บทความนี้ผมอ่านเมื่อคืน และก็น่าสนใจดี เลยอยากแชร์ความรู้สึกจากเรื่องราวตามกระแสให้ทุกคนลองอ่านดูบ้างฮะคงไม่ต้องสาธยายความยิ่งใหญ่ของผู้จัดการทีมคนนี้ เพราะมีคนอธิบายไว้เยอะแล้ว
วันนี้ขอเขียนถึงความรู้สึกที่มีในวันที่ข่าวการวางมือของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันได้รับการยืนยันจากสโมสร วันที่ 8 พฤษภาคม 2556 26 ปีกว่าๆ นับจากวันแรกที่ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันมาเป็นผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
26 ปีที่ผ่านมาเราเติบโตจากเด็กนักเรียน จนเข้ามหาวิทยาลัย หลายคนเปลี่ยนที่ทำงานมา 3-4 แห่ง
หลายคนแต่งงานมีครอบครัวในช่วงเวลานี้ ไม่น้อยที่เปลี่ยนแฟนมา 3-4 คน
แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปคือในทุกค่ำคืนวันเสาร์ เราจะมานั่งเฝ้าหน้าจอรอเชียร์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรที่เรารัก ภายใต้การคุมทีมของเซอร์อเล็กซ์
ป๋าเฟอร์กี้อยู่ข้างโรงละครแห่งความฝันอันนั้นคือภาพที่เราคุ้นตามาตลอด 20 กว่าปี
สาเหตุที่การจากไปของเซอร์อเล็กซ์มันน่าใจหายมาก เพราะที่ผ่านมาเรามองแมนยูไนเต็ดกับเซอร์อเล็กซ์เป็นหนึ่งเดียวกันเสมอ
เซอร์อเล็กซ์คือส่วนหนึ่งของ โอลด์ แทรฟฟอร์ด
ส่วนหนึ่งของโต๊ะแถลงข่าว
ส่วนหนึ่งของสนามซ้อมแคร์ริงตัน
นักเตะหลายคนร่ำลาสโมสรไปด้วยความใจหายของแฟนๆ
อีริค คันโตน่า, เดวิด เบ็คแฮม, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ นักเตะเหล่านี้จากไปพร้อมนักเตะขวัญใจคนใหม่ที่พร้อมมานั่งในใจแทนเสมอๆ
แต่มีหนึ่งคนที่เราไม่เคยนึกภาพเลยว่าเขาจะจากไป
นั่นคือ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันสำหรับแฟนบอลยุคพวกเรา เวลาอ่านชื่อของสโมสร "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" ก็แทบจะมีภาพของ "เซอร์อเล็กซ์" สะท้อนอยู่ในนั้นเป็นอัตโนมัติ
เราไม่เคยตระหนักเลยว่า "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" และ "เซอร์อเล็กซ์" เป็นสองสิ่งที่แยกห่างออกจากกันได้
จนถึงวันนี้ที่ข่าวร้ายมาถึง เราก็ยังช็อกงงและฉงนกับข่าวนี้
หลายคนยังฝันว่าข่าววันนี้ไม่ใช่เรื่องจริง
หลายคนยังหวังว่าอีกปีสองปีเซอร์อเล็กซ์จะเปลี่ยนใจและกลับมาคุมทีมอีกครั้ง
นั่นสะท้อนความใจหายของแฟนผีได้เป็นอย่างดี
ขอปิดท้ายด้วยเรื่องส่วนตัวบ้าง 2วันนี้คนที่ไม่ใช่แฟนบอลคงไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กผีทั้งหลายถึงพร่ำเพ้อถึงเซอร์อเล็กซ์มากมายนัก ผมเชื่อว่าแฟนแมนยูไนเต็ดแต่ละคนล้วนมีเหตุผลของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น
สำหรับผม สิ่งที่จะคิดถึงที่สุดเกี่ยวกับเซอร์อเล็กซ์มันเกี่ยวคุณแม่ของผมเอง
ตั้งแต่ไหนแต่ไร การเชียร์แมนยูคือหนึ่งในกิจกรรมสำหรับครอบครัว
และความสุขทุกครั้งที่ผมจะได้รับ นั่นคือตอนที่ทำประตูได้
แน่นอนสาเหตุหลักคือเรื่องของผลการแข่งขัน แต่อีกสาเหตุหนึ่งคือทุกครั้งที่แมนยูไนเต็ดยิงได้ เซอร์อเล็กซ์จะกระโดดดีใจไปมาอยู่ข้างสนาม ด้วยสายตาแห่งความสุขราวกับยังเป็นหนุ่มเสมอ ซึ่งคุณแม่ของผมก็มักจะมีความสุขตามไปด้วย และบ่อยครั้งที่ม๊าจะพูดว่า
"ดูสิ คนที่รักในงานที่ทำ อายุจะเยอะแค่ไหนก็ยังสนุกกับงานเสมอ"
ด้วยสายตาแห่งความสุขและลิงโลดไม่แพ้เซอร์อเล็กซ์
หลังจากนั้นเมื่อแมนยูไนเต็ดทำประตูได้และกล้องตัดไปที่การกระโดดดีใจของเซอร์อเล็กซ์
ไม่ว่าจะเป็นนัดไหน ฤดูกาลที่เท่าไหร่ ผมจะดูฟุตบอลอยู่ที่ใด
ผมก็มักจะนึกถึงคำสอนของม๊าและดวงตาแห่งความสุขนั้นเสมอๆ
นั่นคือสาเหตุของผมว่าทำไมการจากไปของเซอร์อเล็กซ์ถึงทำให้ผมร้องไห้
เพราะนอกจากผลการแข่งขัน นอกจากความมั่นคงของสโมสร
เซอร์อเล็กซ์ยังเป็นหนึ่งในสิ่งที่ร้อยเรียงความทรงจำดีๆตั้งแต่เด็กจนเติบโต
ขอบคุณเซอร์อเล็กซ์สำหรับทุกอย่าง
สิ่งที่ป๋าทำไว้มันมีมากกว่าฟุตบอลที่พวกเราได้เรียนรู้และนำไปปรับใช้ในชีวิต
ตอนนี้ถึงเวลาที่ป๋าจะได้พักและให้เวลากับครอบครัวบ้าง
หลังจากที่ป๋าได้สร้างความสุขให้กับหลายสิบล้านครอบครัวทั่วโลกมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วแชร์จาก Blogger ของคุณเอม นภพัฒน์จักษ์ อัตตนนท์