Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Rumble School : 3

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
ฟ้ามืด
Superstar Grade B
Superstar Grade B
ฟ้ามืด


จำนวนข้อความ : 504
Join date : 30/04/2013
Age : 31
ที่อยู่ : μ's

Rumble School : 3 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Rumble School : 3   Rumble School : 3 EmptySun Oct 25, 2015 3:18 pm

“พร้อมแล้วใช่ไหม ถ้างั้น... เริ่มได้!”

ชินสุเกะที่เหงื่อตกและแลดูขาสั่นระริกเล็กน้อยจ้องนางิสะตาไม่กระพริบ เขาแลดูกล้าๆกลัวๆทำให้นางิสะตัดสินใจเข้ามาเป็นฝ่ายรุก เด็กสาวพุ่งเข้ารวบตัวชินสุเกะ เขารีบเบี่ยงตัวหลบได้อย่างหวุดหวิด เสี้ยววินาทีนั้นเขาอยู่ด้านหลังนางิสะพอดี เด็กหนุ่มจึงพุ่งเข้าไปรวบเอวโดยพยายามเลียนแบบมวยปล้ำที่เขาเคยดู

“อ๊าย! จับตรงไหนของนายน่ะ!!”
“อ๊ะ! ขอโท-”

ตุบ!!

นางิสะจับชินสุเกะทุ่มลงเบาะนวม เพราะเด็กหนุ่มคิดว่าตัวเองไปจับโดนอะไรที่ไม่ควรจับจึงปล่อยทำให้โดนเล่นทีเผลอ แผ่นหลังของชินสุเกะกระแทกเข้ากับเบาะเต็มๆ แม้มันจะกันกระแทกในระดับหนึ่ง แต่ก็รู้สึกเจ็บนิดๆ

“นางิสะหนึ่งแต้ม!”

ประธานมาคินะตะโกนขึ้น ชินสุเกะค่อยๆลุกขึ้นมาจากเบาะนวม โดยที่นางิสะมองเขาด้วยสายตาเชิดๆ

“อย่าประมาทสิชินสุเกะคุง มีสมาธิหน่อย”
“คะ... ครับ ประธานมาคินะ”

ชินสุเกะตบหน้าตัวเองเรียกสติ พลางสะบัดมือสะบัดขาหวังว่าจะช่วยลดอาการสั่นเป็นเจ้าเข้าได้บ้าง เมื่อพร้อมแล้วเขาก็ตั้งท่า พอสบโอกาสได้ก็พุ่งเข้าไปรวบตัวนางิสะ ทางฝ่ายรับหลบได้อย่างง่ายดายสมกับที่พื้นเพเดิมเป็นนักสู้บนสังเวียนโหด ก่อนที่จะจับชินสุเกะที่เสียหลักทุ่มลงกับเบาะอีกครั้งราวกับเดจาวู

“นางิสะสองแต้ม! อะไรกันบอกให้ออมมือไม่ใช่ให้ยอมแพ้นะชินสุเกะคุง”

ชินสุเกะอยากจะตะโกนกลับไปเหลือเกินว่านางิสะต่างหากที่ต้องออมมือให้เขา เพราะที่เขาทำอยู่นี่ก็เต็มกำลังที่มีแล้ว เด็กหนุ่มลุกขึ้นจากเบาะนวม เขาเข้าไปเป็นฝ่ายรุกอีกครั้ง และก็เช่นเดิม นางิสะหลบได้ และยังแถมด้วยการจับแขนของเขาหักลงไปเป็นท่าอาร์มบาร์อีกต่างหาก แน่นอนว่าคนอย่างชินสุเกะที่ไม่ได้มีทักษะเรื่องการต่อสู้มาตั้งแต่แรกได้ยอมแพ้ไปอย่างง่ายดาย

“นางิสะสามแต้ม! น่าทึ่งเหมือนกันนะเนี่ยนางิสะจัง ใช้ท่าจำพวกจับล็อคเป็นด้วยหรอ?”
“อะ... เอ่อ ก็เคยเห็นมาบ้างเลยทำตามแค่นั้นเองค่ะ แหะๆ”

ไม่ใช่เลย ต่อให้ท่าที่โหดกว่านี้เธอก็ทำเป็นทั้งนั้น ชินสุเกะลุกขึ้นพร้อมกุมแขนข้างที่ถูกใส่ท่าซับมิสชันเมื่อสักครู่ เรียกได้ว่านางิสะใส่แบบไม่เกรงใจเลยทีเดียว

ชินสุเกะพยายามสลัดความเจ็บปวดทิ้งไป และเริ่มลุยต่อ ในใจเขารู้ดีว่ายังไงก็เอาชนะนางิสะไม่ได้แน่นอน แต่ขอสักแต้มสองแต้มก็ยังดี ตอนนี้ยิ่งอยู่ต่อหน้าประธานด้วย

เด็กหนุ่มบุกเข้าไปอีกครั้ง คราวนี้นางิสะเลือกที่จะแลกกับเขาตรงๆ ต่างฝ่ายต่างใช้พละกำลังของตัวเองปะทะกับฝ่ายตรงข้าม กลายเป็นว่าแรงของเด็กสาวตัวเล็กๆอย่างนางิสะเอาชนะแรงของชินสุเกะได้ และเธอก็พลิกกลับพร้อมรวบเอวชินสุเกะจากด้านหลัง ก่อนที่จะทุ่มเขาลงไปบนเบาะนวมเหมือนหนังม้วนเดิมๆ

“นางิสะสี่แต้ม!”
“ให้ตายสิ! แรงเยอะชะมัด...”

ชินสุเกะบ่นพึมพำ พลางมองไปที่นางิสะซึ่งทำท่ายืดเส้นยืดสายเหมือนรอให้ชินสุเกะลุกขึ้น เมื่อเด็กหนุ่มลุกขึ้นเธอก็ตั้งท่าเตรียมพร้อมอีกครั้ง

“คิดสิคิด... ต้องทำยังไงถึงจะได้สักแต้ม”

เด็กหนุ่มคิดอะไรไม่ออก แมตช์มวยปล้ำต่างๆที่เคยดูไหลเวียนเข้ามาในหัวแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรนัก เพราะการแข่งขันมันต่างกัน เขาพุ่งเข้าไปหานางิสะทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองควรทำยังไง ทั้งคู่แลกพละกำลังกันอีกครั้ง และก็เหมือนเดิม นางิสะเหนือกว่าและกำลังจะพลิกตัวไปด้านหลังของชินสุเกะ ทว่าเธอกลับล้มลงไปบนเบาะนวมซะเอง

“ชินสุเกะหนึ่งแต้ม! สี่ต่อหนึ่งแล้ว เริ่มเอาจริงแล้วสินะชินสุเกะคุง”

นางิสะซึ่งเป็นฝ่ายลงไปกองเป็นครั้งแรกดูแปลกใจว่าล้มลงไปได้ยังไง ชินสุเกะก็ดูไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ว่าตนได้แต้มแล้ว ในขณะที่นางิสะกำลังจะลุกชินสุเกะก็ยื่นมือมาให้ เธอมองสักพักก่อนที่จะจับมือและเขาก็พยุงตัวเธอขึ้นมา

“ไม่เลวนี่ ฉันคงประมาทไปนิด แต่ไม่มีพลาดเป็นครั้งที่สองหรอก”

ชินสุเกะทำหน้างงๆ ตัวเขาเองยังไม่รู้ตัวเลยว่าทำอะไรลงไป แต่อย่างน้อยชินสุเกะก็ได้มาหนึ่งแต้มซึ่งทำให้เขาใจชื้นขึ้นมาบ้าง

นั่นเหมือนเป็นกำลังใจสำคัญที่ทำให้ชินสุเกะพุ่งเข้าไปจู่โจมนางิสะอีกครั้ง

----------------------------------------------------

“อื้ม... ชาที่ฟูจิคุงชงยังไงก็อร่อยจริงๆนั่นแหละ”

หญิงสาวในชุดนักเรียนนั่งพับขาถือถ้วยน้ำชาที่มีควันพวยพุ่งและดื่มมันด้วยสีหน้าสุขเหลือล้น เธออยู่กับเด็กหนุ่มผมสีดำอีกคนซึ่งอยู่ในชุดนักเรียนเหมือนกัน ภายในห้องที่ทั้งสองอยู่มีตัวอักษรติดเอาไว้บนผนังตัวโตๆว่า ‘ยินดีต้อนรับสู่ชมรมยูโด’

“แต่คราวหลังถ้าบาดเจ็บแบบนี้ไม่ต้องก็ได้ ไปพักผ่อนเถอะ”
“ผมสบายดีครับประธาน”

ฟูจิพูดพลางใช้ผ้าเปียกหมาดๆเช็ดไปตามตู้กระจกที่ข้างในเต็มไปด้วยรางวัลต่างๆที่ชมรมยูโดของเขาเคยได้ เขามองลอดผ่านกระจกไปยังโซนที่เป็นโรงฝึกยูโดซึ่งยังคงว่างเปล่าและเงียบสงบ ตอนนี้มีเพียงเขาและประธานชมรมที่อยู่ในห้องพักผ่อนเท่านั้น

“แต่ฟูจิคุงนี่ก็โชคร้ายจังเลยน้า มาเจอกับอริเก่าจากเซนไดซะได้ แถมเจ้าพวกนั้นยังเล่นสกปรกอีก”

ประธานพูดพลางจิบน้ำชา

“แต่ก็โชคดีนะที่มีคนมาช่วยไว้ทัน อยากรู้จังเลยน้าว่าใคร จะได้ชวนมาอยู่ชมรมยูโดสักหน่อย”

ฟูจิไม่ตอบอะไรแต่แค่หัวเราะในลำคอเบาๆ ประธานชมรมดื่มน้ำชาจนหมดแก้วก่อนที่จะวางไว้บนโต๊ะน้ำชาตรงหน้า เธอเหลือบมองนาฬิกาแขวนบนผนัง เมื่อรู้ว่าเป็นเวลาเท่าไหร่เธอก็หยิบกระเป๋านักเรียนของตัวเองขึ้นมา

“ฉันกลับก่อนนะฟูจิคุง จะกลับพร้อมฉันไหม?”
“ประธานกลับไปก่อนได้เลยครับ ผมขอทำความสะอาดต่ออีกนิดหน่อย”

ประธานชมรมพยักหน้าพร้อมยิ้มนิดๆแม้รู้ว่าฟูจิไม่ได้หันมามองก่อนที่จะเปิดประตูห้องชมรมออกไป เสียงเปิดและปิดประตูทำให้ฟูจิใช้หางตามองนิดๆก่อนที่จะจดจ่อกับการทำความสะอาดห้องต่อ เพียงชั่วครู่ประตูห้องชมรมก็ถูกเปิดอีกครั้ง นั่นทำให้ฟูจิหยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่แล้วหันไปทางประตู

“ประธานลืมของหรอครับ?”

ฟูจิถามออกไปแบบนั้นก่อนที่จะหยุดชะงักเหมือนเห็นว่าผู้ที่เข้ามาในห้องไม่ใช่ประธาน แต่กลับเป็นชายผมสีเทาที่มีรอยยิ้มประทับบนใบหน้า ชุดที่เขาใส่เป็นชุดนักเรียนสีแดง ใช่... ยูนิฟอร์มของพวกเซนไดที่ทำร้ายเขาเมื่อวาน

“มิยาโมโตะ คิซารุ”

ฟูจิพูดชื่อของชายผู้มาเยือนพร้อมทิ้งผ้าในมือแล้วตั้งการ์ดขึ้นมาราวกับเป็นสัญชาตญาณของนักสู้เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรู

“แกมาทำอะไรที่นี่...”
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมไม่ได้มาทำร้ายคุณ ผมจะมาขอโทษเรื่องเมื่อวาน ที่คนโรงเรียนของผมได้กระทำการเสียมารยาทกับคุณไป”

แม้คิซารุจะพูดแบบนั้น  แต่ดาบไม้ในฝักสองเล่มที่เขาสะพายมาทำให้ฟูจิหวาดระแวงไม่น้อย

“แกแน่ใจหรอว่ามีธุระแค่นั้น?”
“จริงๆก็มีอีกอย่างนะครับ”
“พวกลูกกระจ๊อกของแกไม่มาด้วยหรือไง?”
“อ้อ... ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกครับ อย่างน้อยๆสี่คนนั้นก็คงเดินมาถึงนี่ไม่ได้หรอก ไม่สิ ต้องบอกว่าเดินไม่ได้อีกสักพักเลยล่ะ คนที่ทำผิดก็ต้องถูกลงโทษจริงไหมครับ?”
“พูดอะไรของแก!?”
“บทลงโทษเล็กๆน้อยๆของผมไงครับ ก็แค่ใช้ดาบไม้สะกิดขานิดๆหน่อยๆจนกระดูกหักเท่านั้นเอง”
“ขนาดพวกของแกเองแกยังทำถึงขนาดนั้นเลยหรอ?”
“ช่างเรื่องนั้นเถอะครับ ผมมีเรื่องสำคัญมากกว่านั้นจะถามคุณ ยังไงก็ขอความกรุณาด้วยนะครับ”

คิซารุค่อยๆหยิบโทรศัพท์สมาร์ทโฟนออกมาจากกระเป๋า เขาสัมผัสหน้าจอไปมาจนเจอกับสิ่งที่เขาต้องการ แล้วจึงหันด้านที่เป็นหน้าจอให้ฟูจิได้ดู

“ผมมาตามหาเด็กผู้หญิงคนนี้ หวังว่าคุณคงจะรู้จักนะครับ”

เมื่อฟูจิเห็นรูปที่อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ของคิซารุแล้ว สีหน้าของเขาแสดงถึงความประหลาดใจในเสี้ยววินาทีก่อนที่จะกลับไปเป็นสีหน้านิ่งดังเดิม เมื่อคิซารุเห็นดังนั้นจึงเลิกคิ้ว และมั่นใจว่าฟูจินั้นจะต้องรู้ในสิ่งที่เขากำลังอยากรู้อย่างแน่นอน

ใช่... รูปที่อยู่บนหน้าจอนั้นเป็นรูปของเด็กสาวที่ฟูจิรู้จักดี

เด็กสาวผมสีทองและผูกโบว์สีแดงสดอันเป็นเอกลักษณ์

เด็กสาวที่อัดพวกเซนไดจนกระเจิงและช่วยชีวิตเขาไว้

เด็กสาวที่ชื่อ ไซโต้ นางิสะ

----------------------------------------------------

“กลายเป็นว่ายืดเยื้อกว่าที่คิดนะ”

นางิสะพูดพลางดื่มน้ำในขวดแล้วใช้ผ้าขนหนูเช็ดเม็ดเหงื่อที่อยู่ตามใบหน้า ไม่ต่างอะไรกับชินสุเกะที่อยู่ในสภาพเหงื่อท่วมทั้งตัวไม่แพ้กัน ท่าทางทั้งคู่จะใช้แรงจากการแข่งมวยปล้ำอุ่นเครื่องไปเยอะมากเลยทีเดียว

“ถึงแต้มจะขาดลอยสิบต่อหนึ่งก็เถอะ แต่นายก็พยายามได้ดีใช้ได้เลยนะ”
“ไม่ต้องย้ำเรื่องแต้มมากก็ได้ ให้ตายสิ ฉันจะไปเอาชนะนักสู้ MMA แบบเธอได้ยังไงกัน?”

หลังจากที่ชินสุเกะได้แต้มมาแบบงงๆหนึ่งแต้มเขาก็ไม่สามารถทำแต้มเพิ่มได้อีกเลย แต่ถึงกระนั้นเขาก็พยายามเรียนรู้และยืดเยื้อการแข่งขันได้นานจนเวลาก็ล่วงเลยมาพอสมควร ประธานมาคินะจึงเลื่อนการฝึกท่ามวยปล้ำพื้นฐานที่ตั้งใจจะฝึกวันนี้ไปเป็นวันอื่นแทนและขอตัวกลับไปก่อน เหลือเพียงสมาชิกชมรมทั้งสองอยู่ในโรงยิมเพียงลำพังเท่านั้น

“นายรีบกลับบ้านหรือเปล่า?”
“หืม? ก็ไม่นะ”
“เราไปเยี่ยมรุ่นพี่ฮาเซกาวะอีกทีดีไหม?”
“ก็ได้อยู่นะ แล้วมีธุระอะไรกับรุ่นพี่เขาอีกล่ะ?”
“เปล่าหรอก ก็แค่อยากไปเยี่ยมแล้วก็ไปดูบรรยากาศที่ชมรมยูโดด้วย ตอนนี้รุ่นพี่น่าจะอยู่ที่ชมรมนะ ฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนล่ะ”

นางิสะลุกขึ้นพร้อมคว้ากระเป๋าที่มีชุดนักเรียนของเธอไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าหญิง ชินสุเกะเห็นแบบนั้นจึงตัดสินใจไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าชายแล้วเปลี่ยนกลับเป็นชุดนักเรียนดังเดิม เมื่อเขาออกมาที่โรงยิมก็เห็นนางิสะในชุดนักเรียนยืนรออยู่ก่อนแล้ว พอเธอเห็นชินสุเกะก็พยักหน้าให้ ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินไปที่ชมรมยูโดด้วยกัน

ไม่นานนักทั้งคู่ก็มาถึงหน้าชมรมยูโด บรรยากาศโดยรอบยังคงเงียบสงบเหมือนเช่นเคย นางิสะเดินไปที่หน้าประตูชมรมและกำลังจะเคาะประตู แต่ก็ชะงักเมื่อพบว่าประตูนั้นถูกเปิดแง้มเอาไว้

“เอ๋? ประตูเปิดอยู่”

นางิสะขมวดคิ้วสงสัย

“รุ่นพี่ฮาเซกาวะ? ขอเข้าไปนะคะ”

นางิสะพูดขึ้นแล้วถือวิสาสะเปิดประตูชมรมเข้าไป เช่นเดียวกับชินสุเกะที่อยู่ด้านหลังก็ชะเง้อเข้าไปมองด้านในห้องชมรม เมื่อประตูถูกเปิดออกทั้งคู่ก็เห็นรุ่นพี่ชมรมยูโดที่ทั้งสองตามหา

“รุ่นพี่ฮาเซกาวะ เอ๊ะ?”

นางิสะเอ่ยเรียกชื่อของฟูจิก่อนที่จะหยุดเมื่อพบว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว แวบแรกเธอคิดว่าอีกคนคงเป็นสมาชิกในชมรมยูโด แต่เมื่อเห็นบุคคลดังกล่าวอยู่ในชุดยูนิฟอร์มสีแดงก็รู้ได้ทันทีว่าไม่ใช่

เมื่อฟูจิเห็นนางิสะเขาก็คิดว่าเธอกำลังมาอยู่ผิดที่ผิดเวลาเสียแล้ว ชายในชุดยูนิฟอร์มสีแดงหันไปหานางิสะ หน้าปกติของเขาที่เปื้อนยิ้มอยู่แล้วยิ่งฉีกยิ้มกว้างเมื่อเห็นเธอ

“ในที่สุดก็ได้เจอคุณสักที ไซโต้ นางิสะ”
“นายเป็นใคร? รู้ชื่อฉันได้ยังไง?”

นางิสะถามขึ้นพลางถอยห่างออกไปเล็กน้อยด้วยความรู้สึกไม่ไว้วางใจ

“ไม่ต้องกลัวไปหรอกครับ ผมชื่อมิยาโมโตะ คิซารุ ผมแค่อยากจะเจอเด็กผู้หญิงที่อัดคนของผมจนเละเทะด้วยตัวคนเดียวก็เท่านั้นเองครับ”
“แล้วนายต้องการอะไร?”
“ก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากมายหรอกครับ ผมก็แค่มาดูให้เห็นกับตาเท่านั้นเองว่าสิ่งที่คนของผมพูดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า”
“พูดอะไรของนาย?”
“การที่จะพิสูจน์ได้ว่าเรื่องนี้จริงหรือไม่จริง ก็มีแต่ต้องให้คุณมาสู้กับผมเท่านั้น”

เมื่อคิซารุบอกเจตนาของตนแล้ว ชินสุเกะก็ก้าวขึ้นมาข้างหน้าของนางิสะแล้วกางแขนทั้งสองข้างของตนบังเธอไว้

“ถ้าแกจะทำอะไรนางิสะจังจะต้องผ่านฉันไปก่อน”

คิซารุไม่พูดอะไร สายตาของเขาไม่ได้มองไปที่ชินสุเกะเลยด้วยซ้ำ ทำให้เด็กหนุ่มเริ่มหัวเสียแล้วตะโกนขึ้น

“อย่าทำเป็นเมินฉันนะเฟ้ย!”

ชินสุเกะพุ่งเข้าไปหาคิซารุแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง นางิสะกำลังจะร้องห้าม แต่แค่พริบตาเดียวเท่านั้นเด็กหนุ่มก็ลงไปกองบนพื้นพร้อมกับกุมท้องของตนเองและร้องด้วยความเจ็บปวด ทุกอย่างมันรวดเร็วมากโดยที่ไม่มีใครสามารถมองได้ทัน คงมีเพียงคิซารุเท่านั้นที่รู้ว่าตัวเองได้ทำอะไรลงไป

“รู้ตัวว่ากระจอกแล้วยังอยากจะโชว์สาวอีก ไม่ไหวเลย”

คิซารุเย้ยหยันและมองผู้ที่กองอยู่บนพื้นด้วยสายตาเหยียดหยาม ชินสุเกะกัดฟันกรอดพร้อมทั้งพยายามที่จะคลานและเอื้อมมือของตนไปจับขาคิซารุ แต่กลับถูกเหยียบมือข้างดังกล่าวอย่างไม่ใยดี แต่แล้วคิซารุก็ต้องรีบยกแขนขึ้นมาป้องกันใบหน้าเมื่อถูกลูกเตะปริศนาพุ่งเข้ามาปะทะ แม้จะป้องกันได้อย่างหวุดหวิดแต่ร่างของเขาถอยไปจนเกือบกระแทกกับกำแพง ถึงจะถูกจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวแต่คิซารุกลับยิ้มอย่างพออกพอใจ เมื่อเห็นว่าเจ้าของลูกเตะปริศนานั้นคือนางิสะ

“ปีศาจที่อยู่ในตัวของคุณ เริ่มเผยตัวออกมาแล้วสินะ”

นางิสะรีบเข้าไปดูอาการของชินสุเกะโดยไม่สนใจคำพูดของคิซารุ ด้านฟูจิเองก็เดินเข้ามาดูอาการด้วยคน เด็กสาวพยายามประคองร่างของชินสุเกะขึ้นมา ดูจากภายนอกเขาเหมือนไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่แรงที่ปะทะเข้ากับช่วงท้องของเขาดูจะหนักพอสมควร บางทีอวัยวะภายในอาจจะได้รับการกระทบกระเทือนก็เป็นได้

“เป็นอะไรไหมชินสุเกะคุง?”
“แค่นี้จิ๊บๆน่า แค่กๆ”
“รุ่นพี่ฮาเซกาวะคะ! ช่วยพาชินสุเกะคุงไปห้องพยาบาลด้วยค่ะ”
“แล้วเธอล่ะ?”

ฟูจิถามขึ้น นางิสะยังไม่ตอบอะไรแต่ส่งสายตาโกรธแค้นไปยังคิซารุ

“ถ้าหมอนี่อยากจะสู้กับฉันนัก ฉันก็จะจัดให้ค่ะ”
“แต่คุณไซโต้ไม่อยากจะสู้ไม่ใช่หรอ? เจ้าหมอนี่ให้ฉันจัดการเองก็ได้”
“ใช่... ฉันไม่อยากต่อสู้”

นางิสะลุกขึ้น เธอกำหมัดแน่น

“แต่ถ้าทำเพื่อปกป้องเพื่อน มันก็อีกเรื่องนึงล่ะนะ”

เมื่อฟูจิเห็นสายตาอันแน่วแน่ของนางิสะที่หันมองกลับมา เขาก็พยักหน้าเล็กๆแล้วค่อยๆพยุงร่างของชินสุเกะที่บาดเจ็บขึ้นมาและพาร่างของเขาออกจากห้องชมรม

“แล้วฉันจะรีบกลับมาช่วย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ลืมไปแล้วหรอคะว่าฉันเคยซัดพวกเซนไดสองสามคนด้วยตัวคนเดียวมาแล้ว แค่ไอ้ชั่วตัวเดียวอย่างไอ้หมอนี่สบายมากค่ะ”

ฟูจิยิ้มมุมปากเล็กๆเมื่อได้ยินดังนั้น หลังจากที่เขาพาชินสุเกะออกไปแล้ว นางิสะก็มองไปทางคิซารุแล้วสะบัดหน้าไปทางโซนที่เป็นโรงยิมของชมรมยูโด เหมือนกับเป็นสัญญาณว่าที่นั่นจะเป็นสนามต่อสู้ของเธอและเขา ชายผมเทายิ้มกว้างจนเห็นไรฟันเมื่อสิ่งที่เขาต้องการตั้งแต่แรกบรรลุผล พร้อมก้าวออกไปยังโซนที่เป็นโรงยิมโดยที่นางิสะเองก็เดินตามออกไปเช่นเดียวกัน

“ถ้างั้นก็-”

ปั่ก!!

ยังไม่ทันที่คิซารุจะพูดจบ เขาก็ถูกนางิสะเตะเข้าที่ก้านคออย่างจังโดยที่ไม่สามารถป้องกันได้ทัน แรงปะทะเช่นนั้นถ้าเป็นคนทั่วไปล่ะก็คงหมดสติไปแล้ว แต่คิซารุเพียงแค่เซไปตามแรงปะทะเท่านั้น ก่อนที่เขาจะกลับมายืนตั้งหลักดังเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“คุณนี่น่าสนใจจริงๆนะครับ ไซโต้ นางิสะ”

ชายผมเทาหัวเราะชอบใจ เขาใช้มือทั้งสองข้างหักคอของตนเองไปมาจนเกิดเสียงดังกร๊อบแกร๊บดูน่าหวาดเสียว ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้นสุดขีด

“ชักจะสนุกขึ้นมาแล้วสิ”
ขึ้นไปข้างบน Go down
 
Rumble School : 3
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1
 Similar topics
-
» Rumble School : 2
» Rumble School : 4
» Rumble School : 5
» Rumble School : 6
» Rumble School : 7

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: