Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Bell of Rebellion : Episode 8

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
DanielsoN
Xiao Mei's Husband
Xiao Mei's Husband
DanielsoN


จำนวนข้อความ : 2272
Join date : 19/09/2010
Age : 29

Bell of Rebellion : Episode 8 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Bell of Rebellion : Episode 8   Bell of Rebellion : Episode 8 EmptyFri Feb 06, 2015 2:54 pm

หนึ่งปีก่อน ณ ห้องนอนขององค์ราชินีในปราสาทของอาณาจักรเอลิซาเบ็ธ ร่างอันบอบบางขององค์ราชินีนอนบนเตียง ใบหน้าของเธอนั้นแดงก่ำ เธอหายใจอย่างหนัก บนหน้าผากของเธอมีผ้าที่ชุบน้ำอยู่ด้วย ข้างๆกายนั้นมีคนรับใช้อยู่ด้วย หากทว่าคนรับใช้คนนี้ไม่ใช่ไดแอน ในตอนนั้นไดแอนยังไม่มาถึงอาณาจักรเอลิซาเบ็ธ คนรับใช้คนนี้หยิบผ้าผืนนี้ออกมาจากหน้าผากขององค์ราชินีก่อนจะจุ่มผ้านี้ลงไปถังน้ำ ก่อนจะยกขึ้นมาและบิดผ้าผืนนี้ เมื่อเธอบิดเสร็จแล้ว เธอก็นำผ้าผืนเดิมวางบนหน้าผากของเธอ เสียงประตูถูกเปิดดังขึ้นมา ผู้เปิดประตูนั้นเป็นชายผมสีทรายโดยข้างๆเขานั้นเป็นชายผมสีเงินที่ใบหน้าละม้ายคล้ายสตรี ทั้งสองเดินตรงมายังเตียงที่มีร่างของฟลอร่านอนอยู่

“อาการของนางเป็นยังไงบ้าง?” ผู้เป็นพี่เอ่ยปากถาม
“ยังไม่ดีขึ้นเลยคะ...ควรจะตามคุณหมอไหมคะ?” ผู้รับใช้เอ่ยปากถาม
“ก็ดี....ข้าเริ่มคิดว่านี่ไม่ใช่แค่ไข้หวัดธรรมดา” ชายผมสีทรายพูด

ผู้รับใช้พยักหน้าก่อนจะวิ่งออกจากห้องไป เมื่อเธอออกจากห้องไป ก็มีร่างของชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา เขาสวมผ้าคลุมเผื่อบดบังผิวหนังของเขา เขายืนอยู่ที่มุมห้อง จุดที่เขายืนอยู่นั้น แสงแดดไม่สามารถส่องได้ถึง อัลเลนและเดนนิสมองชายคนนี้ เขาหันไปมองไปที่ร่างขององค์ราชินีแห่งมวลเอลฟ์ที่ร่างกายของเธอพยายามจะต่อสู้จะเชื้อโรคภายในอยู่ ดรากูลหันกลับมามองเดนนิสกับอัลเลนที่จ้องมองเขาอยู่

“จริงๆข้ารู้นะว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวองค์หญิงราชินี” ชายคนนี้พูดขึ้น
“แล้วองค์ราชินีเป็นอะไรล่ะ?” อัลเลนหันมาถามด้วยสีหน้าฉงน
“เจ้าสนใจจะฟังอาการของนางหรือเจ้าสนใจจะฟังแค่วิธีรักษาล่ะ?” ชายที่อยู่ใต้ฮู้ดสีดำเอ่ยปากถาม
“เอาเป็นว่าข้าขอฟังวิธีรักษาก่อนดีกว่า” เดนนิสตอบพร้อมกับกอดอกและรอฟังสิ่งที่ชายผิวซีดคนนี้จะพูด

ดรากูลได้ยินคำตอบแล้วก็พยักหน้าก่อนจะเริ่มพูด

“เจ้าจะต้องปรุงยาชนิดหนึ่งขึ้นมา โดยยาชนิดนี้จะต้องมีส่วนผสมของดอกไม้ทางตอนเหนือของอาณาจักรด้วย”
“ดอกนั้นชื่อว่าดอกซิลลิช...มันเป็นดอกสีเงิน ถ้าหากเจ้าเห็นเจ้าก็น่าจะรู้ทันที”
“ถ้าเจ้ารู้ขนาดนี้ ทำไมเจ้าถึงไม่ไปหาเสียเองล่ะ? มาบอกพวกข้าทำไม?” อัลเลนที่ยืนข้างๆตั้งคำถาม
“พวกเจ้าก็รู้นี่ว่าข้าโดนแดดไม่ได้” ดรากูลตอบ

เดนนิสถอนหายใจก่อนจะหันหลังและเดินไปยังประตูห้อง ทุกสายตาในห้องจับจ้องมาที่เขาก่อนที่เดนนิสจะหยุดน่าประตู และหันไปหาชายทั้งสองคนที่ยืนอยู่ในห้อง

“ถ้างั้นข้าจะรีบไปก็แล้วกัน อัลเลน เจ้าฟังไปก็แล้วกันนะว่าองค์ราชินีเป็นโรคอะไร”

พูดจบเดนนิสก็เดินจากไปโดยไม่ได้เปิดโอกาสให้อัลเลนได้พูดอะไร ชายหน้าหวานที่รูปร่างของผู้หญิงก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะลากเก้าอี้มาและนั่งลง เขาหันไปทางชายที่พยายามหลบแสงจากดวงตะวันก่อนจะเอ่ยปากพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเซ็งแซ่

“โอเค...เล่ามาเลย ข้าฟังอยู่”

=====

ณ ภูเขาสูงที่มีพายุหิมะโหมใส่อย่างรุนแรง ชายคนหนึ่งกำลังปีนหุบเขาอยู่ เขาสวมผ้าคลุมสีน้ำเงิน ผ้าคลุมนี้คลุมศีรษะของเขาด้วย แต่ด้วยความเร็วของพายุมันจึงพัดฮู้ดของชายคนนี้ลง เมื่อฮู้ดของเขาถูกลดลงก็ทำให้เห็นใบหน้าของเดนนิส เขาไม่ได้ใส่ใจอะไรกับการที่ฮู้ดของเขาถูกลมพัดลงมา เขาอยู่สูงจากพื้นดินมามาก ถ้าหากเขาพลาดตกลงไป คงไม่ต้องพูดเลยว่าชะตากรรมชีวิตเขาจะเป็นยังไง ตอนนี้เขาไม่ได้สวมชุดเกราะสีขาวของเขา เขาสวมสีธรรมดาๆ เพื่อให้ร่างกายเขาสามารถขยับได้อย่างสะดวก เดนนิสยังคงปีนเขาอย่างช้าๆ แม้ทัศนะวิสัยข้างหน้าจะแย่ขนาดไหน เขาก็ยังคงไม่หยุดที่จะปีนขึ้นไปให้สูงขึ้น อากาศนั้นยิ่งเย็นขึ้นเรื่อยๆดั่งวลีที่บอกว่า “ยิ่งสูงยิ่งหนาว” เดนนิสหายใจออกมาเป็นไอ เขาเริ่มใช้ปากในการช่วยหายใจ เขาเอื้อมมือไปจับขอบหน้าผาก่อนจะปีนขึ้นไป พายุหิมะนั้นยังรุนแรง มันทำให้พี่ชายของฟลอร่าไม่สามารถเห็นทิศทางข้างหน้าได้ สำหรับตอนนี้มันคงเป็นไปไม่ได้เลยถ้าจะดอกซิลลิชเพื่อไปรักษาน้องของตน เขายกมือขึ้นก่อนจะวางทาบไว้เหนือดวงตาของตัวเองนิดหนึ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้หิมะเข้าตาของเขา

“สงสัยเราคงต้องหาที่พักก่อนละมั้งนี่” เดนนิสพูดกับตัวเอง

เขายังคงเดินต่อไป เสียงของเท้าของชายหนุ่มผู้นี้ย่ำลงไปบนหิมะดังไปพร้อมกับเสียงของพายุหิมะ เดนนิสยังคงมองไปข้างหน้าและได้หวังและถาวนาแต่ว่าเขาจะเจออะไรซักอย่างที่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าที่นี่มีคนอยู่ และแล้วดูเหมือนพระเจ้าก็ตอบเขาด้วย แสงไฟดวงหนึ่ง แม้เดนนิสจะไม่สามารถเห็นได้ว่ามันเป็นแสงไฟจากอะไร แต่เขาก็ไม่ลังเลที่จะเร่งฝีเท้าของเขาและเดินตรงไปยังแสงไฟ เมื่อเขามาถึงหน้าแสงไฟ เขาก็เห็นบ้านไม้หลังหนึ่ง มันเป็นบ้านที่ดูใหญ่มาก ประตูนั้นใหญ่กว่าตัวเขามาก ใหญ่จนทำให้เดนนิสสงสัยว่าประตูนี้เป็นประตูสำหรับมนุษย์จริงๆหรือ แต่เขาเก็บความสงสัยนั้นไว้ที่หลัง ชายหนุ่มผมสีทรายยื่นมือไปก่อนจะเคาะประตูไม้ สิ้นเสียงได้ไม่นาน ประตูก็ถูกเปิดออก เมื่อประตูถูกเปิดออกนั้น ก็ปรากฏตัวเป็นอสูรที่มีขนสีขาว ดวงตาของมันนั้นสีแดง บนศีรษะของมันนั้นมีเขาแพะงอกอยู่ด้วย ส่วนสูงของมันนั้นเรียกได้ว่าสูงเกือบเท่าประตูเลยก็ว่าได้ เดนนิสเห็นแล้วก็ตะกุกตะกักพูดไม่ถูก อาจจะเพราะความหนาวเย็นหรืออาจจะเป็นเพราะความกลัว เขาเองก็ไม่ทราบ แต่ไม่ทันที่ชายผมสีทรายคนนี้จะพูด อสูรขนสีขาวก็เอ่ยปากพูดขึ้นมาก่อน

“เจ้าคงเป็นนักเดินทางซินะ...เข้ามาก่อนซิ” อสูรกายตัวนี้เอ่ยปากเชิญชวน

เดนนิสไม่ได้พูดอะไรก่อนจะเข้ามาในบ้าน เมื่อเชื้อพระวงศ์แห่งอาณาจักรเอลิซาเบ็ธก้าวเท้าเข้ามา อสูรตัวนี้ก็ยื่นมือปิดประตูไม้ขนาดใหญ่ ชายหนุ่มผมทองได้แต่ตกตะลึงเมื่อเห็นภายในบ้านแล้ว เครื่องใช้หลายๆอย่างนั้นไม่ใช่สำหรับมนุษย์ เช่นเก้าอี้ที่แอร่อนไม่สามารถนั่งได้เพราะสูงเกินไป หรือโต๊ะที่ใหญ่เกือบจะเท่ากับบ้านของมนุษย์ ตู้ไม้ที่สูงราวกับอาคารสูงสองสามชั้น รวมถึงเตาผิงขนาดใหญ่ที่ใหญ่พอที่เปลวเพลิงจะกลืนร่างของเดนนิสไปทั้งตัว ในวินาทีนี้เดนนิสรู้สึกว่าเขาอยู่ในเมืองของยักษ์ ชายผมทองถอดเสื้อโค้ดออกก่อนจะไปยืนหน้าเปลวเพลิง เขาวางดาบของเขาไว้ข้างๆกาย ในขณะที่เขายื่นมือไปยังเตาไฟ ไม่นานนักเขาก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาอุ่น ต่างกับตอนที่อยู่ภายนอกโดยสิ้นเชิง เขาหันไปทางตรงข้ามกับเตาผิงก่อนจะเห็นอสูรสีขาวหยิบเก้าอี้ขนาดคนนั่งมาวางไว้ใกล้ๆกับตน และก็มีหม้อขนาดปกติวางไว้ใกล้ๆกับเดนนิสเช่นเดียวกัน

“เจ้าตักเอาเองนะ ข้ามือใหญ่ไปกว่าที่จะตักให้เจ้าได้” อสูรตัวนี้พูด

เดนนิสพยักหน้าก่อนจะเดินตรงไปยังหม้อ เขาชะโงกหน้ามองดูว่าภายในมีอะไร มันเป็นซุปที่มีสีเหลือง และมีข้าวโพดลอยอยู่ ดูเหมือนจะเป็นซุปข้าวโพด ในขณะที่ผู้มาเยือนกำลังสำรวจอาหารของเขา อสูรสีขาวตัวนี้ก็ยื่นชามขนาดเล็กมาให้ เดนนิสมองก่อนจะรับไว้ ก่อนที่เขาจะเริ่มตักน้ำซุปลงไปบนชาม เมื่อซุบนั้นมากพอ เขาก็ถือชามที่เต็มไปด้วยซุบก่อนจะไปนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ เขาเริ่มซดน้ำซุปอย่างช้าๆ

“อร่อยแฮะ...” เดนนิสพูดเบาๆ
“จะว่าไปเจ้าชื่ออะไรล่ะ?” อสูรขนขาวถามในขณะที่มันกำลังนั่งบนเก้าอี้ของมัน
“ข้าชื่อเดนนิส” ชายผมสีทรายตอบพลางแหงนหน้าไปมองเจ้าของบ้าน
“งั้นหรือ ข้าชื่อว่าราฟ ยินดีที่รู้จัก” อสูรตัวนี้แนะนำด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร
“จะว่าไปทำไมเจ้าถึงมาตั้งบ้านอยู่ตรงนี้ล่ะ?” เดนนิสถามด้วยน้ำเสียงสงสัย
“พอดีที่ในหมู่บ้านไม่พอน่ะ ข้าก็เลยต้องเลือกลงมาตั้งที่ตีนเขา ถ้าหากเจ้าขึ้นไปอีก เจ้าคงเจอหมู่บ้านของพวกมนุษย์นั่นแหละ” ราฟตอบคำถามของเดนนิส
“จะว่าไปเจ้ามาทำอะไรที่นี่...ข้าไม่คิดนะว่าเจ้าจะมาที่นี่เพราะเจ้าหลงมา” อสูรตัวนี้เอ่ยปากถามต่อ

เดนนิสถอนหายใจก่อนจะเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้ฟัง เรื่องที่เขาเล่านั้นเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ไม่มีการปรุงแต่ง ไม่มีการบิดเบือน เมื่อชายผมสีทองเล่าจบ ราฟก็จับคางของตัวเองก่อนจะทวนเรื่องที่เดนนิสเล่าในแบบที่ตัวเขาเข้าใจ เดนนิสพยักหน้าเพื่อเป็นการบ่งบอกว่าสิ่งที่ราฟเข้าใจนั้นไม่ได้ผิดไปจากเรื่องที่ตนเองเล่าเสียเท่าไหร่

“ถ้าดอกซิลลิชแล้วละก็...ข้าคิดว่าถ้าเจ้าเดินขึ้นไปเหนือหมู่บ้านอีกนิด เจ้าก็น่าจะเจอแล้วล่ะ”
“แต่ดูเหมือนพายุหิมะคงจะไม่สงบลงง่ายๆ เอาเป็นว่าเจ้าพักที่นี่ก่อนละกัน” ราฟพูดจบก็ตักช้อนขนาดใหญ่ก่อนจะตัดเข้าปากตัวเอง

ดูเหมือนก็คงต้องเป็นอย่างที่ราฟพูด ถ้าให้เขาเดินฝ่าพายุหิมะแบบนี้อีกคงไม่ดีแน่ เดนนิสมองนอกหน้าต่างก่อนจะเห็นพายุหิมะที่กำลังคลั่ง ราฟเดินไปยังประตูที่อยู่ใกล้ๆกับโต๊ะ ก่อนจะเปิดออก เขาเดินเข้าไปก่อนจะลากเตียงออกมา มันเป็นเตียงขนาดที่เดนนิสนอนอยู่ประจำ ปีศาจที่มีเขาแพะลากเตียงนี้มาไว้ข้างๆกับหน้าต่างที่เดนนิสมองออกไป ดูเหมือนราฟต้องการจะให้เขานอนบนเตียงนี้ ราฟเดินไปยังห้องที่ประตูเปิดอยู่ก่อนจะปิดประตูห้อง แต่ปิดได้ไม่นานนักเขาก็แง้มประตูและชะโงกหน้าออกมา

“พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไป แล้วก็ไม่ต้องห่วง ข้าไม่กินเจ้าหรอก” ราฟพูดติดตลก

พูดจบเขาก็ปิดประตูห้อง เดนนิสไม่ได้พูดอะไร เขาเดินไปคว้าดาบที่เขาวางไว้บนพื้น ก่อนจะมาวางไว้ข้างๆหมอน เดนนิสสอดตัวเองเข้าไปในผ้าห่มก่อนจะหลับตาลง เสียงพายุหิมะยังดังอยู่ ดูเหมือนมันคงไม่หยุดในวันนี้ แต่ถึงเสียงจะดังขนาดไหนมันก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคของเดนนิสในการนอน

=====

ชายหนุ่มกับอสูรเดินบนพื้นหิมะ ตลอดทางนั้นเต็มไปด้วยรอยเท้า ตอนนี้พายุหิมะก็ได้สงบลงแล้ว ดวงตะวันสาดส่องลงมาจากท้องฟ้าสู่พื้นหิมะที่เย็นยะเยือก ใบไม้ของต้นสนนั้นมีหิมะปกคลุมเต็มไปหมด ทั้งสองเดินไต่ขึ้นเนินไปเรื่อยๆ ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงยังหมู่บ้าน เดนนิสเห็นผู้คนที่สวมเสื้อผ้าหนาๆเพื่อป้องกันความหนาว บ้านเรือนนั้นเล็กกว่าบ้านของราฟเยอะ มันเป็นขนาดบ้านที่เดนนิสคุ้นเคยดี ผู้คนนั้นมองราฟและตนมาตลอดทาง แต่ไม่ได้มองด้วยสายตาหวาดกลัว แต่กลับมองด้วยสายตาเป็นมิตรและกล่าวทักทายราฟตลอดทาง อสูรตัวนี้ที่ถูกทักทายก็ยิ้มและโบกมือตอบรับคำทักทายของคนพวกนี้ มันเป็นภาพที่เดนนิสไม่ได้คิดเลยว่าจะเห็น ดูเหมือนชาวเมืองที่นี่จะรักอสูรตัวนี้ เดนนิสและราฟยังคงเดินไปเรื่อยๆ ก่อนที่ทั้งสองจะเดินผ่านอาคารหลังหนึ่งที่ถูกตกแต่งด้วยสีชมพู สีสันของมันนั้นเรียกได้ว่าฉูดฉาดมาก หลังคานั้นเป็นโดมกระจก โดยข้างบนมีธงโจรสลัดอยู่ด้วย เดนนิสเห็นแล้วก็หยุดมอง ซึ่งก็ทำให้ราฟหยุดด้วย

“เหตุใดธงโจรสลัดถึงอยู่ที่นี่หรือ?” เดนนิสเอ่ยปากถามในขณะที่ดวงตาของเขาจับไปจ้องที่ธงโจรสลัดที่โบกพริ้วไหวไปตามสายลม
“อ่อ เป็นธงของรัฐบาลที่นี่น่ะ ที่นี่ถูกปกครองโดยโจรสลัดที่ชื่อว่าวินเธอร์” ราฟอธิบายให้ฟัง
“โจรสลัดงั้นหรือ? แล้วพวกเขาปกครองพวกท่านยังไงบ้าง?” ผู้มาเยือนตั้งคำถามต่อ
“ก็โอเค ถึงจะกดขี่พวกเราบ้าง แต่ยังไง พวกข้าก็ยังอยู่ได้” ผู้ถูกถามตอบ

เดนนิสไม่ได้พูดอะไรต่อ เมื่อราฟไม่ได้เห็นเดนนิสพูดอะไรต่อเขาก็ก้าวเท้าไปข้างหน้า เดนนิสเองก็เดินตามทั้งคู่เดินขึ้นเนินเขาที่ ไม่นานนักพวกเขาก็มาถึงยอดของเขา ตลอดทางนั้นมีรั้วไม้สร้างไว้ตลอดทาง เพื่อกันไม่ให้คนตกลงไป บนยอดเขานั้นเป็นเหมือนจุดชมวิว เพราะถ้าหากมองออกไปก็จะเห็นอาณาจักรเอลิซาเบ็ธได้ ถึงจะไม่ชัดก็เถอะ แต่เดนนิสก็สามารถเห็นเงาตะคุ่มๆของปราสาทได้ หากแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาชมวิว เขาต้องตามหาดอกซิลลิชเพื่อนำกลับไปรักษาน้องสาวของตัวเอง เดนนิสหันหลังกับไปก่อนจะเริ่มมองหาดอกที่มีสีเงินตามที่ดรากูลกล่าวไว้ เช่นเดียวกันกับราฟที่ช่วยเดนนิสหาดอกไม้ชนิดนี้ ไม่นานเท่าไหร่นักเดนนิสก็หาดอกสีเงินเจอ เขารีบดึงออกมาจากพื้น อสูรที่กำลังหาดอกชนิดนี้เมื่อเห็นเดนนิสหาเจอเขาก็หยุดการค้นหาเช่นเดียวกัน ชายจากเอลิซาเบ็ธเก็บดอกสีเงินนี้เข้ากระเป๋าก่อนจะหันมาทางและก้มโค้งให้หนึ่งที

“ขอบคุณเจ้ามาก หากไม่มีเจ้า ข้าก็คงไม่สามารถรักษาน้องสาวข้าได้”
“ไม่เป็นไร ยังไงข้าก็ชอบช่วยเหลือคนอื่นอยู่แล้ว” ราฟตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

สิ้นเสียงของทั้งสอง พวกเขาก็เดินลงจากเขา หากทว่าในจังหวะที่เขาลงจากเขานั้น พวกเขาก็เห็นกลุ่มควันมหาศาลลอยขึ้นมา เดนนิสกับราฟรีบวิ่งไปตรงยังจุดที่เกิดควัน และพวกเขาก็เห็นสิ่งที่น่าตกตะลึง นั่นคือร่างไร้วิญญาณที่นอนกระจัดกระจายไปทั่วพื้น ไม่ว่าจะเป็นร่างของผู้ชาย ผู้หญิง คนแก่ คนชรา หรือแม่แต่เด็กก็ไม่เว้น บนหน้าท้องของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยรอยแผลที่ถูกเปิดออก พร้อมกับเลือดที่ไหลออกมาจากปากแผลที่เปิดออก ดวงตาของเดนนิสนั้นเบิกโพลนด้วยความตกใจ เช่นเดียวกันกับราฟที่มีสภาพไม่ต่างกับเดนนิสเสียเท่าไหร่ เปลวเพลิงนั้นปกคลุมบ้านเรือนทุกหลัง ดูเหมือนไฟพวกนี้จะเป็นต้นเหตุของกลุ่มควันที่ทั้งคู่เห็น

“ขอร้องล่ะ...อย่าทำข้าเลย ข้าขอล่ะ” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น

เดนนิสและราฟรีบวิ่งตรงไปยังต้นเสียง ก่อนที่พวกเขาจะเห็นชายคนหนึ่งลั่นไกใส่ผู้หญิงคนที่ร้องขอชีวิตจากเขา กระสุนนั้นเจาะเข้ากลางศีรษะของเธอ ก่อนที่ร่างของเธอจะล้มลงไป ของเหลวสีแดงค้นนั้นไหลออกจากศีรษะของเธอ เบื้องหลังของชายที่พึ่งลั่นไกไปนั้นเต็มไปด้วยเหล่าชายฉกรรจ์ที่มีใบหน้าดุร้าย ชายที่ถือปืนคนนี้เงยมาก่อนจะมองหน้าของราฟและเดนนิส หากมองดีๆแล้วก็จะเห็นหมวกที่มีสัญลักษณ์โจรสลัดอยู่ ดูเหมือนชายคนนี้จะเป็นคนที่ปกครองที่นี่ เพราะคงไม่มีโจรสลัดที่ลงทุนลงแรงปีนขึ้นมาที่นี่หรอก

“เจ้าทำอะไรของเจ้า?” ราฟตะโกนด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว
“ข้าน่ะหรือ....ข้าก็แค่ทำตามสิ่งที่นูลสั่งข้าเท่านั้นแหละ” ชายคนนี้ตอบด้วยสีหน้านิ่ง ราวกับเขาไม่รู้สึกอะไรกับการที่สังหารคนพวกนี้เลย
“นูล...ราชันย์ของพวกดาร์คเอลฟ์งั้นหรือ?” เดนนิสเอ่ยปากถาม
“โฮ่...รู้เยอะนี่” ชายวิปริตคนนี้ตอบพร้อมกับควงปืนของเขา
“แล้วเจ้าทำเพื่ออะไร? เจ้าสังหารคนของเจ้าทำไม?” ราฟตะโกนถามต่อ
“เงินไง เงินที่นูลให้มันมากพอที่ข้าจะสร้างเมืองใหม่ได้สบายๆ และข้าก็จะได้ไม่ต้องอยู่กับพวกไร้ความเจริญแบบเจ้าด้วย” ชายคนนี้ตอบ

คำตอบนี้ทำให้เดนนิสดึงดาบของตัวเองก่อนจะวิ่งไปด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ชายคนนี้ลั่นไกหวังจะให้กระสุนนั้นเจาะร่างของเดนนิส หากทว่าเดนนิสก้มหลบก่อนจะแกว่งดาบฟันไปที่หน้าท้องของชายคนนี้ เลือดนั้นกระเซ็นไปติดใบหน้าของชายผมสีทราย ร่างของชายคนนี้ล้มลงไป เหล่าบริวารที่อยู่ข้างหลังนั้นวิ่งมาหวังจะแก้แค้นให้กับเจ้านายของตน ราฟวิ่งมาก่อนจะคำราม เสียงคำรามนั้นทำให้เหล่าลูกเรือหยุด ราฟยกมือขึ้นก่อนจะทุบพื้น โจรสลัดพวกนี้ล้มลงไป เดนนิสวิ่งไปก่อนจะพร้อมจะแกว่งดาบ ในขณะเดียวกันราฟก็ใช้หมัดของเขาชกเข้าไปที่ร่างของเหล่าโจรสลัดพวกนี้ ไม่นานนัก การต่อสู้นี้ก็จบลง หิมะมีขาวเปลี่ยนเป็นสีแดง ใบหน้าของเดนนิสนั้นมีคราบเลือดติดอยู่บนหน้า ไฟนั้นเริ่มมอดลงไป ชายสองคนยืนอยู่ท่ามกลางเหล่าซากศพ เดนนิสหันกลับไปหาราฟที่พูดชื่อของ “นูล” ซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนที่เขาจะเดินจากไป และนั่นก็คือครั้งสุดท้ายที่เขาจะเห็นแผ่นหลังของราฟ

=====

“ราฟที่เจ้าว่านั่นก็คืออสูรที่พวกเราสู้ตอนที่เราโดนบุกอะนะ?” แอร่อนเอ่ยปากถาม
“ใช่...นั่นแหละราฟ ถึงข้าจะไม่รู้ก็เถอะว่าทำไมราฟถึงไปอยู่กับพวกนั้นได้” เดนนิสตอบกลับ

แอร่อนพยักหน้าแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร ว่าแล้วเดนนิสก็เหวี่ยงแขนขึ้นกลางอากาศ ก่อนจะลดมือลงและพูดกับเดนนิสที่นั่งอยู่บนเตียง

“ถ้างั้นข้านอนล่ะ พรุ่งนี้ยังไงข้าก็ต้องรีบกลับไปหาบอนนี่” พูดจบเดนนิสก็หลับตาลง

แม้ว่าเสียงจะดังขนาดไหน ดูเหมือนก็จะไม่ใช่ปัญหาสำหรับชายผมสีทรายคนนี้ แอร่อนถอนหายใจก่อนจะทิ้งตัวลงไปบนเตียงและพยายามข่มตาหลับเหมือนกัน แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สามารถทำได้อย่างที่ชายผมสีทรายทำ บางทีแอร่อนก็อิจฉาว่าทำไมเขาไม่หลับได้ง่ายๆอย่างที่เดนนิสทำบ้าง
ขึ้นไปข้างบน Go down
 
Bell of Rebellion : Episode 8
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1
 Similar topics
-
» Bell of Rebellion : Episode 5
» Bell of Rebellion : Episode 7
» Bell of Rebellion : Episode 9
» Bell of Rebellion : Episode 3
» Bell of Rebellion : Episode 10

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: