Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Bell of Rebellion : Episode 1

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
DanielsoN
Xiao Mei's Husband
Xiao Mei's Husband
DanielsoN


จำนวนข้อความ : 2272
Join date : 19/09/2010
Age : 29

Bell of Rebellion : Episode 1 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Bell of Rebellion : Episode 1   Bell of Rebellion : Episode 1 EmptyFri Jan 23, 2015 10:25 pm

แม้ภาพที่อยู่ข้างหน้ายังคงมืดมนอยู่ แต่ชายผมขาวเริ่มรู้สึกตัวแล้ว เขารู้สึกได้ว่าเหมือนตัวเองกำลังนอนอยู่บนอะไรบางอย่างที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ พื้นที่ไม่เรียบทำให้ร่างของเขาเคลื่อนที่ไปมาตลอด ชายหนุ่มผมขาวลืมตาขึ้นมา ก่อนจะลุกขึ้นมานั่ง เขากวาดสายตาไปรอบๆดูเหมือนเขาจะนั่งอยู่บนเกวียนไม้ เขาหันไปมองข้างหลัง ก่อนที่เขาจะเห็นเกวียนอีกหลายคันที่ตามเขามาอยู่ แอร่อนเพ่งสายตาไปยังคนขับก่อนจะเห็นคนขับที่มีหูแหลม ไม่ใช่แต่เพียงคนขับแต่ผู้โดยสารในเกวียนนั้นก็เอลฟ์เช่นเดียวกัน มันทำให้แอร่อนที่พึ่งตื่นขึ้นมารู้สึกสับสนว่าเกิดอะไรขึ้น ครั้งล่าสุดที่เขาจำได้คือเขาตกลงไปในแม่น้ำ แต่ตอนนี้เขามาอยู่กับเหล่าเอลฟ์เสียแล้ว มันเกิดอะไรขึ้นนะ? แอร่อนถามตัวเองด้วยความสงสัย

“อ้าว ตื่นแล้วหรอ?” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมา

แอร่อนหันไปตามเสียงก่อนจะเห็นผู้หญิงผมสีขาวนั่งอยู่ ผมของเธอนั้นหยิกศก ใบหน้าของหญิงคนนี้งดงามมาก เรียกได้ว่างดงามที่สุดตั้งแต่ที่แอร่อนเกิดมาเคยเห็นเลยก็ว่าได้ ดวงตาของเธอนั้นเป็นสีม่วง เธอมองมาที่ชายผมขาวก่อนจะยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร ชายผมขาวที่ถูกส่งยิ้มให้ก็ได้แต่ยิ้มกลับ ข้างๆของสตรีคนนี้นั้นเป็นชายที่มีผมสีทอง เขาหันกลับมามองแอร่อนเช่นเดียวกัน จึงทำให้เห็นดวงตาสีฟ้าของชายคนนี้ ข้างๆลำตัวเขามีฝักดาบอยู่ด้วย เขาชุดเกราะสีเงินพร้อมกับผ้าคลุมสีน้ำเงินที่ยาวถึงกลางแผ่นหลัง ราวกับเขาเป็นอัศวิน น่าแปลก หากมองที่หูของทั้งสองคนแล้ว หูของพวกเขาไม่แหลม กล่าวก็คือพวกเขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกันกับแอร่อน โดยปกติแล้วมนุษย์กับเอลฟ์นั้นเป็นเผ่าพันธุ์ที่ไม่ค่อยชอบขี้หน้ากันเท่าไหร่ ไม่รู้เพราะอะไรแต่ดูเหมือนจะเป็นอย่างงี้มาตั้งนานแล้ว

“ว่าแต่เป็นยังไงบ้าง? รู้สึกปวดตรงไหนรึเปล่า?” ชายผมทองที่นั่งข้างๆถาม
“ไม่เป็นไร...ว่าพวกเจ้าช่วยบอกข้าได้ไหมว่าที่นี่ที่ไหน?” แอร่อนเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย
“นี่คือเกวียนสู่อาณาจักรเอลิซาเบ็ธน่ะ” สตรีผมสีขาวเป็นคนตอบ

แอร่อนได้ยินแล้วก็ยิ่งงงกว่าเดิม ทำไมถึงมนุษย์เดินไปทางไปยังอาณาจักรเอลิซาเบ็ธซึ่งเป็นอาณาจักของเอลฟ์ล่ะ? หญิงผมขาวเห็นสีหน้าที่แสดงถึงความสงสัยของแอร่อนแล้วก็อดไม่ได้ที่จะอธิบายให้ชายผมสีขาวผู้นี้ฟัง

“อ่อใช่ ข้าขอแนะนำตัวก่อน ข้าชื่ออัลเลน ส่วนข้างๆข้าคือชื่อเดนนิส” หญิงผมสีขาวแนะนำตัวเองกับเพื่อนของเธอ
“พวกข้าเป็นทหารแห่งอาณาจักรเอลิซาเบ็ธน่ะ และตอนนี้พวกข้าก็กำลังพาพวกเอลฟ์ไปในที่ๆปลอดภัยน่ะ” เดนนิสตอบโดยไม่ได้หันมามองแอร่อน
“ว่าแต่เจ้าชื่ออะไรล่ะ?” ชายผมสีทรายถามต่อ
“ข้าชื่อแอร่อน” ผู้ถูกถามตอบสั้นๆ

แอร่อนฟังแล้วก็จับคางของตัวเองก่อนจะพยายามจะประติประต่อเรื่องทั้งหมด เท่าที่เข้าใจคือสองคนนี้เป็นมนุษย์แต่เป็นทหารให้กับอาณาจักรเอลิซาเบ็ธหรือกล่าวคืออาณาจักรของสิ่งมีชีวิตหูแหลม มันเป็นอะไรที่แปลกไม่น้อย ที่น่าแปลกใจกว่าคือชื่อของ “อัลเลน” เพราะชื่อนี้เป็นชื่อผู้ชาย แต่ถึงกระนั้นสตรีผมสีขาวนั้นกล่าวว่านั่นคือชื่อของตนเอง หรืออัลเลนจริงๆแล้วเป็นผู้ชาย? ก็ไม่น่าเพราะดูจากร่างกายของเธอแล้ว มันคือร่างกายของเพศแม่รวมถึงหน้าอกที่ยื่นออกมาอย่างชัดเจน อีกทั้งน้ำเสียงของเธอก็เป็นน้ำเสียงของผู้หญิงมิใช่น้ำเสียงทุ้มต่ำของผู้ชาย เขาฟังผิดรึเปล่า? แอร่อนถามตัวเอง

“เอ่อ...อัลเลน ชื่อเจ้าคืออัลเลนจริงๆใช่ไหม?” แอร่อนเอ่ยปากถาม
“อ่อ ใช่...จริงๆแล้วข้าเป็นผู้ชายน่ะ” อัลเลนบอกด้วยรอยยิ้มราวกับไม่ใช่เรื่องน่าอายทั้งนั้น
“ผะ ผะ ผู้ชาย แต่เจ้า เจ้า เจ้า” แอร่อนชี้ไปที่ใบหน้าของอัลเลนก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“ข้าถูกสาปน่ะ ตอนที่ข้าเป็นผู้ชาย ข้าทำเรื่องไม่ดีไว้เยอะ ข้าก็เลยถูกสาปเป็นผู้หญิงนี่แหละ” อัลเลนอธิบายพลางเอานิ้วของเธอ (หรือของเขา) จับเส้นผมของตัวเอง

แอร่อนฟังแล้วก็ได้แต่พูดไม่ออก เขาเหลือบไปมองเดนนิสที่นั่งข้างๆที่แอบหัวเราะอยู่เงียบๆ ขบวนรถเกวียนนี้ก็ยังคงเคลื่อนต่อไป ก่อนที่รถเกวียนคันนี้จะไปถึงหน้ากำแพงหินขนาดใหญ่ โดยข้างบนนั้นมีเอลฟ์สองคนยืนอยู่บนกำแพง เดนนิสที่เป็นคนขับชูมือส่งสัญญาณให้เหล่าเอลฟ์ เมื่อนายทวารเห็นสัญญาณมือของทหารแห่งอาณาจักรเอลิซาเบ็ธ ก็ดึงคันโยกเพื่อเปิดประตูไม้ ประตูไม้เลื่อนขึ้นไปอย่างช้าๆ เมื่อเลื่อนจนสุดแล้ว เดนนิสก็ควบม้าของเขาเพื่อให้ม้าลากเกวียนเข้าไปยังในตัวอาณาจักร เมื่อเข้าไปยังอาณาจักรนั้น แอร่อนก็ชะโงกหัวออกมาเพื่อออกมาดูบรรยากาศรอบๆ นี่คือครั้งแรกที่แอร่อนเหยียบอาณาจักรของเหล่าเอลฟ์

บ้านเรือนนั้นเป็นมีรูปร่างไม่ต่างจากบ้านของมนุษย์ทั่วไป ตลอดทั้งเมืองเต็มไปด้วยดอกไม้และต้นไม้ ตลอดทางที่เกวียนเคลื่อนที่เหล่าพสกนิกรต่างทักทายอัลเลนและเดนนิสกันอย่างไม่ขาดสาย และมนุษย์ทั้งสองก็ต่างยิ้มตอบโดยไร้ซึ่งความเกลียดชังแต่อย่างใด นี่คงเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเอลฟ์กับมนุษย์สามารถเข้ากันได้ดี แอร่อนมองไปยังเอลฟ์เหล่านั้น พวกเขาเห็นใบหน้าของแอร่อนแล้วก็ต่างส่งยิ้มให้ มันเป็นภาพที่แปลกตาเหลือเกิน รถเกวียนคันนี้ก็ยังคงเคลื่อนต่อไป ก่อนที่จะมาถึงยังหน้าวัง เกวียนนั้นหยุดลงก่อนที่เดนนิสกับอัลเลนจะกระโดดลงจากเกวียน เช่นเดียวกันกับเหล่าผู้โดยสารเกวียนคันอื่นๆก็ก้าวลงจากเกวียนเช่นเดียวกัน

“พวกเจ้าไปลงทะเบียนทางนั้น ถ้าหากพวกเจ้ามีปัญหาหรือข้อสงสัยอะไร ให้มาถามข้าได้” เดนนิสหันไปตะโกนบอกเหล่าเอลฟ์พลางชี้ไปยังทิศทางที่จะให้เอลฟ์ไปลงทะเบียน

เหล่าเอลฟ์ต่างพยักหน้าก่อนจะเดินไปยังทิศทางที่ชายผมสีทองชี้ ท้องฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มดูเหมือนนี่ก็เริ่มเย็นเสียแล้ว อีกไม่นานจันทราคงมาเยือน และนำความมืดมิดมาสู่ผืนนภา มนุษย์ทั้งสามยืนมองช้าๆก่อนที่พวกเขาจะเดินหายไปจากระยะสายตาของทั้งสาม เมื่อเหล่าเอลฟ์ไปแล้ว อัลเลนก็ใช้มืออันเรียวบางของเขาจับไปที่หัวไหล่ของแอร่อนที่ยืนอยู่

“ว่าแต่เจ้ามีที่ไปรึเปล่า?” อัลเลนเอ่ยปากถาม

แอร่อนส่ายหน้าเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่าเขาไม่มีที่ไป แน่ล่ะตอนนี้เขากลับไปยังอาณาจักรมนุษย์ไม่ได้ ถึงแม้พ่อของเขาจะยังไม่รู้ว่าเขามีชีวิตอยู่ แต่ถ้าหากเขากลับไปปรากฏตัวที่นั่น เขาก็จะถูกตามล่าในข้อหากบฏทันที ถึงแม้เขาอยากจะแก้แค้นและหยุดอุดมการณ์ของพ่อตนเองขนาดไหน แต่ในจังหวะนี้สิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็คืออยู่เฉยๆเท่านั้น

