ล่าแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์คนใหม่ ?

ล่าแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์คนใหม่ ?



หลายๆ ท่านที่ชื่นชอบหนังสือ หรือภาพยนตร์ ประเภทฆาตกรรมสยองขวัญ คงเคยได้ยินชื่อแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ กันมาแล้ว แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ เป็นฆาตกรที่ออกล่าเหยื่อ ในกรุงลอนดอนเมื่อ 100 ปีมานี้ เหยื่อของเขาทุกคนเป็นโสเภณี ที่ถูกลวงไปฆ่า ทุกศพที่พบถูกคว้านท้อง แขน ขาถูกสับไม่มีชิ้นดี สร้างความสยดสยอง ให้แก่คนในกรุงลอนดอนเป็นเวลาหลายปี

และที่แปลกที่สุดก็คือทุกวันนี้ยังไม่มีใครรู้ว่า แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ คนนั้นคือใคร แม้ว่าสกอตแลนด์ยาร์ดจะได้ทุ่มเทสติปัญญาติดตามคนร้ายต่อๆ มาเป็นเวลาหลายปี

กิตติศัพท์ความหฤโหดของแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ เกือบจะหายไปจากความทรงจำของคนอังกฤษแล้ว หากไม่มี แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ รายใหม่เกิดขึ้นอีก พฤติกรรมของเขาสร้างความหวาดหวั่น ให้แก่ชาวอังกฤษไม่น้อยหน้าฆาตกรแจ๊คในอดีตเลย
ฆาตกรหั่นศพรายใหม่นี้ออกไปปฏิบัติการแถวๆ นครแมนเชสเตอร์ เริ่มต้นอาละวาดมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 1975 จนถึงรายล่าสุดเมษายนปี 1977 รวมกันแล้ว 11 ศพ ทุกศพล้วนเป็นผู้หญิง และในจำนวน 9 ศพ เป็นผู้หญิงโสเภณี ลักษณะการฆ่าคล้ายคลึงกับของแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ คนก่อนทุกประการ แต่ที่ร้ายกว่าคนเดิมก็คือ กล้าเย้ยหยันตำรวจ ด้วยการส่งเทปบันทึกเสียงตัวเองไปให้หัวหน้าสืบสวนคดี ในขณะที่คนเดิมพยายามปกปิดร่องรอยตัวเองไว้ตลอดเวลา






แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ คนใหม่เริ่มปฏิบัติการสยองขวัญด้วยการทำร้ายร่างกายผู้หญิงสองคน ที่เมืองเคลีย์และเมืองฮาลิแฟค ในฤดูร้อน ปี ค.ศ.1975 ศพรายแรกของเขาได้แก่นางวิลมา แมคแคน อายุ 28 ปี มารดาเด็ก 4 คน ก่อนหน้าที่เธอจะถูกฆ่า มีผู้เห็นเธอปีนขึ้นรถบรรทุกไปกับผู้ชายคนหนึ่งเมื่อเวลาตีหนึ่งของวันที่ 30 ตุลาคม รุ่งเช้าคนส่งนม คนหนึ่งพบศพเธอจมกองเลือดไม่ไกลจากที่ที่เธอขึ้นรถบรรทุก

เหยื่อที่สองและที่สามได้แก่นางโจน แฮริสัน และนางเอมิลี แจ๊คสัน จากการฆ่าสองคนหลังนี้เอง ที่ทำให้ตำรวจอังกฤษเริ่มตระหนักขึ้นมาว่าเวลานี้ได้มีแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ คนใหม่เกิดขึ้นอีกแล้ว แต่แล้วโดยที่ไม่ทราบสาเหตุ แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ก็เลิกฆ่าไปนาน เกือบ 1 ปี มาเริ่มต้นกันอีกเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 1977 ด้วยเหยื่อชื่อนางไอรีน แจ๊คสัน ต่อจากนั้นก็ฆ่ามาอีกเรื่อยๆ จนถึงรายสุดท้ายเดือนเมษายนปีเดียวกัน ที่เกิดเหตุทั้งหมดตั้งอยู่ในแถบตะวันออกเฉียงเหนือของอังกฤษ รอบๆ





เมืองลีดส์และเมืองแมนเชสเตอร์ ในการตามล่าคนร้ายรายนี้ ได้มีการแต่งตั้งนายจอร์จ โอลด์ฟิลด์ รองผู้กำกับฝ่ายปราบปรามมณฑลยอร์คเชียร์ตะวันตก เป็นหัวหน้า จอร์จ โอลด์ฟิลด์ มีอายุ 50 ปีเศษ รูปร่างอ้วนป้อม สูบบุหรี่จัด แต่ใจเย็นและทำงานหนัก

วันหนึ่งเขาใช้เวลาถึง 15 ชั่วโมง เพื่อติดตามนักฆ่ารายนี้ นอกจากนี้ ยังได้มีการระดมนายตำรวจมาร่วมอีก 500 นาย มีการใช้จ่ายเงินอย่างไม่อั้นเพื่อเสาะหาหลักฐาน และเท่าที่ใช้ไปแล้วก็มีจำนวนถึง 120 ล้านบาท นับว่าเป็นคดีที่ใช้เงินมากที่สุดในประวัติศาสตร์อาชญากรรมอังกฤษ

คดีคงจะดำมืดต่อไปอีก หากมิได้มีเหตุการณ์สองครั้งเกิดขึ้น ที่ทำให้ตำรวจพบลู่ทาง ในการสืบสวนเพิ่มเติม นั่นก็คือการฆ่าเหยื่อรายที่ 6 เจน แมคโคนัลด์ นักเรียนสาว อายุ 16 ปี ที่มีบ้านอยู่ใกล้บ้านของเหยื่อรายที่ 1 ตำรวจเชื่อว่าการฆ่าเหยื่อรายนี้ แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ คงเข้าใจผิดว่าเธอเป็นโสเภณี ผลก็คือทำให้ประชาชน เริ่มตระหนักว่าเหยื่อ ของฆาตกรรายนี้ไม่จำเป็น ต้องเป็นโสเภณีเสมอไป อาจเป็นใครก็ได้ ดังนั้น จึงเริ่มมีประชาชนจำนวนมาก ส่งข้อมูลความเห็นต่างๆ มาให้ตำรวจ ครั้งที่สองก็คือการที่เดอะ ริปเปอร์ ส่งเทปอัดเสียงไปให้จอร์จ โอลด์ฟิลด์ เมื่อกลางปี เย้ยหยันการทำงานของตำรวจ





ตอนแรกเมื่อได้รับเทป ตำรวจไม่เชื่อว่าเป็นเสียงของฆาตกร แต่การตรวจสอบของผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่า นํ้าเสียงที่พูดบ่งว่าเป็นฆาตกรตัวจริง จากเทปดังกล่าว ตำรวจสามารถยืนยันว่าฆาตกรต้องเป็นคนที่เกิดในแถบนั้น และมีภูมิลำเนาอยู่ไม่ไกลจากสถานที่เกิดเหตุ ได้มีการนำเทปออกอากาศตามสถานีวิทยุต่างๆ เพื่อให้ประชาชนจำเสียงของฆาตกรและรายงานหากจำได้ว่าเหมือนของใคร

ซึ่งตำรวจก็ได้รับความร่วมมือจากประชาชนเป็นอย่างดี จนตำรวจสามารถปักใจ ได้ว่าฆาตกรต้องเป็นคนงาน ในบริษัทประเภทผลิตเครื่องจักรวิศวกรรม มีอายุประมาณ 25-35 ปี ได้รับการศึกษาไม่สูงนัก แต่มีความเฉลียวฉลาดพอสมควร ซึ่งก็ได้ตรวจสอบไปยังโรงเรียน และโรงงานผลิตเครื่องจักรต่างๆ ในเขตนั้น หลักฐาน อื่นๆ ที่พบจากการส่งเทปก็คือตัวอย่างนํ้าลายที่ติดอยู่หลังแสตมป์และลายมือของฆาตกร นอกจากนี้ ฆาตกรยังระบุในเทปว่า ครั้งหนึ่งเขาถูกตำรวจจับได้ขณะพาเหยื่อไปฆ่า ทำให้ตำรวจได้ตัวโสเภณีคนที่คนร้ายพาเดินควง แต่ยังไม่ได้ลงมือ





หลักฐานสำคัญอื่นๆได้แก่ รอยรองเท้าบูต ที่ทำให้ตำรวจทราบถึงขนาดและรูปร่าง และธนบัตรใบละ 5 ปอนด์ ที่พบในศพรายที่ 7 นางจีน จอร์แดน ตำรวจเชื่อว่าเป็นเงินที่ฆาตกรจ่ายให้เหยื่อ ก่อนถูกฆ่า จากการตรวจสอบกับธนาคารชาติพบว่าเป็นธนบัตรที่ธนาคารแจกจ่าย ไปให้ธนาคารแห่งหนึ่งในแถบที่เกิดเหตุ

เช่นเดียวกับคนเดิม แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ คนใหม่ ต้องเป็นฆาตกรประเภทโรคจิต อย่างมิต้องสงสัย คือเกลียดชังโสเภณี และอยากมี ชื่อเสียง การฆ่าแต่ละครั้งเขาต้องฆ่า ในลักษณะเดียวกับ ที่เคยทำมาแล้วครั้งก่อน เพื่อป้องกันคนอื่นแอบอ้าง และเขาต้องมั่นใจว่าศพ จะต้องถูกค้นพบ อย่างเช่นในการฆ่าศพรายที่ 7 ตอนแรกเขานำศพไปทิ้งไว้ในที่ลับตา และไม่ถอดเสื้อผ้าของเหยื่อออก แต่เมื่อล่วงเวลาไปแล้วหลายวัน ยังไม่มีใครพบศพ แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ กลับไปที่ศพอีก ถอดเสื้อผ้าออก แล้วนำไปทิ้งในที่แจ้ง


แม้ว่าจะได้ใช้เงินไปแล้ว 120 ล้านบาท สิ้นเปลืองเวลาทำงานคนไปกว่า 250,000 ชั่วโมง สอบปากคำคนไปแล้ว 140,000 คน และรวบรวมหลักฐานกว่า 20,000 ชิ้น แต่ ตำรวจมณฑลยอร์คเชียร์ตะวันตกก็ไม่ได้ตัวฆาตกร เคยมีประชาชนหลายคนถามจอร์จ โอลด์ฟิลด์ ว่า ทำไมเขาถึงไม่โอนคดีไปให้ สกอตแลนด์ยาร์ด ทำแทน จอร์จ โอลด์ฟิลด์ ตอบว่า




"คุณไม่เคยเห็นฝีมือสกอตแลนด์ยาร์ดหรือ? ก็แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ คนแรกยังไง? เวลานี้ยังจับตัวไม่ได้เลย"

ตราบใดที่ยังจับแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ คนใหม่ไม่ได้ ตราบนั้น เหยื่อของมันก็คงต้องเพิ่มจำนวนไปอีกเรื่อยๆ และชาวอังกฤษในแถบเมืองแมนเชสเตอร์และเมืองลีดส์ ที่เป็นผู้หญิงก็ยังคงต้องนอนใส่กลอนประตูแน่นหนาต่อไปอีก

เครดิต:palungjit.com

อืมม์ ยังมีคนที่มาสืบทอด Generation ต่อจากคนแรกอีกเรอะเนี่ย... แต่ก็ยังจับไม่ได้เหมือนกันสินะ

น่าชวนสงสัยเหลือเกินนะ Jack The Ripper

ดีไม่ดีอาจเป็นคนเดียวกันก็ได้ไครจะไปรู้

หรือว่า เค้าเป็นอำมตะ !!! เเล้วทุกวันนี้ก็ยังเดินดินอยู่ !!

เคยดูพวกการ์ตูนเรื่อง Phantom ไรงี้มั้ยครับ อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้นะ

ถ้าตัวเดิมจริงมันจะเดินคล่องเรอะ = =" ใครมันคิดอุตริตามรอย Jack The Ripper ฟระ!!

นั่นสิ คนคิดตามรอยมันต้องวิปริตมากๆเลย

น่ากลัวจริงๆนะเนี่ย อยากให้ปริศนาคดีได้จัง คืออยากรู้ - -*

อยากดังไปวันๆ

มันน่ากลัวนะเนี่ย ฆ่าผู้หญิงไปเพราะความโรคจิตอย่างนี้!!

เมื่อไหร่จะจับตัวได้หว่า??

ยังมีคนตามรอยอีก น่ากัวชิพ ยังไม่รู้เรยว่าเป็นครัย

ทำยังกะการ์ตูนในเรื่อง โคนันๆ

ยังคงปริศนาต่อไปซินะ

พวกจิต