ยามโลกล่มสลาย ท้องฟ้าสีเลือดแดงฉาดให้ประจักษ์กันไปทั่วสายตาของมนุษย์ชาติ ที่กำลังเผชิญกับภัยน่ากลัวที่สุดในประวัติศาสตร์ ภัยที่สามารถล้างตัวตนของมนุษย์ และสิ่งนั้นคือปีศาจ มันคือปีศาจที่เกิดขึ้นจากมือมนุษย์ มันคือปีศาจที่สามารถกระชากวิญญาณของมนุษย์ได้ และสิ่งนั้นคือสิ่งที่มีนามว่า
“ซอมบี้”ย้อนไปปี ค.ศ 2015 ในยามที่โลกเริ่มขาดแคลน ประเทศหลายประเทศเริ่มหันหน้าคุยกันด้วยกระสุนปืน หากแต่ กระสุนปืนนั้นไม่สามารถยืนยันความสำเร็จในสงครามได้ นักวิทยาศาสตร์ชาติอิสระแห่งหนึ่งนามว่า “Doid” ได้เริ่มผลิตเม็ดยาชนิดหนึ่งที่ได้ทำการเปลี่ยนประวัติศาสตร์ของมวลมนุษย์!! ยาตัวนี้มีฤทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมมนุษย์ให้กลายเป็นซากศพเดินได้ ทำตามคำบังคับบัญชาของเจ้านาย รวมถึงสามารถแพร่เชื้อโรคให้กับสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น และเมื่อซอมบี้ถูกปล่อยออกไปยังโลกภายนอก มันสร้างผลกำไรให้กับ Doid อย่างมาก หลายชาติเริ่มติดต่อกับ Doid เพื่อขอซื้อยานี้กับ Doid และ Doid ก็ขายให้เหล่าผู้ต้องการยาชนิดนี้ ตอนนั้นโลกได้เปลี่ยนจากการคุยด้วยกระสุนปืนเป็นอาวุธชีวิตภาพ!! ยิ่งประทะกันมากเท่าไร ความต้องการเพิ่มจำนวนซอมบี้ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เพื่อจะได้ทำลายอารยธรรมเพื่อนบ้าน เมื่อจำนวนซอมบี้มากขึ้น ชาติที่ครอบครองซอมบี้เริ่มควบคุมทหารชีวภาพของตนเองไม่ได้ มันเริ่มทำลายล้าง และเริ่มฆ่าแกงสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น เมื่อพวกมันใช้ขมเขี้ยวของมันฝังเข้าไปในหลอดเลือดของสิ่งมีชีวิตอื่น....สิ่งมีชีวิตนั้นก็จะแปรสภาพกลายเป็นมัน และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของจุดจบของดาวเคราะห์สีฟ้าดวงนี้
“ตุบๆ” เสียงฝีเท้าของชายหนุ่มเดินอยู่ในโถงในอาคารที่เต็มไปด้วยซากศพ ชายหนุ่มผมยาวสลวยสีดำกวาดตามองซ้ายขวาไปรอบๆ !! และแล้ว!! กลุ่มซากศพก็วิ่งไล่หลังชายคนนี้มา!! ชายหนุ่มหันกลับไปก่อนจะวิ่งสุดฝีเท้า!! ตุบๆๆๆ ชายหนุ่มวิ่งไปพลางหันไป กลุ่มซากศพที่หมายปองชีวิตเขา!! ชายหนุ่มจัดการรีบกระโดดพุ่งตัวทะลุกระจก!! เพล้ง!!! ร่างของชายหนุ่มตกลงมาบนกันสาด!! ก่อนที่ร่างของเขาจะไหลลงมากับพื้นดิน!! เขาพบซอมบี้อีกกลุ่มหนึ่งรอเขาอยู่ข้างล่าง!! ด้วยความตกใจ เขารีบเกาะขอบกันสาดเอาไว้ ซอมบี้สี่ตัวยืนรอจบชีวิตเขาอยู่ข้างล่าง ในวินาทีความเป็นความตายนั้น เขารวบรวมความกล้าและทิ้งตัวลงไปหน้าหน้าซอมบี้ตัวข้างล่างตัวเขา!! ด้วยน้ำหนักตัวบวกกับแรงเสริมจากการตกลงมา ร่างกายมนุษย์ปกติควรจะล้มพับลงไปอย่างไม่ต้องสงสัย แต่หลักตรรกะนั้นใช้ไม่ได้กับซอมบี้เหล่านี้ ชายหนุ่มกลับเหยียบทรงตัวอยู่บทหน้าของซอมบี้ตัวนั้น อาจเรียกว่าเป็นความโชคดีในโชคร้าย เขาใช้ประโยชน์จากความแข็งแกร่งจนน่ากลัวของเหล่าซอมบี้ให้เป็นประโยชน์ เขากระโดดเหยียบศรีษะของซอมบี้ตัวข้างๆ และลงไปยืนได้ แม้ซอมบี้เหล่านี้จะแข็งแรงแต่สิ่งที่มันขาดคือความเร็ว เนื่องจากเซลในร่างการของมันถูกทำให้แข็งแกร่งดุจเหล็กกล้า แต่นั้นก็ทำให้ปฏิกิริยาระหว่าง นิวตรอนเป็นไปได้ช้าลง ทำให้พวกมันไม่สามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วดั่งใจนึก ชายหนุ่มรีบฉวยโอกาสวิ่งสุดฝีเท้า เขาออกวิ่งไปอย่างไร้จุดหมาย แขนขวายังกุมหัวไหล่ที่ถูกกระจกบาด โชคดี ที่มันไม่ได้บาดลึกมากเกินไป
John Randoll….คือชื่อของเด็กหนุ่มคนนี้ เขาหยุดพักเอาแรงหลังจากมันใจแล้วว่ารอบๆ ตัวนั้นไม่มีซอมบี้อยู่ใกล้ๆ เสียงหอบของ John ดังไม่เป็นจังหวะ เขาทรุดตัวลงนั่งก้มหน้าอย่างท้อแท้ สิ่งที่เขากำลังเผชิญมันเหมือนฝันร้าย ฝันร้ายที่กลายเป็นจริง เขาหัวเราะประชดเบาๆ และได้แต่นึกว่า ทำไมกันนะ? เขาถึงต้องมาติดอยู่ในฝันร้ายนี้ด้วย ทำไม....ใช่.... ทำไม....เข้าได้แต่นึกย้อนไปเมื่ออาทิตย์ทีแล้ว
-----------------------------------------------
“วันนี้....แล้วซินะ” ผมได้แต่พูดกับตัวเองขณะนั่งทานข้าวอยู่ในโรงอาหารของกองทัพ ใช่แล้ว วันนี้เป็นวันที่ผมต้องเข้ารับยา Doid Zombie อาหารมื้อนี้คงเป็นอาหารมื้อสุดท้ายของผมแล้ว ไม่อยากจะเชือกเลย.. ว่าวันนึงจะต้องมากลายเป็นซากศพเดินได้ ไม่ตลกเลยนะ นี้ผมต้องมาจบชีวิตด้วยไอ้เศษกระดาษใบเดียวนี้นะ? ผมค่อยๆ หยิบไอ้เศษกระดาษบ้าๆ ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ใจความในกระดาษทั้งๆ ที่เรียบง่าย แต่ทำไมประสาทสมองผมถึงทำความเข้าใจกับมันไม่ได้
พลทหาร หมายเลข 10700 John Randoll
ยินดีด้วย คุณถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในผู้รับเกียรติสูงสุดในชีวิตทหาร ด้วยการเข้า
รับยา Doid Zombie ในวัน X/O/XXXX
ขอบพระคุณในการเสียสละเพื่อประเทศชาติของคุณ
กองกำลัง United England
“เสียสละบ้าอะไรกัน!!” ผมขยำจดหมายที่ถูกใส่ไว้ในล็อกเกอร์ของผมเมื่อสองวันก่อนและปามันออกไปสุดแรง ผมเข้ากองทัพเพื่อรับใช้ประเทศก็จริง...แต่มันไม่ควรจบแบบนี้ ต่อสู้กันด้วยกองกำลังซอมบี้? อย่าพูดบ้าๆ น่า! การต่อสู้กันอย่างไร้ศักดิ์ศรีอย่างนั้นผมไม่อยากมีส่วนรวมหรอก แต่ก็ จะให้ทำยังไงได้ละ โลกทั้งโลกกำลังโกลาหลเพราะไอ้ยาบ้าๆ ที่คนชื่อ Doid Ice สร้างขึ้น United England ประเทศของผมแม้จะเป็นหนึ่งในประเทศมหาอำนาจ แต่ก็ไม่วายโดนไอ้ยาบ้านี้ครอบงำ 70% ของประเทศกลายเป็นพื้นที่ที่เรียกว่า โซน DZ หรือก็คือพื้นที่ปิดกั้นที่กันไม่ให้พวก Doid Zombie ที่ออกนอกการควบคลุมออกอาละวาด จะเรียกว่าโซน DZ เป็นเหมือนคลังแสงก็ได้ กองทัพจะส่งทีมออกไปจับซอบบี้จากพื้นที่นี้แล้วนำไปใช้ในการรบ หลังๆ มีข่าวว่ากองทัพเรามีความพยายามจะดัดแปลงยา Doid เพื่อให้ซอมบี้ที่ได้นั้นเกิดการออกนอกการควบคุมได้ยากขึ้น แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลสำเร็จ นับวันจำนวนซอมบี้ที่ใช้งานได้ถูกผลิตน้อยลงทุกวัน คงจะราวๆ 3 ในสิบเองละมั้ง? แต่ถึงผมจะได้เป็นหนึ่งในสามคนนั้น...เรื่องที่ผมต้องกลายเป็นซอมบี้ก็ไม่เปลี่ยนไป....
“โย่ ว่าไง John” Elninho เดินมาตบบ่าทักทายเพื่อนสนิท
“เอล...” John หันไปตอบกลับให้เพื่อนด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
“วันนี้...แล้วซินะ..”
“อืม...”
Elninho เด็กหนุ่มอีกคนในกองทัพของ United England เพื่อนสนิทของ John พ่อมีเชื้อสาย Espunya แต่มาเกิดและเติบโตใน UE ตำแหน่งในกองทัพเป็นหน่วยทหารราบ Commando ได้เลื่อนขั้นเป็นร้อยเอกอย่างรวดเร็ว ด้วยความกล้าบ้าบิ่นในสนามรบ รวมทั้งยังเป็นคนร่าเริง เป็นที่รักของคนในกองทัพอีกด้วย อาวุธถนัดของ Elninho ถึงไม่บอกก็คงเดาก็ได้ มันคือปืน Flamethrower สมกับชื่อของเค้า แต่น่าเสียดาย ความสามารถของเค้าถึงแม้จะมีมาก แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะต่อกรกับเหล่า DZ ได้อีกแล้ว และ Elninho ก็เป็นอีกคนที่ถูกรับเลือกให้เข้ารับยา DZ ในวันนี้
El: เห้ย ร่าเริงเข้าไว้น่า กองทัพเราไม่ใช่กากนะเว้ย ป่านนี้อาจพัฒนาการควบคุมยา DZ จนสมบูรณ์แบบไปแล้วก็ได้น่า—Elninho พูดขณะยิ้มให้เพื่อนรัก แต่รอยยิ้มนั้น ไม่ว่าเป็นใครก็ดูออกว่าเป็นรอยยิ้มปลอมๆ ที่ปั้นออกมาอย่างลวกๆ
John: แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...ชั้น...ไม่ได้อยากกลายเป็นซอมบี้นี่นา...—John นั่งลงเอามือกุมขมับ
El: ไม่เอาน่า John ไม่มีใครอยากกลายเป็นศพเดินได้กันทั้งนั้นแหละ แต่เราก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีนั้นแหละ
John: DI…. เพราะไอเจ้านักวิทย์ฯ บ้าๆ นั้นคนเดียว...โลกเรามันถึงได้กลายเป็นอย่างนี้ ชั้นละอยาก
จะให้มันตายๆ ไปให้พ้นๆ
John: คิดดู มีคนต้องเสียครอบครัวไปเพราะไอ้ยานี้ไปเท่าไหร่แล้ว ปกติแค่ออกรบ โอกาสรอดก็น้อยอยู่แล้ว แต่นี้ซิ ไม่รอดตั้งแต่ยังไม่ได้ออกรบ เพราะต้องกลายเป็นศพก่อนออกรบไงละ ฮะฮะฮะ –
*เครื่องกระจายเสียง*: ขอให้นายทหารทั้งหมดที่ต้องเข้ารับยา DZ ในวันนี้ไปรายงานตัวที่ห้องแล็ปภายใน 10 นาที โปรดฟังอีกครั้ง...
เสียงเรียกไปตายมาแล้วซินะ ผมคิดในใจ พร้อมกับหันไปมองหน้า เอล เขาไม่พูดอะไรเพียงแต่พยักหน้าส่งซิกให้ผม ซึ่งผมก็เข้าใจได้ไม่ยากว่าหมายความว่าอะไร
พวกผมใช้เวลาไม่เกินห้านาทีในการเดินจากโรงอาหารมายังห้องแล็ปของกองทัพ เท่าที่ประเมินด้วยสายตามีทหารไม่ต่ำกว่าสามสิบคนยืนต่อแถวกันอยู่ ไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่าทุกคนมีสีหน้าเป็นยังไง ถ้ามีใครยิ้มอย่างภูมิใจที่จะต้องกลายเป็นซอมบี้ ผมละจะเอาปืนเป่าขมับให้มันตายๆ ไปซะเลย ผมและเอลยืนอยู่บริเวณค่อนมาทางท้ายแถว โดยผมเป็นคนยืนอยู่ข้างหน้าเอล อ่า..นั้นซิ พูดถึงเป่าขมับ ทำไมเราไม่ยิงตัวเองให้ตายๆ ไปซะนะ? ทำไมเพิ่งจะมานึกได้ละเนี้ย ฮะฮะ ปืนก็ลืมไว้ที่ล็อกเกอร์ซะด้วย เยี่ยม...หรือจะกัดลิ้นฆ่าตัวตายดีนะ?
แล้วขณะที่ผมคิดเรื่อยเปื่อยเพื่อกลบไม่ให้สมองคิดว่าในอีกไม่กี่นาทีตัวเองจะกลายเป็นซอมบี้ บริเวณหัวแถวก็มีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้น
“ปล่อย! ปล่อยฉัน! บอกให้ปล่อยไงเล่า ปัทโธ่โว้ย!!”
ผมเห็นทหารคนนึงที่ไม่คุ้นหน้าโดนล็อกหิ้วปีกสองข้าง แต่ขาก็ยังดิ้นไปมาไม่ยอมหยุด
“เห้ย! ไอ้เจ้าทหารหน้าแถวช่วยกันจับหน่อยซิวะ! พยาบาล! ไปเอายาสลบมาเร็วๆ!” เสียงเจ้าหน้าที่ห้องแล็บที่พยายามล็อกนายทหารคนนั้นออกคำสั่งอย่างเกรี้ยวกราด
“ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อยหรือไงวะ บอกให้ปล่อยฉันไง!! ไอ้พวกขี้ข้ากองทัพ ปล่อยฉันเดี๋ยว.....นิ....”
ยังพูดไม่ทันจบประโยค นายทหารคนนั้นก็โดนเข็นฉีดยาสลบที่คงเป็นชนิดรุนแรง เสียบเข้าไปที่หลังบ่าขวา นายทหารคนนั้นสลบไปในทันที แล้วเจ้าหน้าที่ห้องแล็ปสองคนก็ช่วยกันอุ้มเข้าไปในห้องรับยา ซึ่งเป็นห้องที่ลึกเข้าไปอีกของห้องแล็ป ประตูสร้างด้วยเหล็กหน้า ผมก็ยังไม่เคยเห็นเหมือนกันว่าในนั้นมีสภาพเป็นยังไง แต่เรื่องที่สำคัญกว่าตอนนี้คือบรรยากาศในห้องแล็ป บรรดาทหารในนี้แต่เดิมก็คงไม่มีใครอยากโดนจับทำซอมบี้อยู่แล้ว พอเห็นว่ามีคนแสดงปฏิกิริยาต่อต้านออกมาอย่างชัดเจน ยิ่งเป็นเหมือนการปลุกกระแสต่อต้านหนักเข้าไปอีก ทั้งห้องเต็มไปด้วยเสียงจ้อกแจกจอแจ ชั้นไม่อย่างตายบ้างละ สวดมนตร์ขอพรพระเจ้าบ้างละ ผมหันกลับไปมองหน้าเอล เราจ้องหน้ากัน แต่ต่างฝ่ายต่างพูดอะไรไม่ออก ไม่ซิ คงมีเรื่องอยากพูดในหัวมากเกินไปจนไม่รู้จะพูดเรื่องอะไรดี ในช่วงทีห้องตกอยู่ในสภาวะแตกตื่น กระแสเวลาก็ไม่ได้แตกตื่นตามไปด้วย มันค่อยๆ เดินไปตามที่มันควร และเวลาของผมก็ลดลงเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มีเพียงทหารคนข้างหน้าคนเดียวที่กั้นผมกับประตูห้องรับยา
“นายก็โชคดีละกันนะเอล ชั้นดีใจจริงๆ ที่ได้เป็นเพื่อนกับนาย แล้วไว้.....เจอกันใหม่นะ” ผมหันไปพูดประโยคสั่งลาเพื่อนรัก
“อืม....นั้นซินะ แล้วเจอกันนะ John”
“คนต่อไป”
ผมเดินผ่านประตูเหล็กหนาของห้องรับยาเข้าไป ประตูเหล็กค่อยๆ ขยับปิดส่งเสียงดังไล่หลังผม ตัดขาดผมจากโลกภายนอก ห้องรับยาดูไม่ผิดไปจากที่ผมเคยจินตนาการไว้มาก เป็นห้องแคบๆ ประมาณ 6x6 เมตร มีโต๊ะหมอตรงทางขวาของประตูที่เข้ามา ทางซ้ายของประตู ก็มีเพียงตู้เก็บยาและเครื่องป้อนยา Doid Zombie “Doid Machine 003” ถ้าถามว่าผมรู้ชื่อมันได้ยังไงก็ตอบตรงๆ ว่าเห็นมันเขียนอยู่ตรงข้างๆ เครื่อง เจ้าเครื่องนี้เท่าที่ดูแล้วเหมือนกับเครื่อง X-ray เป็นทรงกระบอกคล้ายแคปซูล มีที่พอให้คนเข้าไปนอนข้างในได้สบาย
“อา..นายทหาร John Randoll ซินะ ชั้นหมอ Mike ยินดีที่ได้รู้จัก คงไม่ต้องบอกซ้ำนะว่าคุณมาที่นี้ทำไม งั้นก็ขอความร่วมมือเข้าไปนอนในเครื่องจักรนั้นด้วยนะ”
นอกจากเจ้าหมอ Mike นี้แล้วในห้องยังมีบุรุษพยายาลอยู่อีกสองคน จะขัดขืนก็คงไม่ได้ซินะ
ผมจึงค่อยๆ คลานเข้าไปนอนในเครื่องนั้นอย่างว่างั้น ก็นะ มาถึงขั้นนี้แล้ว จะขัดขืนก็ช้าเกินไปแล้วละ ว่าแต่ไอ้เครื่องบ้านี้มันแคบกว่าที่คิดแหะ
“เอาละนะ นอนตามสบายนะ คุณ Randoll เดี๋ยวเจ้าเครื่องนี้จะจัดการทุกอย่างเอง ท่ามันทำรุนแรงกับคุณก็ยกโทษให้มันด้วยนะ ฮะฮะฮะ”
จะทำอะไรก็รีบทำเหอะ
หมอ Mike เดินไปกดแผงควบคุมให้มันเริ่มทำงาน หลังจากนั้นมีแท่งเหล็กรูปร่างคล้ายๆ เหล็กดัดฟันโผล่ออกมา มันค่อยๆ เลื่อนลงล็อคที่คางผม ทำให้ปากผมตอนนี้อ้าหวอชนิดที่ไม่มีทางหุบได้ แล้วต่อจากนั้นก็มีแท่งเหล็กที่มีปลายรูปร่างคล้ายมือเล็กๆ ยืนออกมาจากข้างขวา ในมือเล็กๆ นั้นผมมองเห็นมันชัดเจนเป็นครั้งแรก ยา Doid Zombie เจ้ามือนั้นค่อยๆ เข้ามาใกล้ปากผมมากขึ้นเรื่อยๆ มันหยุดตรงกลางปากผมพอดี ผมหลับตารอให้เจ้าเครื่องบ้าๆ นี้จัดการอย่างที่หมดบอก มันสายเกินไปแล้ว แม้ต่จะคิดต่อต้านผมยังไม่มีแรง แล้วเจ้ายานั้นก็ถูกปล่อยเข้าไปในปากผม มันตกลงไปสู่หลอดอาหารผมทันที พร้อมๆ กับที่เจ้าเหล็กดัดฟันปิดปากผมลง ทำให้ผมไม่มีทางเลือกนอนจากกลืนมันเข้าไป
“เอาละ เรียบร้อย”
นั้นเป็นประโยคสุดท้ายที่ผมจำได้ว่าได้ยิน....อย่างน้อยๆ ก็ในฐานะตอนที่เป็นมนุษย์
----------------------------------------------------------