Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Cataclysm: The Endless Hellfire XXVII

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
Neferpitou
Moderators
Moderators
Neferpitou


จำนวนข้อความ : 552
Join date : 05/12/2012
Age : 27
ที่อยู่ : The Facility of Banned Organizer

Cataclysm: The Endless Hellfire XXVII Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Cataclysm: The Endless Hellfire XXVII   Cataclysm: The Endless Hellfire XXVII EmptySun Dec 25, 2016 10:06 pm

Cataclysm: Endless Hellfire
Act XXVII

------------

เรื่องมันเกิดขึ้นมานาน.. ตั้งแต่เจ้ายังแบเบาะเนลเรี่ยน

  เจ้าคงจะรู้ว่าดินแดนทับทิมแห่งเบรสซิ่ง สปริงเคยเป็นสถานที่กักขังมารเพลิงแห่งความตายไว้ด้วยพลังแห่งโคลริม มันคือสถานที่สุดท้ายที่มารร้ายตนนั้นได้ต่อกรกับอดีตสหายของเขา ในตอนนั้นสถานที่แห่งนั้นยังเคยเป็นป่าอุดมสมบูรณ์ เป็นดินแดนแห่งเอเมอร์รัล เทอร์เรสอยู่ เหล่าสิ่งมีชีวิตมากหลายอาศัยอยู่อย่างมีความสุข แต่การต่อสู้ในครั้งนั้นทำให้ทุกอย่างทลายสิ้น เหลือเพียงแค่ผืนดินรกร้างสีแดงฉานที่เปลี่ยนไปตามพลังของไซอาลอทที่ส่งผลให้ดินแดนนั้นเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นทับทิมอันน่าสยดสยอง เมื่อเป็นเช่นนั้นดินแดนสีเขียวที่เคยกว้างใหญ่จึงถูกแบ่งแยกออกโดยครึ่งหนึ่งกลายเป็นดินแดนที่มารร้ายถูกผนึก

  ในตอนนั้นตัวแม่และท่านปู่โคลริมหวังที่จะนำพลังที่ร้ายกาจที่สุดในดวงดาวแห่งนี้ พลังแห่งซินโดร่าไปซ่อนไว้ในสถานที่มารแห่งความตายมิอาจจะเอื้อมมือไปถึงได้ พวกเราอยู่ในระหว่างการเดินทางบนรถม้าในช่วงยามวิกาลจันทราเต็มดวง เดินทางจากดินแดนแห่งซินโดร่า สครีม สถานที่ๆ ซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดพลังที่มารเพลิงได้สร้างขึ้นเอง ในช่วงเวลานั้นพวกเราอยู่ในย่านผืนดินแห่งทับทิม ในนามที่เจ้ารู้จัก พร้อมกับสุดยอดพลัง โชคร้ายที่พ่อของเจ้าได้เสียชีวิตไปครั้นที่พวกเรานำพลังนั้นมาจากการที่ถูกมารเพลิงสังหาร เขาได้ถ่วงเวลาเพื่อให้ท่านปู่สามารถนำพลังนั้นมาได้ แม้นว่าพวกเราจะได้พลังนั้นมาอยู่ในกำมือแล้วก็ตาม แต่ความเศร้าสร้อยของแม่ที่สูญเสียคู่ชีวิตไปหาได้จางหายไป แม่ทำได้เพียงร้องไห้และโอบกอดตัวเจ้าที่ยังแบเบาะ หวังให้เรื่องนี้มันจบลงให้เร็วที่สุด ที่ข้างกายของแม่เองก็มีดาบเล่มหนึ่งที่เป็นดั่งเครื่องหมายความทรงจำของพ่อเจ้า ดาบแห่งเอลทวอร์น มันคือดาบเล่มเดียวกันกับที่โครนอสครอบครองอยู่ในปัจจุบัน

“หยุดหลั่งน้ำตาแห่งความเศร้าได้แล้วคาดาเลีย” โคลริมกล่าวด้วยน้ำเสียงอันอ่อนหวาน
“อย่าได้ให้ความสลดมาทำร้ายให้เจ้าต้องหม่นหมองสิ”
“เรามีสิ่งที่ต้องทำ” เขากล่าวต่อ “และเอลทวอร์นเองก็มิอยากเห็นเจ้าในสภาพนี้หรอก”

“แต่ว่า...” หญิงสาวผมสีน้ำเงินกล่าวขึ้นมา

“ข้ารู้ว่าเจ้ารู้สึกเช่นไรลูกข้า” ชายเฒ่าร่างยักษ์เอ่ยกลับ
“แต่เรายังมีหน้าที่ที่จะต้องปกป้องดาวดวงนี้อยู่นะ”

  เธอเงยหน้าขึ้นมามองผู้เป็นพ่อของตนเองก่อนที่จะเช็ดน้ำตาที่ไหลคลออยู่บนใบหน้า ก่อนที่จะส่งยิ้มอ่อนๆ ให้แก่ชายร่างยักษ์ผู้นั้น ผู้เป็นบิดาของเธอตอบรับด้วยรอยยิ้มที่ดูมีความสุขเช่นกัน ในสถานการณ์แบบนี้ มันน่าจะดีที่สุดที่จะไม่ทำให้ลูกสาวของตนเองต้องเศร้าหมองจนลืมถึงสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า ดูเหมือนว่าสาวผมสีน้ำเงินจะเริ่มรู้สึกดีขึ้นหลังจากที่ได้คุยกับพ่อของตน ไม่นานนักรถม้าพวกเขาใช้ในการเดินทางก็หยุดชะงักลงในทันที สร้างความตกใจให้แก่ผู้ที่อยู่ในรถ ด้วยความที่มันถูกหยุดอย่างทันทีทันใด มันทำให้ร่างของคาดาเลียไหลไปกระแทกใส่กับกำแพงไม้ของรถ โคลริมหันไปมองที่นั่งของคนขับแต่ก็มิสามารถเห็นอะไรได้เนื่องเพราะมันถูกบดบังโดยกำแพงคันรถจนหมด เมื่อนั้นชายเฒ่าจึงหันไปมองชายอีกคนที่อยู่ในรถม้าคันเดียวกัน เขาเป็นชายหนุ่มอายุราวๆ ยี่สิบเห็นจะได้ เหมือนเป็นผู้ไร้ประสบการณ์การรบ จากลักษณะการแต่งตัวแล้วน่าจะเป็นคนรับใช้และมือขวาของใครสักคน หนุ่มผู้นั้นที่เห็นว่าตนกำลังถูกมองโดยโคลริมจึงรับทราบถึงสิ่งที่เขาต้องการ เขาเปิดประตูออกอย่างช้าๆ ค่อยๆ เดินออกไป แต่ก็ถูกชายแก่จับไหล่เอาไว้เสียก่อน สิ่งนั้นทำให้เด็กหนุ่มผู้นั้นหันกลับไปในตัวรถ สบตากับโคลริมที่จับร่างเขาไว้

“ระวังตัวให้ดีนะโครนอส” ชายเฒ่ากระซิบแก่เด็กหนุ่มเบาๆ

  ชายนามโครนอสที่ได้ยินเช่นนั้นพยักหน้าตอบรับก่อนจะรุดตัวออกไปจากรถ ภายนอกหาได้มีเสียงอันใดนอกจากแมลงที่กู่ร้องในยามค่ำคืน หนุ่มผู้นี้เริ่มเดินวนรอบคันรถเพื่อที่จะตรวจสอบและหาเหตุผลว่าทำไมรถม้าจึงหยุดตัวลงกลางคันแบบนี้ ที่ส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะล้อหรืออะไรก็ตามแต่ไม่มีปัญหาอันใด เหลือเพียงแต่หน้ารถที่เขายังไม่ได้ไปเช็คดูเท่านั้น ว่าแล้วโครนอสจึงเริ่มเดินไปดูที่จุดคนขับรถม้าด้วยความระมัดระวัง เขามองไปรอบๆ อย่างกับว่ากลัวว่าจะมีอะไรสักอย่างเข้ามาจู่โจมเขาในเวลาแบบนี้ แต่แล้วหนุ่มผู้นี้ก็หยุดฝีก้าวของตน ทรุดลงไปกับพื้นด้วยความตื่นกลัวในทันที ร่างกายของเขาดูสั่นกลัวราวกับเห็นความตายอยู่เบื้องหน้า และนั่นก็คือสิ่งที่หนุ่มผู้นี้เห็น ร่างไร้วิญญาณของคนขับรถม้านั่งอยู่ประจำจุดของตน แต่ศีรษะของคนๆ นั้นกลับหายไปอย่างผิดสังเกต ราวกับถูกอะไรสักอย่างสะบั้นคออย่างแรงจนถึงแก่ความตาย เบื้องหลังที่เป็นกำแพงรถมีคราบเลือดสาดกระเซ็นเต็มไปหมด มิทันไรร่างนั้นก็ร่วงลงสู่ผืนดิน ก่อนที่มันจะลุกไหม้เป็นตอนตะโกโดยไฟสีแดงฉานดั่งความตายได้รับร่างนั้นลงสู่ขุมนรก โครนอสที่เห็นเช่นนั้นก็ทำอะไรไม่ถูก ร่างของเขาไม่สามารถขยับได้เลยแม้แต่น้อย ความกลัวมันได้ครอบงำจิตใจของเขาจนหมดสิ้น

  เมื่อนั้นร่างของเพลิงแห่งความตายก็ได้ผุดขึ้นมาภายในป่าทึบระแวกนั้น ไฟนั้นที่ประกายขึ้นลุกลามป่าไม้จนไหม้เป็นดั่งทะเลเพลิง แล้วเจ้าของพลังแห่งไฟ มารเพลิงแห่งความตายก็ค่อยๆ ย่างกรายออกมาจากไฟนั้น มุ่งตรงไปหาโครนอสดั่งว่าตนตั้งใจที่จะสังหารเด็กหนุ่มผู้นี้ทิ้งในทันที ฝีก้าวของมารเพลิงเริ่มเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ แต่โครนอสก็มิอาจจะขยับร่างได้เลยสักนิด ผ่านไปได้สักพักไซอาลอทได้ยืนอยู่ต่อหน้าของโครนอสแล้ว เมื่อครู่นี้เด็กหนุ่มยังรู้สึกว่ามารร้ายตนนี้เดินด้วยความเชื่องช้าไม่เร่งรีบ แต่ทำไมเขาถึงมาปรากฏอยู่แนบชิดซะขนาดนี้ในเวลาอันสั้นกัน ไซอาลอทเริ่มยื่นมือของตนออกไป เข้าใกล้หัวของโครนอสเข้าเรื่อยๆ แต่แล้วเขาก็หยุดลง หันไปด้านขวาของตนและพบกับโคลริมที่ออกมาจากรถม้า สายตาของโคลริมที่จดจ้องมารเพลิงนั้นเต็มไปด้วยความโมโห ความจริงจังและสื่อออกมาว่าเขาจะทำการต่อกรเป็นแน่แท้ มารแห่งความตายที่เห็นเช่นนั้นจึงเริ่มถอยฉากออกไปช้าๆ ก่อนที่จะหยุดฝีก้าวลง สายตาของผู้ที่เคยถูกเรียกว่าผู้พิทักษ์แห่งโพรโตเนี่ยนจดจ้องไปหาชายเฒ่าร่างยักษ์ซึ่งเป็นปรปักษ์ของเขาด้วยสายตาที่สื่อออกมาไม่ต่างจากโคลริมนัก กระนั้นทั้งคู่ก็หาได้ออกตัวโจมตีกันในทันทีแต่อย่างใด

“ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าพรากชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปอีกแล้ว” โคลริมกล่าวขึ้นมา
“งั้นหรือโคลริม?” มารเพลิงตอบกลับ “งั้นเจ้าก็ส่งพลังที่มันควรจะเป็นของข้ามาซะสิ!”
“ข้าคงให้เจ้าไม่ได้” โคลริมเอ่ยตอบ “เพราะยังไงเจ้าก็ไม่หยุดมันเพียงแต่เท่านี้อยู่แล้ว”
“และข้าจะเป็นตัวที่หยุดเจ้าเอง”

“หึหึหึ! ฮ่าฮ่าฮ่า” มารเพลิงระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

  เสียงแห่งความบันเทิงใจเหล่านั้นหาได้ทำให้โคลริมแสดงอาการอันใดออกมา แต่เขาคงจะรู้สึกไม่ค่อยชอบใจเสียเท่าไหร่ที่ไซอาลอทมาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเขาแบบนี้ มารร้ายรู้สึกพึงพอใจกับคำกล่าวของโคลริมเอามากๆ ราวกับว่าเขามองว่ามันเป็นเรื่องตลกที่ไม่สามารถเป็นจริงได้

“เจ้าคิดจะหยุดข้า?” มารเพลิงกล่าวต่อ “เจ้าจักมีพลังอำนาจอันใดกันที่จะสามารถหยุดคนเช่นข้าได้!”
“ข้าคือผู้ที่สร้างพลังแห่งซินโดร่า และตัวข้าเองนี่ล่ะคือผู้ที่สร้างมนุษย์ขึ้นมา!”
“มันไม่ใช่เพราะข้ารึไงโคลริมที่ทำให้เหล่าวอยด์พ่ายไปน่ะห๊ะ?!”
“เพราะเช่นนั้นตัวเจ้าและข้าจึงอยู่ในระดับที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง!”
“ดูเจ้าสิ!” มารเพลิงกล่าวและชี้มือไปข้างหน้าหาโคลริม
“เจ้าเป็นได้แค่สวะอันแสนจะไร้ข้า ส่วนข้า... คือจ้าวแห่งโลกานี้!”

โคลริมเงียบไปแม้นจะถูกกล่าวด่าว่าร้ายแบบนั้น เขาดูสงบเงียบต่างจากมารเพลิงที่ดูร้อนรน

“ข้าไม่เคยคิดว่าผู้กล้าเช่นเจ้าจะร่วงหล่นเช่นนั้นไซอาลอท...”
“นี่การตายของวิเลียร่าทำให้เจ้าวิปลาสได้ถึงเช่นนี้เชียวหรือ?”
“ทั้งรูปร่าง... และจิตใจ...”

“หุบปาก!” มารเพลิงกล่าวแทรกในทันที
“ยัยนั่นหาได้มีอะไรต่อข้าแล้วและนั่นไม่ใช่เพราะเจ้าหรือยังไง?!”
“เจ้าโกหกข้ามานานนับปีโคลริม... เจ้ารู้ว่าข้ารู้สึกเช่นไรกับวิเลียร่า แต่เจ้า...”
“เจ้าและนังหญิงสองหน้านั่นสมคบรักกันและสร้างสิ่งอัปลักษณ์ที่แกเรียกว่าลูกสาวออกมาไม่ใช่หรือยังไง?!”
“แล้วนั่นหรอ?! นั่นน่ะหรอที่เจ้ายังเรียกตัวเองว่าเป็นผู้พิทักษ์ที่ยืนหยัดและข้าที่ร่วงหล่น!”

“มันไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดไซอาลอท!”
“วิเรียล่าน่ะ...”

“ข้าบอกให้หุบปาก! อย่ามาทำเหมือนกับข้าไม่รู้อะไรเลย!”
“แต่ช่างมันเสียโคลริม... ข้าหมดอาลัยอาวรณ์ไปกับนังนั่นแล้ว” จู่ๆ มารร้ายก็สงบสติอารมณ์ของตนเองไว้
“และตอนนี้สิ่งเดียวที่ข้าต้องการคือสิ่งที่มันเป็นของข้ามาตลอด”
“จงเอาพลังซินโดร่าแห่งข้ามาซะ!”

“ไม่มีวัน!”

  สิ้นวาจาแห่งโคลริมแล้วชายร่างยักษ์ก็มิรอช้าที่จะรุดตัวเข้าไปหาไซอาลอทในทันที เขากางมือข้างขวาออกก่อนที่จะมีขวานขนาดใหญ่บินมาหาหัตถ์ข้างนั้นเป็นดั่งการเรียกอาวุธ ชายผู้นั้นกำขวานของตนก่อนที่จะแกว่งมันใส่ร่างของมารเพลิงในทันที ไซอาลอทที่รู้ตัวว่าตนจะถูกโจมตีจึงรีบกระโดดถอยฉากออกไป แม้นว่าเขาจะได้โอกาสโจมตีกลับไปแต่มารเพลิงก็หาได้ทำเช่นนั้นเลย โคลริมเองก็หยุดการโจมตีไปเช่นกันและก็จ้องมารร้ายอีกครั้งหนึ่ง ชายร่างยักษ์กำขวานไว้แน่นกำลังคิดถึงแผนการณ์ว่าเขาจักทำเช่นไรเพื่อที่จะจัดการกับมารตนนี้ แม้นว่าพวกเขาจะมีพลังที่ทัดเทียมกัน อยู่ในระดับเดียวกันมาแต่เริ่มต้น แต่ไซอาลอทได้ก้าวข้ามความเป็นผู้พิทักษ์ไปตั้งแต่เมื่อที่เขาได้ให้กำเนิดพลังแห่งซินโดร่าแล้ว เขาดูเหมือนจะอยู่ในระดับเดียวกับผู้สร้างพวกเขาเองเสียด้วยซ้ำ หรืออาจจะแกร่งกว่าแล้วก็เป็นได้ ฉะนั้นแล้วการที่จะไม่สุ่มสีสุ่มห้าโจมตีหรือทำอะไรบ้าๆ จะเป็นการดีที่สุดในตอนนี้ เมื่อนั้นแล้วโคลริมจึงหันไปหาเด็กหนุ่มที่ยังอยู่ในโลกแห่งความกลัว

