Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Exchange EP 3

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
DanielsoN
Xiao Mei's Husband
Xiao Mei's Husband
DanielsoN


จำนวนข้อความ : 2272
Join date : 19/09/2010
Age : 29

Exchange EP 3 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Exchange EP 3   Exchange EP 3 EmptyThu Aug 11, 2016 10:23 pm

ผมยืนบนสนามหญ้า ท่ามกลางแสงแดดอ่อนๆที่ส่องมาตัวผม ท้องฟ้านั้นเป็นสีฟ้าครามมีก้อนเมฆ ผมสวมเสื้อยืดสีขาวพร้อมกับกางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน ข้างๆผมนั้นคือโรบิ้น ผมเหลือบไปมองเขา มันทำให้ร่างกายที่บอบบางและดูน่าทะนุถนอมของเขา บางทีผมก็รู้สึกเสียดายว่าทำไม “โรบิ้น” ไม่ใช่ผู้หญิง

นอกจากโรบิ้นนั้นก็ยังมีคนอื่นๆอยู่ด้วย ที่ผมใช้คำว่าคนอื่นๆ เพราะคนพวกนี้ผมไม่รู้จัก ในกลุ่มที่อยู่กับผมนั้นทั้งหมดเป็นผู้ชาย นี่คือวิชาพละ ผู้ชายกับผู้หญิงจะเรียนแยกกัน ในขณะที่พวกเรายืนอยู่นิ่งๆนั้น ผมก็ได้ยินเสียงใครบางคนที่เดินย่ำบนพื้นหญ้าดังขึ้นมา ด้วยความที่ผมไม่ได้ยืนแถวหน้าสุด ผมจึงถูกคนสูงกว่าบัง ผมมองเห็นไม่ชัดว่าใครเป็นเจ้าของฝีเท้าแต่เท่าที่รู้คือเขาเป็นคนตัวใหญ่ เขาหยุด ก่อนจะมองมาที่พวกเรา

“สวัสดีทุกคน ชั้นเอริค เกล เป็นครูสอนวิชาพละของพวกนาย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงน่าเกรงขาม
“พวกเธออาจจะมองว่าวิชาพละไม่สำคัญ แต่สำหรับชั้นไม่ใช่แบบนั้น บนสนามหญ้านี้ ชั้นเป็นเจ้าของที่นี่”

“ชั้นกฎอยู่สามข้อ ไม่เยาะแหยะ ไม่อู้ ไม่ป้อแป้ นี่คือกฎของชั้น เข้าใจนะ?” เอริค เกล ตะโกนถาม
“ครับ” นักเรียนชายทุกคนตะโกนตอบรับ
“ชั้นไม่ได้ยิน เข้าใจไหม?!” เขาตะโกนถามใหม่
“ครับ!!” พวกเราทุกคนตะโกนอีกครั้งแต่กว่าเดิม

“ถ้างั้นไปวอร์มซะ ชั้นให้เวลาห้านาที วันนี้เราจะวิ่งรอบสนามห้ารอบกัน!!” ชายคนนี้ตะโกนก่อนจะเป่านกหวีด
“ปี๊ดดด”

สิ้นเสียงนกหวีดของเขาก็ทำให้เหล่านักเรียนก็แยกย้ายกัน เมื่อนักเรียนแยกย้ายกันออกไป ก็ทำให้ผมได้เห็นหน้าครูสอนชัดๆ เขาเป็นชายผมดำ เขามีหนวดอยู่บริเวณใต้จมูกของเขา มันเป็นหนวดที่ไม่ยาวนัก แต่ก็ไม่ใช่หนวดที่สั้นนิดเดียว ผมของเขานั้นค่อนข้างสั้น ดวงตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและจริงจัง ผมเดินไปหาโรบิ้นก่อนจะเริ่มวอร์มด้วยกัน ในขณะที่ผมกำลังยืดแข้งยืดขานั้น ผมก็ได้ยินเสียงของใครบางคนตรงมาทางเรา ผมเงยหน้ามองขึ้นไปก่อนจะเจอกับชายที่ค่อนข้างสูง ทรงผมของเขานั้นค่อนข้างประหลาด ขาสวมแว่นตา และมีผิวแทน

“โย่ โรบิ้น” ชายเจ้าของทรงผมประหลาดเอ่ยปากทักทาย
“สวัสดี วิลลี่” โรบิ้นตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“อ่อใช่ ซาโทรุ นี่เพื่อนของชั้นเอง วิลลี่” ชายผมสีทรายหันหาผมพร้อมกับแนะนำชายคนนี้ให้ผมรู้จัก

บางทีผมก็แอบคิดว่าโรบิ้นนั้นเป็นเพื่อนกับทุกคนในโรงเรียนแห่งนี้

“โย่ ซาโทรุ ชั้นวิลลี่ โย โระ ชิ กู้ว์” วิลลี่พูดกับผม
“เอ่อ ยินดีที่รู้จักครับ”

คำว่าโยโระชิกู้ว์ที่วิลลี่พูดเมื่อกี้ มันแปลว่า “ยินดีที่ได้รู้จักในภาษาญี่ปุ่น” เขาเป็นคนที่ดูสนุกดี พวกเราคุยเล่นกันพลางที่เราวอร์มอัพ เมื่อครบห้านาทีนั้น ครูสอนพละของพวกเราก็เป่านกหวีด พวกเราไปรวมตัวบนสนามหญ้า และรอสัญญาณอีกครั้ง เมื่อเราได้ยินสัญญาณ (หรือก็คือเสียงนกหวีด) พวกเราก็วิ่งออกไป การวิ่งสนามฟุตบอลห้ารอบนั้นสำหรับผมไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว ผมสามารถเกาะกลุ่มไปกับพวกนักกีฬาในห้องได้สบายๆ

ผมวิ่งครบห้ารอบด้วยเวลาที่ใช้ได้ ตัวผมตอนนี้นั้นฉุ่มไปด้วยเหงื่อ ผมหยุดก่อนจะกวาดสายตาหาโรบิ้น ผมเห็นโรบิ้นอยู่ท้ายๆของขบวน ผมยืนรอเขา เขาใช้หลังจากผมประมาณหนึ่งนาทีในการเข้าสู่เส้นชัย เมื่อเขาเข้าถึงเส้นชัย เขาก็จับเข่าของตัวเองก่อนจะหอบด้วยความเหนื่อยล้า

“โอเคไหม?” ผมถามโรบิ้น
“มะ ไม่เป็นไร...ชั้นโอเค” โรบิ้นพูดพลางหอบไปด้วย
“ดูยังไง นายก็ไม่โอเค ไปนั่งพักก่อนไหม?” ผมถาม

ชายผมสีทรายพยักหน้า ผมกับโรบิ้นเดินตรงไปยังม้านั่งที่อยู่ข้างๆกรงสีเขียว เราสองคนนั่งลงไปบนม้านั่ง โรบิ้นนั้นยังดูเหนื่อยมาก ไม่แปลกใจเท่าไหร่ ด้วยร่างกายที่บอบบางของเขา มันก็ทำให้ผมเดาได้ว่าเขาไม่ค่อยออกกำลังกายเท่าไหร่ ในขณะที่เราสองคนนั่งพักอยู่นั้นวิลลี่ก็เดินตรงมา

“สุดยอดไปเลยนะซาโตรุ นายวิ่งไล่พวกนักกีฬาทันด้วย” วิลลี่ด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
“ตอนชั้นอยู่ ม.ต้น ชั้นอยู่ชมรมกรีฑาน่ะ” ผมตอบกลับ
“สมแล้วที่เป็น ซามูไร บอย ต้องฝึกฝนร่างกายเรื่อยๆ” ชายผิวแทนพูดต่อ

ไม่รู้เหมือนกันว่า “ซามูไร บอย” นั่นคืออะไร แต่ผมก็ได้แต่หัวเราะแห้งๆกลับไป หลังจากที่พวกเราวิ่งกันเสร็จ เอริคก็ปล่อยให้เราทำอะไรก็ได้ ตราบใดที่เรายังอยู่ในสนามหญ้านี้ ผมกับโรบิ้นนั่งอยู่บนม้านั่งตัวเดิม ส่วนวิลลี่ก็ยืนพิงกรงสีเขียวและคุยกับพวกผมไปด้วย

“เห...วิลลี่นี่ดูดวงได้หรอ?” ผมเอ่ยปากถาม
“แม่นแล้ว ชั้นสามารถดูดวงได้ ชั้นดูเป็นอาชีพเลยล่ะ” วิลลี่พูดด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ
“วิลลี่เป็นคนที่ดูดวงแม่นมากเลยล่ะ” โรบิ้นเสริม

“ถ้าว่างๆชั้นดูดวงให้ก็ได้ แต่ฟรีแค่ครั้งแรกนะ” วิลลี่พูดกับผม
“อ่า ขอบใจ” ผมตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

เราใช้เวลาคุยกันจนหมดวิชา ซึ่งวิชาพละนี้เป็นวิชาสุดท้าย ซึ่งก็ดี ผมไม่อยากจะนั่งเรียนวิชาต่อไปด้วยสภาพเหม็นเหงื่อแบบนี้ พวกเราแต่งตัวกลับมาเป็นเครื่องแบบนักเรียน เรื่องตลกคือไม่มีใครกล้ามองโรบิ้นเวลาแต่งตัวเท่าไหร่นัก เช่นเดียวกันกับผม เหมือนกับทุกคนรู้สึกว่าโรบิ้นเป็นผู้หญิงอะไรอย่างนั้น

“ให้ตายซิ เวลาชั้นเปลี่ยนเสื้อผ้า ชั้นอึดอัดชะมัดเวลามีโรบิ้นอยู่ด้วย” วิลลี่พูดในขณะที่พวกเราเดินอยู่ในทางยาว
“นายจะอึดอัดอะไร ชั้นเป็นผู้ชายนะ” โรบิ้นพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเท่าไหร่นัก
“ผู้ชายที่น่าเหมือนผู้หญิง” ผมเอ่ยปากแซว

โรบิ้นทำแก้มป่องมองผมด้วยสีหน้าไม่พอใจเท่าไหร่ ผมหัวเราะตอบกลับไป ในขณะที่พวกเราเดินอยู่นั้นผมก็หยุดก่อนจะหันไปบอกโรบิ้นและวิลลี่

“ชั้นขอเอาของไปเก็บในล็อคเกอร์ก่อนละกัน”
“งั้นพวกเรารอตรงนี้นะ” โรบิ้นพูดกับผม

ผมพยักหน้าก่อนจะวิ่งตรงไปยังล็อคเกอร์ ที่ญี่ปุ่นนั้นไม่มีล็อคเกอร์อะไรแบบนี้ ซึ่งส่วนตัวผมแล้วผมก็อยากให้ญี่ปุ่นมีอะไรแบบนี้ เพราะการที่ผมได้เก็บหนังสือที่นี่มันช่วยให้ผมลดน้ำหนักออกจากกระเป๋าได้เยอะ ถ้าผมไม่มีการบ้านผมก็เก็บหนังสือไว้ที่นี่ ผมจะได้ไม่ลืมด้วย เวลาผมเอาของออกจากกระเป๋า

ผมเดินตรงไปยังล็อคเกอร์ของผม ผมหยิบกุญแจออกมา ผมไขกุญแจเปิดประตูล็อคเกอร์ของผม ผมรู้เพราะมันมีชื่อของผมเขียนอยู่ ข้างในนั้นมีหนังสือของเมื่อวานวางอยู่ แต่มันมีสิ่งนึงที่ไม่ควรมีอยู่ด้วย มันคือจดหมายในซองสีขาวที่วางอยู่บนยอดของหนังสือ ดูเหมือนจะมีใครบางคนสอดมันผ่านช่องของประตูล็อคเกอร์ ผมหยิบมันขึ้นมาก่อนจะเปิดอ่าน มันเขียนอะไรนะ? ผมนึกสงสัยพลางเปิดซองช้าๆ

”ออกห่างยัยร่านนั่นซะ อย่าหาว่าชั้นไม่เตือน”

มันเป็นข้อความเขียนด้วยสีแดง มันทำให้ผมตกใจ ยัยร่านที่อยู่จดหมายฉบับนี้หมายถึงคงเป็น “อีฟ” แต่ใครเขียนมาล่ะ? หัวของผมนั้นสับสนไปหมด

“ซาโทรุ มีอะไรรึเปล่า?” โรบิ้นตะโกนถามผม
“เปล่าๆ ไม่มีอะไร” ผมโยนจดหมายฉบับนี้กลับเข้าไปในตู้ก่อนจะปิดตู้ล็อคเกอร์
“กลับกันเถอะ” ผมเดินกลับไปบอกกับทั้งสองที่ยืนรอผมอยู่

พวกเราสามคนแยกกัน โรบิ้นไปซ้อมละครเวทีเหมือนเมื่อวาน ส่วนวิลลี่ไปทำงานหมอดูของตัวเอง ส่วนผมก็กลับบ้าน รอบนี้ผมไม่หลงเหมือนเมื่อวานและผมก็ถึงบ้านของตัวเอง ผมเดินเปิดประตูไป และเมื่อผมเปิดประตูนั้นผมก็เห็นลูคัสนั่งอยู่บนโซฟา เขาอยู่ในเสื้อเชริต์ของเขาและกางเกงขายาวสีดำ ดูเหมือนเขาจะพึ่งกลับมาจากที่ทำงาน สายตาของเขานั้นจับจ้องไปที่ทีวี เขาหันมาหาผม

“อ้าวกลับมาแล้วเรอะ?” ลูคัสเอ่ยปากถาม
“ครับ” ผมพยักหน้า
“แล้วคุณลูคัสทำอะไรอยู่หรอครับ?” ผมเอ่ยปากถามบ้าง
“ดูบอลน่ะ มาดูด้วยกันไหม?” ชายผมสีเทาเอ่ยปากถาม

ผมเดินไปก่อนจะนั่งข้างๆกับลูคัส บนจอนั้นผมเห็นนักวิเคราะห์ประมาณสองคนนั่งคุยกัน มุมขวาล่างนั้นมีเวลาที่เกมกำลังจะเริ่มขึ้น และเมื่อเวลาหมดลง ภาพบนจอนั้นก็ตัดไปยังสนามที่มีผู้เล่นของทั้งสองทีมยืนอยู่ ผมเป็นคนดูบอลนะ แต่ก็ไม่ได้จริงจังไรขนาดนั้น ผมไม่ได้รู้ถึงขนาดว่าทั้งทีมมีใครบ้าง แต่อย่างน้อยๆ ผมก็พอรู้ว่ามันเป็นผู้เล่นของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ส่วนข้างๆนั้นถ้าจำไม่ผิดก็น่าจะเป็นของบอร์นมัธละมั้ง ผมเห็นชายผมสีทรายยืนนำหน้าผู้เล่นของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ซักพักเขาก็ตะโกนเพื่อกระตุ้นเพิ่มร่วมทีมของเขาก่อนจะเดินออกจากอุโมงค์พร้อมกับผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม

“จะว่าไป คุณลูคัส เชียร์ทีมไหนหรอครับ?” ผมหันไปถามลูคัสที่นั่งบนโซฟา
“ชั้นเรอะ แมนยูน่ะ” เขาตอบผม
“ผมนึกว่าคุณลูคัสจะเชียร์ทีมในลอนดอนซะอีก” ผมพูดด้วยความประหลาดใจ
“ชั้นเกิดที่แมนเชสเตอร์น่ะ แต่ชั้นย้ายมาทำงานที่นี่” เจ้าของบ้านอธิบายให้ผมฟัง

ผมพยักหน้าก่อนจะนั่งดูฟุตบอลบนจอแก้ว รูปเกมนั้นฝั่งแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดนั้นพยายามบุกอยู่หลายครั้ง แต่ดูเหมือนก็ยังเจาะไม่เข้าเสียที ลูคัสออกอาการหงุดหงิดให้ผมเห็นอยู่เรื่อยๆ พร้อมกับสบถทุกครั้งเมื่อรูปเกมไม่เป็นใจ ซึ่งทำให้โรเซนที่อยู่ในครัวต้องตะโกนบอกอยู่เรื่อยๆว่าลูคัสกำลังเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีกับผม ทางทีมคู่ต่อสู้ก็พยายามบุกคืน และมีโอกาสหวาดเสียวเหมือนกัน ในที่สุดครึ่งแรกก็จบลงด้วยสกอร์ 0-0

“โทษทีนะที่ชั้นสบถ พอชั้นดูบอลแว้ชั้นคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้น่ะ” ลูคัสหันมาพูดกับผม
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เวลาผมเล่นเกม ผมก็สบถเหมือนกัน” ผมตอบกลับพลางหัวเราะ

พวกเราคุยเล่นกันอีกพักนึง โรเซนนำข้าวเย็นมาวางไว้บนโต๊ะ มันเป็นข้าวเย็นง่ายๆเพื่อจะให้ผมกับลูคัสสามารถตั้งสมาธิกับการดูฟุตบอลได้ง่ายๆ ครึ่งหลังจะเริ่มขึ้น นักเตะทั้งสองทีมเริ่มทยอยลงสนามช้าๆ ผมกับลูคัสตั้งสมาธิไปที่จอทีวีอีกครั้ง เกมนั้นก็ยังดูไม่ต่างกับครึ่งแรกเท่าไหร่ โค้ชของแมนยูเริ่มตะโกนด้วยความหงุดหงิด

”ดาเมี้ยนวิ่งมาจากริมเส้นครับ ก่อนจะโยนเข้ากรอบเขตโทษ” เสียงของผู้บรรยายแมทช์พูดขึ้น
”บอลตกลงมาอยู่ที่ฟาร์เรลล์...ฟาร์เรลล์จะทำยังไง มีกองหลังของบอร์นมัธล้อมเขาไว้อยู่สามคน”
”ข้างหลังนั้นมีรูนี่ยืนรออยู่ ฟาร์เรลล์จะส่งกลับรึเปล่า?”
”ไม่ครับ ฟาร์เรลล์ เลือกล็อคหลบผ่านกองหลังของบอร์นมัธไป!! ผ่านไปได้ถึงสามคน”
”ก่อนจะยิงเองเลยครับ เข้ามุมแคบไปเรียบร้อยแล้วครับ ขึ้นนำแล้วครับ หนึ่งประตูต่อศูนย์”

“ต้องอย่างนี้ซิโว้ย!!” ลูคัสลุกขึ้นมาจากโซฟาตะโกนด้วยความสะใจ

ชายผมสีทรายผู้ยิงประตูนั้นวิ่งไปที่มุมก่อนจะกระโดดขึ้นบนฟ้าด้วยความดีใจ เพื่อนร่วมทีมของฟาร์เรลล์ต่างเดินมาก่อนจะสวมกอดกับเขาเพื่อนแสดงความยินดี ภาพตัดมาเป็นรีเพลย์ หลังจากนั้นทางบอร์นมัธก็พยายามบุกเพื่อจะตีเสมอ แต่ทำไม่ได้ และเกมก็จบด้วยชัยชนะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลูคัสลุกขึ้นด้วยความดีใจ ในขณะที่ลูคัสกำลังฉลองชัยชนะของทีมตัวเองอยู่นั้น เสียงประตูก็ถูกเปิดขึ้น ทั้งผมทั้งลูคัสหันไปก่อนจะโรบิ้นกลับมา

“เป็นไงบ้างซ้อมละครวันนี้?” ลูคัสถามลูกชายของตัวเอง
“ก็ดีครับ ว่าแต่นี่ดูบอลกันอยู่หรอครับ?” โรบิ้นตอบพร้อมถามกลับ
“อื้อ คุณลูคัสชวนชั้นน่ะ” ผมตอบชายหน้าหวานคนนี้

ผมลุกขึ้นก่อนจะขอตัวกลับเข้าไปยังห้องตัวเอง แต่ไม่ทันที่ผมจะเข้าไปในห้อง โรบิ้นก็ตามขึ้นมาหาผมด้วยใบหน้าจริงจัง

“ซาโทรุ ขอคุยหน่อยได้ไหม?” โรบิ้นเอ่ยปากถาม
“ได้ซิ” ผมพูดพลางเปิดประตูห้อง

ผมเดินเข้าห้อง เขาเดินตามเข้ามา เขามองไปรอบๆห้องพักนึง แต่เขาไม่ได้พูดอะไร

“มีอะไรเรอะ?” ผมถามด้วยใบหน้าสงสัย
“ตอนที่นายเปิดล็อคเกอร์...นายเจอจดหมายขู่เรื่องอีฟใช่ไหม?”
ขึ้นไปข้างบน Go down
 
Exchange EP 3
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1
 Similar topics
-
» Exchange EP 1
» Exchange EP 2
» Exchange EP 0 (ใบสมัครข้างล่าง :v)

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: