ForbiddenOne Co - Owner
จำนวนข้อความ : 1010 Join date : 29/08/2010 Age : 26
| เรื่อง: Battery World : Chapter 2 : Emergency Thu Oct 11, 2012 7:51 pm | |
| Battery World : Chapter 2 : Emergency
“อืม….” ผมกำลังนั่งอยู่บนโซฟาบริเวณล็อบบี้ของหอพักชาย โคมไฟระยับระย้าถูกประดับติดอยู่บนเพดานพร้อมกับที่พักพิงให้นั่งผ่อนคลายหรือนั่งคุยกันมากมาย ซึ่งโซฟาที่ผมนั่งนั้นเป็นแบบครึ่งวงกลม ตรงกลางเป็นโต๊ะกลมมีขนมจุบจิบอยู่บนโต๊ะ เป็นอาหารว่างมื้อดึกของพวกเรา 6 คน ตอนนี้ก็เวลา 3 ทุ่มแล้ว อีก 1 ชั่วโมง ทางเชื่อมระหว่างหอหญิงและหอชายจะปิด และจะเป็นเวลาเคอร์ฟิลด์ทันที
“จะเอายังไงดีล่ะทีนี้ อยู่ดีๆห้อง S ก็มาประกาศ Class War กับเราเนี่ยนะ..” นานาชิที่นั่งอยู่ข้างๆด้านขวามือของผมพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล.. ก็นั่นสินะ ต้องเจอคู่ต่อสู้ที่เหนือชั้นกว่า มันจะไปชนะได้ยังไงกัน ถ้าไม่มีแผนอะไรเลย “ดีแล้วไม่ใช่เหรอ ? ไหนๆเราก็อยากจะตัดสินกับห้อง S อยู่แล้วนี่ แทนที่เราจะมานั่งเครียดอยู่แบบนี้ ถ้าเราพลิกวิกฤตนี้ให้เป็นโอกาส มันจะไม่ดีกว่ารึไง ?” เป็นเสียงจากริวเซย์ที่นั่งอยู่ข้างๆซ้ายมือของผมพูดขึ้นมา พร้อมกับเปลี่ยนมานั่งไขว่ห้างแล้วหยิบมันฝรั่งทอดจากถุงขนมที่วางอยู่บนโต๊ะ แกมันจะผ่อนคลายเกินไปมั้ยวะครับ ตั้งแต่ Class War เมื่อเช้าแล้ว “ก็จริงอยู่นะ ที่เราต้องการเอาชนะห้อง S แต่ว่า…” ยูมิเหมือนอยากจะพูดอะไรซักอย่างแต่เหมือนจะพูดไม่ออก ยังไงผมก็รู้แล้วว่าเธอต้องการที่จะพูดอะไร เพราะมันกะทันหันเกินไปยังไงล่ะ ใครจะไปคิดว่าห้องที่เลิศเลอที่สุดอย่างห้อง S จะเอ่ยปากท้าพวกเราห้อง F เองแบบนี้ “หึ! ไม่คิดเลยว่าพวกห้อง S มันจะมาให้เคี้ยวถึงที่ ก็ดี! ชั้นจะได้จัดการมันจนพูดไม่ออกเลยล่ะ!” อิบูกิเหมือนจะชอบใจที่ห้อง S มาท้าพวกเราก่อน ก่อนที่มันจะกระดกน้ำอัดลมกระป๋องดื่มในช่วงเวลาแบบนี้ “จะรีบไปไหนวะ อิบูกิ รีบร้อนจัดการพวกมันไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกนะ” เฮย์จิที่นั่งอยู่ริมสุดของโซฟาพูดขึ้น “แล้วแกจะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไปงั้นเรอะ!?” อิบูกิ ขึ้นเสียงใส่เฮย์จิ “ชั้นไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นซักหน่อย!!” เฮย์จิขึ้นเสียงกลับ.. ให้ตายสิ 2 คนนี้เถียงกันประจำตั้งแต่มันรู้จักกันมาละ “น่าๆ ใจเย็นๆกันทั้งสองคนนั่นแหละ อย่าเพิ่งทะเลาะกันตอนนี้เลยจะดีกว่านะ” ยูมิก็จะเป็นคนที่สงบศึกสองคนนี้ตลอด พูดอีกอย่างก็คือเป็นตัวกลางเวลาทั้งสองคนนั้นโต้เถียงใส่กัน
“พวกแกน่ะ จะทะเลาะกันก็ช่วยหัดดูสถานการณ์ก่อนซะบ้าง” ผมพูดออกไปอย่างช่วยไม่ได้ มันใช่เวลามาทะเลาะกันเองซะที่ไหนกันล่ะ “ว่าไงนะ!!” ทีอย่างนี้ล่ะก็ประสานเสียงสามัคคีพร้อมกันเสียจริงๆ.. “แล้วยังไงล่ะ คาซายะ คิดอะไรไม่ออกบ้างเลยเหรอ ?” ริวเซย์ที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าห้องหันมาถามผมด้วยท่าทางที่ยังคงความผ่อนคลายได้อยู่ นั่นน่ะสิ ปกติแล้วผมคือคนที่จะคิดแผนการต่างๆสำหรับรับมือใคร แต่คราวนี้มันต่างออกไป.. เพราะปกติเราจะเป็นฝ่ายท้าสู้ แต่โดนท้าอย่างกะทันหันแถมระดับที่ต่างกันแบบนี้ คงจะยากหน่อยล่ะ “ระดับของเรากับมันต่างกันเกินไป ถึงแม้พวกเรา 6 คนจะเป็นแนวหน้าของห้อง F ก็เถอะ แต่ที่เหลือก็น่าจะรู้ๆกันอยู่นี่…”ที่เหลือคือตัวห่วยของจริงครับ พวกเรา 6 คนคือเข้าห้องอื่นได้ แต่ปฏิเสธไปเท่านั้นแหละ “ถ้าแกยังคิดไม่ออกแบบนี้ พวกเราคงคิดอะไรไม่ออกจริงๆแล้วล่ะ” นานาชิพูดขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยความกังวลเต็มพิกัด เจ้านี่..จริงจังดีแฮะ จะว่าไปเราก็รู้จักมันในชื่อ นานาชิ เพราะเห็นว่าความจำเสื่อม เอาเถอะ ไปขุดค้นอดีตคนอื่นมันก็ใช่เรื่อง ลืมๆมันไปดีกว่า “แล้ว.. พวกเราจะทำยังไงกันดีล่ะ ?..” คำถามที่พวกเราทุกคนอยากจะพูดออกมา ถูกถามโดยเฮย์จิ พวกเราทั้ง 6 คนตกอยู่ในสภาวะทิ้งตัวในความคิด ผมก็ไม่ใช่คนที่ฉลาดอะไรมาก.. จะให้คิดอะไรที่จะรับมือห้อง S ในสถานการณ์แบบนี้ได้ มันก็ยากเกินไปหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นมันต้องมีซักทาง ซักทางหนึ่งสิที่จะสามารถรับมือห้อง S ในสถานการณ์ที่เกินความคาดหมายแบบนี้ได้ คิดเข้าสิ! ปั่นฟันเฟืองในสมองให้ทำงานเข้า ต้องคิดมันให้ออก! โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีง่ายๆ ไม่งั้นเราต้องรอกันไปอีกนานโขเลยล่ะ
“ถ้าคุณเกิดตกอยู่ในสถานการณ์หมาหมู่ คุณจะหาทางเอาตัวรอดยังไงครับ ?” ที่จริงก็มีแต่กลุ่มของเราแหละที่เงียบ ยังคงมีนักเรียนกลุ่มอื่นๆนั่งคุยจ้อแจ้กันอยู่ในล็อบบี้อยู่ แต่ผมดันบังเอิญได้ยินเสียงที่ดังขึ้นจากทีวีพอดี หยุดความคิดของผมไปชั่วครู่หนึ่ง เหมือนจะเป็นรายการทอล์คโชว์ สัมภาษณ์คนดังแฮะ ปกติผมก็ไม่ค่อยสนเรื่องดาราอยู่แล้ว แต่ทำไมอยู่ดีๆมันเหมือนมีอะไรดลใจที่ต้องไปดูมันแฮะ..
“ถามผมหรอครับ ? เอ.. ถ้าเป็นผม ผมคงต้องขอท้าสู้ตัวต่อตัวน่ะครับ ไม่งั้นไม่รอดแหงๆ” นั่นคือคำตอบจากปากของคนดังที่ว่า ถ้าเป็นผมน่ะเหรอ ? หมาหมู่ขนาดไหนล่ะ ถ้าหมาหมู่ด้วยโรโบยังพอว่า แต่ข้างนอกโรงเรียนนี้มันจะไปมีโรโบได้ไงเนอะ.. ขึ้นอยู่กับจำนวนคนนะ ถ้าไม่เกิน 5 ก็น่าจะพอไหวอยู่ หรืออีกทางหนึ่งคือวิ่งหนีซะ! เดี๋ยวสิ.. นี่ผมมานั่งคิดอะไรอยู่เนี่ย! ไม่เห็นมีความจำเป็นที่จะต้องมานั่งดูอะไรแบบนี้เลย.. ตัวต่อตัวงั้นเหรอ.. เดี๋ยวสิ! ตัวต่อตัวงั้นเหรอ!!
“คิดออกแล้วโว้ยยยยยยย!!!!” ผมตะโกนลั่นขึ้นมาพร้อมกับลุกขึ้นยืนด้วยความดีใจ แต่เพราะเสียงที่ดังลั่นของผมนั้นเอง ทำให้คนทั้งล็อบบี้หันมามองที่ผมเป็นทางเดียวกัน ลืมไปเลยว่ามีคนอยู่.. ผมเลยก้มตัวขอโทษทั่วทุกทิษ 360 องศาก่อนที่จะนั่งลงอีกครั้ง และพบกับแววตาและสีหน้าที่อยากรู้ของเพื่อนของผม
“นี่พวกนาย.. ไม่ต้องจ้องชั้นถึงขนาดนี้ก็ได้ มันน่าอายนะเฟ้ย…” นี่ตูจะเดเระแตกเรอะ!? “อะไรกัน คาซายะ พูดเหมือนซึนจะแตกยังไงยังงั้นเลยนะ” ริวเซย์มันเหมือนจะอ่านใจผมได้ “พวกเราก็แค่อยากจะรู้ว่า คาซายะคุง คิดอะไรก็เท่านั้นแหละ” ยูมิพูดขึ้น พร้อมกับผองเพื่อนที่พยักหน้าหงกๆ “แล้วอะไรล่ะ ที่แกคิดได้ ? จะใช้แผนยังไงรับมือห้อง S กัน ?” นานาชิประเดิมถามก่อนเลย “โชคดีนะที่มีทีวีอยู่ที่ล็อบบี้ ไม่งั้นคงไม่ได้ไอเดียนี้ผุดขึ้นมาหรอก” “เห..” ทุกคนผสานเสียงกันอุทานออกมา ก่อนที่ผมจะเล่าถึงแผนการเล็กๆน้อยๆให้ฟัง ที่จริงมันไม่มีอะไรเลยครับ แต่เดี๋ยวผมจะเฉลยให้ฟังทีหลังละกัน ตอนนี้ขออธิบายให้คนอื่นๆฟังก่อน
หลังจากที่ผมอธิบายเสร็จ ทุกคนก็ดูเหมือนจะเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดออกไป แต่ตอนนี้มีปัญหาอยู่อย่างเดียว
“อืม มันก็จริงที่ว่าถ้าใช้วิธีนี้ เราจะรับมือห้อง S ได้ง่ายกว่า..” นานาชิดูเหมือนจะเข้าใจในวิธีการนี้ “ดีล่ะ! งั้นตกลงเอาตามนี้นะ!” ยูมิเอามือทุบโต๊ะเป็นลักษณะอาการที่ดีใจที่ปัญหาจบลงแล้ว.. ยังไม่จบหรอกครับจริงๆน่ะ “เดี๋ยวก่อนสิ” เนื่องจากมันมีอีกปัญหานึง แผนจึงยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ผมเลยพูดขัดออกไปก่อนที่จะเลยเถิดกันมากกว่านี้ “อะไรอีกล่ะห๊ะ คาซายะ แผนที่แกพูดออกมามันก็ไม่มีอะไรแล้วไม่ใช่รึไง ? หรือจะบอกว่ามันเป็นแค่แผนหลอกน่ะ” อิบูกิถามผมในขณะที่ไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ “แกก็หัดฟังมันพูดให้เสร็จก่อน ค่อยถามได้มั้ย อิบูกิ” เฮย์จิขาประจำที่มันต้องขัดอิบูกิตลอดพูดขึ้น “แกอีกแล้วเรอะ!?” หลังจากนั้นทั้งสองก็จ้องหน้ากันปลานจะกินเนื้อ.. ช่างหัวมัน ปล่อยให้มันทะเลาะกันต่อไป “แล้วแกมีอะไรงั้นเรอะ คาซายะ” ริวเซย์หยิบมันฝรั่งทอดแผ่นสุดท้ายที่อยู่ในถุงขึ้นมากินพร้อมกับพูดไปด้วย “ลืมกันไปแล้วรึไง ถ้าจะใช้วิธีนี้จริงๆ เราต้องตกลงกับห้อง S กันให้รู้เรื่องก่อนนะ” ใช่ครับ ถ้าจะใช้วิธีที่ผมกำลังบอกอยู่ตอนนี้ เราจำเป็นที่จะต้องตกลงกับห้อง S ให้รู้เรื่องกันก่อน “แล้วจะตกลงกันตอนไหนล่ะ ? พรุ่งนี้เสร็จจากคาบ Homeroom เราก็ต้องเริ่ม Class War เลยนะ” นานาชิพูดขึ้น ถ้าพรุ่งนี้คงไม่ทันแน่นอน คงต้อง.. ผมบิดข้อมือเพื่อหันนาฬิกามาดู ตอนนี้เวลา 3 ทุ่ม 20 นาที โอเค.. ยังพอมีเวลาอยู่ “ยูมิ เธอไปตามฮิซากิซังกับอิโตะซังมาให้หน่อย” “ส่วน ริวเซย์ แกไปตามนากาจิม่าซังมาอีกคน”
ผมบอกให้ ยูมิกับริวเซย์ ไปตามสมาชิกจากห้อง S มา เพราะเวลาเราก็จะไม่ค่อยเหลือแล้ว ต้องรีบคุยกันให้เสร็จในตอนนี้ ยูมิกับริวเซย์พยักหน้ากัน ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกกันไปหอหญิงและหอชาย
“ทำไมแกไม่ให้ชั้นไปวะ ?” อิบูกิถามผม ไอ้นี่นิ.. “ก็เพราะแกมันไม่น่าเชื่อถือยังไงล่ะ” เฮย์จิตอบกลับแทนผม โอเค ขอบใจมาก.. แต่ถ้าจะให้ดีก็อย่าทะเลาะกันได้มั้ย รำคาญเป็นเหมือนกันนะเฟ้ย!! ยูมิให้ไปตามฮิซากิซังน่ะดีแล้ว ยังไงก็เป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มอยู่แล้ว นิสัยเธอก็น่าจะรับมือฮิอิรางิซังไหว ส่วนให้ริวเซย์ไปตามนากาจิม่าซังก็เพราะว่าให้หัวหน้าห้องไปมันน่าเชื่อถือกว่าให้คนอย่างเราหรืออิบูกิไปล่ะนะ..
ผ่านไปอีก 10 นาที ริวเซย์เดินมาที่โต๊ะเราพร้อมกับนากาจิม่าซัง ส่วนยูมิก็เดินมาพร้อมกับฮิซากิซังและอิโตะซัง
“ต้องขอโทษที่เรียกมาในเวลาแบบนี้นะครับ” ผมลุกขึ้นยืนทักทายพร้อมขอโทษก่อน เพื่อให้การเจรจาเป็นไปอย่างราบรื่น “ไม่เป็นไรหรอกครับ ถูกเชิญมาคุยโดยฝ่ายศัตรูแบบนี้ก็แปลกไปอีกแบบ” นากาจิม่าซังพูดขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้ม “แล้ว พวกแกห้อง F มีอะไรกัน ถึงเรียกกันมาป่านนี้” ฮิซากิซังทำมือกอดอกก่อนที่จะถามพวกเรา “ไม่ต้องรีบหรอกครับ ยังไงก็นั่งก่อนดีกว่า” ผมผายมือไปทางเฮย์จิกับอิบูกิที่นั่งอยู่ เหมือนทั้งคู่จะรู้ว่าผมสื่อถึงอะไร ทั้งสองคนเลยลุกขึ้นแล้วไปนั่งทางฝั่งยูมิแทน ส่วนทั้งสามคนจากห้อง S ก็นั่งแทนที่ไป แต่ที่ผมสังเกตเห็นบางอย่างก็คือ อิโตะซังเหมือนจะเอาแต่พูดพึมพำอยู่คนเดียว เธอไม่ค่อยมีเพื่อนหรือไงกัน ผมสงสัย แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป “ขอโทษอีกครั้งละกันครับที่เรียกกันมาตอนนี้ ที่จริงแล้ว ผมมีข้อเสนอที่จะเสนอก่อนที่เราจะเริ่ม Class War กันน่ะครับ” ผมเริ่มเปิดประเด็นเลย “หึ แล้วข้อเสนอที่ว่ามันคืออะไร รีบๆหน่อยนะ ชั้นต้องไปเป่าผมให้มันแห้งอีก ขอบคุณชั้นซะด้วยล่ะ ที่อุตส่าห์รีบลงมาเพื่อพวกแก” จะขอบคุณยิ่งกว่านี้อีกครับ ถ้าไม่พูดในลักษณะแบบนี้น่ะ ฮิซากิซัง “ก็รู้ๆกันอยู่ว่าพวกเราห้อง F ไม่สามารถรับมือพวกคุณในสถานการณ์แบบนี้แน่นอน เพราะฉะนั้น..” “ผมขอยื่นข้อเสนอ ประลองแบบ 5 ต่อ 5 ครับ” “พวกแกพูดอะไรของแก ?” ฮิอิรางิซังพูดออกมา ไม่เข้าใจรึไงครับ ? ให้พูดอีกรอบก็ได้นะ ไม่ว่า “น่าสนใจดีนี่ครับ แต่จะยึดเสียงของผมคนเดียวไม่ได้หรอก ต้องถามคนอื่นๆก่อนอีกนะครับ” นากาจิม่าซังเหมือนจะเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ “เห็นด้วยค่ะ…” อิโตะซังก็เริ่มเปิกปากพูดแล้ว เห็นด้วยอีกคนนึงแล้วล่ะ ถ้านับเสียงห้อง S ตอนนี้ ยังไงก็ 2 ต่อ 1 ล่ะนะ “เดี๋ยวสิ! คิดดีแล้วเหรอที่จะสู้แบบนั้นกับห้อง F น่ะ!?” เหมือนฮิซากิซังจะไม่ยอมรับข้อเสนอนี้แฮะ.. “จะแบบไหนมันก็เหมือนกันแหละครับ ห้อง S ไม่ใช่เหรอ หรือว่ากลัวแพ้ล่ะครับ” ผมประชดประชันไป เพื่อให้ตอบตกลง คนประเภทนี้มันเกลียดความพ่ายแพ้จะตายไป “เหอะ! ชั้นจะตอบรับข้อเสนอของแกก็ได้ อย่ามาร้องไห้ฟูมฟายทีหลังละกัน!” ฮิซากิซังเอามือเชิดผมที่สั้นของเธอ ก่อนที่จะเดินกลับไปที่หอหญิง.. เอาเถอะ ยังไงก็เป็นอันตกลงกันแล้ว “ขอโทษทีละกันที่หัวหน้าห้องผมเป็นแบบนี้” นากาจิม่าซังเอ่ยปากขอโทษแทน “ไม่เป็นไรหรอกน่า ยังไงข้อเสนอก็เป็นอันตกลงแล้ว พรุ่งนี้เจอกันที่ลานดินหน้าโรงเรียนตอนเช้าละกัน” “ได้ครับ ราตรีสวัสดิครับ” นากาจิม่าซังเอ่ยปากลาก่อนที่จะลุกขึ้น “ราตรีสวัสดิ์ค่ะ…” อิโตะซังก็ลุกขึ้นเช่นเดียวกัน
หลังจากที่ห้อง S เดินไปลับสายตากันหมดแล้ว ผมก็ลุกขึ้นมาบิดตัวก่อนที่จะบอกให้ทุกคนแยกย้าย
“เอาล่ะ พวกเราก็ได้เวลาไปแล้วเหมือนกัน”
ด้วยเหตุฉะนี้ Class War ระหว่าง ห้อง F และห้อง S จึงกลายเป็นการต่อสู้แบบ 5 ต่อ 5
------------
เช้าวันใหม่ ที่ลานดินหน้าโรงเรียนหลังจากคาบโฮมรูมจบกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ห้อง F และห้อง S ต่างพร้อมหน้าอยู่ที่ลานดิน เสียงฮือฮาเต็มไปทั่วสนามไม่ว่าจะเป็นฝูงคนดูที่มายืนดูที่สนามหรือแม้กระทั่งจากอาคารเรียนต่างๆ หรือจากพวกเราห้อง F และห้อง S ที่ยืนเป็นแนวร่วมในสนามแห่งนี้
“จะเริ่มการประลองรอบแรกแล้วสินะ..” ผมพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่จริงจัง “เอาล่ะ รอบแรกก็ต้องเป็นหน้าที่ของคนเลือดร้อนอย่างชั้นสินะ” อิบูกิก้าวเดินออกไปข้างหน้าของกลุ่มห้อง F “ไปดีมาดีล่ะ อิบูกิ” นานาชิให้กำลังใจ “สู้เค้า อิบูกิคุง!!” ยูมิตะโกนให้กำลังใจเช่นเดียวกัน “ถ้าแกแพ้ล่ะก็ ชั้นเอาแกตายแน่!” เฮย์จิพูดเชิงให้กำลังใจ (?)
อิบูกิเดินออกไปข้างหน้ากลุ่มห้อง F ยืนรอก่อนที่เราจะได้เห็นคู่ต่อสู้คนแรกของพวกเราที่มาจากฝั่งนู้น..
“R-Sari เธอพร้อมแล้วใช่มั้ย ?” อิบูกิเช็คความพร้อมของโรโบตนเอง หลังจากหยิบผนึกของโรโบตนเองออกมา “พร้อมแล้วค่ะ แล้วก็เลิกเรียกชั้นว่า R-Sari ได้แล้วค่ะ” โรโบของอิบูกิตอบในสภาพที่ถูกผนึก “ชื่อจริงของเธอมันยาวเกินไปอ่ะ คิดซะว่าเป็นชื่อเล่นละกันนะ” อิบูกิตอบกลับอีก “ชะ..ชื่อเล่น..งั้นเหรอคะ…”
“เจอกันอีกแล้วนะครับ อิบูกิซัง” เสียงที่คุ้นๆและลักษณะการพูดแบบนี้ คงเดาได้ไม่ยากว่าคือใครในห้อง S “หึ ทาคุมิงั้นเรอะ ท่าทางชั้นจะได้เคี้ยว 1 ในสามแนวหน้าของห้อง S สินะ” การปรากฏตัวของนากาจิม่าซังเหมือนจะทำให้เลือดในตัวของอิบูกิพุ่งพล่าน “ออมมือกันให้ด้วยนะครับ อิบูกิซัง” แนวสุภาพบุรุษจริงๆ นากาจิม่าซัง..
และแล้วเสียงประกาศจากกรรมการก็ได้ดังขึ้น
“Class War ระหว่าง ห้อง F ปะทะ ห้อง S แบบ 5 ต่อ 5!!” “รอบที่หนึ่ง เอ็นโด้ อิบูกิ ปะทะ นากาจิม่า ทาคุมิ!!” “เริ่มได้!!!”
สิ้นเสียงคำประกาศเริ่มการประลองรอบที่หนึ่ง อิบูกิกับนากาจิม่า ต่างหยิบผนึกโรโบของตนเองออกมา ก่อนที่จะประกาศคำปลดล็อคผนึกเพื่อเริ่มต้นการต่อสู้..
“Unlock!! สหายที่น่ารัก R-Sari!!” “Unlock!! จงกลับมามีชีวิตอีกครั้ง Aesina!!”
เกิดแสงขึ้นทั่วสนาม ก่อนที่เราจะได้ยลโฉมโรโบของทั้งสองคน โรโบของอิบูกิเป็นผู้หญิงเหมือนวัยรุ่นทั่วๆไปมาพร้อมโค้ทและเน็กไทต์ โรโบของนากาจิม่าซังนั้น เป็นหัวกระโหลกที่มีผมทรงแอฟโฟร่ พร้อมกับชุดนักดนตรีและมาพร้อมกับไวโอลิน ที่น่าจะเป็นอาวุธประจำตัว ก่อนที่สเตตัสของทั้งคู่จะเด้งขึ้นมา
Erectos Cogmaster Series 25A2 – HP : 500/500 STR : 50 DEF : 50 SPD : 100 ITL : 150 BP : 1000/1000 Aesina – HP : 700/700 STR : 70 DEF : 80 SPD : 100 ITL : 100 BP : 800/800
“เห โรโบของแกนี่น่าสนใจไม่เบาเลยนี่” อิบูกิทักขึ้นหลังจากที่ได้เห็นโรโบของนากาจิม่าซัง “แหมๆ อิบูกิซังก็เหมือนกันแหละครับ ผู้หญิงสวยเช้งซะขนาดนี้” นากาจิม่าซังตอบกลับ “ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะ” R-Sari ตอบ “งั้นก็ลุยกันเลย R-Sari!!” อิบูกิประกาศบุก! “เราก็เอาบ้างสิครับ Aesina บรรเลงบทเพลงที่แสนไพเราะออกมาเลย!!” นากาจิม่าซังออกคำสั่ง
R-Sari พุ่งเข้าไปหา Aesina ก่อนที่จะเตะก้านคอ แต่ Aesina หลบตามคำสั่งของนากาจิม่าซัง แล้ววิ่งหนีออกมาจากตัวของ R-Sari ทำให้ R-Sari วืดไป แต่ R-Sari ยังคงวิ่งไล่ตาม Aesina ด้วยความเร็วที่เท่ากัน จึงไม่สามารถตามให้ทันได้ง่ายๆ แต่ Aesina หยุดการเคลื่อนที่ ก่อนที่จะใช้สายไวโอลินแทงไปที่ R-Sari ที่กำลังวิ่งตามมา! R-Sari กระโดดข้ามหัวของ Aesina ได้ทัน ก่อนที่จะเตะก้านคอใส่ Aesina อีกที! ไม่รอดสำหรับ Aesina รอบนี้ ก่อนที่จะล้มลงไป ทำให้ HP ของ Aesina ลดลงไป 100 จุด R-Sari กระโดดถอยออกมา ก่อนที่ Aesina จะลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีไปทางตรงกันข้ามของ R-Sari
“อะไรของแกน่ะ ? สั่งให้โรโบของแกเอาแต่วิ่งหนีอย่างนี้” อิบูกิถามขึ้นด้วยความไม่พอใจ “ทำไงได้ล่ะครับ Aesina ของผมมันไม่ใช่สายระยะประชิดนี่ครับ” นากาจิม่าซังตอบด้วยรอยยิ้ม “ชิส์.. งั้นก็รีบๆจัดการให้มันจบเลยดีกว่า R-Sari!!” อิบูกิประกาศก้องทั่วสนามพร้อมกับสั่งโรโบของตนเอง “รับทราบค่ะ”
R-Sari ยืนอยู่กับที่ พร้อมกับเอามือประสานกัน แล้วฟันเฟืองก็ออกมา! อาวุธประจำตัวของ R-Sari
“Cog Boomerang!!” อิบูกิประกาศใช้ท่าพิเศษ Special Move!! “หลบเร็ว Aesina!!” นากาจิม่าซังสั่ง
R-Sari ขว้างฟันเฟืองออกไปหา Aesiana ที่วิ่งหนีไปทางตรงกันข้าม! แต่ Aesina ตอบสนองต่อคำสั่งของนากาจิม่าซังได้ทันท่วงที ทำให้กระโดดหลบฟันเฟืองที่มาจากข้างหลังได้ทัน!! Aesina กลับลงมายืนอีกครั้ง แต่ทว่า ฟันเฟืองที่น่าจะไม่กลับมาแล้ว ดันพุ่งตรงกลับมา! กระแทกเข้าหลังของ Aesina เต็มๆ ทำให้ Aesina ล้มลงคว่ำพื้นไป ก่อนที่ฟันเฟืองจะกลับมาเข้ามือของ R-Sari ก่อนที่สเตตัสทั้งคู่จะมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
Erectos Cogmaster Series 25A2 – HP : 500/500 STR : 50 DEF : 50 SPD : 100 ITL : 150 BP : 700/1000 Aesina – HP : 340/700 STR : 70 DEF : 80 SPD : 100 ITL : 100 BP : 800/800
“ลืมไปเลยว่ามันเป็น บูมเมอแรง..” “เอาละ เตรียมตัวแพ้ได้แล้ว!!”
อิบูกิประกาศกล้าวขึ้นอีกครั้ง R-Sari จะขว้างฟันเฟืองใส่ Aesina ที่นอนอยู่ Aesina ลุกขึ้นมาหลบฟันเฟืองได้ R-Sari วิ่งเข้าไปหา Aesina พร้อมกับคว้าฟันเฟืองที่ลอยอยู่บนอากาศแล้วจะพุ่งเข้าฟาดใส่ Aesina! แต่ว่า..
“Wave of Death” เสียงของนากาจิม่าซังดังขึ้นถึงแม้มันจะเบาๆก็ตามที
Aesina กระโดดหลบจากวิถีฟาดของฟันเฟือง ก่อนที่จะลงมายืนแล้วเล่นไวโอลิน แต่เสียงเพลงของไวโอลินนั้น กลับกลายเป็นคลื่นพุ่งเข้าโจมตีใส่ R-Sari โดยไม่ทันตั้งตัว!
“แย่ละ Cog Shield!!” อิบูกิสั่งใช้ท่าพิเศษอีกครั้ง
R-Sari เอาฟันเฟืองขึ้นมาแล้วยกกันเสียงคลื่นแห่งความตาย! แต่เอามาช้าไปหน่อย จึงได้รับค่าเสียหายอยู่บางส่วน! ก่อนที่การบรรเลงของ Aesina จะจบลง และนี่คือสเตตัสล่าสุด
Erectos Cogmaster Series 25A2 – HP : 270/500 STR : 50 DEF : 50 SPD : 100 ITL : 150 BP : 400/1000 Aesina – HP : 340/700 STR : 70 DEF : 80 SPD : 100 ITL : 100 BP : 500/800
HP ของทั้งคู่เริ่มเข้าใกล้กันแล้วจากการโจมตีเมื่อกี๊ของ Aesina ตอนนี้ R-Sari ไม่สามารถใช้ท่าไม้ตายได้แล้ว แต่ Aesina ยังสามารถใช้ได้อยู่..
“ชิ!!... ที่เหลือคือไพ่ตายของเรา ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ…” เหมือนอิบูกิยังจะลังเลว่าจะใช้สิ่งที่เรียกว่าไพ่ตายดีหรือไม่ “ถ้าไม่ใช่ล่ะก็.. ปิดฉากละนะครับ” นากาจิม่าซังประกาศปิดฉาก “Exorcism”
Aesina บรรเลงไวโอลินอีกครั้ง ก่อนที่จะมีควันลอยออกมาจากไวโอลิน.. ไม่ใช่สิ มันใช่ควันแน่หรือ ? มันคือวิญญาณต่างหากครับ วิญญาณที่พุ่งเข้ามาโจมตี R-Sari อย่างไม่ทันตั้งตัว ท่ามกลางความตกตะลึงของผู้ชมทุกๆคนหรือแม้กระทั่งห้อง S ด้วยกันเอง ก็ตกตะลึงกับภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าเช่นเดียวกัน..
“ผู้ชนะในการประลองรอบที่หนึ่ง นากาจิม่า ทาคุมิ ห้อง S!!”
เสียงของกรรมการดังขึ้น ก่อนที่จะตามด้วยเสียงเฮของห้อง S ดังกระหึ่มพร้อมกับเสียงเชียร์ของคนดู ยกเว้นเพียงแค่ห้อง F ที่เงียบสนิทกับภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าและตัวอิบูกิเองเช่นกัน
แก้ไขล่าสุดโดย Creeper เมื่อ Fri Oct 12, 2012 10:17 am, ทั้งหมด 1 ครั้ง | |
|
Marco Reus BWO Story Director
จำนวนข้อความ : 441 Join date : 10/03/2012 Age : 30 ที่อยู่ : ความมืด
| เรื่อง: Re: Battery World : Chapter 2 : Emergency Fri Oct 12, 2012 12:35 am | |
| เฮ้ยยยยยย ทำไมต้องมาตัดเรื่องตอนนี้ด้วย แงๆ
ปอลิง : สนุกดีครับผม | |
|
bambambam Main Event
จำนวนข้อความ : 1017 Join date : 28/04/2011
| เรื่อง: Re: Battery World : Chapter 2 : Emergency Fri Oct 12, 2012 6:22 pm | |
| มาคู่แรกโดนก่อนเลยแฮะห้อง F ลุ้นๆคู่ต่อไป ^^ | |
|
Dashing Poom Prince Of Darkness
จำนวนข้อความ : 2544 Join date : 05/12/2010 Age : 29
| เรื่อง: Re: Battery World : Chapter 2 : Emergency Fri Oct 12, 2012 9:10 pm | |
| หนูมีหน้าที่....พยาบาล เท่านั้นแท้ 555 | |
|
Rave Superstar Grade A
จำนวนข้อความ : 882 Join date : 17/03/2011
| เรื่อง: Re: Battery World : Chapter 2 : Emergency Mon Oct 15, 2012 9:24 am | |
| ต่อสู้สนุกดีแฮะ เห็นภาพเลย แต่หนูแพ้ แง ๆ (ซบอก R-Sari) เอ่อ...อิบูกิกับเฮย์จิต้องมีตีกันแน่ ๆ | |
|