Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Bell of Rebellion : Episode 4

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
DanielsoN
Xiao Mei's Husband
Xiao Mei's Husband
DanielsoN


จำนวนข้อความ : 2272
Join date : 19/09/2010
Age : 29

Bell of Rebellion : Episode 4 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Bell of Rebellion : Episode 4   Bell of Rebellion : Episode 4 EmptyThu Jan 29, 2015 11:46 am

ในห้องที่เต็มไปด้วยเครื่องเรือนหรูหรา เครื่องใช้ทุกชิ้นในห้องนี้ต่างดูเป็นสิ่งของราคาแพง บนกำแพงนั้นมีภาพวาดสีน้ำมันจากจิตรกรชื่อดังในอาณาจักรวอริเนีย มันเป็นภาพของชายวัยกลางคนหนึ่งในชุดสีขาวในมือข้างหนึ่งถือไม้พลู เขายืนบนระเบียงด้วยใบหน้าอันยิ้มแย้มเบื้องหลังของเขาทิวทัศน์ของเมือง กลางห้องนั้นมีโต๊ะไม้วางอยู่ แม้จะเป็นโต๊ะไม้แต่ดูจากสีที่ต่างกับโต๊ะไม้ทั่วๆไปทำให้คิดได้ว่าวัสดุที่ทำโต๊ะตัวนี้อาจจะต่างกับโต๊ะตัวอื่นๆ และอาจจะมีราคาแพงกว่าโต๊ะทั่วๆไป ใกล้ๆกับโต๊ะก็มีเก้าอี้ที่มีสีเดียวกันกับโต๊ะวางอยู่ ซึ่งบนเก้าอี้นั้นก็มีชายวัยกลางคนนั่งอยู่ หากดูหน้าของเขาแล้วก็จะเห็นได้ว่าชายคนนี้คือคนเดียวกันกับรูปที่แขวนอยู่บนกำแพง ชายคนนี้ใช้ช้อนขนลงไปถ้วยน้ำสีขาวที่ข้างในของเหลวสีน้ำตาล ควันโพยพุ่งออกมาจากถ้วยใบนี้ กลิ่นนั้นหอมหวลชวนให้เข้ามาดื่ม เมื่อเขาคนเสร็จแล้วเขาก็หยิบช้อนออกมาและวางไว้บนจานรองถ้วยก่อนที่เขาจะหยิบถ้วยขึ้นมาและจิบอย่างช้าๆ เมื่อริมฝีปากของเขาสัมผัสเข้ากับของเหลวสีน้ำตาล ใบหน้าของเขาก็แสดงออกมาให้เห็นว่าเขาเปี่ยมสุขขนาดไหน

“ท่านครับ!!” ชายคนหนึ่งเปิดประตูมาพร้อมกับตะโกนเรียกชายคนนี้

ด้วยความตกใจถ้วยมือของเขาหลุดออกมาก่อนจะตกลงบนโต๊ะ เครื่องดื่มของเขาหกออกจากแก้วหมดก่อนที่มันจะไหลลงไปสู่พรมข้างล่าง ใบหน้าของชายคนนี้เต็มไปด้วยความหงุดหงิดทันทีกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนที่เขาจะหันไปทางชายในชุดเกราะที่ตะโกนเรียกชื่อเขา ชายในชุดเกราะที่ถูกจ้องมองโค้งให้เพื่อเป็นการแสดงความขอโทษ ก่อนจะตะเบ๊ะและรายงานสิ่งที่เขาได้ยินมา

“ท่านครับ เราได้รับรายงานมาว่าตอนนี้มีกองทัพกำลังเคลื่อนตรงมาทางเราครับ!!”
“กองทัพ? ใครบุกเรา? พวกดาร์คเอลฟ์หรือ? พวกมันหักหลังเราหรือ?” ชายวัยกลางคนรีบยิ่งคำถามใส่ผู้รายงานด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“ไม่ใช่ครับ แต่เป็นทัพของเอลฟ์ครับ” ทหารคนนี้รายงานให้ฟัง
“เอลฟ์?” ชายผู้ที่ได้รับข่าสารพูดทวนด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“ครับ เป็นทัพของเอลฟ์ครับ ท่านจะทำให้พวกเราทำไงดีครับ?” ทหารยืนยันพร้อมตั้งคำถามไปพร้อมๆกัน
“เจ้าไปบอกดาริลละกัน ข้าเชื่อว่าหมอนั่นคงจัดการได้สบายๆอยู่แล้ว” ชายวัยกลางคนตอบ
“ถ้าหากท่านประสงค์เช่นนั้น” ทหารผู้รายงานโค้งให้ก่อนจะเดินจากไป

=====

ณ ขณะเดียวกันทัพของอาณาจักรเอลิซาเบ็ธกำลังมุ่งตรงมายังเมืองของแดนมนุษย์ แอร่อนควบม้าของเขาด้วยสายตามุ่งมั่น ข้างๆเขามีอัลเลนกับเดนนิสอยู่ด้วย แอร่อนหันไปมองหน้ากับอัลเลนก่อนจะพยักหน้าให้ อัลเลนเมื่อเห็นสัญญาณก็เลี้ยวอาชาของตนไปทางขวา พลธนูและนักเวทย์ชาวเอลฟ์ต่างเลี้ยวตามเขา ส่วนเดนนิสกับแอร่อนยังคงมุ่งหน้าไปทางเดิม พวกเขาเริ่มเห็นกำแพงเมืองที่ใหญ่มหึมา มีธงรูปสิงโตที่โบกพลิ้วไปตามสายลม แอร่อนกับเดนนิสหยุดม้าของพวกเขาพร้อมๆกัน เมื่อพวกเขาเห็นกองทัพของเหล่ามนุษย์ที่ยืนถืออาวุธอยู่ แอร่อนจ้องมองกองทัพของพวกมนุษย์ก่อนจะหันไปและตะโกน

“บุก!!”

สิ้นเสียงของชายในชุดสีเลือด เหล่าทหารชาวเอลฟ์ก็คำรามก่อนจะวิ่งกรูเข้าไปหาทัพของมนุษย์ที่รอคอยอยู่แล้ว เสียงของโลหะปะทะกันเริ่มดังก้องกังวานไปทั่วผืนนภา เช่นเดียวกันกับเดนนิสและแอร่อนที่ควบม้าและตรงเข้าไปยังประตูเมืองของศัตรู แอร่อนแกว่งดาบของเขาฆ่าฟันเพื่อนมนุษย์ คราบเลือดนั้นกระเซ็นติดเสื้อของเขา เช่นเดียวกันกับเดนนิสที่ใช้ดาบของตัวเองฟันเข้าไปที่ร่างของศัตรู การต่อสู้ยังดำเนินต่อไปโดยไร้ซึ่งความคืบหน้า แอร่อนและเดนนิสยังคงแกว่งดาบต่อไป แผ่นหลังของทั้งสองติดกันก่อนที่ทั้งสองจะเหลือบมองไปในทางเดียวกัน นั่นก็คือบนหน้าผาซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่มีใครปรากฏตัว

“อัลเลนมัวทำอะไรอยู่นะ...” เดนนิสบ่นในขณะที่ดวงตาของเขากวาดสายตามองรอบๆ

หากทว่าสิ้นเสียงของชายผมสีทราย แผ่นดินก็เริ่มสั่นสะเทือน เหล่าทหารที่อยู่ในสนามรบเริ่มทรงตัวไม่ได้ บ้างก็ล้มลงไปกับพื้น แม้ทั้งเอลฟ์ทั้งมนุษย์จะเห็นคู่ต่อสู้ตัวเองล้มลง แต่ก็ไม่สามารถฉกฉวยโอกาสได้ เพราะตัวเขาเองก็ไม่สามารถขยับได้เหมือนกัน เดนนิสกับแอร่อนหันไปมองที่ผาเดิมก่อนจะเห็นอัลเลนพร้อมกับจอมเวทย์กลุ่มหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างหลัง ทั้งคู่หันกลับมามองหน้ากันก่อนจะพยักหน้าให้กัน ทั้งคู่หันมองไปมองที่กำแพงเมือง แผ่นดินที่อยู่หน้ากำแพงเมืองเริ่มผุดขึ้นมาจากพื้นเป็นบันไดขึ้นมา มันสูงพอที่จะให้ผู้คนขึ้นบันไดนี้เพื่อข้ามไปยังกำแพงเมืองได้ แผ่นดินกลับมานิ่งสงบอีกครั้ง เมื่อแผ่นดินนิ่งสนิท เหล่านักรบแห่งอาณาจักรเอลิซาเบ็ธต่างคำรามและวิ่งไปยังกำแพงหิน เหล่ามนุษย์ต่างตกตะลึงและสับสน หากทว่าในขณะที่เดนนิสวิ่งอยู่นั้น ก็มีชายคนหนึ่งกระโดดขึ้นมาเตรียมจะก่อนจะสับร่างของเขา เดนนิสรีบยกดาบก่อนจะปัดการโจมตีออกไป ชายที่ถูกปัดออกไปถอยก่อนที่เขาจะยืนพร้อมกับมองหน้าของเดนนิส เขาเป็นชายที่สวมหมวกฟาง เขาไม่ได้สวมชุดเกราะอะไร บนผิวของเขาเต็มไปด้วยรอยสัก มือทั้งสองข้างของเขากุมดาบแน่น ในขณะเดียวกันปากของเขาก็ยังคาบดาบอยู่

“แอร่อน เจ้านำทัพขึ้นไปก่อนเลย เดี๋ยวข้าตามไป” เดนนิสพูดกับแอร่อน

แอร่อนพยักหน้าก่อนจะนำทัพขึ้นไปยังกำแพงเมือง หากทว่าเมื่อขึ้นไปยังกำแพงเมืองแล้วทุกอย่างก็ยังไม่ง่าย เพราะมีทหารจำนวนหนึ่งปรากฏตัวออกมา ดูเหมือนแผนของแอร่อนยังไม่ได้ผล ในขณะเดียวกันนั้นเดนนิสกับชายที่คาบดาบคนนี้ก็ยังสู้กันอยู่ ดาบของทั้งคู่ยังคงปะทะกันต่อเนื่องแต่ด้วยจำนวนดาบที่มากกว่าดูเหมือนจะทำให้ชายคนนี้ได้เปรียบไม่น้อย ชายหมวกฝางคนนี้ใช้ดาบอยู่ในมือขวาของเขาแกว่งไปหมายจะตัดศีรษะของเดนนิส หากทว่าเดนนิสก้มหลบได้ทัน คมดาบนั้นจึงตัดเส้นผมสีทองของเดนนิสออกไปแค่สองสามเส้น เดนนิสรีบสวนกลับด้วยการจะใช้ดาบแทงเข้าไปที่หน้าท้อง แต่เขาก็ใช้ดาบอีกเล่มป้องกันดาบของเดนนิสไว้ได้ เดนนิสยกเท้าขึ้นก่อนจะถีบเข้าไปที่หน้าท้องของชายคนนี้ หากทว่าไม่ทันที่เท้าของเดนนิสจะสัมผัสลงบนผิวของชายคนนี้ เขาก็ถอยออกไปได้ทัน เขาปล่อยดาบที่อยู่ในปากออกก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งรับดาบไว้ ก่อนที่เขาจะใช้มือที่ถือดาบเพียงเล่มเดียวชี้ไปยังเดนนิส

“เจ้าเป็นคู่ต่อสู้ที่แกร่งที่สุดเท่าที่ข้าเคยเจอมาเลย เจ้าพอบอกนามของเจ้าได้ไหม?” ชายคนนี้เอ่ยปากถาม
“ข้า เดนนิส...เจ้าเองก็เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเช่นเดียวกัน เจ้ามีนามว่าอะไร?” เดนนิสเอ่ยปากถามกลับ
“ข้ามีนามว่าแดริล เซซาร์” ชายหมวกฝางคนนี้ตอบกลับ
“งั้นหรือ...เป็นเกียรติมากที่ได้ต่อสู้กับเจ้า” พูดจบเดนนิสก็ตั้งดาบขึ้นอีกครั้ง

แดริลเห็นก็ยิ้มก่อนจะใช้คาบดาบเล่นเดิม พร้อมกับกำดาบในมือทั้งสองให้แน่น ก่อนที่เขาจะพุ่งไป เดนนิสเองก็พุ่งไปเช่นเดียวกัน แดริลยกดาบขึ้นก่อนจะเตรียมฟันเข้าใส่ชุดเกราะของเดนนิส หากทว่าเดนนิสออกแรงงัดดาบเล่มนั้น ดาบเล่มนั้นลอยก่อนจะปักพื้นดิน เดนนิสยกดาบขึ้นจะเตรียมฟันเข้าไปที่ร่าง หากทว่าแดริลใช้ดาบที่เขาคาบอยู่รับดาบของเดนนิสไว้ เดนนิสพยายามจะงัดออก แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล แดริลใช้ดาบข้างที่ถืออยู่แกว่งเข้าไปที่ชุดเกราะของเดนนิส ชายผมทองจำเป็นต้องกระโดดออกมาก่อนคมดาบนั้นทำได้แค่สร้างรอยขีดข่วนให้ชุดเกราะสีขาวของเดนนิส ในจังหวะที่ชายผมสีทรายถอยออกมา ชายชุดหมวกฝางก็กลิ้งไปคว้าดาบของตัวเองที่ตกพื้นขึ้นมา ดูเหมือนจะไม่ง่ายเลยถ้าจะผ่านชายคนนี้

“บ้าเอ๊ย ยิงไม่โดนเลย”

ในขณะเดียวกันที่หน้าผา อัลเลนกำลังเล็งหน้าม้าของเขาอยู่ เขาหยิบลูกธนูออกมาก่อนจะใส่เข้าไปเตรียมยิง ชายผมสีเงินยิงหน้าไม้อีกครั้ง แต่เช่นเคยลูกธนูปักลงบนผืนหญ้าสีแทน แม้ว่าเราจะเห็นอัลเลนถือหน้าไม้บ่อยๆ แต่จริงๆแล้วอัลเลนแทบจะไม่มีทักษะการยิงธนูเลยก็ว่าได้ เรียกได้ว่าเอลฟ์หลายๆคนในอาณาจักรเอลิซาเบ็ธนั้นยังสามารถยิงธนูได้แม่นกว่าอัลเลนเสียอีก แต่ที่อัลเลนเป็นแม่ทัพนั้นก็เพราะเซ้นส์ในเรื่องเส้นทางที่เป็นเยี่ยม แม้เขาจะไม่เคยมาเหยียบสถานที่นั้นมาก่อนแต่ถ้าหากเขาได้เห็นแผนที่ เขาก็สามารถมาถึงเป้าหมายได้อย่างไม่ยากนัก ในขณะที่อัลเลนกำลังยองตัวและยิงธนูอยู่นั้น ข้างๆเขาก็มีเอลฟ์จำนวนมากที่เล็งธนูอยู่เช่นกัน พวกเขาเล็งก่อนจะยิงออกไป ธนูนั้นลอยก่อนจะไปปักร่างมนุษย์ ผู้ที่ถูกธนูปักเข้าไปก็ร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนจะล้มลงไป อัลเลนเห็นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ

ทางด้านแอร่อนนั้นก็ยังคงต่อสู้อยู่บนกำแพงเมืองต่อไป รอบๆด้านเขานั้นเต็มไปด้วยทหารมากมาย มันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาหรอกถ้าหากจะใช้ดาบของเขาฟันเข้าไปที่ร่างของทหารพวกนี้ รอบๆบริเวณที่เขายืนอยู่นั้นเต็มไปด้วยร่างไร้วิญญาณของทั้งมนุษย์และเอลฟ์ บนเสื้อและบนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยคราบเลือด แอร่อนเหลือบมองข้างล่างก่อนจะยังเห็นเดนนิสกับชายในหมวกฝางต่อสู้กันอยู่ เบื้องหลังของเดนนิสนั้นเต็มไปด้วยเหล่าทหารเอลฟ์ที่ล้มลงบนพื้น บ้างก็เป็นร่างไร้วิญญาณ บ้างก็แค่บาดเจ็บ แอร่อนกัดริมฝีปากของตัวเองด้วยความกังวล ถ้าหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเขาคงต้องพบกับความปราชัยอย่างแน่นอน

=====

“เร็วเข้าหน่อย ดรากูล” หญิงผมสีทองที่บนเส้นของเธอเต็มไปด้วยดอกไม้พูดขึ้น

เธอนั่งอยู่บนหลังม้าโดยที่ข้างหน้ามีชายอีกคนที่ควบม้าอยู่ ทั้งตัวของชายอีกคนถูกคลุมด้วยผ้าคลุมสีดำ ไม่มีส่วนไหนของร่างกายที่ถูกแสงแดดเลยแม้แต่น้อย เขาได้ยินสิ่งที่ฟลอร่าพูดแล้วก็พยักหน้าก่อนจะควบม้าต่อไป ดวงตาของฟลอร่านั้นเต็มไปด้วยความกังวล ในมือของเธอกำเครื่องดนตรีของเธอไว้แน่น ม้าที่เธอนั่งอยู่ก็ยังคงเคลื่อนที่ไปด้วยความเร็ว ตลอดทางนั้นเต็มไปด้วยพงไพร ในที่สุดเธอก็มาถึงยังหน้าผา ข้างล่างนั้นคือสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ ฟลอร่ากวาดสายตาหาพี่ชายของตัวเองก่อนที่เธอจะเห็นเดนนิสที่กำลังต่อสู้กับชายที่เต็มไปด้วยรอสัก เมื่อเธอเห็นพี่ชายตัวเองปลอดภัยดี เธอก็กวาดสายตามองไปที่อัลเลนที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความตึงเครียด เขาก็ยังคงยิงหน้าไม้ของเขาต่อไป และสุดท้ายฟลอร่าก็หันมามองที่แอร่อนที่ต่อสู้อยู่บนกำแพงเมือง เธอไม่รู้ว่าสถานการณ์ของเขาเป็นเช่นไร เพราะเธอไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเขา ฟลอร่ากระโดดลงมาจากหลังอาชาก่อนจะก้มมองลงไปข้างล่าง เธอเห็นเหล่าพสกนิกรของเธอที่นอนอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด บ้างก็นอนเป็นร่างไร้วิญญาณไร้หนทางที่จะพื้นกลับมา มือของฟลอร่ากุมกีตาร์ของเธอไว้แน่น เธอเริ่มเปล่งเสียงออกมา เสียงของเธอนั้นดังพอที่จะทำให้ผู้คนในสนามรบหยุดและหันมาที่เธอ เธอเริ่มใช้นิ้วของเธอดีดกีตาร์ไม้ที่เธอถืออยู่ เหล่าทหารชาวเอลฟ์ที่นอนอยู่บนพื้นเมื่อได้ยินเสียงบทเพลงนี้ก็เริ่มลุกขึ้นมา ราวกับว่าพวกเขาลืมความเจ็บปวดไปเสียหมดแล้ว เหล่าชาวเอลฟ์กุมดาบก่อนจะคำรามและพุ่งตรงยังไปเหล่ามนุษย์ที่กำลังอ่อนแรง เช่นเดียวกันกับเดนนิสที่ปัดดาบของแดริล ลอยก่อนจะปักที่พื้น แดริลใช้ดาบอีกข้างจะฟันเข้าที่ร่างของเดนนิส หากทว่าชายผมทองโยกหลบไปได้ก่อนที่จะใช้เท้าของเขาเตะไปยังข้อมือของแดริล แรงกระแทกทำให้ดาบของแดริลตกไปยังพื้น ถึงแม้ดาบทั้งสองเล่มของแดริลจะตกลงไปสู่แผ่นดินแล้ว แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้แดริลหยุดที่จะต่อสู้เขาพุ่งตรงมาพร้อมกับดาบที่เขาคาบอยู่ แต่เดนนิสนั้นก็หลบได้อีกครั้ง แดริลรีบหันกลับมา แต่เมื่อเขาหันกลับมาเขาก็เจอดาบของเดนนิสที่จ่อทึ่คอของเขา

“เจ้าแพ้แล้ว”

แดริลก็ได้ยินก็แค่หลับตาลงก่อนจะปล่อยดาบที่เขาคาบอยู่ลงสู่พื้น พร้อมกับยกมือทั้งสองข้างขึ้นเป็นสัญลักษณ์บอกว่าเขายอมรับความปราชัย เหล่าเอลฟ์เริ่มเคลื่อนตัวมา พวกเขาเริ่มเข้าใกล้กำแพงเมืองขึ้นเรื่อยๆ ฟลอร่าเห็นแล้วก็ได้แต่ยิ้มก่อนจะเธอจะหมดสติไป ชายในผ้าคลุมรีบคว้าร่างของเธอไว้ไม่ให้ร่างอันบอบบางของเธอกระทบกับผืนดิน ก็ไม่นานนักกำแพงเมืองก็ถูกเหล่าเอลฟ์ยึดครอง แอร่อนรีบนำทัพก่อนจะตรงไปยังปราสาท เหล่าประชากรของแดนมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่างจำนนให้กับเหล่าเอลฟ์ ชายผมขาวที่บนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยคราบเลือดตรงเข้าไปยังปราสาท เบื้องหลังของเขาเต็มไปด้วยเหล่าทหารชาวเอลฟ์ ในขณะที่เขาเดินไปยังห้องของผู้ดูแลนครนี้ ชายผมทองก็เดินฝ่าฝูงชนมาก่อนจะเดินเข้าไปข้างๆของแอร่อน ชายผมขาวเปิดประตูก่อนจะเห็นชายวัยกลางคนที่ยืนสั่นด้วยความกลัว

“โปรดอย่าฆ่าข้าเลย...ข้าจะยอมทำทุกๆอย่างเพื่อพวกท่าน” ชายวัยกลางคนร้องของชีวิต

แอร่อนมองหน้าของเดนนิสชั่วครู่ก่อนจะเดินตรงไปยังชายคนนี้ ชายผมขาวจับไปที่หัวไหล่ของชายวัยกลางคน มันทำให้ชายวัยกลางคนร่างกายของเขาหยุดสั่นกลัว หากทว่าแอร่อนใช้ดาบของเขาแทงเข้าไปที่หน้าท้องของชายวัยกลางคนนี้ เลือดของเขานั้นไหลออกจากริมฝีปากก่อนที่แอร่อนจะดึงดาบออกจากหน้าท้องของเขา เลือดนั้นกระเซ็นไปติดไปบนพื้นพรม เดนนิสที่ยืนอยู่ข้างหลังก็ได้แต่มองด้วยสายตาตกตะลึง แอร่อนหันไปมองก่อนจะใช้มือปาดเลือดของตัวเอง

“เจ้าไปบอกองค์ราชินีว่าเทศมนตรีแห่งนครนี้ฆ่าตัวตาย...ให้เอาขุนนางชาวเอลฟ์มาดูแลที่นี่แทน”

พูดจบแอร่อนก็เดินออกจากห้องไปทิ้งไว้แต่ร่างของชายวัยกลางคนที่นอนอยู่พื้นพรม เดนนิสไม่ได้พูดอะไรเขาแค่เอามือกุมปากของเขา เดนนิสหันไปมองแอร่อนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะเดินหายไปในกลุ่มของฝูงชน และสงครามในการบุกยึดแดนมนุษย์ก็ถูกปิดม่านลงด้วยชัยชนะของเหล่าเอลฟ์ และนี่ก็เป็นก้าวแรกของแอร่อนเท่านั้น ในหัวของเขายังมีอะไรที่เขาอยากทำอีกมากมาย
ขึ้นไปข้างบน Go down
 
Bell of Rebellion : Episode 4
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1
 Similar topics
-
» Bell of Rebellion : Episode 13
» Bell of Rebellion : Episode 14
» Bell of Rebellion : Episode 6
» Bell of Rebellion : Episode 15
» Bell of Rebellion : Episode 16

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: