----------------------------------------------------
เหล่าเวนเดททร้ายังคงปรากฏตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ยอดเจ้าหน้าที่ทั้งสี่ยังคงยืนอยู่ท่ามกลางการห้อมล้อมของเหล่าวิญญาณกระหายเลือด เกลและเรียวมีสีหน้าหวาดกลัวเล็กน้อยกับจำนวนของเวนเดททร้าที่เริ่มมากขึ้นทุกที ในขณะที่มิสะและมิคาโดะต่างมีสีหน้ากระหายอยากจะส่งเหล่าเวนเดททร้าเหล่านั้นกลับคืนสู่ที่ที่มันเคยอยู่เต็มทน
ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ไม่มีใครเป็นฝ่ายโจมตีก่อน ซึ่งคาดว่าเวนเดททร้าตัวใดซักตัวคงเข้ามาจู่โจมก่อนเหมือนครั้งที่แล้วแน่ๆ
แต่ดูเหมือนจะคาดการณ์ผิด...
เพราะมิคาโดะจัดการซัดกระสุนใส่เวนเดททร้าตัวที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที ทำให้มหกรรมหมาหมู่ของเวนเดททร้าเริ่มอุบัติขึ้น...
เวนเดททร้าหลายสิบตัวกรูกันเข้าโจมตีใส่เจ้าหน้าที่ทั้งสี่ในครั้งเดียว ประมาณหนึ่งในสี่ถูกมิสะจัดการใช้คมมีดของบลัดดี้แมรี่ตัดผ่านพวกมันจนร่างขาดกระจุย มิคาโดะใช้ทักษะที่ตัวเองมีอยู่จัดการใช้ปืนยิงเวนเดททร้าที่อยู่ตรงหน้าเรียงตัว ทำให้เวนเดททร้าเหล่านั้นต่างร่วงลงจากอากาศมาตกอยู่บริเวณข้างตัวของมิคาโดะแล้วสลายไป ทางด้านเกลที่เพียงแค่ยกดาบซามูไรขึ้นมา เวนเดททร้าที่พุ่งเข้ามาก็ต่างถูกตัดขาดสองท่อนอย่างง่ายดาย ส่วนเรียวก็จัดการซัดลูกซองจนร่างพวกมันแตกกระจุยเช่นกัน
สถานการณ์ตอนนี้ดูเหล่านักล่าผีจะได้เปรียบอยู่ แม้ว่าทางฝั่งของวิญญาณร้ายจะมีเยอะกว่า แต่ถึงกระนั่นพวกเวนเดททร้าก็ไม่ยอมแพ้ด้วยจำนวนที่เยอะกว่า พุ่งเข้าโจมตีอีกครั้ง
และคราวนี้ก็เพิ่มจำนวนที่เข้ามาโจมตีมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
การใช้จำนวนที่มากกว่าของพวกเวนเดททร้าเริ่มได้ผลขึ้นมาบ้าง เพราะทางเรียวที่ใช้ปืนลูกซองซึ่งมีอัตรายิงที่ช้า ทำให้ไม่สามารถจัดการเวนเดททร้าหมดได้ในการจู่โจมครั้งนี้ เรียวจึงยิงใส่พวกเวนเดททร้าเท่าที่จะทำได้ แล้วกลิ้งหลบไปอีกทางก่อนที่จะขึ้นลำกล้องเพื่อพร้อมจะยิงอีกครั้ง ไม่ต่างอะไรกับเกลที่ไม่มีแรงมากพอจะใช้ดาบซามูไรตัดผ่านพวกมันในปริมาณมากขนาดนั้นได้ จึงถอยหลบมาตั้งหลักก่อน
แต่ดูเหมือนจะมีเพียงมิสะและมิคาโดะที่ไม่มีปัญหาอะไร ยังคงจัดการเหล่าเวนเดททร้าที่บังอาจเฉียดเข้ามาใกล้ตัวอย่างเฉียบขาด ดูเหมือนจำนวนจะไม่มีผลต่อเขาและเธอสองคนนี้เลยแม้แต่น้อย
เมื่อทางด้านเกลและเรียวสามารถเอาตัวรอดได้สำเร็จแล้ว เหล่าเวนเดททร้ากำลังเตรียมตัวจะบุกเข้ามาเป็นครั้งที่สาม เจ้าหน้าที่ทั้งสี่ได้เตรียมพร้อมรับศึกหนักอีกครั้ง
แต่เหล่าเวนเดททร้าพวกนั้นต่างนิ่งสนิทไปเฉยๆ...
เจ้าหน้าที่ทั้งสี่ยังคงจับจ้องกับเหล่าเวนเดททร้าแม้มันจะนิ่งสนิทไปแล้ว เพราะจากประสบการณ์ของพวกเขาเชื่อว่าพวกมันจะต้องมีแผนอะไรบางอย่าง เมื่อพวกมันนิ่งอยู่ได้สักพัก มันก็เริ่มขยับ แต่มันไม่ได้ขยับเข้ามาจู่โจมเหมือนสองครั้งที่แล้ว แต่ลอยขยับไปด้านข้างทำให้เกิดช่องว่างระหว่างตรงกลางของพวกมัน
พร้อมกับการปรากฏตัวของวิญญาณตรงช่องว่างตรงนั้น ซึ่งเป็นวิญญาณดูแตกต่างจากเวนเดททร้าตัวอื่นๆโดยสิ้นเชิง...
เป็นหญิงสาวผมยาวสีดำ ผมของเธอยาวมาก ยาวจนเกือบถึงพื้นในขณะที่ร่างของเธอลอยอยู่ประมาณชั้นที่สองของอาคารร้าง เธอสวมชุดนักเรียนของโรงเรียนไหนซักแห่ง ซึ่งชุดดังกล่าวสกปรกมอซอและขาดเป็นบางส่วน ใบหน้าที่ก้มอยู่ในตอนแรกเงยขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าของเธอ
ซึ่งเธอจะสวยและน่ารักมาก ถ้าเธอมีดวงตา...
ดวงตาที่หายไปของเธอถูกแทนที่ด้วยเลือดที่ไหลอาบแก้มดูน่าสยดสยองยิ่งนัก ริมฝีปากของเธอฉีกยิ้มจนแทบจะเรียกได้ว่ายิ้มของเธอ “ฉีก” ริมฝีปากของเธอจริงๆ เวนเดททร้าที่หลีกทางให้แก่วิญญาณสาวเริ่มเคลื่อนตัวเข้าที่เดิม บดบังเธอจนแทบจะมองไม่เห็น นอกจากเส้นผมที่ยาวแทบลากพื้นของเธอ
ทันใดนั้นเหล่าเวนเดททร้าเริ่มร่างกายบิดเบี้ยวมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ จนร่างของเวนเดททร้าเหล่านั้นดูไม่สมประกอบ เวนเดททร้าแต่ละตัวเริ่มหลอมรวมร่างด้วยกัน จนพวกมันมีลักษณะคล้ายกับม่านพลังงาน ที่เต็มไปด้วยแขน ขา และใบหน้าอันบูดเบี้ยวของพวกมันปรากฏออกมาจากม่านพลังงานนั้นเป็นจุดๆ
หลังจากนั้นม่านพลังงานดังกล่าวก็เริ่มเข้าคลุมร่างของวิญญาณหญิงสาวจนมิด...
“ใช้พวกเดียวกันเป็นเกราะป้องกันงั้นรึ...” มิสะพึมพำ
“นังผีนั่นต้องเป็นตัวการของเรื่องทั้งหมดแน่ๆ” มิคาโดะกล่าว
ไม่มีใครตอบอะไร เพราะเวนเดททร้าสาวเริ่มจะจู่โจมเจ้าหน้าที่ทั้งสี่ก่อน เส้นผมอันยาวเกือบถึงพื้นของเธอสะบัดเข้าไปบริเวณใบหน้าของมิคาโดะ มิคาโดะหลบได้อย่างฉิวเฉียด แต่ก็ฝากรอยแผลไว้ที่แก้มของเขาเป็นทางยาวจนเลือดไหลออกมา
“บ้าชิบ!! เส้นผมของนังผีนั่นคมยังกับมีดโกนแน่ะ!!” มิคาโดะพูดพลางใช้มือของตัวเองเช็ดเลือดที่ไหลจากแก้ม
“ทุกคน!! ระวังการโจมตีด้วยเส้นผมของเธอด้วย” เมื่อมิสะเห็นความอันตรายของการโจมตีจากเส้นผมผีสาว เธอก็ตะโกนเตือนเจ้าหน้าที่คนอื่นทันที เรียวและเกลพยักหน้ารับทราบ ส่วนมิคาโดะส่ายหน้าประมาณว่า “ทำไมคนที่โดนก่อนต้องเป็นชั้น?”
เรียวใช้ปืนลูกซองยิงไปที่ม่านป้องกันของเวนเดททร้าสาว แต่ทว่ากระสุนที่พุ่งออกไปกระทบม่านพลังงานดังกล่าวดูเหมือนจะไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง เพราะนอกจากม่านพลังงานดังกล่าวยังไม่แสดงอาการสะทกสะท้านต่อกระสุนแล้ว มันยังสะท้อนกระสุนออกมาอีกต่างหาก แต่โชคดีที่มันไม่ได้สะท้อนไปโดนใคร
“บ้าเอ้ย...” เรียวสบถ เมื่อเห็นว่าการโจมตีของเขาไร้ผล เกลเห็นดังนั้นก็พุ่งเข้าไปหาม่านป้องกันนั้นแล้วใช้ดาบซามูไรฟันใส่ม่านป้องกัน ปรากฏว่ากลายเป็นตัวเขาเองที่กระเด็นออกมา
“ไม่ได้เรื่องเลยซักคน!!” มิคาโดะตะโกนเมื่อเห็นทั้งเรียวและเกลเสียท่าให้กับเวนเดททร้าสาว แล้วจัดการใช้ปืนพกของตัวเองยิงใส่ม่านป้องกันนั้นจนหมดแม็กกาซีน
ปรากฏว่ากระสุนทั้งหมดโดนม่านป้องกันแล้วสะท้อนไปทางนักล่าผีทั้งสี่คน จนพวกเขาต้องกระโดดหลบกระสุนไปคนละทิศคนละทาง โชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไร มิสะหันไปมองค้อนใส่มิคาโดะที่ยิ้มเจื่อนๆกับผลงานของตัวเองที่เกือบทำให้คนในหน่วยของตัวเองซวย
“ตาแก่เชนหายไปไหน ไม่ได้ยิงสนับสนุนมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว กระสุนปืนไรเฟิลน่าจะเจาะม่านป้องกันพวกนั้นได้” มิคาโดะพูดถึงฮีโร่ที่ช่วยจัดการเหล่าเวนเดททร้าในตอนแรก ซึ่งตั้งแต่ที่ถูกเวนเดททร้าชุดใหญ่เข้าจู่โจม ก็ไม่เห็นกระสุนจากเขาอีกเลย
“เชนน่าจะอยู่นอกอาณาเขต... ดูเหมือนมิติของวิญญาณจะมีอาณาเขตแค่เฉพาะบริเวณอาคารเท่านั้น” มิสะกล่าว
ระหว่างที่สนทนากันอยู่ เวนเดททร้าสาวจัดการจู่โจมด้วยเส้นผมมรณะอีกครั้ง เธอตวัดกวาดเส้นผมขนานไปตามพื้น จ้องที่จะตัดขาของเหล่านักล่าผี แต่ทุกคนต่างกระโดดหลบได้ ทุกคนได้แต่หลบเท่านั้น ไม่มีใครโจมตีกลับ เพราะรู้ดีว่ามันไร้ผล แต่มิสะเองที่ยังไม่ได้โจมตีนั้นพยายามที่จะเชื่อมันในพลังของมีดสั้นบลัดดี้แมรี่อาวุธประจำตัวของเธอ แล้วพุ่งเข้าไปใช้มีดสั้นจู่โจมม่านพลังงาน
ปรากฏว่าพลังของบลัดดี้แมรี่เหนือกว่าม่านพลังงานดังกล่าว มันสามารถตัดผ่านม่านพลังงานได้ แต่มิสะก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่านั้น เพราะต่อให้ทำลายม่านพลังงานไปเท่าไหร่ มันก็ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ ทำให้มิสะถูกม่านพลังงานดังกล่าวกระแทกจนกระเด็นออกมาจนได้
มิสะรู้สึกเจ็บใจที่แม้อาวุธของเธอจะทำลายม่านพลังงานได้ แต่มันกลับไม่ได้ช่วยอะไรเลย
“แบบนี้พวกเราสู้ไม่ไหวแน่” เรียวพูดขึ้น
“ใช่... เรียกหน่วยชาร์ลีมาช่วยเหลือดีกว่า” เกลเสริม
มิสะได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า พลางคิดว่ากว่าจะหน่วยชาร์ลีจะเดินทางมาถึงคงใช้เวลาอีกซักพักใหญ่ ระหว่างนั้นเธอและคนอื่นก็ไม่รู้ว่าจะต้านพลังอันร้ายกาจของเวนเดททร้าสาวตัวนี้ได้มากแค่ไหน มิสะเริ่มรู้สึกว่าภารกิจครั้งนี้มันเหนือความคาดหมายของเธอมาก จากภารกิจที่ดูเหมือนไม่มีอะไรกลายเป็นศึกหนักกับวิญญาณที่มีพลังอำนาจมากขนาดนี้
ตูม!!!
เสียงระเบิดปริศนาดังขึ้นขณะที่มิสะกำลังจะติดต่อศูนย์บัญชาการเพื่อเรียกช่วยชาร์ลี ระเบิดนั้นพุ่งเข้าไปที่ม่านพลังงานของเวนเดททร้าสาวโดยตรงจนม่านพลังงานหายไปเป็นช่องโหว่ขนาดใหญ่ ในขณะที่ม่านพลังงานกำลังจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่ กระสุนปืนชุดใหญ่ได้กระหน่ำยิงเข้าที่ช่องโหว่ของม่านพลังงาน ทำให้เวนเดททร้าสาวโดนกระสุนเข้าไปเต็มๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอหมดฤทธิ์ไปซะทีเดียว เธอยังคงลอยอยู่กลางอากาศได้ ก่อนที่ม่านพลังงานจะปกคลุมตัวเธอเหมือนเดิม
เมื่อมิสะหันไปมอง ก็พบกับชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ดูน่าเกรงขาม เขามีกล้ามเป็นมัดๆ ผมที่ถูกจัดจนชี้ขึ้นท้องฟ้ามีสีแดงอ่อนๆ ตาที่ขวางดูเหมือนนักเลงยิ่งทำให้เขาดูน่าเกรงขามยิ่งกว่าเก่า
ในมือของเขาเป็นเครื่องยิงระเบิดที่ดูมีน้ำหนักมาก แต่เขากลับถือด้วยมือเพียงข้างเดียว เครื่องยิงระเบิดเหมือนมีรังสีสีเขียวๆคลุมอยู่ ก่อนที่เครื่องยิงลูกระเบิดจะกลายเป็นลูกบอลลูกกลมๆสีดำสนิทเท่าฝ่ามือของเขา
สำหรับระเบิดปริศนาดังกล่าวก็คงมาจากเขาคนนี้ แต่สำหรับกระสุนปืนชุดใหญ่ที่พุ่งทะลวงเข้าเจาะร่างของเวนเดททร้าหญิงสาวได้ออกมาจากปากกระบอกปืนกลเบาขนาดเล็กสองกระบอก ซึ่งอยู่ในมือของหญิงสาวผู้หนึ่ง เธอสวมชุดที่ดูวัสดุที่ใช้นั้นน่าจะทำจากโลหะสีดำ ปกคลุมจากประมาณต้นคอจนถึงเอว ส่วนช่วงล่างเป็นกระโปรงสั้นที่ดูเหมือนทำจากโลหะสีเดียวกัน รวมทั้งรองเท้าที่ดูเหมือนเกราะส่วนขาสีดำยาวจนถึงต้นขา แววตาของเธอมีสีเขียวดูว่างเปล่า รวมทั้งใบหน้าของเธอไร้อารมณ์โดยสิ้นเชิง ผมของเธอออกสีม่วงน้ำเงินซึ่งดูเผินๆเหมือนทรงผมทวินเทล แต่พอมองดูดีแล้วๆ “ทวินเทล” คู่นั้นกลับเป็นใบมีดคมกริบขนาดใหญ่
ทั้งสองคนยืนอยู่เบื้องหน้าเจ้าหน้าที่ชายสองหญิงสองทั้งหมดสี่คน ซึ่งสวมชุดรัดรุมคลุมตั้งแต่ต้นคอลงมาเหมือนกันทั้งหมดพร้อมอาวุธครบมือ
ลูกบอลในมือของชายร่างยักษ์มีเสียงผู้ชายดังขึ้นมาว่า “ราธ” ก่อนที่ลูกบอลจะเปลี่ยนสภาพกลายเป็นปืนยิงลูกจรวดขนาดใหญ่ มีรังสีสีแดงล้อมรอบปืนกระบอกนั้น ชายร่างยักษ์ใช้มือเพียงข้างเดียวยกปืนยิงจรวดขึ้นแล้วยิงไปที่ม่านพลังงานของเวนเดททร้าสาว เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว พร้อมทั้งม่านพลังงานที่กลายเป็นช่องโหว่ขนาดใหญ่กว่าเดิม เปิดโอกาสให้หญิงสาวในชุดโลหะสีดำ และเจ้าหน้าที่ทั้งสี่คนจัดการกระหน่ำยิงเวนเดททร้าสาวที่ไร้การป้องกัน แต่คราวนี้เธอลอยตัวหลบกระสุนดังกล่าว เพื่อที่จะรอให้ม่านพลังงานของตนถูกสร้างขึ้นมาใหม่
มิคาโดะ เรียวและเกลเห็นว่าเวนเดททร้าสาวไม่มีเกราะคุ้มกัน ก็จัดการใช้ปืนที่ตัวเองถืออยู่ช่วยยิงเสริมด้วยอีกแรง เวนเดททร้าสาวลอยตัวหลบได้อย่างคล่องแคล่ว แต่ด้วยปืนหลายกระบอกที่ต่างส่งกระสุนพุ่งตรงไปยังร่างของเวนเดททร้าสาว ทำให้มีกระสุนบางส่วนหลุดไปโดนบ้างเล็กน้อย แต่ก็ทำให้เธอถึงกับหยุดชะงักเป็นระยะ
เมื่อมิสะเห็นดังนั้น เธอรู้ดีว่าควรทำอย่างไร สัญชาติญาณนักล่าผีอย่างเธอไม่ต้องรอให้มีใครมาบอก เธอจับจังหวะที่เวนเดททร้าสาวหยุดชะงักจากกระสุน แล้วพุ่งเข้าไปหาทันที ม่านพลังงานยังคงเหลือช่องโหว่มากพอให้เธอพุ่งเข้าไปได้ เธอพุ่งเข้าไปแล้วใช้มีดสั้นทั้งสองข้างตัดผ่านร่างของเวนเดททร้าหญิงสาว แน่นอนว่าคมมีดที่ตัดผ่านวิญญาณมานักต่อนักก็ยังคงใช้ได้ผลเสมอ
มีดสั้นทางซ้ายตัดผ่านลำตัว ส่วนมีดสั้นทางขวาตัดผ่านบริเวณลำคอ เป็นการจู่โจมที่ต่อเนื่องและเฉียบขาดไร้ที่ติ มิสะตีลังกากลางอากาศยืนบนพื้น ส่วนเวนเดททร้าสาวเริ่มมีร่องรอยการตัดขาดปรากฏขึ้นบริเวณลำคอและลำตัว
ม่านพลังงานของเธอสลายหายไปทันทีทันใด พร้อมทั้งตัวเธอที่ศีรษะของเธอตกลงมาก่อน ตามด้วยลำตัวช่วงบน และลำตัวช่วงล่าง
เมื่ออวัยวะทุกส่วนตกลงมาสู่พื้นดินจนครบหมดทุกส่วน ร่างนั้นก็สลายไปทันที...
บรรยากาศโดยรอบเริ่มกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง ทุกคนต่างถอนหายใจอย่างโล่งอก ดูเหมือนทุกคนจะกลับเข้ามาสู่มิติปกติแล้ว
“ฮ่ะฮ่า ยอมเยี่ยม ยอดเยี่ยม” ชายร่างยักษ์พูดเสียงดังลั่น
“ไอ้เจ้าเซเว่นอะไรนี่มันเจ๋งชะมัด เจ้าเพี้ยนนั่นชอบสร้างอะไรเจ๋งๆออกมาอยู่เรื่อย” ชายร่างยักษ์พูดพลางโยนลูกบอลสีดำสนิทในมือไปมา ซึ่งเขาเรียกมันว่า “เซเว่น” หรือก็คืออาวุธทรงลูกบอลที่เปลี่ยนแปลงเป็นเครื่องยิงระเบิด และเครื่องยิงจรวดในระหว่างที่ต่อสู้นั่นเอง
“โนบุฮิเดะ แกนี่ยังน่าหนวกหูเหมือนเดิมเลยนะ” มิคาโดะพูดขึ้น
“ไม่คิดจะขอบคุณสักคำเลยเรอะ” ชายร่างยักษ์หรือโนบุฮิเดะพูดเสียงดังลั่นเหมือนเดิม มิคาโดะไม่พูดอะไรต่อ แล้วหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบอย่างกระหาย
“ใครเป็นคนเรียกหน่วยชาร์ลีมา ชั้นยังไม่ได้ติดต่อไปเลย” มิสะถาม
“อ้อ... ตาลุงเชนไงล่ะ ลุงแกติดต่อมาบอกว่าพวกเธอหลุดเข้าไปในมิติวิญญาณ เห็นท่าจะไม่ดี เลยเรียกให้พวกชั้นมาช่วย” โนบุฮิเดะตอบ
มิสะพยักหน้า พลางมองไปที่หญิงสาวในชุดโลหะสีดำที่ยืนนิ่งไร้อารมณ์อยู่เฉยๆ
“ไหนว่าเซต้ายังชาร์จพลังงานไม่เสร็จ ให้เธอออกมาทำไม” มิสะถามต่อ
“อ้อ เธอถูกเปลี่ยนแหล่งพลังงานใหม่ เจ้าเพี้ยนนั่นเป็นคนเปลี่ยนให้ เลยไม่ต้องชาร์จแล้ว แถมยังใช้งานได้นานขึ้นด้วยนะ เจ้านั่นบอกมาน่ะนะ” โนบุฮิเดะตอบข้อสงสัยให้มิสะอีกครั้ง
ในขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยชาร์ลีในชุดรัดรูปทั้งสี่คนเริ่มทยอยเดินกลับ มิสะ และรวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่อยู่บริเวณนั้นทั้งหมดได้รับการติดต่อจากใครบางคน
“ทุกคนคะ นี่โซระเองนะ” เสียงใสๆดังขึ้นภายในวิทยุสื่อสาร
“โซระลองสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมมาแล้ว พบว่าอาคารร้างนั่นเคยเกิดเหตุฆาตกรรมขึ้นเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน วัยรุ่นประมาณสองสามคนล่อลวงหญิงสาวนักเรียนคนนึงมาเพื่อที่จะทำมิดีมิร้ายกับเธอ เพราะเธอต่อสู้เลยถูกวัยรุ่นคนนึงใช้มีดแทงไปโดนดวงตาทั้งสองข้างเธอจนบอด วัยรุ่นทั้งหมดตกใจหนีไปกันหมด ปล่อยให้เธอซึ่งตาบอดสนิทขาดใจตายอยู่ที่นั่น” โซระกล่าว
“นั่นคงเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอโกรธแค้น และฆ่าวัยรุ่นที่ย่างกรายเข้าไปที่นั่นไปหลายคน อีกอย่าง ไม่มีใครรู้เลยว่าเธอตายอยู่ที่นี่ ครอบครัวของเธอที่คิดว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขอร้องให้ตำรวจช่วยตามหาเธอหลายครั้ง แต่ก็ไม่พบ โซระว่าถ้าหาศพเธอเจอ อาจจะทำให้เธอไปสู่สุขคติก็ได้นะคะ” เมื่อโซระรายงานจบ ทุกคนต่างพบว่าเวนเดททร้าสาวที่เพิ่งกำจัดไปไม่ใช่วิญญาณชั่วร้ายตั้งแต่แรก แต่เพราะความแค้นที่เธอถูกทิ้งให้ตายอย่างโดดเดียวทำให้เธอต้องทำแบบนั้น
“ทุกคนได้ยินแล้วนะ ไปหาศพเธอกันเถอะ” มิสะพูด
“หวังว่านายคงไม่ขัดข้องนะ มิคาโดะ” มิสะแขวะมิคาโดะเล็กน้อย พร้อมยิ้มนิดๆ เพราะตั้งแต่เริ่มภารกิจเขาชอบมีท่าทีไม่พอใจกับสิ่งที่มิสะพูดเท่าไหร่ เมื่อมิคาโดะเห็นดังนั้นก็ไม่ได้ถือสาอะไร เพียงแค่ยิ้มแหยๆให้เธอ
จากนั้นเจ้าหน้าที่แต่ละคนเริ่มทยอยเข้าไปในอาคารร้างอีกครั้ง เมื่อทุกคนพบศพเธอ มิสะจึงประสานงานกับทางศูนย์บัญชาการ เพื่อให้ทางนั้นติดต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการต่อไป
เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น ทุกคนต่างเดินทางกลับ มิสะเหลียวหลังกลับไปมองที่อาคารร้างอีกครั้ง
เธอเห็นวิญญาณหญิงสาวที่เธอเพิ่งกำจัดไปอีกครั้ง ยืนอยู่ที่หน้าต่างใกล้ๆกับบริเวณที่เธอและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆพบศพของเธอ แต่คราวนี้เธออยู่ในสภาพที่สวยและน่ารักเหมือนตอนเธอมีชีวิตอยู่ เธอยิ้มให้กับมิสะ พร้อมสายตาที่บ่งบอกกับมิสะว่า “ขอบคุณ”
มิสะยิ้มให้เธอ เธอค่อยๆจางหายไปจากหน้าต่างตรงนั้น ก่อนที่มิสะจะหันหลังเดินต่อโดยไม่หันกลับไปมองอีก
ภารกิจเสร็จสมบูรณ์...
----------------------------------------------------
[/center]
----------------------------------------------------
Ghost Hunter Archives
Weapon Data #2 Sevenเซเว่น คืออาวุธประหลาด ที่สามารถเปลี่ยนรูปแบบได้ถึง 7 รูปแบบฟอร์ม โดยรูปแบบปกติจะอยู่ในลักษณะของลูกบอลทรงกลมสีดำสนิท แต่ละฟอร์มจะเป็นชื่อของบาป 7 ประการตามหลักคำสอนของศาสนาคริสต์ เลยเป็นที่มาของชื่ออาวุธว่า Seven โดยแต่ละฟอร์มจะเป็นอาวุธประเภทระเบิดต่างๆเป็นหลัก ซึ่งมีลักษณะแตกต่างกัน และแต่ละฟอร์มก็จะมีรังสีสีต่างๆครอบคลุมอยู่ด้วย ดังนี้ (โดยสีประจำของแต่ละฟอร์มก็คือสีประจำของบาปนั้นๆ)
-Lust (ลัสต์) เปลี่ยนลูกบอลกลายเป็นระเบิดเกรเนต แรงระเบิดของมันสามารถจัดการวิญญาณได้เป็นกลุ่ม (สีน้ำเงิน)
-Gluttony (กลัตโทนี่) เปลี่ยนลูกบอลกลายเป็นระเบิดแฟลช สามารถทำให้วิญญาณหยุดชะงักชั่วขณะ เพื่อเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่คนอื่นโจมตีวิญญาณได้อย่างง่ายขึ้น(สีส้ม)
-Greed (กรีด) เปลี่ยนลูกบอลกลายเป็นระเบิดควัน โดยควันดังกล่าวจะทำให้พลังของวิญญาณค่อยๆลดลงไปทีละน้อยๆ (สีเหลือง)
-Sloth (สลัต) เปลี่ยนลูกบอลกลายเป็นระเบิดเวลา ซึ่งสามารถสั่งให้มันระเบิดได้ตามใจนึก (สีคราม)
-Wrath (ราธ) เปลี่ยนลูกบอลกลายเป็นเครื่องยิงจรวดวิถีตรง ทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า (สีแดง)
-Envy (เอ็นวี่) เปลี่ยนลูกบอลกลายเป็นเครื่องยิงลูกระเบิด ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับแบบฟอร์มลัสต์ แต่มีความแม่นยำมากกว่า (สีเขียว)
-Pride (ไพรด์) เปลี่ยนลูกบอลกลายเป็นเครื่องยิงมิสไซส์แบบติดตาม มีประสิทธิภาพและการทำลายล้างสูงที่สุดในบรรดาทั้ง 7 แบบฟอร์ม (สีม่วง)
สำหรับเซเว่นในรูปแบบของ ลัสต์ กลัตโทนี่ กรีด และสลัต เมื่อโยนไปจนเกิดการระเบิดขึ้นแล้ว มันจะกลับมาอยู่ในมือของผู้ใช้โดยอัตโนมัติ โดยอาวุธนี้จะใช้พลังงานด้วย โดยแบบฟอร์มไพรด์จะใช้พลังงานมากที่สุด เมื่อพลังงานหมดจะใช้เวลาชาร์จตามพลังงานที่ถูกใช้ไป เช่น แบบฟอร์มลัสต์ซึ่งมีประสิทธิภาพต่ำสุด จะใช้เวลาชาร์จไม่ถึงวินาทีเท่านั้น
Other Data #1 Ghost Dimensionโกสท์ไดเมนชัน หรือมิติวิญญาณ คือมิติอีกมิติหนึ่งของโลกมนุษย์ หรือโลกคู่ขนาน โดยทุกอย่างในมิตินั้นเหมือนกับมิติปกติทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งก่อสร้าง ตึกราบ้านช่อง สิ่งของ ต้นไม้ เพียงแต่จะมีเพียงวิญญาณอาศัยอยู่ในมิตินี้เท่านั้น สิ่งเดียวที่จะทำให้รู้ว่าหลุดเข้าไปในมิติวิญญาณแล้ว คือความรู้สึก บุคคลที่หลุดเข้าไปในมิติวิญญาณจะรู้สึกถึงความผิดปกติของบรรยากาศโดยรอบได้ในทันที สำหรับสาเหตุที่จะหลุดเข้าไปในมิติวิญญาณได้นั้น มีหลายสาเหตุ แต่หลักๆคือเกิดจากอำนาจของวิญญาณที่คุมอาณาเขตนั้นๆอยู่ โดยมิติวิญญาณนั้นมีอาณาเขตจำกัดด้วย ถ้าเป็นวิญญาณที่มีอำนาจต่ำๆหน่อย แค่หนีออกนอกอาณาเขตที่ถูกครอบคลุมอยู่ก็หนีออกมาได้แล้ว แต่ถ้าพวกวิญญาณที่มีอำนาจสูงๆก็จะทำให้ถูกขังอยู่ในมิตินั้นออกมาไม่ได้ จนกว่าวิญญาณที่คุมอาณาเขตอยู่จะถูกกำจัด หรือยอมปล่อยออกมาเอง
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย : แม้สิ่งแวดล้อมของทั้งสองมิติจะเหมือนกัน แต่ถ้าไปเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมในมิตินั้นๆ เช่น ไปพังตึกในมิติวิญญาณ ในมิติปกติตึกจะยังอยู่ดีเหมือนเดิม ไม่พังตามกันไป