Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Bell of Rebellion : Episode 2

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
DanielsoN
Xiao Mei's Husband
Xiao Mei's Husband
DanielsoN


จำนวนข้อความ : 2272
Join date : 19/09/2010
Age : 29

Bell of Rebellion : Episode 2 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Bell of Rebellion : Episode 2   Bell of Rebellion : Episode 2 EmptySun Jan 25, 2015 12:44 pm

เสียงฝีเท้าของเหล่าอาชาดังกึกก้องไปทั่ว เหล่าเอลฟ์ผิวสีเทาต่างควบม้าตรงมายังอาณาจักรเอลิซาเบ็ธ ในมือของพวกเขาเต็มไปด้วยอาวุธต่างๆนาๆ ไม่ว่าจะเป็นดาบหรือธนูหรือแม้แต่หอกที่แหลมคมที่พร้อมจะแทงทะลุร่างของศัตรู เสียงฝีเท้าของม้าที่ย่ำลงพื้นดินดังขึ้นเรื่อยๆ เหล่าศัตรูนั้นเริ่มเข้าใกล้มายังอาณาจักรของเหล่าเอลฟ์ขึ้นเรื่อยๆ หากทว่าเหล่าดาร์คเอลฟ์ก็ต้องหยุดลงเมื่อเปลวเพลิงลุกขึ้นมาจากพื้น เปลวไฟนั้นล้อมรอบกองทัพของเหล่าเอลฟ์สีเทาส่วนหนึ่ง พวกเขาต่างกวาดสายตาด้วยความตกใจ ในขณะที่พวกเขากำลังตื่นตระหนกนั้น เหล่าผู้บุกรุกก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของม้าตรงมาทางตัวเอง เหล่าทหารแห่งอาณาจักรเอลิซาเบ็ธต่างส่งเสียงคำรามพร้อมกับอาวุธในมือ โดยผู้นำทัพคือชายผมทองที่มีดวงตาสีฟ้า เบื้องหลังของเขานั้นมีทหารชาวเอลฟ์มากมายที่ติดตามเขาอยู่ เช่นเดียวกันกับพวกดาร์คเอลฟ์เหล่าสิ่งมีชีวิตหูแหลมพวกนี้ก็ต่างมีอาวุธพร้อมมือ

“พวกมันจุดไฟไว้ พวกมันเข้าไม่ได้หรอก อย่าไปกลัว!!” แม่ทัพของดาร์คเอลฟ์ตะโกนขึ้น

หากทว่ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะเดนนิสควบม้าผ่าเปลวเพลิงมาพร้อมกับใช้ดาบในมือแกว่งใส่ร่างของศัตรู เช่นเดียวกันกับทหารคนอื่นๆในอาณาจักรเอลิซาเบ็ธ พวกเขาใช้อาวุธของตัวเองเสียบเข้าไปยังร่างของศัตรู เหล่าทหารของดาร์คเอลฟ์เริ่มล่วงหล่นจากหลังม้าอย่างช้าๆ เหล่าดาร์คเอลฟ์ที่อยู่นอกเปลวเพลิงก็ได้แต่สับสนว่าควรจะทำเช่นไร แม้ว่าพวกพ้องของเขากำลังล้มตายทีละคน แต่เพราะกำแพงไฟที่ขวางพวกเขาอยู่จึงทำให้พวกเขาตัดสินใจไม่ถูกว่าควรจะทำเช่นไร ใจหนึ่งก็อยากช่วย แต่อีกใจหนึ่งก็กลัว

“บุกเข้าไป!! อย่าไปกลัวกำแพงไฟ!!” เสียงของแม่ทัพที่อยู่ข้างหลังตะโกนขึ้นมา

เมื่อเหล่าดาร์คเอลฟ์ได้ยินคำสั่งก็ต่างตรงไปยังเดนนิสที่แกว่งดาบฟันร่างของทหารของศัตรู เมื่อเขาเห็นทัพของผู้บุกรุกเริ่มเคลื่อนตรงมายังเขา เขาก็เอ่ยปากสั่งให้ทหารของเขาถอยทัพ ก่อนที่จะเลี้ยวม้าของตัวเองและควบหนี เขาเหลือบมองศัตรูที่ไล่ตามเขา เดนนิสหันกลับไปยังข้างหน้าของตัวเอง พลางคิดถึงสิ่งที่ชายผมขาวที่มีนามว่าแอร่อนพูดกับเขาเมื่อซักครู่นี้

=====

“ดูเหมือนพวกเจ้าจะมีปัญหากับการวางแผนการรบนะ” แอร่อนพูดขึ้นในขณะที่เดินมาโต๊ะตรงกลางห้อง

เดนนิสเก็บดาบของเขาเข้าฝักในขณะที่อัลเลนก็ลดหน้าไม้ของเขาลงเมื่อเห็นแอร่อนเดินเข้ามาในห้อง แอร่อนยืนมองกระดาษที่วางไว้บนโต๊ะไม้ท่ามกลางสายตาทั้งสามคู่ ชายหนุ่มผมขาวจับคางของเขาก่อนจะใช้สายตาของเขาจ้องไปยังกระดาษบนโต๊ะ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและเปลวเพลิงแห่งความเกลียดชัง ชายหนุ่มผมขาวใช้นิ้วของเขาขีดเขียนอากาศราวกับว่าเขากำลังวางแผนอะไรอยู่ เขาลดมือลงก่อนจะหันมาทางองค์ราชินีและทหารอีกสองนายที่ยืนมองเขาอยู่เช่นเดียวกัน

“ข้ามีแผน...มีแผนที่จะทำให้พวกเจ้าสามารถเอาชนะศึกนี้ได้” แอร่อนพูดขึ้น
“พวกเจ้ามีใครร่ายมนต์มายาเป็นรึเปล่า?” ชายหนุ่มผมขาวหันมาถาม
“พวกข้าไม่มีใครร่ายมนต์ได้หรอก แต่ทหารของพวกเราทำได้อยู่ ทำไมหรือ?” อัลเลนตอบพร้อมถามกลับ
“ข้าอยากจะให้พวกเจ้าร่ายมนต์มายาสร้างไฟล้อมพวกทหารพวกนี้ไว้....ในขณะที่พวกมันกำลังตกใจกันอยู่ พวกเจ้าก็ยกทัพเข้าไป” ชายผมขาวพูดพลางใช้นิ้วของเขาชี้ไปบนกระดาษ
“และเมื่อพวกมันรู้ตัวว่าไฟนั้นเป็นไฟจากมนต์มายาพวกเจ้าก็ถอยมาตรงนี้ โดยตรงนี้ก็ให้พลธนูดักรอไว้” แอร่อนเลื่อนนิ้วไปยังอีกจุดที่อยู่ไม่ไกลจากจุดแรกที่เขาชี้
“ข้าจะเป็นคนนำทัพไปเอง ส่วนอัลเลนเจ้าเป็นคนคุมพลธนูนะ” เดนนิสหันมาทางเพื่อนของตัวเอง

=====

เดนนิสคิดถึงสิ่งที่แอร่อนพูดก่อนหน้านี้ดูเหมือนแผนจะเป็นไปได้ดีเลยทีเดียว เขาเหลือบไปมองทัพของพวกดาร์คเอลฟ์ที่ยังไล่ตามทัพของเขา ชายหนุ่มผมสีทรายเหลือบไปมองบนกำแพงเมืองที่มีชาวเอลฟ์จำนวนมากยืนถือธนูและหน้าไม้อยู่ รวมถึงอัลเลนในชุดเกราะของสตรีที่มองมาที่เดนนิส ชายผมทองพยักหน้าส่งสัญญาณให้กับสหายของตน เมื่อสหายของเดนนิสเห็นสัญญาณแล้ว อัลเลนก็หันไปสั่งให้เหล่าพลธนูยิงลูกธนูออกมา ลูกธนูลอยออกไปก่อนจะปักเข้าไปบนร่างของเหล่าเอลฟ์ผิวสีเทา แม้จะมีหลายดอกที่พลาดเป้าไป แต่อย่างน้อยๆมันก็ปลิดชีวิตของเหล่าดาร์คเอลฟ์ได้ไม่น้อย

“เปิดประตูเมือง เราจะเริ่มสวนกลับ!!” เดนนิสตะโกนขึ้นไป
“เปิดประตูเมือง!!” อัลเลนทวนคำสั่งที่เดนนิสพูด

ประตูเมืองที่ถูกสร้างขึ้นจากไม้เลื่อนขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อประตูถูกเลื่อนออกไปจนสุดเหล่าทหารชาวเอลฟ์ก็ต่างคำรามพร้อมกับถือดาบในมือและพุ่งตรงไปยังผู้รุกราน เช่นเดียวกันกับเดนนิสที่ควบม้าตรงไปยังศัตรูอีกครั้งหนึ่ง ชายผมสีทรายใช้ดาบที่อยู่ในมือฟันเหล่าดาร์คเอลฟ์ที่พยายามจะบุกเข้าใส่ตัวเมือง ดูเหมือนแผนการของผู้บุกรุกนี้จะไม่มีเลยแม้แต่นิดเดียว อาจจะเพราะความประมาทเพราะคิดว่าพวกเอลฟ์ไม่สามารถต่อกรอะไรได้ ปกติแล้วเอลฟ์ไม่ใช่เผ่าที่ชำนาญด้านการต่อสู้เสียเท่าไหร่ เพราะเช่นนี้เอลฟ์จึงมีแผ่นเดียวเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น

ณ ขณะเดียวกันที่หน้าผาใกล้ๆกับอาณาจักรเอลิซาเบธ ก็มีชายผมขาวในชุดสีเลือดนั่งอยู่บนหลังม้า เขามองสงครามที่ดำเนินต่อไป เบื้องหลังของเขามีทหารส่วนหนึ่งอยู่ด้วย รวมถึงองค์หญิงแห่งอาณาจักรเอลิซาเบ็ธยืนอยู่ด้วย เธอไม่ได้สวมชุดเกราะเหมือนคนทั่วไปแต่เธอกลับแต่ชุดเหมือนตอนที่แอร่อนพบกับเธอครั้งแรก ในมือของเธอถือกีตาร์อยู่ด้วย แอร่อนหันมามองก่อนจะอดที่จะถามองค์ราชินีองค์ไม่ได้

“องค์ราชินีออกมายืนในสนามรบแบบนี้ไม่เป็นไรหรือ?”
“เห็นแบบนี้ข้าปกป้องตัวเองได้นะ อย่างน้อยๆข้าก็สามารถเล่นบทเพลงเพื่อสร้างม่านพลังและบทเพลงเพื่อรักษาบาดแผลได้นะ” องค์ราชินีฟลอร่าพูดด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ

หากทว่าในขณะที่องค์ราชินีกำลังยิ้มอยู่นั้น แอร่อนก็รีบใช้มือของเขาดึงร่างของฟลอร่าเข้ามา เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เธอสัมผัสได้ว่ามีของมีคมเกี่ยวเส้นผมของเธอออกไป ฟลอร่ารีบหันกลับไปก่อนจะเห็นทหารคนหนึ่งของตนเองถือมีดอยู่ ข้างหลังนั้นเต็มไปด้วยทหารของเหล่าดาร์คเอลฟ์ ชายที่ถือมีดนี้ใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้ถือมีดดึงใบหน้าของตัวเองออกมา เมื่อเขาถอดหน้ากากออกมาก็ปรากฏเป็นหัวกะโหลกสีขาว มันโยนใบหน้าของทหารชาวเอลฟ์คนนี้ ไม่ทันที่ใบหน้านั้นจะตกลงสู่พื้น มันก็ระเหิดไป มันจ้องมองมาที่แอร่อนและฟลอร่า ก่อนที่จะพุ่งตรงเข้ามาหาแอร่อนและฟลอร่าพร้อมกับเหล่าดาร์คเอลฟ์ที่อยู่ข้างหลังมัน แอร่อนรีบผลักฟลอร่าออกไปข้างหลังก่อนจะพุ่งไปใช้ดาบรับมีดของกับสิ่งมีชีวิตที่ลึกลับตัวนี้ เหล่าดาร์คเอลฟ์และเอลฟ์เริ่มพุ่งตรงเข้าใส่กัน ดูเหมือนจะเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการต่อสู้นี้

“รีบพาองค์ราชินีไปหาอัลเลน แล้วให้องค์ราชินีช่วยพวกเราจากตรงนั้น” แอร่อนตะโกนสั่ง

ทหารชาวเอลฟ์สองสามคนพยักหน้าก่อนจะวิ่งตรงไปยังฟลอร่า และเริ่มพาฟลอร่าหลบหนีจากตรงนี้ เงาทมิฬเหลือบไปเห็นองค์ราชินีที่หลบหนีมันเตรียมจะทยานไปพร้อมกับใบมีดเพื่อสังหารเป้าหมายของตน หากทว่าแอร่อนวิ่งมาขวางไว้ก่อนจะแกว่งดาบ สิ่งมีชีวิตนี้รีบลังกาตัวออกไปก่อนจะยืนมองหน้าของแอร่อน เมื่อเท้าของมันเหยียบลงพื้นดินได้ มันก็มีดของมันออกมาก่อนจะปาไปยังแอร่อน ชายผมขาวก้มหลบได้ มีดนั้นไม่โดนแต่ไปปักลงบนต้นไม้ เมื่อแอร่อนเงยศีรษะขึ้นมา เขาก็ไม่สามารถเห็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ ในขณะที่เขากำลังกวาดสายอยู่นั้น เขาก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรกำลังจับข้อเท้าทั้งสองข้างอยู่ ด้วยความมืดเขาไม่สามารถรู้ได้ว่ามันคืออะไร ชายผมขาวพยายามจะออกแรงเพื่อดิ้นหลุดจากพันธนาการนี้แต่ไม่ว่าจะออกแรงเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถดิ้นหลุดออกมาได้ เงาสีดำนั้นวิ่งไต่ต้นไม้ก่อนจะพุ่งทยานมาพร้อมกับมีดในมือ แอร่อนรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายก่อนจะดิ้นหลุดออกมาและหลบการโจมตีของนักลอบสังหารตัวนี้ได้ แอร่อนที่พึ่งดิ้นหลุดมามองก่อนจะแสยะยิ้มด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความพอใจ ในขณะเดียวกันเงาสีดำนั้นไม่ได้ขยับไปไหนแต่ก็ถือมีดเตรียมรับมือคู่ต่อสู้ของตัวเอง ชายในชุดสีแดงสดยกดาบขึ้นก่อนจะชี้ไปที่เงาทมิฬพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ

“ตอนแรกๆข้าก็ไม่มั่นใจหรอกว่าเจ้าเป็นใคร แต่พอข้าสู้กับเจ้ามาได้ซักพักข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าเป็นใคร”
“ช่างเป็นเกียรติจริงๆที่ข้าได้เจอกับตำนานนักฆ่าอย่างเจ้า....เด๊ด”

เด๊ดเป็นชื่อที่ทหารหลายๆคนรู้จักกันดี เป็นตำนานที่เล่าขานกันตั้งแต่สมัยก่อน ไม่มีใครรู้ว่าเบื้องหลังหน้ากากนั้นเป็นใคร เป็นคนของอาณาจักรอะไร ถึงแม้จะมีเรื่องเล่าของเขานับร้อยเรื่องแต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าเรื่องไหนเป็นเรื่องจริง สิ่งเดียวที่ทุกคนรู้ก็คือเขาเป็นนักฆ่าที่ดับลมหายใจของผู้คนมาแล้วนับพันศพและเขาไม่เคยพลาดเลยถ้าหากจะต้องสังหารใคร กล่าวคือถ้าหากมีใครได้เห็นใบหน้าของมันแล้ว นั่นก็จะเป็นใบหน้าสุดท้ายที่เขาได้เห็น เกือบทุกคนที่ได้เห็นใบหน้าของมัน ก็จะถูกความกลัวเข้าครอบงำแต่ว่าแอร่อนกลับไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น เขากลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก

“น่าเสียดายหน่อยเด๊ด เพราะการต่อสู้ของเราจะจบลงแค่นี้แหละ”

เด๊ดได้ยินก็ไม่ได้พูดอะไร มันยังคงเตรียมพร้อมอยู่เช่นเคย ในขณะนั้นก็มีลูกศรลูกหนึ่งลอยมา เด๊ดเห็นลูกศรที่ลอยตรงมายังตนเองก็ใช้มีดฟันเข้าไป ธนูที่ถูกฟันออกไปนั้นหักออกเป็นสองท่อน แต่เมื่อธนูถูกหักเป็นสองท่อน แสงสีขาวก็วูบเข้ามาในดวงตาของเด๊ด ชายผมขาวรีบวิ่งตรงไปก่อนจะใช้ดาบเล่มใหญ่ของเขาแทงเข้าไปยังร่างของเงาทมิฬ เมื่อดาบเสียบทะลุเข้าไปที่ร่างของมันนั้น แอร่อนก็รีบดึงดาบออกมา เด๊ดกุมหน้าท้องของตัวเองก่อนจะถอยออกไปสองสามก้าวก่อนที่ร่างของเขาจะกระแทกกับพื้นดินอันเย็นเฉียบ

=====

“อ่อ ใช่...ข้าขอถามหน่อยได้ไหม ว่ามนต์มายาสามารถเปลี่ยนอย่างหนึ่งเป็นอย่างหนึ่งได้รึเปล่า?” แอร่อนเอ่ยปากถามคนในห้อง
“ก็ได้อยู่หรอกคะ ทำไมหรือ?” ฟลอร่าตอบพร้อมตั้งคำถามไปพร้อมๆกัน
“ข้าคิดว่ากำลังเสริมของพวกดาร์คเอลฟ์น่าจะมาทางนี้”

แอร่อนใช้นิ้วของเขาชี้ลงหุบเขาใกล้ๆกับอาณาจักรเอลิซาเบ็ธ มันเป็นจุดที่สามารถมองเห็นการต่อสู้ข้างล่างได้อย่างชัดเจน ถ้าหากวิ่งลงมาจากหุบเขานี้ก็จะมาถึงหน้าประตูเมืองของอาณาจักรเอลิซาเบ็ธพอดี เรียกได้ว่าเป็นจุดที่อันตรายไม่น้อย

“ข้าคิดว่าข้าจะจัดทัพไปดักพวกมันตรงนี้ ถ้าหากพวกมันมา ข้าจะสกัดพวกมัน” แอร่อนพูดพลางจับคางของตัวเอง
“แล้วที่เจ้าถามเกี่ยวกับมนต์มายามันเกี่ยวอะไรหรือ?” อัลเลนถามถึงประเด็นก่อนหน้านี้
“เผื่อไว้น่ะ ถ้าหากมีปัญหาอะไร ข้าอยากจะให้เจ้า ร่ายมนต์มายากับสองสิ่งนี้” ชายผมขาวหยิบเอาลูกธนูและก้อนหินสีขาวขึ้นมา
“หินแห่งแสงงั้นหรือ?” ฟลอร่าจับคางของตัวเองก่อนจะมองมาที่ก้อนหินสีขาว
“ใช่...ข้าได้ยินมาว่าถ้าหากหินนี้ถูกหักออกเป็นสองท่อน มันจะสร้างแสงขึ้นมา” แอร่อนตอบ
“ข้ากำลังคิดว่าถ้าหากหินแห่งแสงนี่ถูกหักในระยะใกล้ๆกับศัตรู มันคงทำให้ศัตรูตาบอดไปชั่วขณะได้เลย” ชายผมขาวอธิบายต่อ
“เข้าใจละ เดี๋ยวข้าจะไปบอกพวกทหารให้ก็แล้วกัน” เดนนิสพยักหน้าตอบ

=====

เมื่อเด๊ดล้มลง เหล่าดาร์คเอลฟ์ที่อยู่แถวนั้นก็เริ่มแตกตื่นก็จะวิ่งไป แอร่อนหันไปก่อนจะตะโกนนำทัพตัวเองลงไปช่วยทัพของเดนนิสที่อยู่ด้านล่าง สงครามยังดำเนินต่อไป ก่อนที่ทุกอย่างจะจบลงเมื่อดวงตะวันขึ้นสู่ผืนนภา ร่างของเอลฟ์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเอลฟ์ผิวขาวหรือเอลฟ์ผิวเทาที่นอนกระจัดกระจายกันไปทั่ว พวกเขาเหล่านี้ล้วนแต่เป็นร่างไร้วิญญาณ เดนนิสยืนกุมดาบพร้อมกับเอามือปาดเลือดที่อยู่บนหน้าของตัวเอง เช่นเดียวกันกับแอร่อนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เขามองไปบนเหล่าซากศพ เขาสังเกตเห็นดาร์คเอลฟ์คนหนึ่งกำลังขยับอยู่ แอร่อนรีบตรงไปยังเอลฟ์คนนั้นก่อนจะลากคอมันขึ้นมาและใช้ดาบจ่อเข้าที่คอของเขา

“นูลอยู่ไหน บอกข้ามา...” แอร่อนพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“ข้า...ข้า เองก็ไม่รู้” ดาร์คเอลฟ์ที่ถูกดาบจ่อคออยู่ตอบชายผมขาว
“งั้นหรือ...” ชายผมขาวตอบช้าๆก่อนจะใช้ดาบปาดคอของดาร์คเอลฟ์ตัวนี้

คราบเลือดนั้นกระเซ็นติดเลือดของแอร่อน ก่อนที่แอร่อนจะปล่อยมือของตัวเอง ร่างของดาร์คเอลฟ์ตกกระทบกับพื้น เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ในขณะที่เขายืนอยู่นั้นเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินตรงมาหาเขา แอร่อนหันกลับไปก่อนจะเห็นอัลเลนและฟลอร่าเดินตรงมาทาง เช่นเดียวกันกับเดนนิสที่เดินตรงมาทางแอร่อนเช่นเดียวกัน

“แอร่อน...เจ้าเป็นใครกันแน่” เดนนิสเอ่ยปากถามด้วยสีหน้าสงสัย

ในขณะเดียวกัน ณ ห้องหนึ่งในปราสาทของอาณาจักรดาร์คเอลฟ์ ชายผิวสีเทาที่บนใบหน้ามีแต่รอยแตกร้าวนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่กลางห้อง รอบๆเขานั้นมีแต่สิ่งของต่างๆที่แปลกตาถูกวางเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบบนตู้ไม้ที่ตั้งอยู่รอบห้อง ชายคนนี้หลับตา ก่อนที่เขาจะลืมตาขึ้นมาเมื่อเขาได้ยินเสียงของใครบางคนเข้ามาในห้องของเขา ชายผิวสีเทาหันไปตามเสียงก่อนจะเห็นเงาสีดำที่ใส่หน้ากากหัวกระโหลกปรากฏตัวออกมา เขายื่นกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้กับชายผิวสีเทา ก่อนจะหายตัวไปในความมืดอีกครั้ง นูลอ่านกระดาษแผ่นนี้ เขาได้แต่ยิ้มก่อนจะฮัมเพลงพร้อมกับโยกเก้าอี้ไปด้วย ไม่มีใครรู้หรอกว่าเพราะเหตุใดเขาจึงฮัมเพลงขึ้นมา แต่ดูเหมือนเขาจะพอใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
ขึ้นไปข้างบน Go down
 
Bell of Rebellion : Episode 2
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1
 Similar topics
-
» Bell of Rebellion : Episode 4
» Bell of Rebellion : Episode 5
» Bell of Rebellion : Episode 7
» Bell of Rebellion : Episode 8
» Bell of Rebellion : Episode 9

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: