ตอนที่ 1
“ที่นี่มันที่ไหนกัน..”
ชายคนหนึ่งกล่าวออกมาในขณะที่ร่างกายอันดูแล้วสมความเป็นผู้ชาย ตัวสูง มีกล้ามเนื้อพอจะสังเกตได้จากชุดของตัวเขาเอง ผิวสีเหลืองที่คงไม่ต้องบอกว่าเป็นชาวเอเชีย ผมตรงสีดำที่ยาวเลยมาจนกระทั่งเกือบที่จะปิดดวงตาสีฟ้าอ่อนของเขาได้ จมูกและคางที่ดูแหลม ทำให้ใบหน้าของเขา สามารถเรียกได้เลยว่าหน้าตาดีในระดับหนึ่ง ชายคนดังกล่าวนี้ยืนอยู่บนพื้นปูนที่เป็นท่าเรือของเกาะแห่งนี้ที่ตั้งตัวอยู่เพียงโดดๆ จะเรียกได้ว่าเกาะกลางทะเลก็คงไม่ผิดเพี้ยนนัก ด้านหลังของเขามีเรือรำเล็กๆที่แล่นผ่านไป พร้อมกับเสียงเครื่องยนต์ของเรือลำนั้น ดูท่าแล้วคงจะเป็นเรือที่พาตัวของชายหนุ่มคนนี้มาส่งที่ท่าเทียบเรือเล็กๆแห่งนี้แน่
“แล้วทำไมฉันถึงต้องมาที่นี่..”
สิ่งที่ชายหนุ่มคนนี้พูดมา เสมือนว่าความจำของเขาได้หายไป เขามองไปรอบๆ ทิวทัศน์ที่เขาได้พบเห็นนั้นเป็นต้นไม้ตั้งเรียงขนานกันไปกับทางเดินที่ปูด้วยปูนคอนกรีตยาวไปเรื่อยๆ เหล่าต้นไม้นี้กำลังสั่นไหวด้วยอำนาจของลมที่พัดพามา นี่จะเป็นลมที่ส่อสัญญาณว่าจะเป็นฤกษ์งามยามดีที่ชายหนุ่มที่เหมือนความจำเสื่อมเข้ามายืนอยู่ตรงนี้ หรือจะเป็นสัญญาณการบ่งบอกว่านี่เป็นเพียงแค่การนำร่องของความหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้นกันแน่
“ยังไงก็คงต้องทำความเข้าใจก่อนว่าตอนนี้ฉันอยู่ไหน.. แล้วค่อยหาเหตุผลกันอีกที”
หนุ่มความจำเสื่อมคนนี้คิด ก่อนที่จะก้าวเท้าเพื่อพาร่างกายอันหนักอึ้งไปด้วยความสงสัยและความไม่รู้ เดินต่อไปข้างหน้าตามทางเดินพื้นปูนนี้ไป ในระหว่างทางสิ่งที่เขาได้พบได้เจอก็คือต้นไม้ ต้นไม้ และต้นไม้ยาวทอดต่อไปเรื่อยๆคู่ขนานกับทางเดินปูนนี้ ชายหนุ่มคนนี้มองไปรอบๆด้วยความสนอกสนใจ ถึงแม้หน้าตาที่แสดงออกมาจะเป็นเพียงสีหน้าเรียบขรึมก็ตามที..
“นั่นมัน..ใครน่ะ”
หลังจากเวลาผ่านไปได้ไม่นานนัก หนุ่มหน้าตายคนนี้ได้มองเห็นหญิงสาวคนหนึ่ง กำลังถือท่อน้ำฟาดฟันไปในรูปกระบวนท่าต่อสู้ต่างๆ ที่ตัวเขานั้นไม่เคยพบเห็นมาก่อน (หรืออาจจะเคยเห็นแล้วแต่ลืม) ซ้อมต่อสู้กับหุ่นฟางธรรมดาๆ เสมือนว่าตัวเธอกำลังฆ่าเวลาเล่นอยู่กับสิ่งนี้ หญิงสาวคนดังกล่าวนี้มีผมสีน้ำเงินที่คอยโบกสะบัดไปพร้อมกับท่วงท่า ดวงตาสีส้มอมทองที่ดูแน่วแน่ ขนาดตัวที่เล็ก ทำให้เธอดูเป็นสาววัยรุ่นที่น่ารักมาก พนันได้เลยว่าถ้าเป็นชายหนุ่มคนไหนก็ตามที่ได้มอง คงต้องหนีไม่พ้นเสน่ห์ของเธอที่ออกมาในตอนนี้แน่ๆ แต่สำหรับชายหนุ่มความจำเสื่อมคนนี้ คงไม่ใช่แบบนั้น เขาต้องการข้อมูลว่าเขาอยู่ที่ไหนกันแน่.. ไม่รอช้า ชายหนุ่มคนนี้เดินเข้าไปถามสิ่งที่เขาอยากรู้ทันที
“นี่เธอ.. ที่นี่มันที่ไหนกัน ?”
สิ้นเสียงคำๆนี้ สาววัยแรกแย้มได้หันมามองด้วยความฉงน.. คงจะไม่แปลกนักหรอก อยู่ดีๆมีคนมาถามว่า ที่นี่ที่ไหน ทั้งๆที่ทุกคนควรจะรู้ว่าเราอยู่ที่ไหน สายตาของเธอบ่งบอกได้ถึงความเคลือบแคลงและความไม่ไว้ใจ ก่อนที่เธอจะเอ่ยปากพูดขึ้นมา
“อ้าว.. ถ้าคุณมาอยู่ที่นี่ได้ คุณก็ควรจะรู้ไม่ใช่เหรอคะ ว่าที่นี่คือที่ไหน ?”
“ฉัน.. ไม่รู้สิ.. ฉันรู้สึกตัวอีกที ฉันก็ยืนอยู่ตรงท่าเรือนู่นแล้ว”
“หรือว่า.. นายจะโดนลักพาตัวมา!!”
“ไม่ใช่แล้วมั้ง.. ถ้าฉันโดนลักพาตัวมาจริงๆ ฉันคงไม่มายืนในสภาพดีๆแบบนี้หรอก”
“อ้าวเหรอ นั่นสินะ.. หรือว่านาย… จะเป็นสายลับจากประเทศสารขัณฑ์!!”
“เอาตรงๆเลยนะ ตัวฉันเองก็ยังไม่รู้เลยว่าฉันเป็นใคร..”
“หา.. นายว่าไงนะ!? อย่าบอกนะว่านายความจำเสื่อมน่ะ!” สาวผมสีน้ำเงินอุทานพร้อมทำตาโต เหมือนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เธอเพิ่งได้ยินออกจากชายแปลกหน้าผู้นี้
“ก็คงงั้นแหละมั้ง..”
“ยังจะทำตัวเฉยเมยได้อีกนะ นายเนี่ย.. แล้วนายชื่ออะไรล่ะ ?”
“….”
“เออเนอะ โทษทีๆ ฉันลืมไปว่านายความจำเสื่อม แต่เดี๋ยวก่อนนะ.. ที่ยูนิฟอร์มมันก็มีป้ายชื่อติดอยู่ที่หน้าอกขวานี่นา นายได้ลองดูบ้างรึยัง ?”
“อ้าว จริงดิ..” ชายหนุ่มนี้ได้มองไปที่หน้าอกขวาของตัวเขาเอง จนเห็นกับป้ายชื่อกรอบสีดำติดเล็กๆอยู่ที่หน้าอกของเขาเป็นภาษาอังกฤษว่า.. “Mimoto”
“ดูเหมือนว่านายจะชื่อมิโมโตะล่ะ.. ท่าทางจะเป็นคนประเทศเดียวกับฉันซะด้วย ฉันชื่อมิไร ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
“อืม ทางนี้ก็เช่นกัน”
ทางหญิงสาวที่ชื่อมิไร ยื่นมืออันบอบบางเข้ามาหา เป็นสัญลักษณ์ว่าเราได้ทำความรู้จักกันแล้ว พร้อมใบหน้าที่เปื้อนยิ้มของเธอ นั้นแน่นอนว่าคงจะทำให้ชายทุกคนต่างหลงเสน่ห์เธอไม่พ้นเป็นแน่ แต่สำหรับชายความจำเสื่อมที่ชื่อว่ามิโมโตะ คนนี้กลับมีปฏิกิริยาเพียงแค่รอยยิ้มที่มุมปาก ก่อนที่จะยื่นมือเข้ามาจับกับมือของสาวคนนี้อย่างนุ่มนวล ก่อนที่จะเขย่ากันเบาๆ เป็นสัญญาณว่าโอเคละ ก่อนที่จะค่อยๆผละมือกันออกมา
“แล้วทีนี้.. นายจะทำไงต่อล่ะ ความจำเสื่อมแบบนี้อยู่คนเดียวจะรอดไหม เดี๋ยวฉันเดินนำไปเป็นเพื่อนดีกว่า”
“จริงๆก็อยากจะพูดคำว่า ไม่เป็นไรหรอก อยู่นะ.. แต่ดูท่าแล้วว่าจะไม่รอด ดังนั้นขอรบกวนหน่อยนะครับ”
มิโมโตะโค้งให้มิไรหนึ่งทีเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณที่ยื่นมือเข้ามาช่วยคนแปลกหน้าทั้งๆที่เพิ่งเจอ เพิ่งรู้จักกันในวันนี้เอง จนทำให้ตัวของมิไรเอง เลิกๆลั่กๆอยู่พอสมควร อยู่ดีๆก็มีคนมาโค้งหัวให้
“ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้ คนเราก็ต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้ว จริงมั้ย ?”
“..นั่นสินะ”
“งั้นก็ทางนี้ก็ขอฝากตัวด้วยนะจ๊ะ”
สาวผมสีน้ำเงินนามมิไรก็ได้ทำท่าย่อตัวพร้อมกับจิกเบาๆไปที่ชายกระโปรง พูดถึงเรื่องชุดแต่งกาย ตอนนี้ทั้งสองคนต่างก็อยู่ในยูนิฟอร์มหรือเครื่องแบบที่มีลักษณะที่คล้ายคลึงกัน ชุดสีดำมีขริบสีเหลืองตามชุด เครื่องแบบของผู้ชายจะเป็นแบบเสื้อคลุมนอกพร้อมกับกางเกงขายาว ส่วนเครื่องแบบของผู้หญิงก็คล้ายคลึงกันแต่เปลี่ยนจากกางเกงเป็นกระโปรงแทน แต่ทันใดนั้นเอง มิไรก็ได้สังเกตเห็นถึงซองจดหมายที่เสียบอยู่ในกระเป๋าเสื้อของตัวมิโมโตะ
“นั่นมันจดหมายไม่ใช่เหรอ แล้วนายได้อ่านรึยัง ?”
“มีซองจดหมายด้วยเหรอ ? ทำไมฉันไม่เห็นล่ะ..”
“ก็มันอยู่ที่กระเป๋าเสื้อของนายนั่นแหละ!! เอ้า!”
มิไรหยิบซองจดหมายจากกระเป๋าเสื้อของเขา ก่อนที่จะยื่นให้เอง
“มีของแบบนี้อยู่ในกระเป๋าเสื้อของฉันด้วยหรือ.. ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย”
“โถ พ่อคุณความจำเสื่อม! ลองเปิดอ่านดูสิ เผื่อมันจะช่วยเรื่องความจำของนายให้กลับคืนมาก็ได้นะ”
ว่าแล้ว มิโมโตะก็ได้ฤกษ์เปิดซองจดหมายซักที ข้างหน้ามีคำกล่าวจ่าหน้าซองถึงตัวมิโมโตะเอง ก่อนทีจะเปิดเข้าไปและได้เจอกับจดหมายฉบับหนึ่งพร้อมแผนที่ของเกาะแห่งนี้
“เรียน คุณมิโมโตะ
หากเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณได้เปิดจดหมายฉบับนี้ขึ้นมา แสดงว่าคุณคงอยู่ที่เกาะกลางทะเลแห่งนี้เรียบร้อยแล้ว ให้เดินไปตามแผนที่ที่แนบมากับจดหมายฉบับนี้ ขอให้คุณเดินไปตามมัน เมื่อไหร่ที่คุณถึงจุดหมาย เมื่อนั้นแหละ คุณจะทราบว่า “คุณมาที่นี่ทำไม”
ด้วยความเคารพอย่างสูง
อาเรีย เวิร์ท แฮนเดอร์สัน”
“เขาว่ามางี้แหละ..”
“เดี๋ยวนะ.. ใครคือคนที่เขียนจดหมายนี้ถึงนายนะ ?”
“อาเรีย เวิร์ท แฮนเดอร์สัน ทำไมเหรอ ?”
“เอาจริงเหรอเนี่ย.. นายรู้ไหมว่าเธอคนนั้นคือใคร ?”
“ก็ไม่รู้อ่ะ ใครเหรอ ?”
“ฟังสิ่งที่ฉันกำลังจะบอกนายให้ชัดๆนะ ฟังดีๆล่ะ”
“อาเรีย เวิร์ท แฮนเดอร์สัน ผู้อำนวยการโรงเรียน New Hope Academy หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือผู้ควบคุมเกาะแห่งนี้ยังไงเล่า!!”
“หา ?!”