“ถ้างั้นตามพวกข้ามาก็แล้วกัน” อัลเลนพูดด้วยรอยยิ้ม

พูดจบทหารของอาณาจักรนี้ก็เดินนำหน้าชายผมขาวไป พวกเขาเข้าไปในราชวัง ภายในนั้นตกแต่งด้วยดอกไม้มากมาย พื้นนั้นเป็นพื้นไม้ ตลอดทางนั้นมีพรมสีน้ำเงินปูยาวตลอดทาง เรียกได้ว่าต่างกับที่บ้านของเขาโดยสิ้นเชิง ถ้าหากมองไปตามพรมสีน้ำเงินแล้วละก็จะเห็นหญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์ ผมของเธอนั้นเป็นสีทราย บนเส้นผมของเธอนั้นเต็มไปด้วยดอกไม้หลายสี ใบหน้าของเธอนั้นเป็นใบหน้าที่งดงาม ถ้าหากไม่นับว่าอัลเลนเป็นผู้ชาย เธอก็คงเป็นสตรีที่สวยที่สุดในอาณาจักรนี้ ใกล้ๆกับเธอนั้นมีเครื่องดนตรีอยู่ด้วย ดวงตาของเธอเป็นสีฟ้าเช่นเดียวกัน อัลเลนกับเดนนิสคุกเข่าต่อหน้าเธอเป็นการแสดงความเคารพ เช่นเดียวกันกับแอร่อนที่คุกเข่าลงไป เมื่อทั้งสามคุกเข่าลงไป หญิงที่นั่งบนบัลลังก์ก็ยิ้มให้ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน

“พวกเจ้าเงยหน้าขึ้นมาเถอะ”

สิ้นเสียงของเธอ ชายหนุ่มทั้งสามเงยหน้าขึ้นมา ก่อนที่องค์ราชินีแห่งอาณาจักรจะมองมาที่ชายผมสีขาว ก่อนจะหันไปถามชายผมสีทองที่คุกเข่าอยู่หน้าบัลลังก์ของเธอ

“ท่านพี่คะ ชายคนนี้คือใครหรือ?” องค์ราชินีหันมาถามชายผมสีทอง
“ข้าเจอชายคนนี้เกยตื้นอยู่ที่ริมแม่น้ำ ข้ากับอัลเลนเลยคิดว่าพวกข้าไม่สามารถทิ้งเขาไว้ได้ครับ ท่านราชินี” เดนนิสตอบ
“ท่านพี่ ท่านไม่จำเป็นต้องเรียกข้าว่าองค์ราชินีหรอก เอ่ยเพียงนามของข้าก็ได้” ราชินีผมสีทรายพูดกับเดนนิสผู้เป็นพี่
“ถ้าฟลอร่าประสงค์เช่นนั้น....” เดนนิสตอบน้องสาวของตัวเอง

เธอหันมามองแอร่อนอีกครั้งก่อนจะเอ่ยแนะนำตัวเอง

“ยินดีที่รู้จักคะ ข้ามีนามว่าฟลอร่า เป็นองค์ราชินีของอาณาจักรเอลิซาเบ็ธ”
“เอ่อ ข้าแอร่อน เป็นเกียรติมากที่ได้พบกับท่าน” แอร่อนพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“ท่านแอร่อน คงเหนื่อยมากแล้ว...ท่านพี่ค่ะเรามีห้องเหลือใช่ไหมคะ?” องค์ราชินีพูดกับพี่ชายของตน
“ครับ ข้าเองก็คิดว่าน่าจะเหลือห้องไว้ให้ชายคนนี้พัก” ผู้เป็นพี่ชี้แจง
“ดูเหมือนท่านแอร่อนจะเหนื่อยแล้ว ถ้างั้นท่านพักที่นี่ก่อนเถิด แล้วพรุ่งนี้เราค่อยว่ากัน” ฟลอร่ายิ้มให้

พูดจบเดนนิสก็ลุกขึ้นมาก่อนจะบอกให้แอร่อนเดินตามตัวเองมา ชายทั้งสองเดินขึ้นบันไดชั้นสองไปก่อนจะเดินตรงไปในทางยาวที่มีพรมสีน้ำเงินปูไปตลอดทาง ตลอดทางนั้นมีต้นไม้นานาพันธ์วางอยู่ ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็เจอแต่ดอกไม้ ตลอดทาง บนกำแพงนั้นก็มีรูปภาพที่ถูกวาดเกี่ยวกับธรรมชาติมากมาย ไม่ว่าจะเป็นน้ำตก พงไพร หรือ สัตว์ป่า ดูเหมือนองค์ราชินีฟลอร่าจะชื่นชอบธรรมชาติเป็นพิเศษ เสียงฝีเท้าของทั้งสองที่เดินอยู่ ดังไปตลอดทาง เหล่าแม่บ้านที่เป็นเอลฟ์ที่เดินสวนกับเดนนิสก็ต่างก้มหัวให้กับเขาเป็นการแสดงความเคารพ

“ข้าขอถามหน่อยได้ไหม ถ้าหากเจ้าเป็นพี่ชายขององค์ราชินีฟลอร่า เหตุใดทำไมถึงเป็นนางที่เป็นราชินี? ไม่ใช่ท่านที่เป็นกษัตริย์” ชายหนุ่มผมขาวเอ่ยปากถาม
“เพราะตัวข้าไม่ใช่เอลฟ์ ข้าจึงไม่มีสิทธิที่จะนั่งบนบัลลังก์ของอาณาจักรนี้” เดนนิสตอบคำถามของแขกผู้มาเยือน
“แล้วเจ้ายอมได้งั้นหรือ?” แอร่อนเอ่ยปากถามต่อด้วยความสงสัย
“ข้าว่าการที่ข้าเป็นอัศวินคงจะเหมาะกับข้ามากกว่ากษัตริย์ ดังนั้นข้าคิดว่าตอนนี้ข้าก็พอใจในจุดที่ข้ายืนอยู่” พี่ชายขององค์ราชินีพูดขึ้น

เดนนิสหยุดอยู่หน้าห้องหนึ่งก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตู เมื่อประตูถูกเปิดออกไปก็ปรากฏเป็นภาพของห้องนอนขนาดเล็กที่มีเตียงตั้งอยู่ติดกับกำแพง ในห้องมีตู้เสื้อผ้าไม้วางอยู่ใกล้ๆกับกำแพง บนพื้นนั้นมีพรมทรงกลมที่มีสีเขียวตัดสลับกับสีเนื้อวางอยู่ เช่นเดียวกันกับข้างนอกในห้องนี้ก็มีภาพวาดสีน้ำมันที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับธรรมขาติอยู่ แอร่อนก้าวเท้าเข้าไปในห้องก่อนจะหันกลับมามองเดนนิสที่ยืนอยู่หน้าประตู

“ถ้างั้นข้าขอตัวก่อนล่ะ ถ้าหากขาดเหลืออะไรบอกข้าได้เลย” สิ้นเสียงของเดนนิสเขาก็ปิดประตูห้อง

เมื่อประตูห้องถูกปิดลง ชายผมขาวก็เดินไปยังเตียงก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงที่นุ่ม เขาหลับตาลงก่อนจะหลับลงไปด้วยความเหนื่อยล้า

=====

“นี่คือผลงานของคุณหนูแอร่อนในเดือนนี้ขอรับ” ชายผมดำที่มีใบหน้าซูบผอมพูดพลางยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้ชายวัยกลางคน

เขารับไว้ก่อนจะมอง ชายวัยกลางคนนี้วางกระดาษลงบนโต๊ะก่อนจะเดินไปยังเด็กผู้ชายผมขาวที่เงยหน้ามองบิดาของตัวเอง ผู้เป็นพ่อเอ่ยชื่อ “แอร่อน” ก่อนที่เขาจะออกแรงใช้มือตบใบหน้าลูกของเขา แรงตบนั้นทำให้เด็กผู้ชายคนนี้ล้มลงไปนอนกับพื้น เขากุมหน้าของเขาด้วยความเจ็บปวด น้ำตานั้นไหลออกมาจากดวงตาของเขา เขาพยายามจะลุกขึ้นมาจากพื้น หากทว่าเมื่อเขายืนขึ้นมาเขาก็โดนผู้เป็นพ่อใช้มือตบเข้าไปยังใบหน้าของลูกชายอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่ชายผู้โหดเหี้ยมคนนี้จะหันไปยังชายที่มีใบหน้าซูบผอมที่ยืนอยู่ใกล้ๆกับตู้หนังสือ

“เชน เจ้าฝึกลูกของข้ายังไง? ถึงผลงานออกมาแย่ขนาดนี้?” ผู้เป็นพ่อต่อว่าชายผมดำ
“ข้าต้องขออภัยด้วย เป็นเพราะความอ่อนแอของข้าเอง โปรดลงโทษข้าเถิด” ชายที่ถูกเรียกว่าเชนคุกเข่าเพื่อแสดงการขอโทษ
“ไม่เป็นไร...ไม่ใช่ความผิดของเจ้า มันเป็นความผิดของแอร่อนต่างหาก” ชายวัยกลางคนพูดพลางจับปากของตัวเอง

แอร่อนสะดุ้งตื่นขึ้นมา ทั้งห้องนั้นมืดสนิท ดูเหมือนตอนนี้จะดึกมากแล้ว เหงื่อนั้นไหลท่วมตัวของแอร่อน เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ในขณะที่ทุกอย่างมืดสนิทนั้นเขาก็ได้ยินเสียงข้างนอกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย เขาได้ยินเสียงของคนที่พูดคุยกันตลอด มันทำให้แอร่อนอดไม่ได้ที่จะเปิดประตูออกไป เมื่อเขาเปิดประตูออกมาเขาก็เห็นทหารชาวเอลฟ์มากมายที่ถือตะเกียงเดินไปเดินมา เพราะแสงไฟจากตะเกียงจึงทำให้สามารถเห็นใบหน้าอันแตกตื่นของชาวหูแหลมพวกนี้

“เกิดอะไรขึ้นหรือ” แอร่อนเอ่ยปากถามทหารคนหนึ่งที่วิ่งผ่านหน้าห้องของเขาพอดี
“ทหารของพวกดาร์คเอลฟ์กำลังบุกมาหาเรา...ตอนนี้พวกเรากำลังเตรียมจะรับมือกับพวกมันอยู่” ทหารที่ถูกถามตอบ

เขากำหมัดแน่นหลังจากได้ยินคำตอบของเอลฟ์คนนี้ ใบหน้าของชายที่ชื่อว่า “นูล” ไหลเข้ามาในสมองของเขา ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแตกร้าว รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย เวทย์มนต์ของมันที่ทำให้แอร่อนต้องลิ้มรสความพ่ายแพ้ นึกถึงเรื่องพวกนั้นแล้วก็ทำให้เลือดของสูบฉีดด้วยความเกลียดชัง

=====

ณ ขณะเดียวกันที่ห้องวางแผนการรบ มันเป็นห้องเล็กๆที่มีคนยืนกันอยู่สามคน คืออัลเลนที่สวมชุดเกราะของสตรี เดนนิสที่ยืนกอดอกและมองไปยังโต๊ะที่ตั้งอยู่กลางห้องที่มีกระดาษวางอยู่ และก็มีองค์ราชินีอย่างฟลอร่ายืนอยู่ด้วย ทั้งสามพูดคุยกันถึงแผนการรบแต่ดูเหมือนไม่ว่าจะเป็นแผนไหนก็ดูจะไม่เข้าท่าเสียเท่าไหร่ ในขณะที่ทั้งสามกำลังโต้เถียงกันอยู่นั้น เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินตรงเข้ามา เดนนิสกับอัลเลนได้ยินก็ต่างยกอาวุธของตัวเองขึ้นมา เสียงฝีเท้านั้นดังขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่เจ้าของฝีเท้าจะปรากฏตัวออกมาจากเงามืด มันเป็นภาพของชายผมสีขาว เขาสวมชุดสีแดง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอาฆาตและความหิวกระหาย

“ให้ข้าร่วมศึกนี้ด้วย ข้าจะช่วยให้พวกเจ้าชนะศึกนี้เอง”
ขึ้นไปข้างบน Go down
 
Bell of Rebellion : Episode 1
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1
 Similar topics
-
» Bell of Rebellion : Episode 9
» Bell of Rebellion : Episode 3
» Bell of Rebellion : Episode 10
» Bell of Rebellion : Episode 11
» Bell of Rebellion : Episode 12

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: