“เฮ้ออออออ!!!!”
ชั้นถอนหายใจอย่างสุดเซ็งหลังจากที่ต้องเดินตากฝนไปโรงเรียนในเวลาเกือบจะสองทุ่ม ตัวของชั้นเปียกปอนไปหมดทั้งตัว ชั้นเดินอยู่ตามลำพังบนทางเท้า แหงล่ะฝนตกหนักขนาดนี้คงไม่มีใครบ้ามาเดินตากฝนหรอก
นอกจากชั้นอ่ะนะ...
แต่ก็ดีแล้ว อย่าให้ใครมาเห็นชั้นในตอนนี้นะ... เพราะชั้นไม่ได้ใส่บรามา!!!
เพราะยัยมิโอะแท้ๆ ก็บอกแล้วให้โทรมาปลุกตอนหกโมงเช้า กลายเป็นมาตะโกนโหวกเหวกว่าสายแล้วๆที่หน้าบ้านตอนเกือบๆเจ็ดโมงครึ่ง
ไม่งั้นชั้นคงไม่ต้องมาตาลีตาเหลือกรีบแต่งตัวไปโรงเรียนจนอยู่ในสภาพโนบราแบบนี้หรอก ดีนะที่ไม่ได้ลืมใส่กางเกงในมา...
สิ่งที่พอจะบังฝนได้ในตอนนี้ก็มีแต่กระเป๋านักเรียนใบเล็กๆ แต่มันก็ไม่ช่วยอะไรเลย ส่วนร่มน่ะฝันไปเหอะ ขนาดบรายังลืมใส่มาเลย...
สภาพของชั้นเหมือนลูกหมาตกน้ำ ถ้าถามว่าทำไมชั้นต้องไปโรงเรียนตอนสองทุ่มด้วย เพราะชั้นดันเฟอะฟะลืมของไว้ที่นั่น
หลังจากที่เดินไปบ่นไป ในที่สุดชั้นก็เดินถึงหน้าโรงเรียน และดูเหมือนฝนจะเริ่มซาลง
แน่นอนว่าประตูและหน้าต่างถูกล็อคจนหมด แต่ชั้นมีวิธีเข้าไปในนั้นละกัน มีหน้าต่างอยู่บานนึงที่ตัวล็อคของมันมีปัญหา ผลักเข้าไปแรงๆมันก็เปิดแล้ว ตอนสมัยอยู่มัธยมต้นก็ใช้ช่องทางนี้ละเข้ามาจับกลุ่มกับเพื่อนๆเล่าเรื่องผีตอนกลางดึกที่นี่บ่อยๆ น่าแปลกที่จนถึงตอนนี้มันก็ยังไม่ถูกซ่อมแซม
ชั้นผลักหน้าต่างบานนั้นจนเปิดออก แล้วค่อยๆปีนเข้าไปช้าๆอย่างระมัดระวัง ภายในโรงเรียนตอนกลางคืนยังคงดูวังเวงเหมือนเดิม
เมื่อก่อนมากับเพื่อน แต่ตอนนี้มาคนเดียว ดูน่ากลัวแปลกๆแฮะ...
ชั้นพยายามไม่คิดอะไรมากมายและตรงดิ่งไปยังห้องเรียนของชั้น มัธยมปลายปีสามห้องสาม
ด้วยความมืดมิดจนมองอะไรแทบไม่เห็น ชั้นตัดสินใจใช้แสงอันน้อยนิดจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือแทนไฟฉาย มีเพียงเสียงฝีเท้าและเสียงเม็ดฝนตกกระทบพื้นเท่านั้นที่ชั้นได้ยินในตอนนี้
เมื่อถึงจุดหมาย ชั้นเลื่อนประตูห้องเรียนอย่างช้าๆ ค่อยๆก้าวเท้าเข้าไปในห้องเรียน ห้องเรียนซึ่งปกติดูคึกคักกลายเป็นห้องที่มีแต่เก้าอี้และโต๊ะที่ว่างเปล่า ดูแปลกตาชอบกล
หนังสือเรียนสองเล่มวางเด่นอยู่บนโต๊ะเรียนของชั้น นั่นล่ะคือเหตุผลที่ชั้นวิ่งแจ้นมาที่นี่ในสภาพเปียกฝน หนังสือแค่สองเล่มมันสำคัญไฉน สำคัญสิ เพราะมันเป็นหนึ่งในข้อมูลสำหรับทำรายงานที่จะส่งในอีกไม่กี่วัน ไม่ใช่เวลาที่จะต้องมาคิดอะไรมาก ชั้นเดินไปหยิบหนังสือสองเล่มนั้นใส่กระเป๋าที่เปียกไม่แพ้กับเสื้อผ้า พร้อมทั้งพึมพำเบาๆ “ดีจังที่ยังอยู่”
ไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไป ชั้นกลับหลังหัน เตรียมก้าวออกจากห้อง
แต่ชั้นก็ต้องหยุดฝีเท้า
นั่นใครนั่งอยู่บนโต๊ะ??
หญิงสาว ผมยาวจนเกือบถึงบั้นท้าย ผิวขาวซีด สวมชุดนักเรียนเหมือนกับชั้นเลย
ตอนที่ชั้นมาก็ไม่เห็นใคร มันเป็นห้องที่ว่างเปล่า การที่จะมีใครมาปรากฏตัวขึ้นมาอย่างฉับพลันแบบนี้ มีความเป็นไปได้อยู่อย่างเดียวก็คือ...
คนที่ลืมของที่ห้องเหมือนชั้นยังไงล่ะ!!
นั่นมันมองโลกในแง่ดีเกินไปแล้ว!!!!
ในขณะที่ชั้นกำลังสับสน หญิงสาวปริศนาก็ลุกขึ้นจากโต๊ะอย่างช้าๆ และหันหน้ามา ทำเอาชั้นตาตั้ง
ไม่ใช่เพราะว่าเธอสวยกว่าชั้น
แต่เพราะดวงตาของเธอกลวงโบ๋!!!
มันกลวงโบ๋ถึงขนาดทำให้ชั้นมองทะลุไปเห็นกระดานดำที่อยู่ข้างหลังเธอ มันทำให้ชั้นแทบผงะ ขาสั่นจนแทบจะทรุดลงไปตรงนั้น สิ่งที่ชั้นเห็นในตอนนี้สรุปได้ไม่ยากว่า...
เพราะชั้นมีตามองทะลุได้แบบซุปเปอร์แมน!!!
ยังไม่เลิกมองโลกในแง่ดีอีก!!!!
มันผิดปกติ ผิดปกติเกินไปแล้ว!! หญิงสาวผมยาว ผิวขาวซีด ตากลวงโบ๋ ถ้าพูดแบบไม่ต้องคิดวิเคราะห์ เธอก็คือ...
“เธอเห็นชั้นด้วยหรอ” หญิงสาวตาโบ๋พูดด้วยเสียงยานคางเหมือนผี นั่นล่ะคือสิ่งที่ชั้นกำลังคิด แบบนี้มันผีชัดๆ!! แต่ผีไม่มีจริงนี่นา!! ชั้นต้องฝันไปแน่ๆ ตื่นสิ!! ตื่น!!! ตอนนี้ชั้นต้องนอนอยู่บนที่นอนนุ่มๆ แล้วกำลังฝันร้ายอยู่แน่ๆ ตื่นสิ พรุ่งนี้มีเรียนนะ!! ชั้นคิดพลางเดินถอยหลัง จนไม่ระวังสะดุดล้มก้นจ้ำเบ้า เจ็บชะมัด เจ็บแบบนี้ ไม่ใช่ฝันแน่นอนแล้ว!!
นี่ใครวางแผนแกล้งชั้นหรือเปล่า รายการแกล้งคนหรอ ถ้าใช่ขอบอกเลยว่าพวกคุณเมคอัพผีสาวได้สมบูรณ์แบบมาก สมบูรณ์แบบถึงขนาดทำให้ชั้นมองตาของเธอทะลุไปข้างหลังได้!!
“ชั้นทำอะไรผิด ทำไมชั้นต้อง...” หญิงสาวพูดเสียงยานคางอีกครั้ง คราวนี้น่าขนลุกกว่าเดิม ก่อนที่เธอจะเดิน ไม่สิ เธอลอย!! มาหาชั้นที่นั่งก้นจ้ำเบ้าและพยายามใช้บั้นท้ายไถลตัวถอยหลังไปตามพื้น ชั้นคงไม่ต้องมาคิดมากอะไรแล้ว แบบนี้มันผีชัดๆ!!
ตอนนี้ความหวาดกลัวเริ่มคืบคลานเข้ามายังจิตใจของชั้นเมื่อชั้นมั่นใจแน่นอนแล้วว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคืออะไร เรื่องผีสางที่จับกลุ่มเล่ากับเพื่อนอย่างสนุกสนาน มาเจอเข้าจริงๆแบบนี้มันไม่สนุกแล้ว!!
“เพราะเธอ!! เพราะเธอ!!” ผีสาวเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงโกรธแค้นขึ้น เดี๋ยวๆ!! ชั้นไปทำอะไรหล่อนตอนไหน!!
แล้วเส้นผมของผีสาวก็เริ่มยาวขึ้น... ยาวขึ้น... และเลื้อยมาพันตัวชั้นราวกับเถาวัลย์ รวมทั้งคอของชั้น เส้นผมเริ่มรัดคอจนชั้นหายใจไม่ออก ดวงตาของชั้นเริ่มพร่ามัว ชั้นพยายามใช้มือแกะเส้นผมที่รัดคออยู่ แต่ว่าสิ่งที่ชั้นสัมผัสมันกลับกลายเป็นความว่างเปล่า
ผีสัมผัสตัวชั้นได้ แต่ชั้นสัมผัสตัวผีไม่ได้ นี่มันขี้โกงเกินไปแล้ว!!
ดวงตากลวงโบ๋ของผีสาวจ้องหน้าทำเอาเสียวสันหลังวาบ แต่ความรู้สึกนั้นไม่สำคัญกับความทรมานเมื่อขาดอากาศหายใจ
ไม่ไหวแล้ว... ให้ตายเถอะ... ชีวิตมัธยมปลายของชั้น... ยังสนุกไม่เต็มที่เลย...
ใครก็ได้ ช่วยด้วย!!!
ราวกับคำอ้อนวอนเป็นผล เมื่อเส้นผมของผีสาวถูกคลายออก ชั้นมองเห็นเส้นผมบางส่วนที่ขาดวิ่นแล้วสลายไป ดวงตาพร่ามัวของชั้นเริ่มกลับมาเป็นปกติ ชั้นรีบกอบโกยออกซิเจนเข้าปอดจนหายใจเป็นปกติ
เส้นผมของผีสาวถูกตัดจนสั้นกุด ก่อนที่ผีสาวจะค่อยๆหายไป และชั้นก็เห็นหญิงสาวปริศนาเพิ่มขึ้นมาอีกคน
เธอมีผมยาวสลวยสีชมพูอ่อน หน้าตาสวยใช่ย่อย เธอสวมชุดสเว็ตเตอร์สีดำสนิทยาวจนถึงต้นขา สวมรองเท้าบู๊ทยาวสีดำ แต่ไม่สวมกางเกงหรือกะโปรง เผยให้เห็นต้นขาอันเนียนขาวของเธอ
แต่สิ่งที่ชั้นจับจ้องจนตาไม่กะพริบคือแขนเสื้อที่ยาวไปจนเกือบถึงข้อมือนั้น สิ่งที่โผล่ออกมาจากปลายแขนเสื้อไม่ใช่มือ แต่มันเป็นใบมีด!!
นั่นผี แล้วนี่อะไร มีมีดออกจากแขน!! มนุษย์ดัดแปลงหรอ!! ให้ตายสิอย่ามีอะไรแปลกๆเข้ามาเยอะๆได้ไหม!! คำถามมากมายเข้ามาในหัวจนแทบระเบิด แต่ที่แน่ๆมือที่เป็นมีดคู่นั้นน่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้ชั้นรอดมาได้
“มิซุเนะ โนโดกะ” หญิงสาวหันมามองหน้าชั้นแล้วพูดขึ้น นั่นมันชื่อของชั้นนี่!! เธอคนนี้รู้ชื่อชั้นได้ไง สาบานได้เลยว่าคนที่มีมือเป็นใบมีดอย่างเธอน่ะชั้นไม่เคยรู้จักมาก่อนแน่ๆ
“เธอมองเห็นมันด้วยหรือ” เธอพูดด้วยคำถามที่ไม่ชัดเจน “มัน” ที่เธอว่าคืออะไรล่ะ จริงๆชั้นต่างหากที่ต้องถามอะไรหลายๆอย่างที่มันเข้ามาในตอนนี้ทำให้ชั้นสับสนไปหมดแล้ว
แต่ก่อนที่ชั้นจะได้ถามอะไร เธอก็ตะโกนขึ้น
“หลบไป!!”
หลบอะไร?? ชั้นถามคำถามนั้นอยู่ในใจ ก่อนที่คำตอบมันจะพุ่งเข้าหาแบบไม่ทันตั้งตัว
ผีสาวตัวเดิมพุ่งเข้าใส่จนชั้นกระเด็นไปติดฝาผนัง ศีรษะกระแทกอย่างรุนแรง สติเริ่มเลอะเลือน
โอเค สรุปคือหลบผี
แล้วชั้นก็หมดสติไป...
----------------------------------------------------
เด็กสาวกระเด็นไปติดฝาผนังอย่างรุนแรง ศีรษะของเธอกระแทกผนังก่อนที่เธอจะสลบไป หญิงสาวในเสื้อสเว็ตเตอร์พร้อมกับมือที่เป็นใบมีดพุ่งเข้าใส่ผีสาวที่อยู่ตรงหน้า แต่มันได้หายไปต่อหน้าต่อตาเธอ
หญิงสาวมองไปรอบๆกายอย่างระแวดระวัง มือที่เป็นใบมีดของเธอพร้อมที่จะจู่โจมทุกเมื่อ
“จับได้แล้ว” เสียงกระซิบอันเยือกเย็นน่าขนลุกดังขึ้นข้างๆหูของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา ก่อนที่เส้นผมของผีสาวจะเริ่มรัดคอของเธอ
หญิงสาวเริ่มมีใบหน้าที่บูดเบี้ยวเมื่อหายใจไม่ออก
“หายใจไม่ออก...” หญิงสาวเปล่งเสียงออกจากลำคออย่างยากลำบาก
“ซะที่ไหน” ใบหน้าที่ดูทรมานแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอย่างผู้ชนะ ก่อนที่ใบมีดของหญิงสาวจะฟาดฟันเส้นผมที่รัดคอจนขาดวิ่นอีกครั้ง ผีสาวผงะถอยออกไปไกล แล้วหายไปอีกครั้ง
ก่อนที่มันจะปรากฏตัวอีกครั้งแล้วพุ่งเข้าใส่หญิงสาวด้วยความเร็วสูง
แต่ก็ไม่เร็วเท่าใบมีดที่ฟาดฟันเข้าที่กลางลำตัวของผีสาว
การจู่โจมอันเฉียบขาดทำให้ผีสาวกรีดร้อง แล้วสลายไปทันที
“ก็แค่วอนเดอร์เรอร์ที่กลายมาเป็นเวนเดททร้า” หญิงสาวพูดพร้อมสะบัดแขนทั้งสองข้าง ใบมีดถูกเก็บเข้าไปอยู่แขนเสื้อเผยให้เห็นว่าเธอมีมือเหมือนคนปกติทั่วไป
“คิดจะมาสู้กับชั้น มันยังเร็วไปร้อยปี” เธอพูดก่อนที่จะใช้นิ้วชี้สัมผัสบริเวณใบหู
“นี่มิสะพูด” เธอพูดชื่อของตัวเอง ทำท่าเหมือนกำลังติดต่อกับใครบางคน
“ทุกอย่างราบรื่นดี อ้อ แต่ชั้นเจออะไรดีๆบางอย่าง” หญิงสาวนามมิสะเดินไปหาเด็กสาวที่นอนแน่นิ่งไม่ไหวติง หน้าอกของเธอขยับเข้าออกแสดงให้เห็นว่าเธอยังคงมีลมหายใจ
“คนที่มีสัมผัสที่หกโดยธรรมชาติ คนประเภทนี้ไม่ใช่จะหาพบได้ง่ายๆ...”
----------------------------------------------------
Ghost Hunter Archives
Ghost Data #1 Wandererวอนเดอร์เรอร์ คือชื่อเรียกของวิญญาณประเภทเร่ร่อน ซึ่งเป็นวิญญาณประเภทเดียวที่ไม่ทำร้ายมนุษย์ แถมวิญญาณบางตัวก็เป็นมิตรกับมนุษย์ หรือคอยช่วยเหลือมนุษย์ แต่ทว่าบางครั้งหากไปทำให้วิญญาณจำพวกนี้ไม่พอใจ วิญญาณจำพวกนี้ก็จะมีสิทธิ์กลายเป็นพวกเวนเดททร้า (Vendetta) หรือวิญญาณอาฆาตที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ไปทันที