เรื่องเก่า เอามาเล่าใหม่ รำลึกความหลังกันนะ
ยาวหน่อยนะคับ แต่ไง ก้อลองอ่านดู หุหุ หามาฝากคับ
1 . ห อ น า ฬิ ก า> อันเนื่องจากเคยเป็นป่าช้าและลานประหารเก่ามาก่อน > ทำให้มีเรื่องเล่าเรื่องผีทั้งเก่าและใหม่มากมาย> เรื่องนี้อยู่ที่หอ นาฬิกาใหญ่ ตรงสี่แยกจากประตูหลังมอ .. เรื่องนี้มีอยู่ว่า . .> เล่ากันว่าตรงหอนาฬิกา กลางวงเวียน มีเปรต หากไปลองของ อาจโดนดีได้> วิธีการลองดีคือ ตอนเที่ยงคืน ให้ไปวนรถทวนเข็มที่หอนาฬิกา สามรอบ ( > วงเวียนจะเวียนรถตามเข็ม )> เล่ากันว่า ผู้ที่ลองทำอย่างนั้น ไม่เคยมีใครวนรถทวนเข็มได้ครบสามรอบซักคน> ผู้มีประสบการณ์เล่าว่า ในขณะที่วนรถอยู่นั้น จะรู้สึกได้ถึงลมที่เย็นผิดปกติ> แต่วนไปสองรอบก็ไม่เกิดอะไรขึ้นมา เกิดตอนที่จะครบรอบที่สาม> จู่ ๆ ก็มีเสาสองต้นตั้งขวางถนนอยู่ ทำให้ต้องหักรถหลบรถล้มบ้าง แฉลบบ้างไปตาม > ๆ กัน ใครอยากรู้ก็ลองดู> อีกกรณีหนึ่งมีข่าวอยู่บ่อยๆ ว่านักศึกษาที่พักอยู่ในหอพัก ชาย 4 และ หญิง 6 > ฝั่งที่ติดกับหอนาฬิกา> มักได้ยินเสียงแหลม ๆ เล็ก ๆ ดังมาจากทางหอนาฬิกา> สอบถามแล้วคืนนั้น เด็กสาธิต ไม่มีการทำกิจกรรม > และคณะวิศวะไม่มีกิจกรรมหรือการก่อสร้างใด ๆ> และที่สำคัญ บางห้องได้ยิน บางห้องไม่ได้ยินทั้งที่อยู่ติดกัน ?>
2 . ห้ อ ง สี ช ม พู ( เรื่องนี้เกิดที่หอหญิง ไม่แน่ใจ ว่า 7 หรือ 4 หรือ 8 > )> เป็นเรื่องของนักศึกษาหญิงที่เข้ามาพักในหอในแล้วไปมีอะไรกับผู้ชาย > แล้วเกิดพลาดตั้งครรภ์ขึ้นมา> รู้ตัวเอาตอนท้องได้ 4 เดือนแล้วแต่มันยังไม่ป่องออกมา > จึงปิดเงียบไม่ให้ใครรู้แม้แต่เมท> ทำยังไงถึงจะเอาออกได้ พลาดไปแล้ว แต่ไม่อยากเสียอนาคต ไม่มีเงินทำแท้ง > แฟนไม่รับผิดชอบ> ตัดสินใจเอาออกเองในห้องพัก โดยเลือกตอนช่วงที่เพื่อนไม่อยู่ ทำเองคนเดียว> โดยไม่ทราบวิธีการปรากฎว่าผลร้ายกว่าที่คิดนักศึกษาคนนั้น ตกเลือดตายในห้อง> เพื่อนมาพบศพตอนเย็น เห็นรอยเลือดกระจัดกระจายติดฝาผนังบ้างก็มี> หลังจากจัดการเรื่องศพเรียบ ร้อยแล้ว ( รวมถึงทำความสะอาดห้อง )> โดยที่เมทของคนตายก็ย้ายไปอยู่ ที่อื่น แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาด> เห็นรอยเลือดสีจาง ๆ ติดอยู่ที่ ผนังสีขาวก็เลยให้คนเอาสีขาวมาทาทับ> วันรุ่งขึ้นเปิดเข้าไปทำความสะอาดรอยเลือดยังมีอยู่เหมือนเดิม> ไม่ว่าจะ ทำยังไง ทั้งขัด ทั้ง ถู หรือทาสีใหม่> รอยเลือดนี้ก็ยังไม่หายไป จนสุดท้ายทางหอพักจึงต้องนำสีชมพู > ไปทาทั้งห้องเพื่อไม่ให้เห็นรอยเลือด> กลายเป็นห้องสีชมพูตั้งแต่นั้นมา> ปัจจุบัน เป็นห้องเก็บของที่ปิดตาย > เคยมีแม่บ้านเข้าไปทำความสะอาดที่ห้องนี้แล้วออกจากห้องไม่ได้> เพราะลูกบิดถูกล๊อค ( ทั้งที่ตัวล๊อคอยู่ในห้อง )>
3 . ห้ อ ง น้ำ ห ล อ น เล่าว่า ไปอาบน้ำที่ห้องอาบน้ำรวมตอนกลางคืนชั้น 3> เข้าไปอาบน้ำที่ช่องที่เขากั้นให้อาบน้ำช่องในสุดซักพักได้ยิน > เสียงคนเดินเข้ามาอาบน้ำในห้องข้างๆ> ได้ยินเสียงฝักบัว แถมยังมีน้ำกระเซ็นเข้ามาที่ห้องตัวเองอาบอยู่อีกต่างหาก> แต่ รุ่นน้องอาบน้ำช้า ห้องข้างเลยกลับออกไปก่อน> พอรุ่นน้องอาบน้ำเสร็จเปิดห้องออกมาก่อนออกก็ต้องเดินผ่านห้องข้างๆ อยู่แล้ว > เพราะตัวเองอาบห้องในสุด> ไม่มีร่องรอยการอาบน้ำเลย ตรงฝาผนังและ พื้นแห้งสนิท !> ที่ห้องอาบน้ำชั้น 2 รุ่นพี่แก่กว่าประมาณ 3 ปี เคยเล่าให้ฟัง > กำลังจะเข้าไปอาบน้ำ ทั้งห้องมีอยู่คนเดียว> กำลังจะสระผม รู้สึกว่ามีน้ำกระเด็นมาจากห้องข้าง ๆ แต่ไม่มีเสียงน้ำ> ด้วยความสงสัย จึงหยุดแล้วไปดูห้องข้าง ๆ ก็ไม่เห็นมีน้ำรั่ว > หรือซึมทั้งฝาและเพดาน เรียบร้อยทุกอย่าง> พอเข้าห้องมาจะอาบก็เจอ น้ำกระเซ็นอีก . . คราวนี้ไม่อยู่แล้ว>
4 . ทุ ก โ ค้ ง> สมัยนั้นเวลากลางคืนดอยสุเทพยังไม่ปิดความนิยม ( ที่ไม่ค่อยดีเท่าไร ) > อย่างหนึ่งก็คือ> เวลาเมา ๆ นักศึกษาทั้งหลายมักจะขับรถขึ้นดอยกันขึ้นไปดูเชียงใหม่ทั้งเมือง > ตอนกลางคืนมันสวยดี> วันหนึ่ง นักศึกษาจากคณะวิศวะสองคนเพิ่งเลิกจากกังสดาล ( แต่ก่อนร้านนี้ฮิตครับ > )> ครึ้มๆขึ้นมาก็เลยขับรถเลยจากทางเข้า กะขึ้นดอยไปชมเมืองเล่น> คนขับก็ขับไป ข้างหลังคนซ้อนก็นั่งไป เมา ๆ ขึ้นมาคนซ้อนก็เลยหลับ> สมัยก่อนแปดสิบเปอร์เซ็นต์นักศึกษาขับแมงกะไซค์ไม่ใช่รถยนต์ อย่างทุกวันนี้> ซักพักหนึ่งคนซ้อนก็ตื่นกำลังเข้าโค้งพอดี> เห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนโบกรถอยู่ข้างทาง แต่คนขับก็ขับเลย ผ่านไป> ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษจัด ก็เลยถามคนขับว่า “ทำไมคุณไม่จอดรถลงไปถามหน่อยล่ะ > เผื่อเขามีปัญหาอะไร?”> คนขับ : กูไม่จอดด้วยหรอกคนนี้เขารอโบกทุกโค้งเลย > เจอมาหลายโค้งแล้วเดี๋ยวโค้งหน้าคุณกะกูก็เจอเขาอีกแหละ> >
5. พ ย า บ า ล ชุ ด แ ด ง> เห็นเขาเล่าว่ามีนักศึกษาคนนึงของคณะแพทย์อยู่ทำงานในตึกของฝั่งสวนดอก> เขาคนนี้ก็ทำงานอยู่จนดึกก็เลยว่าจะลงลิฟต์มาระหว่างที่รอ> เขาก็ได้ยินเสียงเดิน มาข้างๆเขาก็หันไปมองเห็นพยาบาลคนนึงเดินมา> เขาก็ไม่ได้สงสัยอะไร เพราะพยาบาลกับแพทย์ ก็ต้องเจอกันบ่อยๆอยู่แล้ว> ระหว่างรอลิฟต์นักศึกษาคนนี้ก็ได้กลิ่นอะไรแปลก ๆ ก็เลยหันไปมอง พยาบาลคนนี้ > ก็ไม่เห็นมีอะไร> ซ้ำพยาบาลคนนี้ยังยิ้มให้ ด้วย> สักพักต่อมาเมื่อเข้าไปในลิฟต์พยาบาลคนนี้ก็ถามว่า มาทำอะรัยดึก ๆ ป่านนี้> เขาเลยตอบว่ามาศึกษาเรื่องการผ่าตัดภายใน เพราะว่าจะสอบ> พยาบาลคนนี้เลยบอกว่างั้นให้ฉันช่วยนะนักศึกษาคนนี้ ก็เลยงง> และเริ่มสังเกตว่าคอของผู้หญิงเริ่มมีเลือด ไหลออกมาจากคอเรื่อยๆ> เขาตกใจมากพยายามที่จะหนีออกมาจากลิฟต์ แต่ลิฟต์เหมือนค้างหรืออะไรไม่ทราบ> เลือดไหลนอง ทั่วชุดของนางพยาบาลคนนี้> แล้วเธอก็เริ่มสอนนักศึกษาแพทย์คนนี้ ตั้งแต่ลำไส้ ปอด สมอง หัวใจ > พร้อมทั้งควักส่วนต่างๆเหล่านี้ออกมา> รุ่งขึ้นก็มีคนพบชายคนนี้นอนคาอยู่ทางประตูลิฟต์ที่เปิดปิดอยู่ แล้วเขาก็เอาแต่> พร่ำเพ้ออย่างคนบ้าว่า ” พยาบาล ชุดแดง พยาบาลชุด แดง ”> > >
6 . ล ว ด> วงเวียนธรณี-ต้องขอโทษคนที่ผ่านทางนี้เป็นประจำ จุดนี้มีเรื่องเยอะจริง ๆ> เรื่องนี้นานมาแล้วมีนักศึกษาสองคนกินเหล้าเมากันมา> พอมาถึง ข้างตึกธรณีคนขี่มองไปทาง ข้างตึกอังกฤษ เห็นคนหัวขาดยืนอยู่> ตกใจจึงหยุดรถขยี้ตาดูอีกทีแล้วสะกิดถามเพื่อนๆบอกไม่เห็นอะไร> มองอีกทีก็ไม่มีแล้วหันกลับมาข้างหน้า มีลวดเส็ เล็ก ๆ > ขึงอยู่ระดับคอห่างออกไปเมตรเดียว>
7. R B แ พ ท ย์> อาคารเรียนรวมแพทย์ มีคนไปอ่านหนังสือกันสองคน พอดึก ๆ ก็ไปซื้อไก่ทอดมา> กินเสร็จแล้วก็หาที่ล้างมือเจอก้อกน้ำข้างตึกก็ไปล้างมือที่นั่น> ตอนที่ล้างอยู่เพื่อนอีกคนก็ทำหน้า ตกใจมากแต่ยังไม่พูดอะไร> คน ที่ทำหน้าตกใจรีบจูงมือเพื่อนกลับมาใต้ตึก แล้วถามว่า รู้มั้ย > เมื่อกี้เห็นอะไร อีกคนบอก ไม่รู้> คนนั้นจึงบอกว่าเห็นผมของอีกคนซึ่งผมยาวชี้ขึ้นมากระจุกหนึ่งเหมือนมีคนจับขึ้นมา> รู้ทีหลังว่าตรงนั้นเป็นที่ล้างศพ> > >
8 . p a r t n e r - l a b ( แ ล ป ฟิ สิ ก ส์ )> อันนี้ฟังเค้าเล่ามาอีกทีเป็นเรื่องนาน มาแล้วเราเองก็มาไม่ทัน> เรื่องมีว่าเมื่อก่อนตอนที่ตึกเก้าชั้นวิดยายังไม่ได้สร้าง> แลปฟิสิกส์ของเด็กปี1 ก็ยังทำที่แลปเก่า ( น่าจะเป็นตึกฟิสิกส์ ) > แลปคราวนั้นเป็นแลปเรืองแสง> คนที่เคยเรียนคงรู้ว่าห้องจะมืดเพราะปิดไฟและเป็นแลปมืดจริงๆ> เพราะทำช่วงค่ำ นักศึกษาหญิงคนนึงก็เข้าห้องแลปแต่พาร์ทเนอร์แลปยังไม่มา คนอื่น > ๆ ก็มากันแล้ว> เตรียมอุปกรณ์เสร็จ เพื่อนก็มา > แต่ก้มหน้าก้มตาไม่พูดไม่จาถามว่าเป็นอะไรก็ไม่ตอบ> เหลือบเห็นที่คอมีรอยแผลเป็นทางยาว เธฮจับไหล่เพื่อนถามว่าไปโดน อะไรมา> เพื่อนเงยหน้าขึ้นมาแล้วหัวหลุดกลิ้งไปกับพื้น ผู้หญิงร้อง > กรี้ดแล้ววิ่งออกมาสลบตรงระเบียง> ฟื้นมามียามกับรุ่นพี่สองสามคน ถามว่าไม่รู้เหรอว่าวันนี้แลปงด > เพราะเมื่อเช้ามีนักศึกษาในเซครถคว่ำตาย> เพื่อนเลยไปงานศพช่วงค่ำกันหมด > สอบถามชื่อได้ความว่าคือพาร์ทเนอร์แลปของเธอนั่นเอง> ส่วนคนที่เจอในห้องแลปทุกคนล้วนแต่ไร้ชีวิต>
9 . ป๊ อ ก ป๊ อ ก ค รื ด> เรื่องผีอันดับหนึ่งของ มหาลัยเชียงใหม่ ในแง่ของ ความเศร้า> ระยะเวลาที่เกิดเหตุการณ์ไม่ทราบแน่ชัด แต่สถานที่เกิด คือ หอ 7 หญิง> ในสมัยที่มช. ยังเป็นที่รกร้างอยู่มาก ถนนยังเป็นลูกรัง ถนนหน้าฝนเป็นโคลน > รถไปมาลำบาก> ตอนกลางคืนมืดไม่มีแสงไฟ> เรื่องเกิดกับนักศึกษาสาว คู่หนึ่งอาศัยอยู่ที่ประมาณ ชั้น 2 หรือ 3 > ของหอหญิงเจ็ด> ช่วงนั้นเป็นช่วงสอบนักศึกษาต่างกำลังอ่านหนังสือกันอยู่> ประมาณว่านักศึกษาหญิงคนหนึ่งไม่สบาย อ่านหนังสือในห้อง > ตอนหัวค่ำแล้วรูมเมทชวนไปทานข้าว> แต่เพราะเป็นไข้อยู่จึงไปไม่ไหวอยากพักผ่อน พอเมทคนนั้นเห็นเพื่อนไม่สบาย> ด้วยความเป็นห่วง จึงบอกว่าเดี๋ยวไปทานข้าวเองก็ได้ แล้วจะห่อข้าวมาฝากเพื่อน> คนที่ไม่สบายก็บอกว่า ยังไงฝากซื้อราดหน้ามาให้ทีละกันกินแล้วจะได้กินยา> เมทคนนั้นก็บอกว่า ได้ เดี๋ยวจะรีบไปรีบกลับ> หลังจากที่เพื่อนออกไปจากห้องคนที่ไม่สบายก็นั่งอ่านหนังสือต่อ > อ่านได้ซักพักก็ไม่ไหวเพราะไข้ขึ้น จึงนอน> ตอนนอนอยู่นั้น สลึมสลืออยู่ แต่มีความรู้สึกว่านานมากแล้ว > เพื่อนทำไมยังไม่กลับมาซะที่> ตกดึก ฝนเริ่มตก นักศึกษาคนนั้นก็ตื่น ขึ้นมาอ่านหนังสือ ต่อ > ในใจเป็นห่วงเพื่อนเพราะออกไปนานมากยังไม่กลับ> ซักพักนักศึกษาคนนั้นได้ยินเสียงเบาๆ ดังจากชั้นล่าง> จากทางบันได " ป๊อก…………ป๊อก………ป๊อก……… ป๊อก……"> เสียงนั้นดังเป็นระยะๆ ใกล้เข้ามา จากทางบันไดดังขึ้นเรื่อย ๆ> เสียงเหมือนคนกำลังแบกของหนักบางอย่างขึ้นมา > และเสียงนั้นก็ดังมาจนถึงชั้นที่ห้องนักศึกษาหญิงคนนั้นอยู่> แล้วเสียงก็เปลี่ยนไป " ครื……..ด……..ครื………..ด…….ค..รื…ด"> เสียงเหมือนคนกำลังลากอะไรซัก อย่างใกล้เข้ามาเรื่อย จนมาหยุดอยู่ที่หน้าห้อง> นักศึกษาหญิงเริ่ม เอะใจ และมองไปทางประตู ในใจนึกว่าเพื่อนกลับมาแล้ว > แต่ยังเงียบได้> อึดใจนึงก็มีเสียงเคาะห้อง "ก๊อก ก๊อก ก๊อก" แล้วเงียบไป> นักศึกษาสะดุ้งสุดตัว คิดว่าไม่ใช่ เพื่อนแน่แล้ว> ถ้างั้นทำไม ไม่เปิดเข้ามาเลย จึงเดินไปเปิดประตู > ตรงลูกบิดประตูมีถุงใส่ห่อราดหน้าแขวนอยู่> พอเห็นห่อราดหน้า ก็งง แล้วเพื่อนอยู่ไหน ทำไมไม่กลับมา หรือ > ติดฝนเลยฝากคนอื่นเอามาให้> แต่ทำไมต้องเอามาแขวน ไม่รอเจอกันก่อน จะได้รู้ว่าเป็นใคร แล้วทำไมเดินเร็วจัง > มีแต่รอยเปียกน้ำ> เป็นทางจากบันได … คิดต่างๆ นานา แต่แล้วก็แกะ ห่อราดหน้า ออก > ทานเสร็จก็ทานยาตาม ได้ซักพักก็หลับไป> รุ่งเช้า .. มีคนมาเคาะห้องบอกว่าเพื่อนตายแล้ว !> นักศึกษาหญิงคนนั้นถูกฆ่าข่มขืน ตรงพงหญ้าข้างทาง คาดว่าเหตุเกิดประมาณหัวค่ำ> ลักษณะศพ สภาพแขนและขาทั้งสองข้างหัก > อาจเกิดจากการที่คนร้ายเอาท่อนไม้ทุบตีเพื่อไม่ให้หนี> นักศึกษาหญิงที่ตายกำลังเดินทางกลับจากตลาด > ไม่แน่ใจว่าเป็นฝายหินหรือตลาดต้นพยอม> หลังจากทานข้าวเสร็จ ทุกทีจะไปกับเพื่อน แต่เพื่อนไม่สบายจึงไปคนเดียว> โดยเพื่อนฝากซื้อข้าวห่อ คนร้ายอาจเห็นว่าเป็นคนเดียวจึงลงมือ> แล้วราดหน้าเมื่อคืนล่ะ? ไม่มีใครรู้คำตอบแน่ชัด> แต่จากที่ฟังกันมา คือหลังจากที่ตายไปแล้ว ด้วยความเป็นห่วงเพื่อน > เพราะว่าไม่สบายและยังหิว> นำห่อราดหน้าที่ซื้อมาฝากไปส่งให้แต่จะไปส่งยังไง แขนหัก ขาหัก หมดแล้ว> ลักษณะที่เขาเล่ามาคือเพื่อนคนนั้นใช้ปากคาบ ถุง> แล้วใช้คางเกยพาตัวเองมาจนถึงหอพักแล้วใช้คางเกยบันไดลากตัวเอง ขึ้นมา > เป็นเสียง"ป๊อก ป๊อก"> เสียงครืด ที่ได้ยินคือ เสียงลากตัวเองจากบันได มาจนถึงหน้าห้องปรากฎเป็นรอย > เปียกน้ำยาว ติดต่อกัน> หลังจากส่งห่อลาดหน้าให้ได้แล้วก็หมดห่วง> ตอนแรกทุกคนไม่เชื่อที่นักศึกษาคนนั้นเล่าแต่หลังจากที่นักศึกษาที่พักอยู่ข้าง > ๆ ห้องยืนยันว่า> ในคืนนั้นได้ยินเสียง เหมือนคนกำลังยกของหนัก และลากของหนักจากข้างล่างขึ้นมา > แล้วทุกคนต่างเชื่อสนิทใจ มิตรภาพอยู่เหนือความตาย> > >
เครดิต
http://www.med4407.com/forum/index.php?PHPSESSID=480171ea9b9ce88f40b93c08f39f7037&topic=302.msg5893#msg5893