“โครนอส!” โคลริมกล่าวเรียกด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเพื่อที่จะทำให้หนุ่มผู้นั้นหลุดจากความกลัว
“ขะ...ขอรับท่านโคลริม?”
“ขี่รถม้าคันนี้แล้วพาลูกสาวข้าและหลานของข้าไปยังที่ปลอดภัยซะ!”
“รับทราบแล้วครับ!”

  เช่นนั้นแล้วโครนอสจึงไม่รอช้า เขารับคำสั่งของโคลริมและทำตามในทันที ไซอาลอทที่เห็นเช่นนั้นก็หาได้จะยินยอมให้มันเกิดขึ้นได้ มารเพลิงพยายามที่จะรวมรวบพลังปราณเข้าไปที่มือก่อนที่จะโยนมันไปด้วยกำลังมหาศาล บอลเพลิงนั้นพุ่งเข้าไปที่รถม้าคันนั้นหวังจะสังหารทุกคนที่อยู่ภายในและบริเวณรถคันนั้น โคลริมก็หาได้ยินยอมให้มันเกิดขึ้น เขารีบใช้ขวานนั้นฟันพลังนั้นจนขาดเป็นสองเสี่ยงก่อนที่มันจะระเบิดอย่างแรงโดยที่ไม่ทำอันตรายอันใดกับยานพาหนะคันนั้น รถม้าเริ่มแล่นไปตามทางถนนอย่างรวดเร็ว หลบหนีออกไปจากมารเพลิงในทันที ไซอาลอทมัวแต่สนใจกับรถคนนั้นเพราะคิดว่ามันมีสิ่งที่เขาต้องการอยู่จึงรีบวิ่งตามไปในทันที กระนั้นเองโคลริมจึงโยนขวานเหล็กไหลของตนไป ปักลงกลางหลังของไซอาลอทสร้างความเจ็บปวดให้กับมารเพลิง ผู้ถูกกระทำค่อยๆ หันกลับมาด้วยความโมโหแต่แล้วก็ถูกกระชากด้วยพลังของค้อนที่ดึงตัวกลับไปหาเจ้าของ ร่างของมารเพลิงพุ่งเข้าไปหาโคลริมอย่างรวดเร็วราวกับปืนใหญ่ในยามที่ถูกยิงออกไป โคลริมกลับยืนรอร่างของมารเพลิงและง้างหมัดเอาไว้ เมื่อนั้นเขาจึงออกหมัดต่อยใส่ร่างของไซอาลอทเข้าอย่างแรง

  มารเพลิงที่ถูกหมัดขนาดใหญ่ของชายร่างยักษ์เข้าอย่างจังปลิวออกไปสู่ป่าทะเลเพลิงที่ตนสร้างขึ้นมาเมื่อครู่ ร่างของมารแห่งความตายกระแทกใส่เหล่ากิ่งไม้ใบหน้าจนต้นไม่ถล่มลงตามแรงกระแทก ไถลไปตามผืนดินออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา เมื่อร่างของไซอาลอทหยุดไถลไปตามทางเขาจึงค่อยๆ ลุกขึ้นมา หันไปมองยังทิศทางที่โคลริมได้โจมตีเขา เพียงชั่วพริบตาก็มีขวานลอยเข้ามาหาไซอาลอทอย่างรวดเร็วประดุจดั่งสายฟ้าฟาด แต่มารเพลิงกลับไหวตัวทันแล้วยื่นมือออกไปจับขวานเล่มนั้นจนอยู่มือ ในช่วงเวลานั้นเองเจ้าของขวานเล่มนั้นก็พุ่งตามเข้ามาด้วยความเร็วพอๆ กับขวานพร้อมกับยกหมัดขึ้นเตรียมจู่โจม ไซอาลอทหาได้ทำให้การโจมตีนั้นบรรลุผลแต่อย่างใด เขาใช้ขวานที่ไม่ได้เป็นเจ้าของนั้นฟันเข้าไปโดนหมัดข้างนั้นของชายเฒ่าร่างยักษ์อย่างจัง แต่สิ่งที่ปรากฏให้เห็นนั้นกลับหาได้เป็นไปตามประสงค์ของไซอาลอทเลยแม้แต่น้อย ขวานนั้นหาได้มีผลอันใดกับโคลริมเลย แม้แต่รอยขีดข่วนก็ไม่ปรากฏออกมา ดั่งว่าเขาฟาดขวานเล่มนั้นใส่กับเหล็กไหลกล้าแกร่ง

“คุณสมบัติธาตุเหล็ก... กายาโลหะนิรันดร์งั้นรึ?” มารเพลิงกล่าวขึ้นมาด้วยความสงสัย

  ด้วยความที่ขวานเหล็กแห่งโคลริมมิอาจจะทำร้ายร่างกายของผู้เป็นเจ้าของมันจึงทำให้โคลริมไม่เสียจังหวะใดๆ ที่เขาจะโจมตีมารเพลิงต่อ ว่าแล้วชายเฒ่าจึงรัวหมัดใส่ท้องของไซอาลอทอย่างรวดเร็วโดยที่ผู้ถูกโจมตีนั้นไม่สามารถตั้งรับได้ทัน หมัดเหล่านั้นพุ่งใส่กายาของมารเพลิงอย่างจัง ต่อยเข้าโดนท้องของอสูรจนจุก การโจมตีเหล่านั้นทำให้ขวานของเขาที่ไซอาลอทกำมันไว้อยู่หลุดออกจากมือ จังหวะนั้นเองโคลริมเจ้าของขวานเล่มนั้นจึงหยิบมันก่อนจะใช้อาวุธของตนแกว่งออกไป ไซอาลอทรู้ดีว่าตนกำลังตกอยู่ในอันตรายจึงยกมือข้างหนึ่งขึ้นพร้อมกับเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ขึ้นมาเต็มหัตถ์ของเขา ก่อนที่เพลิงเหล่านั้นจะประทุออกเปล่งแสงจ้าทำให้โคลริมสูญเสียสมรรถภาพในการมองเห็นชั่วขณะ โคลริมเซออกไปพร้อมกับใช้มือกดตาของตนด้วยความเจ็บปวด มารเพลิงจึงอาศัยโอกาสนั้นใช้มือเกาะใบหน้าของโคลริม บีบเข้าอย่างแรงแล้วหวังจะทำอะไรสักอย่าง ไม่นานนักก็มีละอองพลังปราณและออร่าอะไรสักอย่างที่ดูเหมือนจะเป็นพลังวิญญาณไหลรินเข้าไปที่หัตถ์ข้างนั้นของมารเพลิง ซึบซับเข้าสู่ร่างเป็นดั่งการดูดกลืนพลังของผู้อื่นมาเป็นพลังงานของตนเอง ดูเหมือนว่าโคลริมจะถูกมารเพลิงดูดพลังจนเริ่มอ่อนล้าลง มารเพลิงแลดูจะพึงพอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากจนประเมินค่าของโคลริมต่ำไป ชายเฒ่าจึงจับแขนข้างนั้นของไซอาลอทก่อนที่จะเหวี่ยงกระแทกลงกับพื้นอย่างแรง

ชายเฒ่าถอยฉากออกส่วนไซอาลอทค่อยๆ ลุกขึ้นมาจากผืนดิน บัดนี้ทั้งสองยืนอยู่กลางในสมรภูมิทะเลเพลิง ตั้งท่ารอการโจมตีของแต่ละฝ่าย

“นั่นน่ะหรือคือทั้งหมดที่เจ้าทำได้...” มารเพลิงกล่าวขึ้นมา
“เพราะถ้าเป็นแบบนั้นน่ะ เจ้ามิอาจจะโค่นข้าลงได้หรอก!”

  เมื่อมารเพลิงพูดจบเขาก็มิรอช้าที่จะจู่โจมปรปักษ์ของตน กายาของมารเพลิงเปล่งแสงออกสว่างจ้าเป็นสีส้มดั่งว่าร่างนั้นจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ เมื่อนั้นทั่วทุกส่วนของมารเพลิงผุดออกมาซึ่งบอลปราณสีเพลิงจำนวนมากดั่งห่าฝนโหมกระหน่ำเข้าใส่ร่างของโคลริมในทันที ด้วยความที่ชายเฒ่าผู้นี้มีกายาเหล็กกระดูกหินผาจึงทำให้ตัวของเขาสามารถต้านทานการโจมตีนั้นได้อยู่ในระดับหนึ่ง แม้นว่าจำนวนบอลเพลิงจะถาโคมใส่โคลริมโดยไร้ปราณี แต่มันก็หาได้ทำให้เกิดแผลบนร่างของโคลริมเลย ชายเฒ่าพุ่งเข้าไปพร้อมกับอาวุธขวานในมือของตน ฟาดฟันใส่มารเพลิงในทันทีที่เห็นว่ามีโอกาส ไซอาลอทเองก็มิยอมให้โอกาสนั้นตกมาอยู่ในมือของโคลริมแต่อย่างใด ทุกครั้งที่ผู้ใช้ขวานออกขวานจู่โจม ไซอาลอทก็หลบมันหรือไม่ก็รับคมขวานนั้นได้ตลอด แต่ยิ่งมารเพลิงหลีกการโจมตีนั้นไปได้เท่าไหร่ ความเร็วในการเหวี่ยงขวานอันแหลมคมนั้นก็เพิ่มขึ้นมากเท่านั้น ดูเหมือนว่าร่างกายอันใหญ่โตของโคลริมเหมือนจะไม่มีผลกับความสามารถในการขยับร่างกายเลย เขาดูเร็วผิดปกติแตกต่างจากเหล่าคนที่มีโครงร่างที่ใหญ่ขนาดนี้ ความเร็วของคมดาบที่เพิ่มขึ้นเรื่อยยิ่งทำให้มันยากต่อการหลบหลีก ขวานเล่มนั้นจึงซัดเข้ากลางอกของมารเพลิง

  โคลริมถือว่าโจมตีได้สำเร็จแต่เขากลับไม่สามารถดึงขวานกลับมาได้ มันติดเข้าไปกับบาดแผลลึกของมารเพลิง รอยแผลนั้นเริ่มแสดงปฏิกริยาแปลกๆ ออกมา มันขยับตัวของมันเองและทำท่าว่าจะดูดขวานเล่มนั้นเข้าไปในกายาแห่งเพลิงยังไงยังงั้น แม้นว่าชายเฒ่าจะมีพลกำลังมหาศาลมากเสียยิ่งกว่าตัวของไซอาลอทเองก็ตามที แต่เขาก็ไม่สามารถดึงอาวุธตนได้เลย เมื่อนั้นแล้วมารเพลิงจึงใช้แขนทั้งสองจับแขนข้างนั้นของโคลริมเอาไว้ กำมันไว้แน่นก่อนจะเริ่มเปล่งพลังปราณไปยังแขนทั้งสองข้างและแผลนั้น มันสร้างความร้อนในระดับสุดขั้วที่แม้แต่น้ำแข็งหนายังสามารถละลายได้ ไอร้อนนั้นทำให้โคลริมรู้สึกทรมาณราวกับกำลังตกอยู่ในนรกโลกันต์ แขนเหล็กไหลของชายเฒ่าเริ่มเกิดเป็นรอยสีแดงเฉกเช่นเมื่อเหล็กที่ถูกไฟจี้เป็นเวลานาน โคลริมกรีดร้องด้วยความทรมาณ แต่ก็ยังครุ่นคิดถึงสิ่งที่ควรจะทำเป็นลำดับต่อไปอยู่ ชายบาบาเรี่ยนกายากำยำผู้นี้ใช้ขาของตนฟาดเข้าใส่กลางท้องของไซอาลอท แรงกระแทกนั้นทำให้ร่างของมารเพลิงปลิวออกไปไกลพร้อมทั้งขวานที่ถูกกระชากจนหลุดออกจากอกแห่งเพลิงนั้น

  เช่นนั้นแล้วชายเฒ่าก็มิรอช้าที่จะอาศัยโอกาสทองในครั้งนี้ตอบโต้กลับมารเพลิงไป เขาใช้ความเร็วเข้าช่วยเพื่อที่จะไปยังตัวของมารเพลิงเร็วขึ้น โคลริมพุ่งไปหาไซอาลอทในขณะที่อสูรร้ายยังคงลอยอยู่กลางอากาศ ทันใดนั้นผู้กล้าก็ใช้หมัดใหญ่ของตนกระแทกลงกลางหน้าของศัตรู จนทำให้เพลิงพิโรธร่วงลงสู่ปฐพี เกิดเป็นแรงระเบิดขนาดใหญ่จนทำให้ไม้ใหญ่พริ้วไหวดั่งหญ้าเล็กในยามถูกลมซัดสาด มารร้ายนอนเจ็บอยู่ผืนดินภายในรูปที่ถูกสร้างขึ้นโดยร่างกายของเขาเมื่อครู่ แต่ยังมิทันที่ไฟนั้นจะได้ลุกขึ้นมาต่อกรกับโคลริม เขาก็ถูกขวานแห่งบาบาเรี่ยนซัดลงใส่กลางอกจากการที่ชายแก่โยนมันลงใส่ เมื่อนั้นผู้ใช้ขวานจึงใช้วิชาของตนในการดึงศาสตราวุธกลับเข้ามาหาผู้เป็นเจ้าของ แรงดึงของมันดึงร่างของมารเพลิงขึ้นมาบนอากาศโดยที่ผู้ถูกกระทำหาได้ยินยอมนัก ทันใดนั้นเองโคึลริมก็มิรอช้า ออกหมัดของตนอีกครั้งลงสู่จุดเดิมแต่ในครั้งนี้ความแรงของหมัดกลับมากขึ้นเป็นเท่าตัวดั่งว่าตนคิดจะปิดฉากการต่อสู้นี้โดยเร็วพลัน ไซอาลอทตกอยู่ในสภาพที่เสียเปรียบและร่างกายที่เริ่มบาดเจ็บ สมองที่เริ่มมึนจนมองเห็นอะไรไม่ถนัด

“ตึงงงงงงงง!” จู่ๆ หินผาขนาดใหญ่ก็ร่วงลงมาทับร่างของมารเพลิงอย่างทันใด

  เมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้น มันทำให้เหตุการณ์ทั้งหมดดูเงียบลงไปในทันที โคลริมค่อยๆ ถลาลงสู่ผืนภพ แสดงอาการเหนื่อยหอบออกมาอย่างชัดเจน ดูเหมือนผู้พิทักษ์ผู้นี้จะใช้พลังปราณของตนไปมากพอควร กระนั้นเองตัวเขาก็ยังคงไม่ค่อยมั่นใจเสียเท่าไหร่ว่ามารเพลิงจะถูกโค่นลงแล้ว เขายังคงกำอาวุธของตนไว้แน่น ก่อปราณทั่วทั้งกายาดั่งว่าเตรียมรับการต่อสู้ต่อไปที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ เขาเริ่มเดินไปช้าๆ โดยที่ปราณจำนวนมากเอ่อล้นที่อาวุธของเขา มันเป็นปราณสีทราย คุณสมบัติธาตุดิน เมื่อนั้นโคลริมจึงใช้ขวานเล่มนั้นสะบั้นหินผาที่ตนใช้โยนลงไปใส่ร่างของไซอาลอทเมื่อครู่จนขาดเป็นสองเสี่ยง หันลงไปมองที่รูนั้นแต่กลับไม่พบแม้แต่เงาของมารเพลิงเลยสักนิด มันช่างเป็นอะไรที่น่าตกใจสำหรับผู้จู่โจมน่าดู เขาเริ่มหันซ้ายและขวาแต่ก็หาได้พบมารร้าย ความหวาดระแวงเริ่มเข้าสู่จิตใจของผู้กล้าอาวุโสผู้นี้

“แย่ล่ะสิ”

  วาจาของชายเฒ่าถูกเปล่งออกมาจากปาก เมื่อนั้นเขาจึงรีบพุ่งออกไปยังทิศทางแห่งหนึ่งในทันที ดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกถึงอะไรสักอย่างหรืออาจจะรับรู้ถึงความต้องการของมารเพลิง เขาหาได้คิดที่จะสู้กับโคลริมตั้งแต่แรกแล้ว ถึงไม่แปลกใจเลยว่าเพราะเหตุใดไซอาลอทจึงไม่ค่อยออกแรงโจมตีผู้กล้าผู้นี้

  ณ ช่วงเวลาเดียวกันนั้นเองรถม้าที่โครนอสขับหนีมารไซอาลอทได้หยุดตัวลง ชายหนุ่มคนขับลงมาจากรถม้าคนนั้น ท่าทางเด็กผู้นี้คิดว่าเขาคงจะหนีไปจากไซอาลอทพ้นแล้ว บริเวณนั้นยังคงอยู่ในดินแดนป่าดิบชื้นแห่งเอเมอร์รัล เทอร์เรสอยู่ แต่ระยะทางที่โครนอสได้ขับขี่ม้าเมื่อครู่นั้นมันไกลพอควรเช่นกัน ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลค่อยๆ เปิดประตูรถซึ่งภายในรถยังคงมีผู้โดยสารสองคนอยู่เช่นเคย หญิงสาวผมสีน้ำเงินนามคาดาเลียและบุตรชายของเธอ หล่อนกอดลูกไว้แน่นราวกับแสดงตัวจะปกป้องลูกชายด้วยชีวิตของตัวเอง ท่าทางของเธอดูสั่นกลัวอยู่เล็กน้อย ซึ่งมันก็ไม่ต่างจากโครนอสนัก ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาผู้เป็นนายของตัวเอง ก่อนที่จะนั่งคุกเข่าลง พยายามที่จะทำให้ความตึงเครียดของสถานการณ์ลดลง ถึงแม้ว่าเขาคิดที่จะทำแบบนั้นก็ตามที แต่วาจาของตนก็มิอาจจะเปล่งออกมาได้ ตัวเขาเองก็คงหวาดกลัวพอๆ กับเธอเองเช่นกัน

“ไม่เป็นไรนะครับ... นายหญิง” โครนอสเอ่ยถามแม้นว่าจะยังคงตื่นกลัวอยู่

“โอ้ว... ไม่เป็นไรหรอก!”

  มันเป็นเสียงตอบรับกลับมา แต่มันหาใช่เสียงของนายหญิงคาดาเลีย เสียงนั้นดังขึ้นมาจากเบื้องหน้าของเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาล เขาหันควับไปอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจ มันเป็นมารเพลิงแห่งความตายไซอาลอทที่ยืนอยู่เบื้องหลังของเขา ทันใดนั้นมือของมารตนนั้นก็บีบเข้าไปที่คอของเด็กหนุ่ม โครนอสพยายามที่จะดิ้นสู้เพื่อให้หลุดจากพลกำลังนั้น แต่กำลังมนุษย์หรือจะสามารถต่อกรกับอดีตผู้พิทักษ์แห่งโพรโตเนี่ยนได้ เมื่อนั้นโครนอสจึงถูกเหวี่ยงออกไปจากคันรถ กระแทกลงสู่ผืนดินจนหมดสติไป ครานี้มารเพลิงได้อยู่เบื้องหน้าของหญิงที่ไร้ทางต่อสู้สองต่อสอง ทันใดนั้นมารเพลิงจึงย่างกรายเข้าไปหาคาดาเลียสร้างความหวาดกลัวให้แก่หญิงสาว หัตถ์แห่งอสูรได้พุ่งเข้าไปหาสตรีผู้นั้น จับคอและยกร่างของเธอขึ้นโดยที่ผู้ถูกกระทำไม่สามารถขัดขืนอะไรได้ การกระทำของมารเพลิงอย่างกะทันหันนั้นทำให้ร่างของทารกที่อยู่ในโอบกอดของหญิงสาวหล่นกระแทกใส่พื้นไม้ของรถ เด็กน้อยที่ได้รับบาดเจ็บก็แหกปากร้องขึ้นมา แต่มารร้ายหาได้สนใจไม่ เขาจ้องหน้าของหญิงผมสีน้ำเงิน มองเข้าไปในดวงตาดั่งจะแผดเผาวิญญาณจากภายในกายาของเธอ

“พลังของข้า... มันอยู่ที่ไหน?” ไซอาลอทกล่าวถามด้วยสีหน้าที่ดูจริงจัง
“ขะ... ข้าไม่... รู้” เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่ดูขัด เนื่องเพราะหลอดลมถูกบีบเข้าแน่น
“อย่าโกหกข้า! มันอยู่ไหน?!” เพลิงแห่งความตายตะคอกกลับ
“โคลริมมันไม่มีทางให้ใครอื่นเก็บพลังไว้นอกจากนังแม่มดอย่างเจ้าอยู่แล้ว!”
“บอกข้ามา!”
“ข้าบอกแล้วไง... ว่าข้าไม่..”

“ตึงงงงงง!” เสียงของมารร้ายที่กดร่างของหญิงสาวลงกระแทกกับพื้นเป็นการขัดจังหวะคำตอบของคาดาเลีย มันทำให้หญิงสาวสำลักเลือดออกมา กระเด็นไปถูกใบหน้าของไซอาลอทเข้า สิ่งนั้นทำให้มารเพลิงไม่ค่อยพอใจนักก่อนที่ดวงตาแห่งมารจักเริ่มส่องแสงประกายดั่งว่าจะปล่อยพลังอันร้อนระอุของมันออกไป

“ข้าจะเตือนเจ้าเป็นครั้ง...”

“ปึกกกกกกก!” หมัดแห่งโคลริมกระหน่ำเข้าไปถูกมารเพลิงอย่างจัง

  บุรุษแห่งไฟถึงกลับปลิวออกไปตามแรง กระแทกใส่กำแพงไม้ของรถจนแตกออกเป็นรูตามขนาดของร่างแห่งไฟ โคลริมมองมารเพลิงด้วยสายตาอันอาฆาตหวังที่จะสังหารปรปักษ์ผู้นี้เสีย ความโกรธที่ลูกสาวของตนถูกทำร้ายอย่างรุนแรงมันทำให้คนที่เป็นพ่อไม่สามารถเก็บความพิโรธนั่นได้อีก ไซอาลอทยังคงนอนหมดสติจากการโจมตีเมื่อครู่ มันเป็นหมัดที่รุนแรงเสียยิ่งกว่าค้อนทลายภูผาทั่วทั้งดินแดน เมื่อนั้นชายเฒ่าจึงก้มลงไปดูอาการลูกสาวของตน

“เป็นอะไรหรือเปล่าลูกพ่อ..” โคลริมถาม
“แค๊กๆๆ” หญิงสาวไอรัวออกมา ดั่งว่าตนหายใจไม่ค่อยสะดวก
“ค่ะ.. ท่านพ่อ... ข้าไม่.. ไม่เป็นไร” เธอตอบด้วยเสียงสั่นและติดขัด

  ที่ลำคอของหญิงสาวเกิดเป็นรอยไหม้เล็กน้อย มันเป็นรอยมือของมารเพลิงที่บีบรัดเมื่อครู่นี้ ชายร่างยักษ์มองมันอย่างไม่ค่อยพอใจนัก เขาเริ่มได้ยินเสียงร้องไห้ของทารกน้อยที่นอนอยู่ข้างกายแม่ของตน อุ้มร่างของหลานตนไว้ในอ้อมอก ก่อนที่จะส่งตัวเด็กผู้นั้นให้แก่ผู้เป็นแม่

“พ่อจะถ่วงเวลาไว้” บาบาเรี่ยนเฒ่ากล่าว
“เจ้ารู้ว่าจะต้องทำยังไงกับพลังแห่งซินโดร่า...”
“แต่ว่าท่านพ่อ.. แบบนั้นข้าเกรงว่าเนลเรี่ยนจะ...”
“เราไม่มีทางเลือกลูกข้า.. มันเป็นหนทางเดียวแล้ว”

  เธอพยักหน้าตอบกลับผู้เป็นพ่อ เริ่มลุกขึ้นยืนและอุ้มลูกชายของตนออกไปจากคันรถ หญิงสาวเริ่มวิ่งออกไปด้วยกำลังทั้งหมดที่มีหวังจะไปให้พ้นจากเขตแดนการต่อสู้นี้เพื่อจะทำการอันใดสักอย่าง ไม่นานนักเสียงของกายาที่ขยับกวาดดินทรายบนปฐพี มันเป็นการขยับร่างกายของไซอาลอท ดูเหมือนว่าปีศาจตนนี้จะตื่นขึ้นมาจากการหลับไหลชั่วระยะของตน โคลริมที่เห็นแบบนั้นจึงเดินออกจากรถม้า ย่างกรายเข้าไปหามารเพลิงอย่างไม่เร่งรีบ แต่ตัวเขาหาได้คิดที่จะจู่โจมเพลิงพิโรธแต่อย่างใด คงเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีในการต่อสู้ที่ไม่กระทำต่อผู้ที่ยังไม่พร้อมจะต่อกรด้วย มารเพลิงลุกขึ้นมาหมุนคอของตนจนเกิดเป็นเสียง บิดแขนขาตัวเองสื่อว่ากำลังเตรียมร่างกายให้พร้อมกับการต่อสู้ที่จะใช้กายาเป็นหลัก

“นั่นหรือคือความโกรธาของเจ้า... โคลริม?” มารเพลิงกล่าวขึ้นมาเบาๆ
“โกรธที่ข้าลงไม้ลงมือกับลูกสาวของเจ้าหรือ?”

  วาจาเหล่านั้นหาได้ทำให้โคลริมรู้สึกอันใด เขายืนนิ่ง จ้องมองมารเพลิง อาฆาตแค้น ในหัวของชายเฒ่าผู้นี้คงหวังที่จะใช้หมัดทั้งสองข้างของตนซัดกระหน่ำใส่ศีรษะแห่งเพลิงนั่นให้แหลกเป็นผุยผงเป็นแน่ ด้านไซอาลอทเองก็รับรู้ถึงความคิดแบบนั้น แต่ความตายหรือที่จะเกรงกลัวกับอะไรแบบนั้น เขายินดีที่จะรับมันด้วยซ้ำถ้าโคลริมสามารถทำในสิ่งที่เขาประสงค์ได้จริง มารเพลิงแสยะยิ้มด้วยความพึงพอใจ

“นั่นแหละคือความโกรธโคลริม..”
“ซึมซับมันเข้าไป รับรู้ถึงมัน... นั่นคือความรู้สึกของข้าที่จะกำจัดเจ้า!”

“ใช่.. ข้ารู้สึกถึงมันไซอาลอท” ชายเฒ่าตอบกลับ
“แต่ใครก็ตามที่มันทำกับลูกสาวของข้าแบบนั้น..”
“มันต้องตาย!”
ขึ้นไปข้างบน Go down
https://www.facebook.com/BillAlfenolf
 
Cataclysm: The Endless Hellfire XXVII
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1
 Similar topics
-
» Cataclysm: The Endless Hellfire XII
» Cataclysm: The Endless Hellfire XLV
» Cataclysm: The Endless Hellfire XIV
» Cataclysm: The Endless Hellfire XXX
» Cataclysm: The Endless Hellfire XV

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: