Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Story of Normal Guy : EP 2

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
DanielsoN
Xiao Mei's Husband
Xiao Mei's Husband
DanielsoN


จำนวนข้อความ : 2272
Join date : 19/09/2010
Age : 29

Story of Normal Guy : EP 2 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Story of Normal Guy : EP 2   Story of Normal Guy : EP 2 EmptySun Oct 09, 2016 11:23 am

ผมยืนต่อแถวอยู่ในโรงอาหาร นี่ก็เป็นเวลาพักกลางวัน เวลาที่เหล่านักเรียนหลายคนรอคอย เพราะมันเป็นเวลาที่ทุกคนจะสามารถพูดคุยกับเพื่อนได้อย่างสนุกสนาน รวมถึงได้ลิ้มรสอาหารที่สุดแสนจะอร่อย (หรืออาจจะไม่) บางคนอาจจะนำข้าวกล่องมา บางคนอาจจะไม่ได้นำข้าวกล่องมาและต้องมาซื้อที่โรงอาหาร แบบผมในตอนนี้ โรงอาหารที่นี่ก็ดูไม่แย่นัก มันเป็นโรงอาหารที่ปูด้วยพื้นกระเบื้องสีขาวและพื้นนั้นดูสะอาด มันเป็นโรงอาหารที่ไม่กว้างนัก น่าจะเล็กกว่าโรงอาหารตอนผมอยู่ ม.ต้น เสียด้วยซ้ำ บนกำแพงนั้นมีหน้าต่างที่คอยสร้างแสงสว่างเรียงรายกัน ผมยืนต่อแถวเพื่อจะรอสั่งอาหาร ถ้าผมหันกลับไปผมจะเห็นคนอีกหลายที่ต่อแถวอยู่เหมือนกัน โชคดีที่ผมมาถึงเร็วมิเช่นนั้นผมคงต้องยืนรอนานเป็นชาติแน่ๆ แถวนั้นเคลื่อนไปเรื่อยๆ จนในที่สุดมันก็ถึงคิวของผม

ผมใช้ตาของผมมองยังรายชื่ออาหารที่มีวันนี้ก่อนที่ผมจะเอ่ยปากสั่งสิ่งที่ผมต้องการ ไม่นานนักอาหารที่ผมสั่งก็มาถึง มันคือข้าว ปลาแซลซ่อม แล้วก็ซุปมิโสะ ผมยกถาดไปก่อนจะมองหาที่นั่ง แต่ละโต๊ะนั้นดูเหมือนจะมีกลุ่มเพื่อนรวมกันอยู่แล้ว และผมก็ไม่ค่อยอยากจะไปนั่งในที่แบบนั้นเท่าไหร่ ผมยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ ก่อนที่ผมจะเห็นหญิงผมสีดำที่ชื่อว่า “เหมย” นั่งอยู่คนเดียว ผมเดินไปหาเธอ ก่อนจะวางถาดลงไปบนโต๊ะ

“ผมนั่งด้วยได้ไหม?” ผมเอ่ยปากถาม

เธอพยักหน้า แต่เธอไม่ได้พูดอะไร ผมวางถาดอาหารของผมลงไปบนโต๊ะ ก่อนที่ผมจะลากเก้าอี้ออกมา ผมนั่งตรงข้ามเธอผมมองไปที่จานของเธอ ดูเหมือนเธอกินจะหมดแล้ว ไหนๆผมก็นั่งตรงข้ามกับเธอแล้ว ผมน่าจะลองพูดคุยกับเธอหน่อย ผมควรจะผูกมิตรกับเธอไว้ เพราะตั้งแต่ผมมาที่ “โทคุ กัคคุเอ็น” นั้นผมยังไม่มีเพื่อนซักคน ผมพยายามแล้วนะ แต่ความพยายามครั้งแรกของผมนั้นถูกยิงทิ้งอย่างรวดเร็ว

“จะว่าไป ผมยังไม่ได้แนะนำตัวของผมเองเลย ผมชื่อยูจิโร่ เท็ตซึโอะ ผมนั่งข้างๆคุณในห้องน่ะ” ผมแนะนำตัว

เธอเงียบ...เธอยังคงเคี้ยวอาหารของเธอต่อไป

“เอ่อ แล้วคุณเหมยมีงานอดิเรกหรือชอบอะไรรึเปล่าครับ?” ผมพยายามพูดเปิดประเด็น
“สิ่งที่ชั้นชอบเรอะ?” เธอทวนสิ่งที่ผมถาม
“อืม...นั่นซินะ” หญิงผมสีดำจับคางของเธอด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“อ่อ รู้แล้ว ชั้นชอบอยู่คนเดียวเงียบๆ และไม่ชอบให้ใครก็ไม่รู้มาสุงสิงกับชั้น” เธอเอียงคอพร้อมยิ้มเยาะผมก่อนที่จะลุกออกจากที่นั่งของตัวเอง

ทิ้งให้ผมนั่งอยู่คนเดียว ดูเหมือนความพยายามรอบที่สองของผมนั้นจะถูกพังทลายลงอย่างรวดเร็ว ผมว่าทักษะการเข้าสังคมมันก็ไม่แย่นะ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมความพยายามของผมถึงล้มเหลวถึงสองครั้ง ผมถอนหายใจฟอดใหญ่ก่อนจะคว้าตะเกียบของตัวเอง และเริ่มกินมื้อกลางวันของผม ผมเคี้ยวเนื้อปลาแซลม่อน รสชาตินั้นถือว่าใช้ได้ อาจจะไม่ได้อร่อยระดับภัตตาคารหรืออะไร แต่เอาเถอะผมคงไม่ได้คาดหวังอะไรกับอาหารในโรงอาหารอยู่แล้ว ในขณะที่ผมกำลังเติมท้องด้วยอาหารกลางวันอยู่นั้น ผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินตามมาข้างหลัง ผมหันไปข้างหลัง ก่อนจะเห็นชายผมสีส้มยืนอยู่ เขายกมือทักทายผม

“ไง” ชายผมส้มคนนี้ทักผมสั้นๆ
“เอ่อ...สวัสดีครับ ถ้าจำไม่ผิดคุณคือคุณทานากะใช่ไหมครับ? มีอะไรหรอครับ?” ผมเอ่ยปากถาม
“ชั้นสัมผัสว่านายอยากได้เพื่อนใช่ไหม และในฐานะที่ชั้นทานากะ โชโซ ผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้เป็นคนที่จิตใจดีงาม”
“ชั้นจะยอมเป็นเพื่อนกับนายเอง” เขาพูดพร้อมวางมือทาบไว้บนอกของเขาเอง

ผมฟังแล้วก็พูดไม่ออก ผมไม่รู้ผมจะตอบรับยังไงดีเหมือนกัน ในขณะที่ผมอ้ำอึ้งอยู่นั้น ทานากะก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง

“ไม่ต้องลังเลเลย นายได้ชั้นเป็นเพื่อน นี่โชคดียิ่งกว่าถูกรางวัลที่ 1 ซะอีก” ชายผมส้มพูดด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ
“เอ่อ...อย่าหาว่าผมเสียมารยาทเลยนะคุณทานากะ แต่คุณรู้รึเปล่าว่าผมชื่ออะไร?” ผมเอ่ยปากถาม

ทานากะนิ่งอยู่พักนึง เขาหลับตาลงก่อนจะใช้นิ้วชี้ทั้งสองข้างแตะไว้ที่ข้างหน้าผากเหมือนที่เขาทำแบบในห้องเรียนมะกี้ ผมนั่งดูเงียบๆโดยไม่ได้พูดอะไร เขาลืมตาขึ้นมาก่อนจะพูด

“นายชื่อยูจิโร่ เท็ตซึโอะ...ฟังนะเพื่อน อย่าสงสัยในตัวชั้นเลย”
“ชั้นนี่แหละจะเป็นเพื่อนของนาย เพื่อนแท้ เพื่อนตาย เพื่อนซี้ปึก” ชายผมสีส้มพูดต่อ

ถึงอย่างนั้นผมเองก็ไม่รู้จะตอบว่ายังไงอยู่ดี มันไม่ใช่ว่าทานากะนั้นเป็นคนไม่ดีนะ ถึงจะแปลกๆก็เถอะ (ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องปกติของโรงเรียนนี้) แต่ผมไม่เคยเจอใครที่เดินตรงมาหาผมแล้วบอกว่า “เฮ้ นายเรามาเป็นเพื่อนกันนะ” ปกติแล้วการที่เราจะเป็นเพื่อนกับใครมันมักจะสร้างจากความสนิทสนมก่อน ผมคิดอยู่พักนึงว่าผมจะตอบว่าอะไร ก่อนที่ผมจะตัดสินใจได้ว่าผมควรจะตอบชายผมสีส้มคนนี้ว่ายังไงดี

“ถ้างั้นก็รบกวนด้วยละกัน” ผมตอบสั้นๆ

ประโยคนี้ทำให้เขายิ้มก่อนที่เขาจะลงมานั่งตรงข้ามกับผม เราสองคนได้พูดคุยหลายๆเรื่อง ตลอดบทสนทนานั้น ทานากะเล่าให้ฟังว่าเขานั้นเป็นคนที่มีความสามารถในด้านเวทย์มนต์อย่างมาก และเขาก็เสกคาถาให้ผมเห็นหลายอย่าง เช่นเขาทำให้ขวดน้ำของโต๊ะข้างๆล้มลง ซึ่งมันก็เกิดขึ้น ถึงผมจะเห็นว่ามีคนเตะขาโต๊ะแล้วทำให้มันล้มก็เถอะ แต่ผมไม่ได้พูดอะไร มันเป็นบทสนทนาที่สนุกนะ เราคุยกันจนหมดเวลาพัก เหล่านักเรียนต่างกลับไปยังห้องเรียนของตัวเอง รวมถึงผมและทานากะก็เช่นกันเรากลับไปยังห้อง 1-B ของพวกเราเอง

คาบบ่ายนั้นเริ่มขึ้นวิชาแรกที่เริ่มนั้นเป็นคณิตศาสตร์ ซึ่งคนสอนนั้นก็ไม่ใช่ใครแต่เป็น อ.จูอิจิ หัวหน้าห้องหรือนากาชิม่าบอกให้ทุกคนทำความเคารพชายผิวสีแทน พวกเรานั่งลงหลังก้มโค้งให้กับชายคนนี้ ผมหยิบตำราออกมาพร้อมกับสมุดจดที่อยู่ข้างๆ อาจาร์ยประจำชั้นผู้นี้เริ่มสอนทันที ในมือของเขาถือตำราเล่มเล็กๆอยู่ด้วย เรื่องที่ผมเรียนในวันนี้มันเป็นเกี่ยวกับสมการ มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับผมเท่าไหร่นัก ในขณะที่จูอิจิสอนๆอยู่นั้น เขาก็จะตั้งโจทย์ขึ้นมาและสุ่มถามคนในห้องอยู่เรื่อยๆ

“คุณยามาซากิ พอจะตอบคำถามข้อนี้ให้ครูได้รึเปล่า?” ชายผมขาวเอ่ยปากถาม
“X คือ 7 ครับ” ชายร่างยักษ์ผู้มีใบหน้าแก่กว่าวัยลุกขึ้นตอบ
“ถูกต้อง” ครูสอนคณิตศาสตร์ผู้นี้พูดหลังจากที่ชายผมสีทรายให้คำตอบ

ยามาซากินั่นลงไป เท่าที่สังเกตมาหลายๆวิชา คุณยามาซากินั้นถือว่าเป็นคนที่หน้าตาขัดกับบุคลิกมาก ตอนแรกๆผมจะนึกว่าเขาจะเป็นพวกนักเลงหัวไม้ ถนัดเรื่องต่อยตี แต่กลับกลายเป็นว่าชายผมสีทองคนนี้นั้นเป็นคนตั้งใจเรียนและหัวดีมาก แปลกจริงๆ (ในหลายๆความหมาย) แต่ก็แหละนะ เราคงตัดสินใจคนจากรูปร่างภายนอกไม่ได้อยู่แล้ว จูอิจิหันไปก่อนจะเขียนกระดานอีกครั้ง เขาเขียนโจทย์อีกข้อก่อนที่เขาจะหันมาถามอีกครั้ง

“คุณเหมย ตอบข้อให้นี้ครูได้ไหม?”

ผมมองโจทย์ มันเป็นโจทย์ที่ค่อนข้างง่ายพอสมควร หญิงผมสีดำลุกขึ้นมาช้าๆ เธอมองโจทย์ที่อยู่ในกระดาน เธอเงียบ ผมหันไปมองหน้าของเธอ สีหน้าของเธอนั้นซีดเซียว อย่าบอกนะว่าเธอตอบไม่ได้? โจทย์ง่ายๆแบบนี้เนี่ยนะ? ผมหันไปมองอาจาร์ยจูอิจิที่อยู่หน้าห้อง เขาเองก็มองเธอผ่านหน้ากากของเขา ชายผิวแทนยังคงรอคำตอบจากหญิงผมสีดำคนนี้อยู่ เพราะหน้ากากสีเงิน ทำให้ผมเดาไม่ได้ว่าตอนนี้สีหน้าของอาจารย์คนนี้เป็นยังไง บางทีอาจจะทำหน้าฉงนด้วยความสงสัยว่าทำไมถึงไม่สามารถตอบคำถามข้อนี้ได้ หรือ อาจจะหงุดหงิดที่เธอตอบไม่ได้

“ตอบได้ไหม?” ชายผิวแทนถามซ้ำ
“มะ มะ ไม่ได้ค่ะ” หญิงผมสีดำยอมรับ
“คุณเหมย...ครูว่าเธอควรจะกลับไปทบทวนเรื่องนี้ให้ดีนะ นั่งลงเถอะ” จูอิจิพูดกับหญิงผมสีดำ

เหมยนั่งลงไป จูอิจิเริ่มเฉลยวิธีหาคำตอบของคำถามข้อนี้ ผมหันไปมองเหมย เธอไม่ได้มองผม แต่เธอกุมหมัดแน่น พร้อมกับกัดริมฝีปากของตัวเอง สีหน้าของเธอนั้นดูจะเจ็บใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้มาก

=====

และแล้ววันแรกก็จบลง มันเป็นวันแรกที่ยาวนาน ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะยกแขนขึ้นทั้งสองข้างเพื่อเป็นการผ่อนคลาย ผมเริ่มเก็บข้าวของก่อนจะลุกขึ้นมาพร้อมกับหยิบกระเป๋าสีดำของผม เมื่อผมลุกมานั้นผมก็เห็นชายผมสีส้มยืนรออยู่ที่หน้าประตู ผมพยักหน้าให้เขาก่อนที่จะเดินไปหาเขา พวกเราสองคนเดินไปตามทางก่อนที่พวกเราจะออกมายังหน้าอาคาร ท้องฟ้านั้นเป็นสีส้ม เพราะดวงตะวันนั้นเริ่มลับหายไปจากขอบฟ้า อีกไม่กี่ชั่วโมงจันทราคงมาแทนที่ เหล่านักเรียนในโทคุ กัคคุเอ็น ก็เริ่มมุ่งหน้ากลับบ้าน เสียงตะโกนของเหล่าทีมกีฬาดังขึ้น พวกเราหยุดก่อนจะดูเหล่านักกีฬาวิ่งรอบสนามฟุตบอลด้วยสีหน้าขยันขันแข็ง

“ชั้นได้ยินมาว่าทีมกีฬาของโทคุ กัคคุเอ็น มีไว้เฉยๆนะ ไม่ได้เข้าแข่งอะไรทั้งนั้นแหละ”
“เล่นเพื่อสุขภาพ” ทานากะพูดกับผม

ตามปกติผมคงบอกว่าแปลกแต่ผมอยู่ที่นี่ อะไรๆมันก็ไม่แปลกทั้งนั้นแหละ

“จะว่าไปคุณทานากะอยากจะเข้าชมรมอะไรหรอ?” ผมเอ่ยปากถาม
“เรียกว่าชั้นโชโซก็ได้...นั่นซินะ คิดว่าคงจะเป็นชมรมเวทย์มนต์ล่ะมั้ง” ทานากะตอบ

“มันมีชมรมแบบนั้นด้วยเรอะ?” ผมถามกลับด้วยความสงสัย
“มีซิ ชั้นศึกษามาแล้วมีแน่นอน พอชั้นเข้าไปในชมรมรับรองว่าคนในชมรมตะลึงแน่นอน” ทานากะพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“แล้วนายล่ะ เท็ตซึโอะ?” ทานากะถามกลับ
“ไม่รู้เหมือนกันแฮะ ชั้นไม่ได้คิด” ผมตอบกลับ

“แล้วนายชอบอะไรบ้างล่ะ? นายน่าจะชอบอะไรซักอย่างนะ”
“ไม่รู้ซิ ชั้นเองก็ไม่รู้ว่าชั้นชอบอะไร กีฬาชั้นก็โอเค พวกดนตรีชั้นก็โอเค แต่ไม่ได้ชอบน่ะ” ผมตอบ
“แย่หน่อยนะว่านายต้องเลือกน่ะ ที่นี่เขาบังคับให้นายต้องมีชมรม”

สิ้นเสียงของทานากะ พวกเราก็เริ่มเดินอีกครั้ง เรามาถึงหน้าทางเข้าของโรงเรียน ผมกับทานากะกลับกันคนละทาง ผมเลี้ยวไปทางซ้ายส่วนทานากะเลี้ยวไปทางขวา ผมเดินโดยไม่เร่งรีบอะไรเท่าไหร่นัก วันแรกยังไม่มีการบ้าน ผมเดินไปเรื่อยๆ ในขณะที่ผมเดินอยู่นั้น ผมเห็นแผ่นหลังของผู้หญิงคนนึง เธอเป็นหญิงร่างเล็ก และด้วยทรงผมอันแปลกประหลาดของเธอจึงทำให้ผมดูออกทันทีว่าเธอเป็นใคร เธอคือ “เหมย” ผมเร่งฝีเท้าไปเดินข้างๆเธอ ก่อนจะเอ่ยทักทายเธอ

“คุณเหมย กลับบ้านทางนี้หรอ?” ผมเอ่ยปากถาม
“เห็นชั้นเดินทางนี้ ชั้นคงกลับบ้านทางนั้นมั้ง” เธอตอบด้วยน้ำเสียงกวนประสาท

เธอเร่งฝีเท้าเพื่อตีห่างจากผม เธอเดินนำหน้าผม ผมส่ายหน้า ดูเหมือนหญิงคนนี้จะเป็นคนที่ผมไม่สามารถสานสัมพันธ์ได้ด้วยเลย ไม่รู้ทำไม แต่พวกเราสองคนเดินไปทางเดียวกัน เหมยเหลือบมองผ่านไหล่ของเธอ ก่อนจะยังเห็นผมอยู่ข้างหลังเธอ มันทำให้เธอหยุดก่อนจะหันมา

“นายตามชั้นทำไม? หรือว่านายเป็นพวกโรคจิต?” เหมยมองด้วยสายตาแขยง
“ไม่ใช่ๆ ทางกลับบ้านผมอยู่ทางนี้” ผมรีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว

มันคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่าการที่โดนเพื่อนร่วมห้องมาว่าเป็นไอ้โรคจิตแน่นอน เธอได้ยินคำตอบของเธอแล้วก็กอดอกมองผมด้วยสายตาที่ไม่เชื่อเท่าไหร่นัก แต่เธอไม่ได้ปริปากออกมาว่าเธอไม่เชื่อในคำตอบของผม แต่แค่มองตาก็รู้แล้วว่าเธออยากจะพูดอะไร เธอหันหลังก่อนจะเดินต่อไป เราสองคนยังคงเดินทางเดียวกันไปเรื่อยๆ ผมหวังให้เธอเลี้ยวและเดินแยกทางกับผมซักที ผมจะได้ไม่ต้องถูกกล่าวหาว่าเป็นโรคจิต แต่ดูเหมือนคำขอของผมไม่เป็นจริง เธอหยุดอยู่หน้าทางเข้าอพาร์ทเม้นท์ของผม เธอหันมาก่อนจะเห็นผมหยุดเหมือนกัน

“เอ่อ บ้านผมคืออพาร์ทเม้นท์นี้” ผมรีบพูดก่อนที่เธอจะกล่าวหาอะไร

เธอสะดุ้งเมื่อได้ยินสิ่งที่ผมพูด ใบหน้าของเธอนั้นดูตกใจ อย่าบอกนะว่า....เหมยเลี้ยวเข้าไปในอพาร์ทเม้นท์ที่ผมอาศัยอยู่ ดูเหมือนสิ่งที่คิดจะเป็นเรื่องจริง เอาเถอะเธอแค่อาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นท์เดียวกันกับผม แถมอพาร์ทเม้นท์นี้กว้างจะตาย คงไม่ได้เจอกันง่ายๆหรอก ไม่ใช่ว่าเธออยู่ข้างห้องผมซะหน่อย....แต่หลังจากที่ผมคิดแบบนี้ เมื่อผมรู้ตัวผมก็ได้รู้ความจริงว่าเธออาศัยอยู่ข้างห้องผม
ขึ้นไปข้างบน Go down
 
Story of Normal Guy : EP 2
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: