การจากลาอย่างเป็นทางการเกิดขึ้นเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น... เช้าวันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส แฟสงแดดยามเช้าที่อบอุ่น สายลมเบาๆชวนให้บรรยากาศน่าหยิบหนังสือสักเล่มมาขึ้นอ่าน แต่ไม่ใช่สำหรับเด็กหนุ่ม 2 คนที่กำลังขะมักเขม้นกับการตรวจสอบสัมภาระ
"แผนที่... โปเกเด็กซ์... เข็มทิศ... เอ... เหมือนจะขาดอะไรไปนะ แต่นึกไม่ออก" เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนพยายามนึก
"อย่าลืมของกินนะลูก แม่เตรียมไว้ให้แล้ว อยู่บนโต๊ะอาหาร" เสียงใสๆจากคุณแม่ดังจากหน้าบ้าน ซึ่งเธอกำลังสะบัดผ้าและนำมันไปตากบนราวตากผ้า
"ฮ้า !! ลืมของกินไปได้ไงเนี่ย มีหวังอดตายในป่ากันพอดี" เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนรีบคว้ากระเป๋าสะพายแล้วรีบออกจากห้องของตน แต่ก็ไม่ลืมที่จะปลุกสุนัขจิ้งจอกจอมขี้เซา Fennekin ที่กำลังนอนขดตัวอย่างสบายบนเตียงนอน
บนโต๊ะอาหาร ณ ตอนนี้เต็มไปด้วยอาหารที่เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนโปรดปราน เขาถึงกับตาลุกวาวพลางอดคิดในใจไม่ได้ว่า"จะกินยังไงหมด" แต่สุดท้ายเขาก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้สีน้ำตาลเหลือง
"กินไปก่อนเลยนะลูก ถ้ากินไม่หมด มีปิ่นโตอยู่ในครัว จะตักไปเท่าไหร่ก็ได้" เสียงคุณแม่ดังขึ้นอีกครั้ง
การรับประทานอาหารของเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนกับสุนัขจิ้งจอก Fennekin สิ้นสุดลง เด็กหนุ่มลุกจากเก้าอี้แล้วคว้ากระเป๋าสะพายทันทีโดยที่ไม่คิดที่จะนำปิ่นโตติดไปด้วย เขาออกไปโอบกอดผู้มีพระคุณจากด้านหลัง... ผู้มีพระคุณสะดุ้งเล็กน้อย เธอยิ้มปริ่ม... ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการฝืนที่แย่ที่สุดเท่าที่เธอเคยทำก็ตาม เธอเอ่ยปากอวยพรให้เจ้าลูกชายโชคดีในการเดินทางพลางลูบหัว Fennekin อย่างเอ็นดู เจ้าลูกชายโค้งเคารพแม่เป็นครั้งสุดท้ายแล้วรีบออกตัววิ่งไปยังบ้านอีกหลังหนึ่งซึ่งมีคนกำลังรอเขาอยู่
เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนกับเด็กหนุ่มผมสีขาวต่างยิ้มร่า อาจเป็นเพราะความใฝ่ฝันได้เป็นจริงเสียที Growlithe ก็ดูท่าทางจะคึกคักเป็นพิเศษจนลืมไปเลยว่าบนหลังของมันมี Fennekin กำลังยืนรับลมยามเช้าอย่างสง่า เขาทั้ง 2 คน(และอีก 2 ตัว) เดินผ่านป่าเล็กๆที่ตนเคยเผอิญจ๊ะเอ๋กับ Seviper ไปเมื่อวาน แต่วันนี้ไม่มีวี่แววของเจ้าอสรพิษตัวดังกล่าว สงสัยจะเข็ดกับการโดนรุม(?)
"ข้างหน้าก็จะถึงเมืองบริสซีลเลียแล้ว รอบนี้รู้สึกว่าใกล้มากเลยว่ามั้ยมาซาดะ ?" ทากะถามด้วยอารมณ์ขบขันพลางหัวเราะในลำคอ
"ก็แหงล่ะ ไม่ต้องเจอเจ้างูกระจอกมาขวางทางให้เสียเวลา" มาซาดะตอบทั้งๆที่ความเป็นจริงแล้วเขาเป็นฝ่ายโดนเล่นงานซะเละเลยไม่ใช่หรือไง ?
"โปเกบอลที่ ดร.นัทสึ ให้มาคนละ 5 ลูก นายคิดไว้หรือยังว่าจะจับโปเกม่อนตัวไหน ?" ทากะหยิบโปเกบอลขึ้นมามองพลางถามมาซาดะ
"ชั้นไม่ได้คิดไว้หรอก ถ้าให้ชั้นเดา นายจะจับโปเกม่อนธาตุใดธาตุหนึ่งที่ชนะธาตุหินใช่ไหมล่ะ ?" ทากะได้ยินคำตอบถึงกับยิ้มแหยๆเพราะโดนเจ้าคนพี่รู้ทัน
"มันจะซักเท่าไหร่กันเชียว แค่ Growlithe ตัวเดียว ชั้นสามารถโค่นหัวหน้ายิมยาลามาลได้สบายๆ" มาซาดะอวดเก่งตามนิสัยของคนไม่รู้จักยอมแพ้
==========
ทั้งคู่เดินมาถึงเมืองบริสซีลเลีย ไม่มีอะไรแปลกหรือแตกต่างจากตอนแรกที่เขามาเยือนเท่าไหร่ แต่ที่น่าสังเกตุคือตอนนี้มีเด็ก 4 คนกำลังขับกลุ่มพูดคุยกัน เป็นเด็กผู้ชาย 2 คน ทั้งสองคนเป็นฝาแฝดกัน เด็กชายฝาแฝดมีสีผมสีน้ำตาลเข้มผมยุ่งเหยิงพอๆกัน อยู่ในชุดชาวไร่เหมือนกัน ส่วนเด็กอีก 2 คนเป็นเด็กผู้หญิง เด็กผู้หญิงคนแรกมีสีมผมสีน้ำเงิน ผมยาวปิดต้นคอและมัดรวบเป็นหางม้า อยู่ในชุดชาวไร่ แต่เด็กผู้หญิงอีกคนนึงมีสีผมสีชมพู ทำผมทวินเทล อยู่ในชุดเดรสสีขาว ขอบชุดลายดอกสีแดง เด็กทั้ง 4 กำลังพูดคุยอะไรบางอย่าง ซึ่งเด็กหญิงทวินเทลในชุดที่ดูดีกว่าเด็กทั้ง 3 กำลังเล่าอะไรบางอย่างให้เด็กๆทั้ง 3 ฟัง
"ฮ่าๆๆ" เสียงหัวเราะชอบใจจากเด็กชายฝาแฝดทั้งสอง
"ใครจะไปเชื่อเรื่องพรรค์นี้ได้" เด็กผู้หญิงในชุดชาวไร่อีกคนเสริม
"บางทีการเล่าให้พวกเธอฟัง ชั้นก็รู้สึกรำคาญ ชั้นคิดอยู่แล้วว่าพวกเธอไม่มีใครช่วยชั้นได้ !!" เด็กหญิงผมทวินเทลอารมณ์ไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด
"อึ๋ย !! สยองเป็นบ้าเลย ฮ่าๆๆๆ" เด็กชายฝาแฝดคนหนึ่งทำท่าทางขนลุก แต่ความเป็นจริงยิ้มเยาะอย่างสบายใจ สีหน้าของเด็กหญิงผมทวินเทลบูดบึ้ง เธอกำหมัดแน่น
ทากะกับมาซาดะมองดูเหตุการณ์อยู่ครู่หนึ่ง "ชั้นว่าพวกเขามีปัญหา" ทากะเอ่ยขึ้น แต่ดูท่าทางของมาซาดะกลับไม่สนใจเด็กพวกนั้นเลย แต่ทากะไม่ได้ทักท้วงอะไร เขาทำหน้าที่พระเอกเดินไปยังกลุ่มเด็กๆพวกนั้น มาซาดะห้ามไม่ทันได้แต่หลุบตาลงแล้วถอนหายใจ
"มีอะไรกันหรือเปล่า เล่าให้ฟังได้ไหม ?" ทากะสงสัย
"เล่าไปพี่ก็ไม่เชื่อหรอก ยิ่งเป็นคนแปลกหน้าด้วยยิ่งช่วยอะไรไม่ได้" เด็กหญิงผมทวินเทลจ้องค้อนมาที่ทาะ
"อย่าไปฟังเลยครับ ก็แค่คนกลัวผี โลกนี้มีผีซะที่ไหน" เด็กชายฝาแฝดคนหนึ่งแลบลิ้นใส่เด็กหญิงผมทวินเทล
"หุบปากนะ ดันมะ !!!" เด็กหญิงผมทวินเทลฟิวส์ขาด
"เดี๋ยวนะ... ผีหรอ ?" ทากะขมวดคิ้ว
เด็กหญิงผมทวินเทลตัดสินใจเล่าเรื่องให้ทากะฟัง เด็กหญิงผมทวินเทลชื่อ มิรุนะ ส่วนฝาแฝดคนนึงชื่อ ดันมะ อีกคนชื่อ โอบิส่วนเด็กผู้หญิงในชุดชาวไร่อีกคนชื่อ ซึนาเดะ... มิรุนะ บอกกับทากะว่าเขาคือหลานสาวของป้าเจ้าของร้านโปเกช็อป แต่ป้าเจ้าของร้านกลับหายตัวไปตั้งแต่เมื่อคืน เธอบอกว่าเธอลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำตอนกลางคืน เธอจำไม่ได้ว่าตอินนั้นเวลากี่โมงกี่ยาม แต่เธอได้ยินเสียงการท่องอะไรบางอย่าง อาจจะเป็นคาถา เธอกลัวจนร่างกายไม่สามารถขยับได้ตามใจนึก แต่เธอสามารถจดจำคาถานั่นได้ เมื่อสิ้นคำกล่าวคาถาปริศนา เธอได้ยินเสียงน้ำในห้องน้ำถูกเปิดไว้ เธอรีบวิ่งไปที่ห้องน้ำแล้วพบว่าภายในห้องน้ำมีรองเท้าของป้าเจ้าของร้านอยู่ 1 ข้าง แต่ไม่พบร่างของป้าเจ้าของร้าน เธอสันนิษฐานว่าเป็นฝีมือของผีแน่ๆ
ไขกุญแจตอนรุ้งกินน้ำ
ถ้าพระจันทร์หายเป็นครั้งที่ 3 ก็ไม่ต้องเป็นห่วง
ไม่ต้องห่วงน้ำตกจะช่วยเรา
เพื่อนทั้ง 7 กำลังหลับอยู่ ตอนนี้ได้เวลาปลุกแล้วทากะได้ฟังสิ่งที่มิรุนะอบกว่ามันคือ"คาถา"ก็รู้สึกงุนงง หรือมันอาจจะเป็นคำบอกใบ้ แล้วคน(ผี)ทำจะทำไปเพื่ออะไรกัน ? ทากะครุ่นคิด แต่ความคิดก็ถูกตีเสียจนกระจัดกระจายเพราะมาซาดะเข้ามาตบไหล่ทากะจนทากะสะดุ้งโหยง
"ไปตามหาผีด้วยกันไหม ?" เป็นคำพูดที่ไม่คิดว่าจะออกมาจากปากของมาซาดะ มิรุนะได้ฟังถึงกับตาลุกวาว
"จริงๆนะคะ พี่ๆจะไปช่วยคุณป้าใช่ไหมคะ ?" มิรุนะยิ้มดีใจ น้ำใสๆเปื้อนแก้มสีชมพูของเธอ
"ในเมื่อนายเป็นคนทำให้พวกเรามาเจอปัญหาพวกนี้ นายจะต้องไปกับชั้นอย่างเลี่ยงไม่ได้" มาซาดะจ้องทากะเขม็ง แน่นอนว่าทากะไม่ปฏิเสธ
"อะไรกัน คนแปลกหน้ากลับเชื่อเรื่องนี้ซะงั้น ถ้ามิรุนะโกหกขึ้นมาอย่ามาหาว่าพวกเราไม่เตือนนะ" ซึนาเดะกอดอก สีหน้าของเขายังคงไม่เชื่อมิรุนะ
"เอางี้ เพื่อความสบายใจของมิรุนะ ชั้นกับมาซาดะจะช่วยมิรุนะเอง เธอ 3 คนยังเด็ก ไปกับพวกเราอาจเกิดอันตรายได้" ทากะแจกแจง พี่น้องชาวไร่ทั้ง 3 รวมหัวกันประชุมว่าจะเอาอย่างไร
"คนแปลกหน้าใช่ว่าฝีมือจะน่าเชื่อถือ มิรุนะเป็นเพื่อนของเราตั้งแต่ยังจำความได้(จะว่าง่ายๆคือพวกนี้ก็เพิ่งจำความได้ไม่นานนักหรอก) พวกเราจะช่วย ดันมะมี Zubat โอบิมี Diglett ส่วนหนูมี Mudkip และมิรุนะก็มี Slakoth" ซึนาเดะแจกแจงบ้าง ทั้ง 3 โยนโปเกบอลเพื่อเรียกสมาชิกที่เอ่ยชื่อข้างต้น
==========
Zubat โปเกม่อนค้างคาวสีน้ำเงิน มีขาลีบยาว Zubat เป็นโปเกม่อนตาบอดแต่สามารถเคลื่อนที่ได้โดยการจับสัมผัสสะท้อน(Echolocation) Zubat สามารถปล่อยคลื่นเสียงทำให้ศัตรูมึนงงได้ Zubat ชอบอยู่ในที่มืดและออกหากินยามค่ำคืน
==========
Diglett โปเกม่อนขนาดเล็ก ร่างกายฝังอยู่ในดินมีเพียงศรีษะโผล่ขึ้นมาเท่านั้น ยังคงเป็นปริศนาจนถึงทุกวันนี้ว่ารูปร่างของมันเป็นอย่างไร Diglett มีความสามารถในการขุดดินอย่างรวดเร็ว ผิวหนังของมันบอบบางมาก หากโดนแสงแดดเพียงน้อยนิดจะทำให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น จึงเป็นสาเหตุที่มันโผล่มาแค่ศีรษะ Diglett ชอบอยู่ในถ้ำและขุดโพรงอาศัยด้วยกันเป็นจำนวนมาก
==========
Mudkip โปเกม่อนครึ่งบกครึ่งน้ำ ครีบบนศีรษะสามารถตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและกระแสน้ำ นอกจากนั้นหางขนาดใหญ่ของมันช่วยให้มันว่ายน้ำได้อย่างรวดเร็ว Mudkip เป็นโปเกม่อนที่เชื่องมากและชอบอาศัยแถวหนองน้ำ
==========
Slakoth เป็นโปเกม่อนที่มีรูปร่างคล้ายกับตัวสล็อธ มีนิสัยขี้เกียจ วันนึงมันจะใช้เวลานอนถึง 20 ชั่วโมงต่อวัน และตื่นขึ้นมากินใบไม้เพียงแค่ 3 ใบเท่านั้น ภายใน 1 นาที หัวใจของ Slakoth จะเต้นเพียง 1 ครั้งเท่านั้น ถึงแม้ Slakoth จะมีท่าทีเฉื่อยชา แต่มันก็มีกรงเล็บที่แหลมคมากไว้ป้องกันตัว
==========