Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Bell of Rebellion : Episode 3

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
DanielsoN
Xiao Mei's Husband
Xiao Mei's Husband
DanielsoN


จำนวนข้อความ : 2272
Join date : 19/09/2010
Age : 29

Bell of Rebellion : Episode 3 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Bell of Rebellion : Episode 3   Bell of Rebellion : Episode 3 EmptyTue Jan 27, 2015 5:27 pm

ณ ดินแดนของเหล่ามนุษย์ที่ถูกเรียกขานว่าฮามิน มันเป็นดินแดนที่ใหญ่ที่สุดในผืนแผ่นดินวอริเนีย อาจจะเพราะความเก่งของมนุษย์หรืออาจจะเพราะความกระหายสงครามของมนุษย์ก็ได้ ยังไงก็แล้วแต่วันนี้ก็เป็นวันธรรมดาอีกวันในดินแดนของเหล่ามนุษย์ ผู้คนทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง ไม่ใช่แค่มนุษย์เท่านั้นเหล่าชนเผ่าอื่นๆที่อาศัยเป็นทาสรับใช้ของมนุษย์ก็ต้องทำงานหนักเช่นเดียวกัน เพื่อความอยู่รอด เพราะในดินแดนของมนุษย์นั้นเจ้านายสามารถฆ่าทาสรับใช้ที่เป็นคนละสายพันธุ์ได้อย่างไม่ผิดกฏหมาย ดังนั้นถ้าหากเหล่าอมนุษย์นี้ทำอะไรไม่ถูกใจ ศีรษะของพวกเขาอาจจะหลุดออกจากบ่าก็เป็นได้

ชายแก่ผมที่ใบหน้าเต็มไปด้วยบาดแผล ชุดที่เขาสวมนั้นเป็นสีแดงสด ไม่ต่างกับลูกชายของเขาที่คิดกบฏพยายามจะฆ่าชายแก่คนนี้เมื่อสองสามวันก่อน เขายืนมองอาณาจักรของเขาจากระเบียง สถานที่นี้มันเป็นสถานที่เขายืนประจำ ดวงตาของเขามองออกไปอย่างไร้จุดหมาย จะบอกว่าเขาเสียใจก็ไม่ใช่ จะบอกว่าเขาดีใจก็ไม่ใช่เช่นกัน การอ่านใจคนนี้นั้นก็ไม่ต่างอะไรกับการอ่านหนังสือที่ถูกเขียนด้วยภาษาที่เราไม่เข้าใจ มือของเขาจับไปยังระเบียบอิฐที่เย็นเฉียบ เบื้องล่างของเขานั้นคือแม่น้ำที่พัดร่างของลูกชายของเขาไป

“ท่านแกเร็ธครับ...ข้ามีอะไรจะรายงาน” เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นมา

ชายแก่ที่ถูกเรียกหันไปตามเสียง ก่อนที่เขาจะเห็นชายผิวเทาที่มีใบหน้าเต็มไปด้วยรอยแตกร้าวยืนอยู่ เขาปรากฏตัวมาจากเงามืด ชายคนนี้สามารถเดินไปทางไปที่ไหนก็ได้ตามที่เขาต้องการ เรียกได้ว่าสิ่งที่รู้จักกันในชื่อว่าระยะทางไม่สามารถทำอะไรเขาได้ ชายคนนี้เขาสวมชุดสีดำสนิท ใบหูของเขาแหลมคม เป็นการบ่งบอกถึงเผ่าพันธุ์ของเขา ในมือของเขาถือกระดาษแผ่นหนึ่งอยู่ด้วย ดาร์คเอลฟ์คนนี้เดินที่ชายแก่นามแกเร็ธก่อนจะยื่นกระดาษแผ่นนี้ให้ ผู้นำเผ่ามนุษย์รับไว้ก่อนจะม้วนกระดาษขึ้นและอ่านสารที่อยู่ภายใน

“ลูกน้องข้ารายงานข้ามาว่าลูกชายของท่านแอร่อนยังมีชีวิตอยู่ โดยลูกของท่านอยู่ในทัพของอาณาจักรเอลิซาเบ็ธ” ดาร์คเอลฟ์รายงาน
“ท่านต้องการให้ข้าทำอะไรรึเปล่า?” ผู้รายงานถามต่อ
“ขอบใจเจ้ามากนูล...แต่เจ้าไม่ต้องทำอะไรหรอก เจ้าแค่คอยรายงานข้าต่อไปก็แล้วกัน” ชายแก่นามแกเร็ธตอบ
“ข้าอยากจะรอดูว่าลูกชายคนโตของตระกูลดาร์คครอว์จะทำอะไรได้บ้าง”
“ถ้าหากท่านประสงค์เช่นนั้น” นูลเอามือจับไปที่อกของตัวเองก่อนจะหายไปในเงามืด

เมื่อผู้มาเยือนหายไป แกเร็ธก็หันออกไปก่อนจะทำในสิ่งที่เขาทำก่อนหน้านี้

=====

ณ ขณะเดียว ในห้องวางแผนห้องเดิม ทุกๆอย่างถูกจัดไว้ในตำแหน่งเดิม เว้นเสียแต่แผนที่เมืองที่ไม่ได้วางไว้อยู่บนโต๊ะ ในห้องนั้นไม่มีหน้าต่าง เพื่อไม่ให้ถูกสอดแนมจากคู่ต่อสู้ ดังนั้นแหล่งของแสงมีอย่างเดียวคือคบเพลิง แอร่อนนั่งอยู่ท่ามกลางสายตาขององค์ราชินีและบริวารทั้งสองคนอย่างอัลเลนและเดนนิส แอร่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวของเขา ผู้ที่อยู่ในห้องทั้งสามคนฟังโดยไม่พูดอะไรตลอดที่ชายหัวขาวเล่าเรื่องนี้ แอร่อนเล่าเรื่องของตนเองตั้งแต่ยังเยาว์วัยจนถึงการกบฏที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อน เวลาผ่านไปได้ชั่วโมงหนึ่งก่อนที่เขาจะเล่าเรื่องของตัวเองจบ

“สรุปแล้ว เจ้าเป็นกบฏในอาณาจักรของมนุษย์งั้นหรือ?” เดนนิสพูดพลางจับคางของตัวเอง
“ใช่ เพราะนูลทำให้ข้าแพ้ในศึกนั้น ถ้าหากไม่เป็นเพราะนูลป่านนี้ ข้าอาจจะได้เป็นผู้นำแดนมนุษย์แล้วก็ได้” ชายผมขาวพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น เขากุมหมัดแน่น
“แล้วจากนี้เจ้าจะทำอะไรต่อล่ะ? ตอนนี้เจ้ากลับแดนมนุษย์ไม่ได้แล้ว” อัลเลนถาม

แอร่อนเงียบดูเหมือนเขาเองก็ไม่รู้คำตอบข้อนี้เหมือนกัน

“ถ้างั้นเจ้าอยู่กับพวกข้าในฐานะของนายพลดีไหมล่ะ?” ฟลอร่าเอ่ยปากเสนอ

ข้อเสนอนี้ทำให้บริวารเผ่ามนุษย์ทั้งสองคนหันมามองหน้ากันเองก่อนจะมองหน้าของฟลอร่าที่นั่งอยู่

“พวกเจ้ามีปัญหาอะไรหรือ? ถ้าหากพวกเจ้ามีโปรดบอกข้าเถิด” เอลฟ์ผมทองพูดพลางกวาดสายตาถามความเห็นของเดนนิสและอัลเลน
“ข้าก็ไม่มีปัญหาหรอก ถ้าองค์ราชินีประสงค์แบบนั้น” ชายหน้าหวานไม่ได้แย้งอะไร
“ข้าเองก็ไม่มีปัญหา ถ้าหากฟลอร่าต้องการจะให้แอร่อนเป็นหนึ่งในสหายของข้า ข้าก็พร้อมจะทำตามบัญชาของเจ้า” ผู้เป็นพี่เองดูเหมือนจะไม่ขัดค้านความคิดของน้องเช่นกัน
“แล้วเจ้าล่ะ แอร่อน? เจ้าว่าอย่างไร?” องค์ราชินีหันมาถามชายผมขาวที่นั่งอยู่
“ยังไงข้าก็ไม่มีที่ไปอยู่แล้ว ...ถ้างั้นข้าจะร่วมทัพกับพวกเจ้า” แอร่อนให้คำตอบ

คำตอบนี้ทำให้องค์ราชินียิ้มออกมาก่อนที่เธอจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวล

“ถ้างั้นก็ไปพักผ่อนเถอะคะ และยินดีต้อนรับสู่อาณาจักรเอลิซาเบ็ธ”

=====

แอร่อนตื่นขึ้นมาในห้องนอนของตัวเอง มันเป็นห้องเดิมที่เขาใช้พักตอนมาถึงที่นี่ เขาเหลือบไปข้างนอก ดูเหมือนตอนนี้ยังคงเป็นช่วงกลางวันอยู่ เห็นได้จากแสงที่สาดส่องผ่านหน้าต่าง แอร่อนเหวี่ยงแขนขึ้นฟ้าก่อนจะลุกขึ้นมาจากเตียงของตัวเอง เขาเดินตรงไปยังที่แขวนเสื้อผ้าก่อนจะหยิบเอาเสื้อสีแดงออกมาก่อนจะสวมใส่มัน เขาเดินออกจากห้องไป ก่อนที่เมื่อเขาเดินออกมาเขาก็ถูกหญิงสาวชาวเอลฟ์ในชุดเมดวิ่งชนเขา แรงกระแทกนั้นไม่ได้ดันให้แอร่อนถอยไปเลยแม้แต่น้อยแต่กลับหญิงสาวชาวเอลฟ์คนนี้ถอยมาแทน เธอลูบหน้าผากของเธอด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดก่อนจะเงยหน้า เมื่อเธอเงยหน้ามันก็ทำให้เห็นดวงตาสีม่วงของนางพร้อมทั้งเส้นผมสีน้ำตาลของสาวใช้คนนี้ เธอเห็นใบหน้าอันน่ากลัวของแอร่อนแล้วก็ทำให้เธอรีบโค้งขอโทษทันที

“ขอโทษคะ ดิชั้นไม่ทันได้ระวังเอง”
“อ่า...เอ่อ ไม่เป็นไร” แอร่อนทำหน้างงๆแต่ก็ให้อภัยเธอ
“ถ้างั้นข้าขอตัวก่อนนะคะ” หญิงรับใช้คนนี้ก้มโค้งก่อนจะวิ่งไป หากทว่าในขณะที่เธอกำลังวิ่งเธอล้มลง เธอรีบลุกขึ้นมาก่อนจะวิ่งหายไป

แอร่อนก็ได้แต่มองด้วยสายตางุนงง ในขณะที่เขากำลังสับสนในสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ชายหน้าสวยก็เดินมาข้างๆเขา ก่อนจะหันมองแอร่อนที่จ้องมองสาวรับใช้

“อ่อ นั่นไดแอน ข้ากับเดนนิสช่วยเธอไว้เมื่อประมาณสองเดือนก่อนน่ะ”
“ตอนนี้เธอเป็นคนใช้ขององค์ราชินี ถึงเธอจะซุ่มซ่ามไปหน่อยก็เถอะ” อัลเลนเล่าให้ฟัง

แอร่อนฟังแล้วก็หันมาจ้องหน้าของชายหน้าหวาน ชายผมขาวจ้องโดยที่ดวงตาเขาไม่กระพริบ มันทำให้ชายที่มีร่างกายของสตรีเพศอดถามไม่ได้ว่าเพราะเหตุใดแอร่อนถึงจ้องตนขนาดนั้น

“เปล่า ไม่มีอะไร ข้าแค่ยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อว่าเจ้าเป็นผู้ชายเท่าไหร่” แอร่อนให้คำตอบ
“อ่อ เรื่องนั้นน่ะนะ...” อัลเลนพูดพลางใช้นิ้วของตัวเองม้วนเส้นผมสีเงินของตัวเอง
“ว่าแต่เจ้าเป็นแบบนี้มาเท่าไหร่แล้ว?” ชายในชุดสีเลือดเอ่ยปากถาม
“นั่นซิน๊า....ก็เกือบจะสองปีได้แล้วมั้ง” ชายผมสีเงินเอานิ้วชี้แตะคางของตัวเองก่อนจะคิดไปด้วย
“เจ้าพอเล่าให้ข้าฟังได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?” แอร่อนเอ่ยปากถาม
“เอาไว้วันหลังละกัน ตอนนี้ข้าก็ยุ่งๆอยู่ ถ้างั้นข้าขอตัวก่อนล่ะ” พูดจบอัลเลนก็เดินแซงหน้าของแอร่อนไป

ชายผมแดงก็ได้แต่มองก่อนจะเดินไปที่อื่นต่อ ตอนนี้เขาเองก็ไม่รู้จะว่าไปที่ไหนเช่นเดียวกัน เขาเดินออกมายังสวนที่อยู่กลางปราสาท รอบๆนั้นเต็มไปด้วยต้นไม้หลายชนิด เหล่าผีเสื้อที่โบยบินไปทั่ว ชายผมขาวยืนมองต้นไม้นี้ได้ซักพักก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงของใครบางคนกำลังพูดอยู่ มันเป็นเสียงขององค์ราชินี แอร่อนเดินไปตามเสียงนั้น ก่อนจะเดินไปเห็นฟลอร่าที่นั่งอยู่บนม้านั่ง หากทว่าไม่ว่าจะกวาดสายตาไปทางไหนก็ไม่สามารถเห็นได้ว่า เธอกำลังคุยกับใครอยู่ เธอพูดคนเดียวงั้นหรือ? ในขณะที่แอร่อนกำลังกวาดสายตาหาคู่สนทนาของเธอ ฟลอร่าก็เรียกชื่อเขาก็จะกวักมือเรียกชายผมขาวคนนี้ ผู้ถูกเรียกพยักหน้าก่อนจะเดินไปใกล้ๆ เธอทำมือบอกให้แอร่อนนั่งบนม้านั่ง ชายผมขาวนั่งลงไปข้างๆองค์ราชินี เมื่อเขานั่งลงไป เขาก็ยังคงกวาดสายตาหาคู่สนทนาของฟลอร่าอยู่ แต่เช่นเคยไม่ว่าจะทางไหน เขาก็ไม่เห็นสิ่งมีชีวิตอย่างอื่นที่น่าจะพูดกับเธอได้เลย

“เจ้าหาอะไรอยู่หรือ?” ฟลอร่าเอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวล
“ข้ากำลังสงสัยว่าท่านกำลังคุยกับใครอยู่” แอร่อนตอบไปตรงๆ
“อ่อ ดรากูลน่ะ เพื่อนของข้าเอง”
“ดรากูล?” แอร่อนเอ่ยปากถามพร้อมเกาศีรษะของตัวเอง
“เจ้าไม่เห็นหรอก เขาอาศัยคนละมิติกับเจ้าน่ะ มีเพียงแค่ข้าเท่านั้นที่มองเห็นเขาเท่านั้น” เอลฟ์ผมสีทรายพูด
“อ่อ ใช่ ดรากูลนี่แอร่อน นายพลคนใหม่ของอาณาจักรเราน่ะ” ฟลอร่าหันไปพูดกับอากาศอีกครั้ง

ฟังแล้วแอร่อนก็รู้สึกฉงนกว่าเดิม สรุปแล้วดรากูลมีตัวตนจริงๆรึเปล่า หรือเป็นเพียงแค่เพื่อนในจิตนาการของฟลอร่าเท่านั้น? ถ้าผู้ชาย (หรือผู้หญิง) ที่ชื่อดรากูลมีจริง ทำไมเขาถึงไม่ปรากฏตัวออกมาล่ะ? แล้วคำว่าคนละมิตินี่แปลกว่าอะไร? ชายผมขาวยิ่งคิดเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกว่าปริศนานี้ซับซ้อนมากเท่านั้น แต่เมื่อคิดไปได้ซักพัก ชายที่ชื่อแอร่อนก็ถอนหายใจเป็นสัญญาณว่าเขายอมแพ้กับปริศนาของ “ดรากูล” เป็นที่เรียบร้อย ฟลอร่าเห็นแล้วก็ได้แต่หัวเราะเบาๆก่อนจะเอ่ยปากถามชายที่นั่งข้างๆตนเอง

“ว่าแต่เพราะเหตุอันใดเจ้าถึงก่อกบฏกับพ่อของเจ้าหรือ?”
“ข้ารู้สึกไม่เห็นด้วยกับแนวทางของพ่อข้า....แนวทางของพ่อข้าสร้างความมั่นคงให้กับแผ่นดินก็จริง”
“แต่แนวทางของพ่อข้าก็สร้างความลำบากให้กับผู้คนเช่นเดียวกัน...ข้าเลยคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องเปลี่ยน”
“แม้การเปลี่ยนแปลงของข้าจะนำมาซึ่งสงคราม แต่มันก็จะนำมาซึ่งผลดีในระยะยาว”
“น่าเสียดายที่ข้าไม่ได้ทันระวังว่าพ่อข้าเป็นพันธมิตรกับพวกดาร์คเอลฟ์ มิเช่นนั้นทุกอย่างคงดีกว่านี้” แอร่อนพูดพลางแหงนหน้ามองท้องฟ้า

ฟลอร่าฟังแล้วก็นั่งเงียบ เธอไม่ได้พูดอะไร สายลมอ่อนๆ พัดผ่านใบหน้าของทั้งสอง เสียงกิ่งไม้และใบไม้ที่เคลื่อนไหวตามสายลมดังกึกก้องไปทั่วสวนแห่งนี้ เสียงน้ำที่ไหลลงมาจากที่สูงตกลงสู่ข้างล่างดังอยู่อย่างต่อเนื่อง เหล่าปักษาต่างโบยบินไปบนผืนนภาอันกว้างใหญ่ ก้อนเมฆสีขาวที่จับตัวกันเหมือนปุยนุ่นกำลังล่องลอยไปอย่างช้าๆ แสงแดดที่สองลงมายังผืนหญ้า ความเงียบงันนั้นทำให้แอร่อนหันไปมองหน้าหญิงที่นั่งข้างๆตน เขาเห็นฟลอร่านั่งจับเส้นผมของตัวเอง

“ตัวข้านั้นเกลียดสงครามมาก ข้าพยายามทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เกิดสงครามขึ้น”
“ข้าต้องการให้อาณาจักรเอลิซาเบ็ธอยู่อย่างสงบเท่านั้น ถึงกระนั้นเราก็โดนบุกอยู่บ่อยครั้ง”
“แต่ท้ายที่สุด สงครามก็เกิดขึ้นเสมอ...และทุกๆครั้งพี่ข้ากับอัลเลนก็ต้องคอยช่วยข้าเสมอ”
“ยังไงในยุคนี้ ไม่ว่าจะทำเช่นไร ท้ายที่สงครามก็เกิดขึ้นอยู่ดี เจ้าว่างั้นไหมแอร่อน” ฟลอร่าหันมาถามชายผมขาวที่นั่งข้างๆตน
“ท่านพูดถูก...มีเพียงแต่สงครามเท่านั้นที่จะสร้างสันติได้ในยุคสมัยอันบ้าคลั่งนี้”
“แต่องค์ราชินี ข้ามีวิธีที่สามารถสร้างสันติให้กับอาณาจักรเอลิซาเบ็ธได้ ท่านสนใจจะฟังไหม?” ชายผมขาวเอ่ยปากถามองค์ราชินี

เอลฟ์ผมสีทองได้ยินก็พยักหน้าด้วยสีหน้า ดูเหมือนเธอจะสนใจในคำพูดของชายในชุดสีเลือดคนนี้

“ถ้างั้นท่านช่วยเรียกเดนนิสกับอัลเลนมาที่ห้องวางแผนด้วยครับ”

=====

ณ ห้องวางแผนห้องเดิม ทุกๆอย่างก็ยังคงวางอยู่ในที่ๆของมัน นี่ก็เป็นครั้งที่สามแล้วที่ชายผมสีขาวเหยียบห้องนี้ แม้เขาจะพึ่งมาอยู่ที่นี่ได้เพียงสองวัน อัลเลนกับเดนนิสนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้านซ้ายขวา ส่วนฟลอร่านั่งอยู่หัวโต๊ะ ชายผมขาวหยิบแผนที่รอบเมืองเอลิซาเบ็ธออกมาก่อนจะวางไว้บนโต๊ะไม้ทรงกลม เมื่อแผนที่ถูกวางลงไป ทุกสายตาก็จับจ้องมาที่แผ่นกระดาษแผ่นนี้ แอร่อนใช้นิ้วของเขาชี้ไปยังแผ่นกระดาษแผ่นที่เขาวาง นิ้วของเขาชี้ไปที่เมืองใกล้ๆซึ่งเป็นเมืองของอาณาจักรมนุษย์

“เราจะยึดเมืองของอาณาจักรฮามิน” แอร่อนพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยพลัง

คำพูดของเขาทำให้ดวงตาของอัลเลนและเดนนิสเบิกโพลน แต่ว่าชายทั้งสองก็ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่รอฟังว่าเขาจะพูดอะไรต่อ

“ข้าได้ยินมาจากองค์ราชินีว่าอาณาจักรเอลิซาเบ็ธโดนรุกรานบ่อย”
“ดังนั้นข้าจึงคิดว่าถ้าหากเราได้แสดงแสงยานุภาพแล้วล่ะก็อาณาจักรอื่นๆก็จะเกรงกลัวเราขึ้นอีกมาก”
“แต่ข้าไม่คิดเช่นนั้น ถ้าหากเราบุกเมืองของอาณาจักรฮามินแล้ว ข้าว่าสงครามจะขึ้นมากกว่าเดิมเสียอีก”
“ยิ่งหากเราไม่สามารถกำชัยเหนือนครนี้ได้ อาณาจักรอื่นๆยิ่งมองว่าเราอ่อนแอ และยิ่งทำให้เกิดสงครามมากกว่าเดิม” เดนนิสไม่เห็นด้วยกับความคิดของแอร่อน
“ข้าเองก็คิดเหมือนเดนนิส อีกอย่างกองทัพของเราก็ใช่ว่าจะแข็งแกร่งมาก”
“การบุกเมืองของเหล่ามนุษย์คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆสำหรับเราแน่นอน” อัลเลนเองก็แสดงให้เห็นว่าเขาไม่เห็นด้วยกับชายผมสีขาว
“พวกเจ้าไม่ต้องห่วงไป หากมีข้าอยู่ เราสามารถกำชัยได้ทุกศึก” แอร่อนพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
“เจ้าจะมั่นใจเกินไปแล้วนะ” อัลเลนลุกขึ้นมาก่อนจะชี้หน้าของแอร่อน
“อัลเลนเจ้านั่งลงเถิด...” เสียงของฟลอร่าดังขึ้นมา

ทุกๆสายตาในห้องต่างจับจ้องไปที่ฟลอร่าที่เป็นคนเปล่งเสียงออกมา อัลเลนมองก่อนจะนั่งลงอย่างช้าๆ

“ก็ได้คะ...เราจะบุกแดนมนุษย์กัน”
ขึ้นไปข้างบน Go down
 
Bell of Rebellion : Episode 3
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1
 Similar topics
-
» Bell of Rebellion : Episode 9
» Bell of Rebellion : Episode 10
» Bell of Rebellion : Episode 11
» Bell of Rebellion : Episode 12
» Bell of Rebellion : Episode 13

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: