Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 อะไรก็ไม่รู้ ยังไม่ได้คิดชื่อเรื่อง - EP 1

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
DanielsoN
Xiao Mei's Husband
Xiao Mei's Husband
DanielsoN


จำนวนข้อความ : 2272
Join date : 19/09/2010
Age : 29

อะไรก็ไม่รู้ ยังไม่ได้คิดชื่อเรื่อง - EP 1 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: อะไรก็ไม่รู้ ยังไม่ได้คิดชื่อเรื่อง - EP 1   อะไรก็ไม่รู้ ยังไม่ได้คิดชื่อเรื่อง - EP 1 EmptyThu Apr 03, 2014 5:27 pm

“นายทำอะไรของนาย” เสียงของชายแก่ตะคอกใส่ผม
“ขะ...ขอโทษครับ” ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่สั่นกลัว
“ชั้นก็บอกนายไปแล้วไม่ใช่หรือว่าคุณนายเขาแพ้กุ้ง...ดีนะที่เขาไม่เป็นอะไร” ชายแก่พูดกับผมก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้
“ตะวัน นายคงไม่เหมาะกับงานนี้ เท่าไหร่ละมั้ง”

ชายแก่เงียบไปชั่วครู่ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะพูดกับผมอีกครั้งหนึ่ง

“ตะวัน นายถูกไล่ออก”
“ให้โอกาส ผมเถอะครับ ผมสัญญาว่าผมจะไม่พลาดอีกแล้ว”
“นายรู้ไหมว่าโรงแรมเรามีชื่อเสียงขนาดไหน? แล้วนายนึกดูซิ ถ้าเขาฟ้องเราภาพพจน์เราจะเป็นยังไง”
“ชั้นก็อยากจะให้โอกาสนายนะ แต่ทางเบื้องบนเขาบอกกับชั้นมาอย่างงี้”
“หวังว่านายจะเข้าใจนะ”

ผมพูดอะไรไม่ออก ผมก็ได้แต่พยักหน้าก่อนจะหันหลังและเดินออกไป ผมเก็บข้าวของทุกอย่างที่ผมมีและเดินออกจากโรงแรมแห่งนี้ มันคงจบแล้วความฝันของผม

======

ผ่านไปสองสัปดาห์เดือนจากที่ผมโดนไล่ออก ผมตะเวนหางานใหม่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมที่มีชื่อหรือจะเป็นโรงแรมขนาดกลาง แต่พอกรรมการเห็นประวัติที่ผมเคยโดนไล่ออก ทุกคนก็ต่างส่ายหัวไปพร้อมๆกัน ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าความผิดพลาดเล็กๆน้อยของผม มันจะทำให้ผมลำบากได้ขนาดนี้
ผมนั่งอยู่ในร้านอาหารขยะ บนโต๊ะของผมนั้นมีแฮมเบอร์เกอร์และแก้วน้ำที่เต็มไปด้วยน้ำดำ ผมนั่งดูรายชื่อโรงแรมที่ผมสมัครไปทั้งหมด ดูเหมือนจะเหลืออีกไม่กี่เท่านั้นที่ยังไม่ได้เรียกสัมภาษณ์ผม มองได้หลายมุมคือเขาอาจจะยังคัดเลือกอยู่หรืออาจจะตัดชื่อของผมทิ้งไปตั้งแต่แรกแล้ว

“อ้าว ตะวัน” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งเรียกผม

ผมแหงนหน้ามองเห็นหญิงสาวร่างสูงพร้อมกับผมทรงหางม้าของเธอ เธอวางถาดอาหารของเธอที่เต็มไปด้วยอาหารมากมายเมื่อเทียบกับผม เธอนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับผม ทั้งๆที่ผมยังไม่ได้ชวนอะไรเธอเลยแม้แต่น้อย ดูเหมือนนิสัยแบบนี้ของเธอยังไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย

“แล้ว...นายมานั่งทำอะไรตรงนี้ล่ะ? ตอนนี้มันเวลางานของนายไม่ใช่หรอ?” เธอถามผม
“ชั้นโดนไล่ออกน่ะซิ” ผมตอบตรงๆ
“เอ๋...แล้วนายไปทำอะไรเข้าให้ล่ะ?” เธอถามต่อด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้

ผมถอนหายใจก่อนจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟัง ผมเล่าเรื่องของผมที่ผมหยิบถาดอาหารผิด และไปเสริพ์ให้กับคุณนายที่สั่งรูมเซอร์วิส และจานที่สลับกันนั้น ดันเป็นสลัดกุ้งซึ่งคุณนายคนนี้ก็มีอาการแพ้กุ้งอีก โชคดีที่เธอไม่เป็นอะไรและเธอก็ไม่ได้ฟ้องร้องอะไร แต่โชคร้ายคือผมโดนไล่ออกและต้องมาหางานอยู่ตรงนี้ เมื่อผมเล่าจบเธอก็เงียบก่อนจะได้แค่พยักหน้ากับตัวเองสองสามครั้ง ก่อนจะหยิบเครื่องดื่มของเธอมาดื่ม

“แล้วเธอมาทำอะไรล่ะแอน? โดนไล่ออกเหมือนกันหรอ” ผมแหย่เธอ
“จะบ้าเรอะ ชั้นไม่มีทางโดนไล่ออกจากกิจการครอบครัวหรอกน่า” หญิงที่ชื่อว่าแอนต่อว่าผม
“แล้วมาทำอะไรละนั่น?” ผมถามบ้าง
“ก็มาซื้ออะไรนิดๆหน่อยๆน่ะ” เธอตอบผม
“แล้ว...นายหางานได้ยังล่ะ?” แอนถามผม
“เอาจริงๆก็ยังไม่ได้นั่นแหละ...ชั้นเริ่มคิดแล้วนะว่าชั้นควรจะหางานอื่นดีรึเปล่า”
“ถ้างั้นมาทำงานกับบ้านเราก่อนไหม? เพราะทางเราก็กำลังขาดคนพอดี” แอนเสนอผม

ผมนั่งคิดกับข้อเสนอของแอน บางทีมันก็อาจจะไม่ใช่ความคิดที่แย่นะ เท่าที่เคยฟังก็ไม่ใช่โรงแรมเล็กๆด้วย อาจจะได้เงินเดือนน้อยลง แต่ถ้าได้ทำสิ่งที่ชอบก็อาจจะโอเคละมั้ง ผมนั่งคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตกลงรับข้อเสนอของแอน

“ดีๆ ถ้างั้นมาพรุ่งนี้เลยได้ไหม?” แอนถามผมต่อ
“อืม ก็ได้อยู่หรอก ยังไงชั้นก็ว่างอยู่แล้ว” ผมตอบกลับ
“ส่วนเรื่องเงินเดือนเดี๋ยวค่อยคุยกันก็แล้วกัน เพราะชั้นก็ไม่รู้ว่าที่บ้านของชั้นจะให้เท่าไหร่” แอนพูด

ผมพยักหน้าก่อนที่พวกเราจะคุยกันเรื่องไร้สาระ ก่อนที่แอนจะรีบกลับก่อน เพราะดูเหมือนเธองานจะเข้า ผมนั่งอยู่คนเดียวเงียบๆ ผมมองกระดาษที่เต็มไปด้วยชื่อโรงแรมเหล่านั้น  ผมหยิบกระดาษพวกนี้ก่อนจะเดินไปทิ้งมันลงถังขยะ ดูเหมือนผมคงไม่ต้องใช้กระดาษพวกนี้อีกแล้ว ผมกลับมานั่งบนเก้าอี้ของตัวเองก่อนจะจัดการเบอร์เกอร์ที่อยู่ข้างหน้าตัวเอง ในขณะที่ผมกำลังเคี้ยวเนื้อขนมปังอย่างเอร็ดอร่อยนั้น ผมก็ฉุดคิดเรื่องหนึ่งขึ้นมา

“ว่าแต่โรงแรมมันอยู่ไหนนะ..”

=====

เช้าวันต่อมา มันเป็นวันแรกที่ผมจะได้ทำงานในโรงแรม ผมพยายามหาตามเว็ปไซต์ยังไงก็ไม่เจอ โชคดีที่บ้านของแอนยังไม่ได้เปลี่ยนเบอร์โทร ผมเลยยังสามารถโทรไปถามได้ว่ามันอยู่ไหน จากที่ฟังมาดูเหมือนจะต้องนั่งรถไฟฟ้าไปลงที่สถานีพญาไท และเดินไปอีกนิดหน่อย และก็จะถึงหน้าโรงแรมพอดี

เมื่อผมทำตามที่บอก ผมก็มองไปรอบๆ ก่อนจะเห็นโรงแรมสามชั้น มันไม่ใช่โรงแรมสูงระฟ้าเหมือนที่ทำงานเก่า มีป้ายหน้าโรงแรมเขียนว่า “ซันไชน์ โฮเต็ล” ผมเดินพลักประตูกระจก ก่อนจะเดินเข้าไป เมื่อผมเข้าไปผมสัมผัสได้ถึงความเงียบ ไม่มีเสียงของนักท่องเที่ยงหรือพนักงาน ผมยืนเกาหัวก่อนจะเดินออกไปตรวจดูอีกทีว่าผมมาถูกที่ไหม ผมมองไปรอบๆว่ามีโรงแรมอื่นรึเปล่า แต่ดูเหมือนก็ไม่มี

“ที่นี่จริงๆหรอ...” ผมพูดพร้อมกับเหลือบมองแผนที่ที่ผมวาดขึ้นมาเอง
“อ้าว มาถึงแล้วหรอ?” เสียงของแอนดังขึ้นมา

ผมหันกลับไปผมเห็นแอนเดินมาพร้อมกับถุงจากร้านสะดวกซื้อ ดูเหมือนเธอจะมาถึงที่นี่ก่อนผม

“ที่นี่หรอ แอน?” ผมถามพลางเอานิ้วชี้ไปทางเข้า
“อื้ม ที่นี่แหละ” เธอพยักหน้าพร้อมกับให้คำตอบผม
“ทำไมข้างในมันเงียบละนั่น?” ผมถามสิ่งที่ผมอยากรู้
“ดูเหมือนชั้นยังไม่ได้บอกนายใช่ไหมว่าโรงแรมนี้พึ่งเปิดใหม่น่ะ” แอนบอกกับผม
“ห๊ะ?” ผมอุทานออกมาด้วยความสงสัย
“หมายความว่ายังไง? เปิดใหม่?”
“จริงๆโรงแรมนี้พ่อแม่ของชั้นปิดไปนานแล้วล่ะ....แต่ชั้นอยากจะรื้อพื้นกิจการขึ้นมา”
“ชั้นก็เลยเปิดใหม่ไงล่ะ” แอนตอบ

ผมฟังเธอพูดจบแล้วผมก็อยากรู้ว่าแอนมีแผนยังไง จะโปรโมทยังไง ลงเว็ปไซต์ ลงนิตยสาร หรือเดินแจกโบว์ชัวร์ตามถนน หรือจะติดตามเสาไฟฟ้า แล้วเราจะเน้นอะไรบ้าง บริการดีไหม? ตอนนี้มีพนักงานกี่คนแล้ว ราคาห้องพักจะราคาเท่าไหร่ แพงหรือถูก อาหารในเมนูคืออะไร อาหารของชาติไรบ้าง หรือบางทีอาจจะไม่มีร้านอาหารเลยก็ได้

“แล้วตอนนี้มีแผนอะไรไหมล่ะ?” ผมถามแอน
“ไม่มี” เธอตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“พนักงานตอนนี้มีกี่คน?” ผมถามคำตอบต่ออย่างรวดเร็วพอๆกับที่เธอตอบผมเมื่อครู่
“สาม” เธอตอบเร็วกว่าที่ถาม
“รวมชั้นกับเธอแล้วรึยัง?”
“รวมแล้ว” เธอตอบเร็วกว่าที่ผมถามเธอเสียอีก

ผมได้ยินก็แทบอยากจะทรุดลงไปเลย ผมไม่สามารถสัมผัสกับสิ่งที่เรียกว่า “อนาคต” ได้เลย มันมืดไปหมด ดูสภาพแล้วยังไงก็คงไปไม่รอดแน่ๆ ผมอยากจะออกนะแต่ผมก็ยังไม่มีงานทำดังนั้นผมคงไม่มีทางเลือกมากเท่าไหร่นัก จริงๆ ผมอยากจะตะโกนใส่หน้าเธอว่า “เธอหลอกชั้น” แต่พอมานึกดีๆคำพูดของเธอก็ไม่ได้มีคำไหนที่หลอกผมเลยแม้แต่น้อย เธอบอกว่าคนขาดนั่นก็จริง เพราะว่าแค่สามคนมันไม่พอจะเปิดโรงแรมแน่ๆ

“เอ่อ นี่คุณแอนรึเปล่าคะ?” เสียงใสๆดังขึ้นมาจากด้านหลังของผม

ผมหันกลับไปก็เห็นหญิงสาวผมสีดำ ใบหน้าของเธอนั้นงดงามราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย ผมของเธอสั้นเพียงแค่ประบ่าเท่านั้น เธอไม่ใช่สาวร่างสูงเมื่อเทียบกับแอน จะเรียกได้ว่าตัวเล็กเลยก็ว่าได้ ถ้าให้เดาก็น่าจะประมาณ 158 เซนติเมตรได้ ส่วนอายุก็น่าจะประมาณ 17-18 ปี

“อ๊ะ ใช่หรือว่าเธอคือฝนหรอ?” แอนถามกลับ
“ค่ะ ฝนเอง” ฝนตอบกลับพร้อมกับส่งยิ้มอันแสนหวานให้กับผมและแอน

ผมว่าผมต้องเปลี่ยนคำบรรยายให้กับผู้หญิงที่ชื่อว่า “ฝน” ใหม่ เธอไม่ได้มีแค่ใบหน้าที่เหมือนเจ้าหญิงในเทพนิยายเท่านั้น แต่เธอยังมีรอยยิ้มราวกับนางฟ้า ถ้าให้พูดจริงๆด้วยความสวยระดับนี้จะให้เธอเป็นดาราหรือนักร้องคงไม่ใช่เรื่องยากอะไร

“นี่ฝน เธอเป็นคนที่โทรมาขอสมัครงานกับชั้นน่ะ” แอนแนะนำฝนให้รู้จัก
“สวัสดีค่ะ ฝนค่ะ” ฝนประนมมือก่อนจะไหว้ผม
“สวัสดีครับ ผมตะวันครับ” ผมรับไหว้ไว้ก่อนจะแนะนำตัวเองเช่นกัน
“เอาล่ะ ไหนๆก็มากันพร้อมหน้าแล้ว ในฐานะเจ้าของโรงแรมแล้ว ชั้นขอเป็นคนพาทัวร์ละกัน” แอนเปิดประเด็นใหม่ขึ้นมา

พูดจบผมและฝนก็เดินตามแอนเข้าไปในโรงแรม เมื่อเข้ามาผมเห็นเค้าเตอร์ของพนักงานต้อนรับอยู่ข้างๆ เบื้องหลังนั้นเป็นห้องนิรภัยที่มีหน้าจออยู่ 4 จอ ทั้งสี่จอนั้นมืดสนิท นั่นแปลว่ากล้องวงจรปิดยังไม่ได้เปิดทำงาน ผมอยากรู้นะว่ากล้องวงจรปิดพวกนี้อยู่ตรงไหนของโรงแรมบ้างนะ  ถ้าเดินไปจากประตูก็จะพบกับบันไดที่สามารถพาขึ้นชั้นสองได้ โดยใกล้ๆกับบันไดนั้นมีโซฟาจำนวนมากเรียงกันอยู่ คงไว้ให้แขกนั่งนั่นแหละ

“ไม่มีอะไรสงสัยใช่ไหม? ถ้าไม่มีก็ไปชั้นสองกันเลยดีกว่า” แอนถามผมกับฝน
“เอ่อ...จะไม่อธิบายอะไรหน่อยหรอ?” ผมถามพร้อมกับเกาศีรษะของตัวเอง
“อธิบายทำไม? ของแบบนี้ดูด้วยตาก็ดูออกเนอะ? ใช่ไหม ฝน” แอนย้อนผมกลับ

ฝนได้แต่พยักหน้า ถ้าสองเสียงว่ายังไง ผมก็ว่าตามก็แล้วกัน แต่ก็อาจจะจริงอย่างที่แอนพูด ของพวกนี้มันไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรอยู่แล้วละมั้ง ผมเดินตามแอนขึ้นไปที่ชั้นสอง ดูเหมือนชั้นสองนั้นจะเป็นห้องพักของลูกค้า แอนเปิดประตูห้องที่เขียนไว้ว่า 201 มันเป็นห้องที่อยู่ทางซ้ายสุด ในห้องนั้นก็มีห้องน้ำอยู่ทางซ้ายของทางเข้า และมีเตียงเดี่ยวอยู่สองเตียง เบื้องหน้าของเตียงนั้นก็มีโทรทัศน์วางอยู่บนโต๊ะไม้ ข้างโต๊ะไม้นั้นมีโต๊ะไม้เล็กๆ และเก้านวมสองตัววางอยู่

“แล้วอีกห้าห้องนี่เป็นแบบนี้หมดเลย?” ผมถามอีก
“อีกสี่ห้องเป็นแบบนี้แหละ ส่วนอีกห้องเป็นห้องซักรีดน่ะ” แอนตอบผม
“ว่าแต่ฝนมีอะไรสงสัยไหม?” เธอหันไปถามฝนที่เงียบตลอดทัวร์
“เอ่อ...ไม่คะ” ฝนตอบ

แอนได้ยินก็พยักหน้าก่อนจะพาทัวร์ชั้นสุดท้าย มันมีห้องจำนวนหกห้องเท่ากับชั้นสอง และห้องนั้นก็คล้ายๆกับชั้นสองเช่นกัน มันต่างกันแค่แทนที่จะเตียงเดี่ยวแต่เป็นเตียงคู่แทน เพียงแต่ว่ามันมีอย่างหนึ่งต่างออกไป นั่นก็คือประตูห้อง 306 นั้นไม่มีป้าย “306”

“แอน ทำไมห้องนี้ไม่มีป้าย 306 ล่ะ?” ผมรีบถามพลางเอานิ้วชี้ไปที่ประตู
“อ่อ นี่ห้องของชั้นเอง” แอนตอบ
“ห้องของเธอเอง?” ผมทวนคำสุดท้ายที่แอนพูด
“ชั้นขายบ้าน ขายรถ เพื่อจะเอาเงินมาเปิดโรงแรมใหม่น่ะ”
“นั่นก็แปลว่าชั้นไม่มีที่อยู่ ชั้นก็เลยต้องอาศัยอยู่ที่นี่” แอนอธิบาย
“เธอจะบ้าหรอ!! ถ้าเกิดโรงแรมนี้เจ๊งละก็ ชีวิตเธอจบสิ้นเลยนะ” ผมต่อว่าความคิดของแอน
“บางทีคนเราก็ต้องทำอะไรบ้าๆ เพื่อความฝัน นายคิดแบบนั้นไหม?” แอนให้เหตุผลของเธอ

ผมเองก็อึ้งไปกับคำพูดของเธอ เธอถึงขนาดทิ้งชีวิตของเธอเพื่อทำตามความต้องการของตัวเอง ถ้าหากโรงแรมนี้เจ๊งละก็ ตัวเธอก็คงต้องจมลงไปพร้อมๆกับโรงแรมแห่งนี้แน่ๆ และดูเหมือนจะมีแววว่าจะเป็นเช่นนั้นด้วย เธอไม่มีแม้กระทั้งแผน หรือ บุคลากรที่เพียงพอ แบบนี้จะรอดได้ยังไง

“แล้วพ่อแม่ของเธอว่ายังไง?” ผมถามต่อ
“จำที่ชั้นบอกว่าพ่อแม่ของชั้นปิดกิจการได้ไหม?” แอนถามผม

ผมพยักหน้าช้าๆ

“ที่พ่อแม่ของชั้นปิดกิจการ เพราะว่าเศรษฐกิจไม่ดี”
“หลังจากนั้นที่บ้านชั้นก็พยายามทำกิจการอื่น แต่ก็ไม่สำเร็จ”
“จนตอนนี้ที่บ้านโดนฟ้องล้มละลาย เลยจะตัดสินใจขายที่ดินแห่งนี้”
“ชั้นไม่อยากจะให้ที่นี่ถูกขายไป...ชั้นรักที่นี่ ชั้นผูกพันกับที่นี่”

เธอพูดทั้งน้ำตา นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นน้ำตาของแอน ตลอดชีวิตที่ผมรู้จักแอนมา นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเธอร้องไห้ ผมเองก็พูดอะไรไม่ออก แอนเอามือปาดน้ำตาของเธอก่อนจะฝืนยิ้มให้กับผม

“ตะวัน...ฝน....ถ้าคิดว่าไปไม่รอดแน่ๆ จะไป ชั้นก็ไม่ว่านะ” แอนพูดกับผม

ผมเงียบกริบ ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะตอบอะไร ใช่...มันเป็นอย่างที่แอนพูดนั่นแหละ ผมเองคิดว่าที่นี่ไปไม่รอด แต่จะให้ผมทิ้งเพื่อนของผมที่กำลังลำบากแบบนี้ผมเองก็ไม่อยากทำเหมือนกัน จิตใจของผมสับสนไปหมด ผมไม่รู้ว่าผมควรจะทำยังไงดี ผมควรจะเดินจากไป? หรือผมควรจะยื่นมือช่วยแอนที่กำลังลำบาก แต่ถ้าผมช่วยแล้วผมจะทำอะไรได้?

“ชั้นเข้าใจดีค่ะ...” เสียงของฝนดังขึ้นมา
“เพราะชั้นก็เคยทำอะไรบ้าๆ เพื่อความฝันของชั้นเหมือนกัน” ฝนพูดต่อ
“ชั้นจะช่วยคุณเองค่ะ” ฝนพูดด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

“ถ้างั้นชั้นจะช่วยเธออีกแรง” ผมพูดกับแอน
“เงินเดือนเธอจะให้ชั้นนิดเดียวก็ไม่ว่า จะให้ชั้นลาหยุดงานไม่กี่ครั้งก็ไม่เป็นไร”
“แต่ชั้นมีข้อแม้หนึ่งข้อ...พวกเธอก็ต้องพยายามเต็มที่เหมือนกัน”

แอนได้ยินก็ยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนจะใช้มือของเธอเช็ดน้ำใสๆที่อยู่บนขอบตาของเธอ

“นายคิดว่าตัวเองเป็นผู้นำกลุ่มหรือพระเอกละครหรือไง?” แอนแซวผม
“แต่ยังไงก็...ขอบใจนะ” แอนยิ้มให้ผม

ผมไม่รู้นะว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของผมถูกหรือผิด แต่ที่แน่ๆ ถ้าผมเลือกทางนี้แล้วผมก็คงไม่หันหลังกลับแล้ว และผมต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้รอยยิ้มของเพื่อนของผมยังคงอยู่ใบหน้าของเธอ...
ขึ้นไปข้างบน Go down
 
อะไรก็ไม่รู้ ยังไม่ได้คิดชื่อเรื่อง - EP 1
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: