ตอนที่ 6
“เกมชิงธง.. งั้นเหรอ”
แน่นอนว่าเสียงฮือฮาจะต้องเกิดขึ้นอีกครั้งภายในห้องเรียนนี้ ก่อนที่อาจารย์ไลท์จะปรบมือเพื่อเป็นการตัดบทให้เสียงฮือฮานั้นค่อยๆเบาลงจนกระทั่งมันเงียบไป ก่อนที่ตัวของอาจารย์ไลท์จะใช้รีโมทเปลี่ยนหน้าจอบนทีวีอีกครั้ง ภาพที่แสดงขึ้นบนหน้าจอโทรทัศน์เปลี่ยนไปเป็นตัวหนังสือที่โผล่ขึ้นมาพร้อมกับมีตัวอักษรตัวใหญ่กำกับไว้ข้างบนสุดว่า “กฎ”
“เอาจริงๆ กฎมันก็เป็นสิ่งที่เบสิกๆจะตายไป ชิงธงจากฐานที่มั่นของศัตรู แล้วนำกลับมาให้ถึงฐานที่มั่นของฝ่ายเรา แค่นี้ จบ”
“สนามรบที่จะใช้จะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีความยาวด้านละ 4 กิโลเมตร โดยฐานของฝั่งสีฟ้าจะอยู่ที่มุมซ้ายล่าง ส่วนฐานของสีแดงจะอยู่ที่มุมซ้ายบน”
หลังอาจารย์ไลท์พูดจบ ตัวเขาก็ได้ใช้รีโมทเปลี่ยนหน้าจอบนโทรทัศน์อีกหนึ่งครั้ง จากตัวหนังสือหลายๆตัวเรียงกัน เปลี่ยนเป็นภาพแผนที่สนามรบที่จะใช้ในศึกเกมชิงธงในภายภาคหน้านี้
“พื้นที่โดยรวมแล้วจะสลับเป็นป่าและที่ราบโล่งคละเคล้ากันไป จะมีเขตที่เป็นที่ราบสูงปะปนอยู่ด้วย ตรงกลางจะมีแม่น้ำตัดผ่านเพื่อไม่ให้การเดินทางข้ามฝั่งเป็นไปด้วยสะดวก”
“ซึ่งตอนนี้นักเรียนทุกคนสามารถดูแผนที่ของสนามรบนี้ได้แล้ว เพียงแค่เข้าไปที่ Map แล้วก็ CTF ตามลำดับ”
ก็เหมือนเช่นเคย มีนักเรียนบางส่วนที่เปิดเข้าไปดูแผนที่ตามที่อาจารย์ไลท์ได้บอกไว้
“แต่สิ่งที่มันพิเศษกว่านั้นก็คือ ถ้าพวกเธอทุกคนสามารถหาบุคคลลับภายในสถานที่นั้นได้.. พวกเธออาจจะได้รับของดีมาช่วยนะ”
“ซึ่งของดีที่ว่านั้น.. จะให้ได้แค่ฝ่ายที่เจอก่อนเท่านั้น”
เสียงฮือฮาเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง บ้างก็คาดเดาไปต่างๆนาๆว่า “ของดี” ที่อาจารย์ไลท์ได้พูดถึงนี้มันคืออะไร บ้างก็เริ่มหันไปมองคนอื่นๆที่คิดว่าจะมาเป็นพรรคพวกของพวกเขาได้
“หนึ่งทีมจะประกอบไปด้วย 4 คน!!”
“ทุกๆทีมจะมาแข่งกันในแบบของทัวร์นาเมนท์ โดยจะแบ่งเป็นสามเลเวล แรงค์กิง 1-100 แรงค์กิง 101-200 และแรงค์กิง 201-300 ตามลำดับ!! เพื่อไม่ให้เกิดความห่างชั้นกันจนเกินไป!!”
“และเพื่อเป็นการลดทอนเวลาด้วย”
อาจารย์ไลท์พูดขึ้นพร้อมเอานิ้วชี้เคาะที่ไปนาฬิกาข้อมือสีดำที่รัดอยู่ตรงข้อมือซ้าย
“เอาละ! แยกย้ายกันไปจัดทีมได้ ทีมไหนที่พร้อมแล้วให้มาติดต่อกับครูซะ!!”
สิ้นคำพูดของอาจารย์หนุ่ม ตัวเขาก็ไปนั่งรอบนเก้าอี้เหมือนเช่นเคย ก่อนที่จะเกิดเสียงดังอันวุ่นวายขึ้นในห้องเรียนแห่งนี้ ต่างคนต่างลุกจากที่นั่งเพื่อไปหากับสมาชิกที่ต้องการ เนื่องจากมีการกำหนดเลเวลเอาไว้ด้วย เพื่อไม่ให้เป็นการห่างชั้นจนเกินไป จะได้น่าตื่นเต้นและลุ้นอยู่ตลอดเวลา เพราะฝีมือของพวกเขานั้นไล่เลี่ยกัน
ตัวมิโมโตะเองก็พยายามหันซ้ายหันขวา ในขณะที่คนอื่นๆนั้นลุกขึ้นไปพูดคุยหาสมาชิกทีมกันหมดแล้ว เขายังคงนั่งอยู่ที่เดิม เพราะไม่รู้ว่าจะไปหาใครนั่นเอง
“คนที่เรารู้จักก็อยู่แรงค์กิงบนๆหมดแล้ว.. มิไรก็อยู่แรงค์กิงที่ 13 ส่วนคริสเตียนก็อยู่แรงค์กิงที่ 1”
มิโมโตะได้พูดขึ้นพร้อมกับเปิดตัว PDA ในส่วนของ Ranking System เพื่อเช็คว่าแรงค์กิงของคนที่เขารู้จักนั้นอยู่ในส่วนไหนบ้าง มิโมโตะทำท่าเหมือนว่าจะนึกอะไรออก ก่อนที่จะเลื่อนลงไปที่ล่างสุดของหน้า
“ถ้าฉันจำไม่ผิด.. นี่ไงพรรคพวกคนแรกของฉัน”
ชายหนุ่มเลื่อนเข้ามาในบริเวณของแรงค์กิงท้ายสุดหรือก็คือแรงค์กิงที่ 300 ที่ตัวเขานั้นครองอยู่ด้วยแรงค์กิงพอยท์เท่ากับศูนย์ ส่วนแรงค์กิงที่ 299 ที่อยู่เหนือเขามา.. เอ็นโซ โรดริโก้ อิเช เค็น หรือถ้าย่อโดยการเอาตัวอักษรตัวแรกของชื่อมา ก็จะได้เป็น อีริค รูมเมทของมิโมโตะผู้สุดแสนจะมีความแอคทีฟน้อยที่สุดในโลก
“ว่าแต่เจ้านั่นมันมาเรียนไหมวะ ตอนที่ฉันออกมามันก็ยังบอกให้ฉันมาก่อนเลย…”
เมื่อช่วงเช้าในขณะที่มิโมโตะนั้นอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว พร้อมที่จะเข้าเรียน แต่อีริคผู้ผดุงความเฉื่อยชานั้นยังคงนอนอยู่บนเตียง และปล่อยให้มิโมโตะนั้นออกจากห้องไปก่อน
“ถ้าเป็นเจ้านั่นมันคงจะนั่งอยู่ชั้นบนสุดแน่นอน”
เนื่องจากเจ้าตัวอีริคนั้นมันชอบการนอนเป็นอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้นมันคงไม่มานั่งข้างหน้าแล้วให้อาจารย์ปาของใส่หรอก มันน่าจะอยู่ชั้นบนสุดเพื่อหลบเลี่ยงทุกสายตา ทำตัวให้ดูจืดชืดมากที่สุดแน่นอน ว่าแล้วมิโมโตะก็ลุกขึ้นจากที่นั่งข้างหน้าสุดหรือล่างสุด ก้าวขึ้นไปบนบันไดเพื่อเดินขึ้นไปยังชั้นบนสุด เพื่อหาตัวของอีริค
“ถึงแม้จะขี้เกียจขนาดไหน แต่ยังไงก็คงต้องมาเข้าเรียนสินะ..”
มิโมโตะก้าวมาถึงชั้นบนสุดแล้ว หันซ้ายหันขวาสำรวจตัวของอีริค ก็เจอกับอีริคที่กำลังนั่งพิงกำแพงอยู่ เนื่องจากตัวของอีริคนั้นอยู่ที่นั่งซ้ายสุดและบนสุด ทำให้ที่นั่งของอิริคนั้นติดกับกำแพง ถึงแม้จะออกยากเข้ายาก แต่ก็สมแล้วที่เป็นอีริค คนที่จะเลือกที่นั่งแบบนี้ได้ แต่ในตอนนี้ทุกๆคนในแถวนั้นก็ได้ออกไปหมดแล้ว จึงเหลือเพียงแค่อิริคคนเดียว
“อีริค!!”
“อ้าว.. มิโมโตะ แกเองเหรอ ?”
“จะใครซะอีกล่ะ.. เอาไง ? ฉันว่าจะร่วมทีมกับนายน่ะ สนใจไหม ?”
“จะว่าสนก็สนอยู่หรอก แต่คำเดียวสั้นๆเลยนะ ขี้เกียจ ว่ะ”
“นี่แกไม่คิดจะไปเอาคะแนนกับคนอื่นบ้างเลยรึไงวะ”
“ถ้าฉันไม่เอาคะแนน ฉันก็ได้อยู่ที่เกาะนี้ต่อ สบายจะตาย ตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่มีใครมายุ่งเกี่ยว แล้วฉันก็จะได้นอนอย่างมีความสุข ชีวิตแบบนี้หาไม่ได้อีกแล้วนะเหวย”
อีริคพูดขึ้นพร้อมกับชูแขนทั้งสองข้างของเขาขึ้นมา ก่อนที่จะทำท่าเหมือนบิดขี้เกียจ ใบหน้าของเขาเกิดอาการที่เรียกว่า “หาว” ปากของเขาขยายใหญ่ขึ้นไร้สิ่งปิดบัง มิโมโตะที่ยืนมองอยู่ได้แต่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดกับเพื่อนร่วมห้องของเขา
“ถ้าเป็นแบบนั้น ทำไมแกไม่นอนอยู่ในห้องไปเลยล่ะ”
“เพราะถ้าทำอย่างนั้นฉันจะโดนไล่ออกน่ะสิ”
“แล้วการที่แกไม่ลงเควสเก็บคะแนนล่ะ ?”
“เรื่องนั้นฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ”
“ไอ้หอกหัก.. เอางี้ ฉันมีข้อเสนอ”
“จะทำข้อตกลงกับคนอย่างฉันงั้นเรอะ มีอะไรก็ว่ามา”
“เดี๋ยวฉันจะเลี้ยงมื้อเย็น..”
“โอเค ตกลง”
ไม่ทันที่มิโมโตะจะพูดจบประโยคเกี่ยวกับข้อเสนอของเขา สิ่งที่อีริคได้ยินก็คือเลี้ยงข้าวมื้อเย็น แล้วเขาก็ตอบตกลงอย่างรวดเร็วทันทีทันใด เหมือนกับเขารอโอกาสนี้มานานแล้ว มิโมโตะก็ได้แต่ทำหน้าแหยๆนิดๆ ก่อนที่จะกลับมาทำหน้าจริงจังเหมือนเดิม
“แล้วยังไงต่อล่ะ สมาชิกอีก 2 คนที่เหลือน่ะ ?”
“เรื่องนั้น..”
“ให้ฉันเข้าร่วมกับพวกนายด้วยไหมล่ะ”
ชายหนุ่ม 2 คนที่เพิ่งจะทำข้อตกลงด้วยกันได้ หันไปทางด้านหลังของพวกเขา ก็ได้เจอกับชายหนุ่มเช่นเดียวกัน แต่ความสูงอาจจะเตี้ยกว่าพวกเขาซักหน่อย ชายหนุ่มคนดังกล่าวไว้ผมสั้นสีทองบลอนด์ แววตาที่ดุดันเหมือนกับพวกแยงกี้ นั้นทำให้โดดเด่นไม่แพ้ใคร แต่เอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งก็คือ เขาใช้มือของเขาปกปิดอากัปกิริยาการหาวของเขา อยู่เรื่อยๆ จนทำให้มิโมโตะต้องนึกถึงสหายที่อยู่ข้างๆเขาอีกคนหนึ่งเลย
“นายคือ..?”
“อากิยาม่า จิน เรียกว่าจิน ก็ได้ สั้นดี ฮ้าววว”
“แล้วทำไมนายถึงหาวแบบนั้นได้ตลอดเวลา ?”
“เรื่องนั้น.. พอดีฉันเป็นคนชอบการนอนมาก แล้วร่างกายของฉันมันก็เลยดูเหมือนจะตอบสนองความต้องการของฉันนั้นไปแล้ว.. แหะๆ”
จินพูดขึ้นด้วยท่าทางดูเขินเล็กๆน้อยๆ พร้อมกับเอามือขวาของเขาเกาหัวแกร่กๆ แต่ในขณะเดียวกัน ชายผู้แสนเฉื่อยชา ก็ลุกกระโดดขึ้นมาเข้าไปประชิดตัวกับจินอย่างรวดเร็ว
“นี่สิ! ถึงจะเป็นสหายเพื่อนรักของฉัน!! การนอน บันไซ!!”
“การนอน บันไซ!! ว่าแต่.. นายคือใครเหรอ ?”
อีริคพุ่งพรวดเข้ามาจับมือกับจิน ก่อนที่ทั้งคู่จะยกมือขึ้นแล้วตะโกนบันไซกันหน้าด้านๆแบบนี้..
“ลืมแนะนำตัวไปเลย ฉันชื่ออีริค!! แรงค์กิงอยู่ที่ 299!!”
“จะแนะนำตัวอีกทีล่ะกัน อากิยาม่า จิน ฮ้าวววว.. แรงค์กิงที่ 250”
ทั้งคู่จับมือกันเป็นพิธีอีกครั้ง ก่อนที่จะหันมาหามิโมโตะที่ยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยสีหน้าเอือมระอาปนขำเล็กๆน้อยๆ แล้วพูดขึ้นมา
“ทีนี้เราก็ได้สมาชิกเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนแล้ว.. คนสุดท้ายล่ะ จะเป็นใคร ?”
“เอ่อ.. คือว่า…”
เสียงเล็กๆที่ฟังดูแล้วยังไงก็ไม่ใช่เสียงของผู้ชายแน่นอนดังขึ้นมาจากข้างหลังของพวกเขาสามคนนั้น ทั้งสามคนหันมา ก็เจอกับหญิงสาวตัวเล็กๆที่จุดเด่นของเธอก็คือการที่เธอใส่ผ้าปิดตาที่ดวงตาข้างขวา เธอมีผมสั้นสีน้ำเงิน มีโบว์สีเหลืองผูกผมเอาไว้ ใบหน้าเล็กๆ ตัวก็เล็ก เรียกได้ว่าเป็นสาวน้อยเลยก็ยังว่าได้
“ถ้าไม่รังเกียจฉันล่ะก็ ขอเข้าร่วมด้วยคนสิคะ~”
“แน่นอน ทางเราก็ต้องการอีกหนึ่งคนพอดี แล้วไม่รู้จะไปหาที่ไหนด้วย การที่เธอเสนอตัวเองเข้ามาแบบนี้ถือว่าเป็นผลดีกับเรามากเลยล่ะ”
“ไม่หรอกค่ะ ทางนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเข้าทีมกับใครดีเหมือกัน เพราะนี่ก็คือปีแรกของฉันเหมือนกันค่ะ ขอขอบคุณและฝากตัวด้วยค่ะ”
“ทางนี้ก็ฝากตัวด้วยเช่นกัน”
ทั้งสองคนหรือก็คือมิโมโตะกับสาวน้อยจับมือทำความรู้จักกัน ก่อนที่จะผละกันออกและทำแบบนี้กับตัวของอีริค และจินที่ยืนอยู่ข้างๆกันด้วย
“จะว่าไป.. ชื่อของเธอล่ะ ?”
“ซุสุเมะ ริโฮะ เรียกริโฮะเถอะค่ะ ส่วนแรงค์กิงก็.. 244 ค่ะ!!”
“ขอฝากตัวอีกครั้งนะ ริโฮะ”
“เช่นเดียวกันค่ะ มิโมโตะคุง”
“นี่ ฉันว่าเรารีบๆไปหาอาจารย์ไลท์กันเถอะ เหลือคนในห้องเรียนไม่มากแล้วนา เดี๋ยวจะสายเอา”
มิโมโตะและผองเพื่อนอีก 3 คน ประกอบไปด้วย อิริคผู้แสนเฉื่อยชา , จินผู้แสนขี้เซา , และริโฮะผู้แสนแจ่มใส ต่างก็เดินลงบันไดแต่ล่ะขั้นเพื่อไปหากับอาจารย์ไลท์ที่ยืนรออยู่ ซึ่งภายในห้องเรียนนั้นก็ไม่เหลือนักเรียนคนอื่นๆนอกจากพวกเขา 4 คนอีกแล้ว
“พวกเธอคือกลุ่มสุดท้ายแล้วล่ะนะ.. เลเวล 201-300 สินะ พร้อมรึยัง ?”
“มาถึงขนาดนี้บอกไม่พร้อมก็จะยังไงอยู่นะอาจารย์”
“หึหึ พลังของฉันคือการเคลื่อนย้าย เพราะฉะนั้นเตรียมรอรับแรงกระแทกนิดนึงล่ะ”
“ขอให้พวกเธอโชคดี!!”
สิ้นคำพูดของอาจารย์ไลท์ ทั้ง 4 คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าตัวอาจารย์เอง ก็ได้หายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตัวคุณครูผู้สอนก็ได้ปาดเหงื่อออก เพราะว่าหน้าที่ของเขาในวันนี้เสร็จสิ้นลงแล้ว ก่อนที่จะเงยหน้าแหงนมองไปที่หน้าจอโทรทัศน์ที่ตอนนี้ปรากฏเป็นภาพของโปรไฟล์ประวัติส่วนตัวของมิโมโตะ รอยยิ้มของอาจารย์ไลท์ผุดขึ้นมา พร้อมกับดันแว่นตาของเขาขึ้น
“นักเรียนใหม่ผู้ความจำเสื่อมงั้นรึ.. วันนี้คงสนุกแน่”