขาคือนินจาผมทองนามมุนตะ เขากระซิบอะไรบางอย่างเข้าไปยังใบหูของเคนตะ ชายผมดำได้แต่พยักๆหน้า เขากระซิบตอบชายคนนี้ นินจาคนนี้พยักหน้าก่อนจะถอยกลับไป เมื่อเขาถอยไปเขาก็จางหายไปช้าๆก่อนที่ท้ายที่สุดเขาจะหายไปราวกับไม่มีใครเคยยืนอยู่ในจุดนั้นมาก่อน เคนตะลุกขึ้นมาจากพื้นก่อนจะหันหลังให้กับไทโซ เขาเดินยังประตูกระดาษ เคนตะใช้มือของเขาเลื่อนประตูกระดาษ เมื่อประตูนั้นถูกแง้มออกมานิดนึง เขาก็หันกลับไปหาไทโซที่นั่งอยู่กลางห้อง

“ถ้างั้นข้าขอตัวล่ะ ดูเหมือนยูริโกะต้องการตัวข้า” เคนตะพูดกับไทโซ

เมื่อเคนตะพูดจบเขาก็เดินออกไป พร้อมทั้งปิดประตูห้องให้กับไทโซด้วย ไทโซถอยหายใจก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง เขาตั้งสมาธิของเขาอีกครั้ง ก่อนที่ไทโซจะหลับตาลง แม้เขาจะได้ยินเสียงของยูริโกะที่กำลังบอกถึงแผนการรบของตนอยู่ แต่ก็ไม่เป็นไร เสียงของเธอนั้นไม่สามารถทำลายสมาธิของไทโซได้ เขายังคงปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปเรื่อยๆ ไม่นานนักภรรยาของเขาก็เดินมาเลื่อนประตูกระดาษอีกครั้ง ไทโซลืมตาขึ้นมาก่อนจะมองหน้าของภรรยา ภรรยาของเขาพยักหน้าให้ ไทโซพยักหน้ากลับก่อนจะคว้าดาบที่วางไว้ข้างๆกาย เขาสวมหมวกแม่ทัพของเขา มันเป็นหมวกที่ตอนแรกเขาใส่มันก็หนักอยู่หรอก แต่นับวันเขาก็เริ่มชินไปกับมันจนรู้สึกว่ามันไร้ซึ่งน้ำหนักไปแล้ว ไทโซลุกขึ้นมาก่อนจะเดินลงไปข้างล่างปราสาท เมื่อไทโซเดินลงไปเขาก็เห็นทหารจำนวนมากรอเขาอยู่ ใกล้ๆกับทหารนั้นก็มียูริโกะยืนถือพัดอยู่ ไทโซหันไปทางเด็กคนนี้ก่อนจะเอ่ยปากถาม

“แล้ว...เจ้าจะให้ข้าทำอะไร?” ไทโซถามกุนซือชั่วคราวตนเอง
“ก็ง่ายๆเจ้าไม่ต้องทำอะไรแค่รอเฉยๆแค่นั้นแหละ” ยูริโกะตอบ
“ไม่ต้องทำอะไร?” ไทโซทวนสิ่งสุดท้ายที่ยูริโกะพูดเมื่อครู่นี้
“ใช่...เพราะข้าว่าสิ่งที่ท่านต้องทำก็แค่ถ่วงเวลาไว้รอให้ยาโนะมาเท่านั้น”
“และแผนการการป้องกันของข้าในตอนนี้ก็เรียกว่าเกือบสมบูรณ์ก็ว่าได้”
“ดังนั้น ท่านก็ไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตมาเสี่ยง ซึ่งข้าว่าเป็นหนทางที่ดีที่สุด” ยูริโกะอธิบายให้ฟัง

ไทโซไม่ได้พูดอะไร แน่นอนเขาไม่ชอบแผนการนี้แน่ๆ เพราะมันเป็นอะไรที่ดูกินแรงลูกน้องของเขามากๆ ในขณะที่สหายของเขากำลังออกไปสู้รบและเสี่ยงชีวิต ตัวเขาเองกลับนั่งเฉยๆ มันเป็นอะไรที่ไม่ถูกจริตของไทโซอย่างมาก แน่นอนไทโซไม่ปฏิเสธว่ามันเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับชีวิตของเขา แต่ถ้าให้พูดจริงๆไทโซนั้นไม่ชอบเลยแม้แต่น้อย ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้คัดค้านอะไรแผนนี้ ไม่นานนักเหล่าทหารก็สัมผัสได้ถึงแรงกระทบกระเทือนอะไรบางอย่าง ไทโซที่นั่งอยู่ในห้องชั้นบนสุดของปราสาท ก็รู้ทันทีว่ากองทัพของซูตะได้บุกเข้ามาแล้ว ยูริโกะเดินออกไปบนระเบียง เธอเห็นยักษ์สีแดงที่ยังเคลื่อนไหวช้าๆเช่นเดิม ยูริโกะหยิบเอาพัดของเธอและชี้ไปยังทัพของเท็ตซึยะ

“ทุกนายประจำการ!!” ยูริโกะตะโกน

สิ้นเสียงของเธอนั้นเหล่าทหาที่ถือโล่ต่างวิ่งเข้ามาข้างหน้า เหล่าทหารพวกนั้นเห็นทหารของตระกูลเท็ตซึยะวิ่งตรงมาพร้อมกับดาบในมือ ทหารของเหล่ามังกรต่างวิ่งมาเตรียมจะใช้ดาบตัดร่างของคู่ต่อสู้ของเขา เพื่อที่จะเดินหน้าต่อไป แต่พวกเขาใช้โล่กระแทกเข้าไป เมื่อโล่นั้นกระแทกเข้าไปก็ทำให้เหล่าทหารที่พยายามจะทะลวงแนวรับถอยออกไปก่อนที่เหล่าผู้ถือโล่จะให้หอกแทงเข้าไปยังร่างของเหล่าทหารจากตระกูลเท็ตซึยะ เมื่อหอกนั้นทิ่มแทงร่างของพวกเขา ผู้ถูกแทงก็ล้มลงไปกับพื้น ของเหลวสีแดงไหลออกจากร่างของพวกเขา หากทว่านี่ไม่ใช่ชุดแรก แต่มีชุดที่สอง ชุดนี้มันต่างกับชุดแรกโดยสิ้นเชิงนั่นก็คือคราวนี้ทัพที่บุกมามันเป็นทหารชุดเกราะสีดำสนิทโดยมีจินนำทัพเข้ามา พวกเขาถือโล่เช่นเดียวกัน เหล่าพลโล่ของตระกูลฮิมูระยกโล่ขึ้นเตรียมจะปะทะ แต่คราวนี้ไม่เหมือนกันครั้งๆก่อน เพราะแนวรับของตระกูลฮิมูระนั้นถูกทำลายจนพินาศ จินและยักษ์สีดำวิ่งเข้ามาตรงเข้าไปยังทางปราสาท ยูริโกะที่อยู่บนปราสาทสั่งการอีกครั้ง

“มุนตะเข้าไปสกัดจิน!! เดี๋ยวนี้!!”

สิ้นเสียงของเด็กสาวอัจฉริยะ ชายหนุ่มผมทองก็ปรากฏออกมาจากอากาศ เขาใช้เท้าถีบเข้าไปยังหน้าของจิน แรงกระแทกนั้นดันจินออกไปสองสามก้าว จินมองก่อนจะเห็นมุนตะพร้อมกับกองทัพนินจา เช่นเดียวกันกับมุนตะที่มองหน้าของจินที่อยู่ภายใต้หน้ากากสีเงิน เบื้องหลังของเขาเป็นเหล่าทหารในชุดเกราะสีดำ พร้อมกับโล่สีเดียวกันกับชุดเกราะของพวกเขา มุนตะล้วงไปข้างหลังตัวเองก่อนจะหยิบเอามีดสั้นทั้งสองเล่มออกมา จินเองก็กุมดาบใหญ่ของเขาแน่น ทั้งสองคนจ้องหน้ากันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ทั้งสองจะวิ่งเข้าไปพร้อมกับอาวุธในมือ เสียงมีดและดาบดังกระทบกันเป็นระยะๆ เมโกะที่ยืนต่อสู้กับทหารของเท็ตซึยะเหลือบมาเห็นก็เตรียมวิ่งจะไปช่วย หากทว่าในจังหวะที่เธอก้าวเท้า ธนูก็ปักลงพื้นขวางเธอ เมโกะหันกลับไปมองก่อนจะเห็นชายผมสีขาวยืนถือคันธนูอยู่ ไม่ต้องสืบก็พอรู้ว่าคนยิงคือเขา ชายคนนี้เก็บคันธนูของเขาก่อนจะหยิบเอาไม้พลูออกมาจากเอวของเขา เมื่อเขาหยิบออกมาเขาก็ใช้มือของเขาควงไม้พลูก่อนจะชี้มาทางเมโกะ

“โชโกะ...เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” เมโกะถามด้วยความสงสัย

หากทว่าชายคนนี้ไม่ได้พูดอะไรก่อนที่จะใช้ไม้พลูของเขาวิ่งตรงมายังเมโกะ หญิงผมขาวยกโล่ขึ้นมา ชายหนุ่มผมขาวตีเข้าไปที่โล่ของเมโกะ แรงกระแทกนั้นแม้จะไม่ได้ทำให้โล่ของเมโกะตกก็ตาม แต่มันก็มากพอที่จะดันให้เมโกะเสียตำแหน่งได้ เท้าของเธอนั้นไถลไปตามผืนดิน เธอแหงนหน้ามาก่อนจะเห็นโชโกะกระโดดมาพร้อมกับไม้พลูของเขา เมโกะโยกหลบไม้พลูนั้นก่อนจะใช้หอกแทงสวนเข้าไป หากทว่าโชโกะม้วนตัวหลบได้ หอกนั้นไม่ได้แทงร่างของใครเลยนอกจากอากาศ ชายผมขาวยกไม้พลูก่อนจะตีลงบนร่างของเมโกะ หากทว่าโล่นั้นมาบังไว้ได้ทัน คราวนี้เป็นโชโกะที่เซออกไปเพราะแรงกระแทกจากโล่ ทั้งสองคนจ้องหน้ากันก่อนที่เมโกะจะเอ่ยปากคำถามเดิม และเช่นเคยโชโกะไม่ได้อ้าปากตอบอะไร เมโกะถามย้ำอีกครั้ง และในที่สุดโชโกะก็ตอบเธอ

“เจ้าเป็นใคร...ข้านั้นไม่รู้จักเจ้า และเหตุใดเจ้าถึงรู้ชื่อของข้า?”
“งั้นหรือ....” เมโกะตอบสั้นๆก่อนที่เธอจะกุมหอกในมือไว้แน่น
“ถ้าหากเจ้าไม่รู้จักข้า ข้าก็คงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไว้ชีวิตเจ้า” เมโกะพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว

ในขณะเดียวกันคุซากะที่กำลังขี่ม้าบุกเข้ามา เมื่อเงาของคุซากะปรากฏตัวขึ้นมา ฮารุกะและอากิโตะก็ปรากฏขึ้นมาพร้อมกับอาวุธในมือ เขาหยุดก่อนจะกระโดดลงมาจากม้า เขาหยิบกระบองออกมาก่อนจะมองหน้าของหญิงที่สวมชุดเกราะหนักก่อนจะเหลือบมองไปหันชายหนุ่มที่มีตาเดียว

“แล้วเจ้านายของพวกเจ้าล่ะ...ไปมุดหัวอยู่ที่ไหน” เทพเจ้าเอ่ยวาจายั่วยุ

หากทว่าคำยั่วยุนี้ไม่ได้ผลเช่นเคย ทั้งสองต่างยังคงยืนนิ่งและกำอาวุธของตนเองไว้แน่น คุซากะถอนหายใจด้วยความเซ็ง เพราะเขาอยากจะต่อสู้กับแค่คนๆเดียวเท่านั้น ไม่ใช่ว่าเขาไม่สามารถสู้ได้ ดูจากการที่เขาสามารถรับมือทั้งไทโซและอากิโตะได้อย่างสบายๆเมื่อก่อนหน้านี้ แต่เขาไม่สนุกกับการต่อสู้แบบนี้เท่าไหร่ เมื่อคุซากะถอนหายใจเสร็จก็มีเงาของใครบางคนพุ่งออกมาจากด้านหลังของเขา เงานั้นไม่ได้เพียงอย่างเดียว แต่มันปามีดมายังทางฮารุกะ ฮารุกะใช้ดาบของเธอปัดได้ทัน เมื่อเท้าของเหยียบพื้นนั้น ก็ปรากฏเป็นร่างของมูชิ เธอมองฮารุกะด้วยสายตาเกลียดชัง เมื่อเท้าของมูชิเหยียบพื้น คุซากะก็ทยายตัวไปยังอากิโตะ อากิโตะได้แต่ตั้งรับการโจมตีของบ้าคลั่งของพระเจ้า ฮารุกะจะไปช่วย แต่มูชิก็กระโดดถีบเข้าไปยังบนเกราะของฮารุกะ ร่างของเธอลงไปนอนกับพื้น มูชิยกมีดขึ้นเตรียมจะปักลงหน้าของเธอ ฮารุกะรีบยก “ดาบ” ของเธอ ก่อนจะลั่นไก แต่มูชินั้นไหวตัวทัน เธอลังกาตัวออกมา กระสุนนั้นโดนแค่หัวไหล่ของเธอเท่านั้น เลือดนั้นไหลออกมาจากแผลของเธอ

“ดูเหมือนนี่จะงานหนักแฮะ...” ยูริโกะพูดขึ้นพลางดูการต่อสู้จากข้างบน

ไทโซไม่ได้พูดอะไรเขาได้แต่ยืนข้างๆยูริโกะ เขากุมดาบของเขาไว้แน่น

“เร็วเข้าซิ ยาโนะ....เจ้ามัวทำอะไรอยู่” ไทโซคิดในใจ

สิ่งเดียวที่เขาภาวนาในตอนนี้ก็คือให้สหายของเขาปรากฏตัวออกมาพร้อมกับแผนการอะไรบางอย่างที่จะพลิกสถานการณ์สงครามนี้จากหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะถ้าหากสงครามไปแบบนี้พวกเขาคงต้องพบกับความปราชัยแน่ๆ เพราะยักษ์สีแดงยังไม่ได้มาเหยียบย่ำแผ่นดินนี้ และถ้าหากพวกเขาพบกับความปราชัยนั่นก็คือจุดจบของตระกูลฮิมูระอย่างแน่นอน
ขึ้นไปข้างบน Go down
 
Sengoku : 42
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1
 Similar topics
-
» Sengoku : 12
» Sengoku : 34
» Sengoku : 19
» Sengoku : 35
» Sengoku : 20

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: