----------------------------------------------------
“ขอบใจมากนะ คุณคาวากุชิ ที่อุตส่าห์มาช่วยงานครู” หญิงสาววัยประมาณสามสิบนิดๆ ไว้ผมหางม้ากล่าวกับเด็กสาวสวมแว่นตานามว่าคาวากุชิ มิโอะ หัวหน้าชั้นมัธยมปลายปีสามห้องสามผู้รับผิดชอบงานต่างๆทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน นี่ก็เป็นอีกหนึ่งงานที่มิโอะอาสาที่จะช่วยเหลืออาจารย์สอนวิชาวิทยาศาสตร์ อีกทั้งยังพ่วงเป็นอาจารย์ประจำชั้นของห้องเธอด้วย ทำให้เธอเต็มใจเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยเหลือ
“ถ้าไม่ได้คุณคาวากุชิคงแย่ ยังไงครูก็ต้องขอโทษด้วยที่ให้ช่วยงานจนดึก”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะอาจารย์ ถ้ามีอะไรให้ช่วยอีกบอกหนูได้เลยนะคะ เรื่องช่วยเหลือคนอื่นวางใจหนูได้เลย” มิโอะพูดพลางทำท่ายกกำปั้นขึ้นมา ทำให้อาจารย์ยิ้มให้เธออย่างเอ็นดู
“งั้นครูไปก่อนนะ เสร็จเรียบร้อยแล้วก็รีบๆกลับบ้านล่ะ” อาจารย์ยิ้มให้มิโอะอีกครั้งก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป สว่นมิโอะแม้งานทำความสะอาดและจัดระเบียบห้องวิทยาศาสตร์ที่ได้รับมอบหมายจะเสร็จไปแล้วแต่เธอก็ตัดสินใจที่จะตรวจเช็คความเรียบร้อยต่างๆก่อนที่จะกลับ เพราะเธอคิดว่าไหนๆเวลาก็ผ่านไปจนดึกป่านนี้แล้วอยู่ตรวจเช็คความเรียบร้อยอีกซักหน่อยคงไม่เสียเวลามากนัก
มิโอะเดินเช็คขวดสารเคมีต่างๆตามตู้เป็นครั้งสุดท้ายว่าวางอยู่ตำแหน่งที่เรียบร้อยและถูกต้อง เมื่อเสร็จเธอก็เดินไปปิดสวิทช์ไฟเตรียมออกจากห้อง หลอดนีออนที่ให้ความสว่างแก่ห้องวิทยาศาสตร์ดับวูบลงอย่างรวดเร็ว บรรยากาศโดยรอบดูวังเวงในทันทีทันใด แต่มิโอะเองก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เธอเป็นคนที่ไม่กลัวและเชื่อเรื่องผีสางซักเท่าไหร่ มิโอะมองกวาดไปรอบห้องวิทยาศาสตร์เป็นครั้งสุดท้ายเผื่อมีอะไรที่เธอมองพลาดไป
มิโอะไปสะดุดกับหุ่นจำลองร่างกายมนุษย์ที่วางอยู่ใกล้กับตู้เก็บสารเคมี ตำแหน่งที่มันวางอยู่ดูเหมือนจะผิดเพี้ยนไปจากเดิม มิโอะขมวดคิ้วพลางคิดว่าเธอก็จัดวางมันอย่างเรียบร้อยไปแล้ว อีกทั้งเมื่อซักครู่เธอก็ตรวจเช็คความเรียบร้อยเป็นอย่างดีไม่มีอะไรผิดปกติ หรือถ้ามีเธอก็น่าจะมองเห็นเพราะหุ่นตัวนั้นก็มีขนาดไม่ใช่เล็กๆ
แต่มิโอะก็ไม่เอะใจอะไรเดินไปที่หุ่นจำลองเพื่อจัดวางให้เสร็จๆเธอจะได้กลับบ้านเสียที เธอจับหุ่นตัวดังกล่าววางให้หันหน้ามาทางเธอ
สายตาของเธอกับหุ่นตัวนั้นประสานกัน สายตานิ่งๆของมันประกอบด้วยบรรยากาศอันวังเวงทำให้มันดูน่าขนลุก แต่มิโอะก็ไม่ใส่ใจ เมื่อทำธุระเสร็จก็เดินออกจากห้องอีกครั้ง ระหว่างนั้นเธอกลับรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาเฉยๆ
กึก...
เสียงประหลาดดังขึ้นภายในห้องวิทยาศาสตร์ มันเป็นเสียงที่แผ่วเบาแต่มิโอะก็ได้ยินอย่างชัดเจน เพราะโดยรอบนั้นเงียบสนิท มิโอะหันควับไปตามต้นเสียง
สายตาของมิโอะประสานกับสายตาของหุ่นจำลองอีกครั้ง
เพราะมันขยับจากตำแหน่งเดิมมาอยู่ตรงหน้ามิโอะเพียงไม่กี่เมตร...
มิโอะถึงกับสะดุ้งสุดตัว ถอยหลังตามสัญชาตญาณจนไปกระแทกกับประตูห้องวิทยาศาสตร์ดังโครม ทำให้มิโอะเสียหลักล้มลงไปกองกับพื้น หุ่นจำลองที่อยู่ตรงหน้าเธอยังคงหยุดยืนอยู่ตรงนั้น ตอกย้ำให้มิโอะรับรู้ว่านั่นไม่ใช่ภาพหลอนหรือเธอคิดไปเอง ความกลัวเริ่มคืบคลานเข้ามาภายในจิตใจของมิโอะ ความเชื่อเรื่องผีสางของเธอเริ่มจะเปลี่ยนแปลงเมื่อเจอกับสถานการณ์ดังกล่าว มิโอะทำอะไรไม่ถูกได้แต่นั่งกองอยู่กับพื้นอย่างนั้น ก่อนที่เธอจะเริ่มได้สติลุกขึ้นพรวดไปกดเปิดสวิทช์ไฟ เพราะบังเอิญมีความคิดอย่างหนึ่งแวบเข้ามาในหัวว่าพวกผีนั้นกลัวแสงสว่าง
ไฟจากหลอดนีออนเปิดขึ้นอย่างรวดเร็ว มันทำให้มิโอะเห็นสภาพห้องวิทยาศาสตร์อย่างชัดเจน และยังทำให้เธอคิดว่าปิดไฟยังจะดีเสียกว่า
เพราะนอกจากเธอจะได้เห็นหุ่นจำลองร่างกายมนุษย์อันน่าสยดสยองที่มีแต่กล้ามเนื้อและเส้นเลือดปูดโปนเต็มร่างกายอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว เธอยังพบว่าภายในห้องเต็มไปด้วยสิ่งของมากมายลอยคว้างไปทั่วห้องราวกับมีเวทย์มนต์ สิ่งของที่ลอยคว้างเหล่านั้นมีทั้งขวดสารเคมีอันตรายต่างๆไปจนถึงมีดสำหรับผ่าตัด ซึ่งถูกใช้ในคาบเรียนวิทยาศาสตร์บางคาบที่มีการผ่าชันสูตรสัตว์ชนิดต่างๆเพื่อศึกษาอวัยวะภายใน
มิโอะยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกอยู่ตรงนั้น แม้ใจเธอต้องการจะหนีออกจากที่นี่โดยเร็ว แต่ขาของเธอไม่สามารถก้าวออกไปได้ ภาพสิ่งของอันตรายและไม่อันตรายที่ลอยอยู่ตรงหน้าทำให้เธอกลัวเหลือเกินว่ามันจะพุ่งเข้าใส่เธอ โดยเฉพาะขวดสารเคมีอันตรายและมีดผ่าตัดที่ถ้าหากมันพุ่งมาหาเธอล่ะก็...
ทันใดนั้นมีดผ่าตัดเล่มหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่มิโอะทันที มิโอะก้มหลบได้อย่างเฉียดฉิว แต่ดูเหมือนมีดเล่มนั้นจะเฉียดโดนเส้นผมของเธอไปเล็กน้อย ทำให้เส้นผมบางส่วนของเธอถูกมีดตัดจนขาด มีดผ่าตัดอีกเล่มพุ่งเข้าใส่มิโอะอีกครั้ง คราวนี้เธอตัดสินใจวิ่งไปด้านข้าง ทำให้มีดเล่มดังกล่าวพุ่งปักไปโดนประตูห้อง
มิโอะมองไปยังสิ่งของที่ลอยคว้างอยู่บนอากาศอย่างระแวดระวัง ทุกสิ่งทุกอย่างบนอากาศมีสิทธิ์จะพุ่งเข้าใส่เธอได้ทุกเมื่อ และสิ่งที่อันตรายชิ้นต่อไปก็ได้พุ่งเข้าใส่มิโอะ เธอรู้จักดีว่ามันคือขวดบรรจุกรดซัลฟิวริกเข้มข้นที่มีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรงมากแม้กระทั่งโลหะ แน่นอนว่าผิวหนังมนุษย์ย่อมไม่เหลือแน่นอน มิโอะกระโดดหลบอย่างไม่คิดชีวิตเพื่อหวังจะให้รอดพ้นกับกรดรุนแรงที่พร้อมจะละลายผิวหนังของเธอทุกเมื่อ ขวดดังกล่าวกระแทกกับกำแพงจนแตกกระจาย กรดซัลฟิวริกเข้มข้นทำปฏิกิริยากับพื้นห้องและกำแพงบริเวณนั้นจนถึงกับเกิดเป็นควันขึ้นมา เมื่อควันเริ่มจางลงก็พบว่ากำแพงและพื้นเริ่มถูกกรดกัดกร่อนจนเป็นรู
มิโอะไม่มีเวลามากพอที่จะตื่นตะลึงปฏิกิริยาทางเคมีตรงจุดนั้น เพราะมีดผ่าตัดอีกเล่มพุ่งเข้าใส่เธออีกครั้ง คราวนี้มันพุ่งใส่บริเวณแขนของเธอ เธอพยายามหลบแต่ทว่ามันก็เฉียดโดนแขนเธอจนได้ แขนของเธอเป็นแผลและเริ่มมีเลือดไหลซึมออกมา ยังไม่ทันที่เธอจะได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดของรอยแผลนั้น มีดผ่าตัดอีกหนึ่งเล่มก็พุ่งใส่บริเวณขาของเธอ มันเฉียดโดนบริเวณข้อเท้าทำให้เธอทรุดลง เลือดสีแดงฉานซึมผ่านถุงเท้าสีขาวสนิท มิโอะทรุดลงนั่งกับพื้น ถาดโลหะสำหรับใส่เครื่องมือพุ่งเข้าใส่มิโอะ แต่เธอก้มศีรษะหลบทำให้ถาดโลหะกระแทกกับกำแพงเสียงดังสนั่น มิโอะเริ่มมีความรู้สึกเจ็บปวดจากแผลบริเวณแขน เธอพยายามจะลุกขึ้นนั่งแต่ก็ถูกความเจ็บปวดจากแผลบริเวณข้อเท้าตรึงร่างเธอให้ทรุดอยู่แบบนั้น
มิโอะจึงพยายามใช้เรี่ยวแรงที่มีทั้งหมดคลานออกจากบริเวณนั้น ในขณะที่ขวดสารเคมีอันตรายอีกชนิดพุ่งเข้าใส่เธอ แต่โชคดีที่มันไปกระแทกโดนโต๊ะที่บังเธออยู่แทน ขวดดังกล่าวที่กระแทกโต๊ะมีแต่เศษแก้วที่แตกกระจายเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าขวดนั้นเป็นขวดเปล่า แต่ถึงกระนั้นมันก็อันตรายอยู่ดีหากมันกระแทกโดนร่างกายแบบเต็มๆ
มิโอะพยายามคลานต่อไป เป้าหมายของเธอคือประตูห้องวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นทางรอดเดียวของเธอ ระหว่างที่เธอคลานอยู่นั้น มีดผ่าตัดพุ่งเข้าปักบริเวณพื้นตรงหน้าเธอทำให้เธอหยุดชะงัก ทำให้ขวดสารเคมีอีกขวดพุ่งเข้าหาเธอในขณะที่เธอหยุดเคลื่อนไหว
ไม่มีเวลามากพอที่จะหลบ มิโอะได้แต่หลับตารับชะตากรรม สิ่งที่ทำให้เธอรอดได้คงมีเพียงปาฏิหาริย์...
โครม!!! เพล้ง!!!
เสียงนั้นดังขึ้นขณะที่เธอหลับตา ในขณะที่เธอกำลังคิดว่าเธอต้องไม่รอดแน่ๆ แต่เมื่อเธอลืมตาก็พบว่าเธอไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนเพิ่มเติม นอกจากแผลเดิมบริเวณแขนและข้อเท้า
และเธอก็พบกับชายผมดำในชุดเสื้อโค้ทตัวยาวยืนอยู่หน้าประตูห้องวิทยาศาสตร์ที่ถูกเปิดขึ้น ในมือของเขาถือปืนที่ถูกเล็งไปข้างหน้า สิ่งของที่ลอยคว้างอยู่บนอากาศเริ่มหันไปพุ่งเข้าใส่ชายคนนั้นแทน แต่เขาจัดการใช้ปืนในมือยิงใส่มันจนกระเด็นไปทางอื่น
จากนั้นเขาก็จัดการยิงใส่สิ่งของที่ลอยอยู่จนตกลงมาจากอากาศอย่างรวดเร็วโดยไม่รอให้มันพุ่งเข้าใส่ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ทำให้บรรยากาศที่ดูอันตรายหายไปในพริบตา
“พบพวกโพลเทอร์ไกสท์ ถูกกำจัดเรียบร้อยแล้ว” ชายปริศนาใช้นิ้วชี้สัมผัสบริเวณใบหูแล้วพูดขึ้น
“แล้วก็ พบเด็กผู้หญิงบาดเจ็บอยู่ที่นี่” ชายปริศนาพูดต่อ ก่อนที่เขาจะเก็บปืนแล้วเดินไปหามิโอะที่ได้แต่มองเขาตาปริบๆ
“ไม่เป็นไรนะ” ชายปริศนาพูดสั้นๆ มิโอะที่กำลังสับสนพยักหน้าให้เขา
“เมื่อกี้นี้คือ... แล้วคุณคือ??”
“เดี๋ยวจะมีคนพาเธอออกไปจากที่นี่ ที่นี่มันอันตราย” ชายปริศนาไม่ตอบคำถามของมิโอะ มิโอะก็ไม่ได้ถามอะไรเขาต่อ ซักพักก็มีหญิงสาวสองคนเดินเข้ามาในห้อง คนนึงเป็นหญิงสาวผมยาวสีชมพูสวมชุดสเว็ตเตอร์แขนยาว และอีกคนเป็นสาวผมสั้นดูคล้ายผู้ชายพร้อมปืนกลเบาในมือ
“เละเทะเลยนะ” หญิงสาวผมสีชมพูพูดขึ้นเมื่อเห็นสภาพห้องที่เละเทะเต็มไปด้วยสิ่งของหลายชิ้นตกกระจัดกระจายเต็มห้อง รวมทั้งเศษแก้วและของเหลวหกเลอะเทอะไปทั่ว
“โพลเทอร์ไกสท์พวกนี้ เธอคิดว่าน่าจะมีเวนเดททร้าควบคุมมันอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า มิสะ” ชายผมดำพูดกับหญิงสาวผมสีชมพูที่เขาเรียกว่ามิสะ
“ชั้นก็ไม่มั่นใจเหมือนกันนะมิคาโดะ ตามรายงานล่าสุดของโซระไม่ได้บอกไว้ แต่ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมเธอคงรายงานเข้ามาอีก” มิสะตอบ
“แล้วเด็กผู้หญิงคนนี้จะทำยังไง” ชายผมดำหรือมิคาโดะพูดถึงมิโอะที่ได้แต่นั่งอยู่ตรงนั้นโดยที่ไม่เข้าใจเรื่องอะไรที่เกิดขึ้นเลยทั้งสิ้น
“เวอร์ดี้ พาเธอหนีไปจากอาณาเขตนี้ ถ้าออกไปไม่ได้พาเธอไปซ่อนในที่ปลอดภัย” มิสะสั่งการเวอร์ดี้หรือสาวผมสั้นดูลักษณะคล้ายผู้ชาย ทำให้เธอพยักหน้าแล้วเดินไปหามิโอะ
“ยืนไหวไหมคะ” เวอร์ดี้ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พร้อมยื่นมือมาให้มิโอะ มิโอะจับมือเธอไว้ เธอดึงมิโอะขึ้นมายืนแต่มิโอะก็ทรุดลงไปอีกครั้งเพราะยังคงเจ็บแผลบริเวณข้อเท้า ทำให้เวอร์ดี้ตัดสินใจพยุงตัวเธอขึ้นมาแล้วค่อยๆพาเธอเดินออกจากห้องวิทยาศาสตร์
“มันไม่ได้มีแค่นี้แน่” มิสะพูดขึ้น แล้วใช้นิ้วชี้สัมผัสบริเวณใบหู
“สไมล์ ได้ยินไหม นี่มิสะพูด ประจำตำแหน่งหรือยัง”
“ประจำตำแหน่งแล้วค่ะ” เสียงของผู้หญิงที่ถูกเรียกว่าสไมล์ดังขึ้นผ่านทางวิทยุสื่อสารขนาดเล็กจิ๋วของมิสะ
“แล้วเชนล่ะ?” มิสะถามต่อ
“ประจำตำแหน่งเรียบร้อยแล้วเหมือนกันค่ะ” สไมล์พูดผ่านทางวิทยุสื่อสารอีกครั้ง
“คอยเฝ้าระวังให้ดี พบสิ่งแปลกปลอมยิงได้ทันที” มิสะพูดทิ้งท้าย
“รับทราบค่ะ” สไมล์กล่าวรับทราบก่อนที่จะเลิกติดต่อไป มิสะสะบัดแขนทั้งสองข้างให้บลัดดี้แมรี่ อาวุธพิฆาตประจำตัวของเธอออกมา
“ไปกันเถอะ”
----------------------------------------------------
เวอร์ดี้พยายามพยุงตัวมิโอะเดินลงบันไดอย่างยากลำบาก สายตาของเวอร์ดี้สอดส่องหาอันตรายรอบกาย พบว่ามีเพียงแต่ความมืดมิดที่ปกคลุมเท่านั้น เวอร์ดี้พยุงตัวมิโอะจนถึงบันไดขั้นสุดท้ายจนได้ ระยะทางอีกเพียงแค่เล็กน้อยเธอทั้งคู่ก็จะสามารถออกไปนอกตัวอาคารได้
“ชั้นพอเดินไหว ไม่เป็นไรค่ะ” มิโอะพูดขึ้นเพราะเริ่มรู้สึกว่าเธอเหมือนตัวถ่วงของเวอร์ดี้ แม้จริงๆแล้วเธอเองก็รู้ว่ายังไงๆเธอก็เดินเองไม่ไหวแน่ๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ อีกนิดเดียว” เวอร์ดี้ยิ้มให้มิโอะ แล้วพยุงตัวเธอจนมาถึงประตูอาคาร เวอร์ดี้ผลักประตูออกไปภายนอก
“อดทนหน่อยนะคะ ใกล้แล้ว...” เมื่อเวอร์ดี้พูดจบก็มีอะไรบางอย่างพุ่งเข้าใส่มิโอะกับเวอร์ดี้อย่างรวดเร็ว ทำให้เวอร์ดี้กับมิโอะล้มไปคนละทาง เวอร์ดี้ตีลังกาขึ้นมาทรงตัวแล้วจัดการใช้ปืนกลเอ็มพีไฟฟ์ในมือยิงใส่สิ่งลึกลับดังกล่าว แต่ก็พบว่ากระสุนไม่ได้ไปโดนอะไรนอกจากความว่างเปล่า
“ไม่เป็นไรนะคะ” เวอร์ดี้ถามมิโอะที่ล้มลงไปกองกับพื้น สายตาของเธอก็พยายามสอดส่องหาสิ่งลึกลับที่พุ่งเข้ามาทำร้ายเธอทั้งคู่
ซักพักมันก็ปรากฏขึ้น สิ่งลึกลับนั่นก็คือเวนเดททร้าเด็กหนุ่มที่ใบหน้าเละจนเห็นกระดูกไปข้างหนึ่ง รวมทั้งร่างกายก็เละเทะจนเห็นกระดูกหลายจุด เวอร์ดี้จัดการยิงใส่มันทันที แต่มันหลบได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะปรากฏอีกครั้งแล้วพุ่งเข้าใส่เวอร์ดี้จนเธอต้องกระโดดกลิ้งหลบ
“หนีไปเร็วค่ะ ชั้นจัดการเอง” เวอร์ดี้บอกมิโอะ มิโอะพยักหน้าแล้วพยายามกัดฟันฝืนความเจ็บปวด ลุกขึ้นเดินกะเผลกโดยมีเป้าหมายคือประตูหน้าโรงเรียน เวอร์ดี้พยายามจะยิงสกัดเวนเดททร้าเด็กหนุ่มแต่ดูเหมือนมันจะไม่โดนเลยซักนิด มันลอยหลบได้อย่างรวดเร็วและพุ่งเข้าใส่เวอร์ดี้อีกครั้ง เธอพลาดท่าถูกมันกระแทกจนกระเด็นออกไปกระแทกกำแพงจนถึงกับหมดสติไป เวนเดททร้าเด็กหนุ่มไม่ได้สนใจเวอร์ดี้ที่พลาดท่าแต่กลับสนใจมิโอะที่พยายามจะหนีออกจากบริเวณนี้ มันจ้องมิโอะอย่างใจเย็นราวกับรู้ว่าเธอคงหนีไปได้ไม่ไกลกว่านี้จากบาดแผลที่บริเวณข้อเท้า ก่อนที่มันจะพุ่งเข้าใส่มิโอะอย่างรวดเร็ว โดยที่มิโอะก็ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าเธอกำลังอยู่ในอันตราย...
ทันใดนั้นมิโอะก็ถูกใครบางคนตะครุบตัวเธอจนพ้นจากการพุ่งตัวเข้าโจมตีของเวนเดททร้าตัวนั้น เธอและบุคคลดังกล่าวไถลกลิ้งไปตามพื้น
“ไม่เป็นไรนะมิโอะ” เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้น เมื่อมิโอะมองหน้าบุคคลที่ช่วยเหลือเธอจนพ้นจากอันตรายชัดๆก็พบว่าเป็นเพื่อนสนิทของเธอนั่นเอง
“โนโดกะจัง!!” มิโอะมีน้ำเสียงที่แปลกใจอย่างเห็นได้ชัด
“ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่”
“ก็มาช่วยเธอน่ะสิ” โนโดกะตอบ พลางหยิบปืนกล็อกที่เหน็บไว้ที่เอวขึ้นมาแล้วเล็งไปที่เวนเดททร้าเด็กหนุ่มที่ลอยอยู่กลางอากาศหลังจากโจมตีพลาด
“ไอ้หน้าเละ ทำเพื่อนชั้นได้นะแก ตายซะเถอะ!!” โนโดกะยิงใส่เวนเดททร้าตัวนั้น แต่ว่ากระสุนกลับไม่โดนมันเลยสักนัดทั้งๆที่มันลอยอยู่เฉยๆ
“โดนสิ!!!” โนโดกะตะโกน แต่ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์ เพราะกระสุนต่างพุ่งไปอย่างไร้ทิศทาง จนเวนเดททร้าเด็กหนุ่มพุ่งเข้าใส่โนโดกะ แต่เธอก็ยังมีความว่องไวกระโดดหลบได้อย่างหวุดหวิด
“เธอใช้ปืนเป็นด้วยหรอ”
“อ... เอ่อ... เป็นล่ะมั้ง” โนโดกะตอบด้วยน้ำเสียงอ้ำๆอึ้งๆ ซึ่งคำตอบของเธอมันดูขัดกับการกระทำของเธอราวฟ้ากับเหว แต่เธอไม่มีเวลามาคิดเล็กคิดน้อย เพราะเวนเดททร้าเด็กหนุ่มได้พุ่งเข้าหาเธออีกครั้ง
โนโดกะเล็งยิงไปที่มันทันทีในระยะเผาขน ซึ่งแน่นอนว่ายังไงก็ไม่พลาด กระสุนพุ่งทะลุผ่านเวนเดททร้าเด็กหนุ่ม แต่ทว่ามันกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนกระสุนแค่ผ่านร่างของมันไปเฉยๆ ทำให้โนโดกะถูกพุ่งเข้าโจมตีเต็มๆจนเธอกลิ้งไปกับพื้น โนโดกะพยายามพยุงตัวเองขึ้นมาในสภาพที่ร่างกายเต็มไปด้วยรอยถลอก
“ทำไมมันไม่เป็นอะไรเลยอ่ะ” โนโดกะงงเป็นไก่ตาแตกเมื่อพบว่ากระสุนไม่สามารถทำอะไรเวนเดททร้าเด็หนุ่มได้เลย และตอนนี้มันก็กำลังเคลื่อนที่เข้าไปหาโนโดกะอีกครั้ง โนโดกะใช้ปืนในมือยิงใส่มันแต่ผลออกมาก็เหมือนเดิมเมื่อกระสุนทำอันตรายมันไม่ได้เลย ทำให้โนโดกะเริ่มทำอะไรไม่ถูก เวนเดททร้าเด็กหนุ่มเคลื่อนที่เข้ามาใกล้จะถึงตัวโนโดกะอยู่แล้ว แต่มันกลับเบนเข็มความสนใจไปที่มิโอะแทน มิโอะที่ยังไม่สามารถลุกขึ้นได้จากบาดแผลที่ข้อเท้าก็ได้แต่คลานหนี โนโดกะเห็นเพื่อนคตนเองอยู่ในอันตรายก็ใช้ปืนในมือยิงใส่แม้รู้ว่าไร้ประโยชน์
“ถอยไปจากเธอนะ!!” โนโดกะตะโกน เวนเดททร้าเด็กนุ่มไม่ได้สนใจทั้งเสียงของเธอและกระสุนที่พุ่งผ่านร่างของมัน โนโดกะยิงจนกระสุนหมด เวนเดททร้าเด็กหนุ่มยังคงเคลื่อนที่เข้าหามิโอะอย่างช้าๆอย่างไม่รีบร้อนเพราะรู้ว่ามิโอะหมดหนทางที่จะหนีพ้นแล้ว โนโดกะไม่มีทางเลือกอะไรนอกจากพยายามจะวิ่งเข้าไปหามิโอะเพื่อหวังจะช่วยเธอแม้รู้ว่ามันน่าจะสายไปแล้ว
แต่ทว่าหญิงสาวที่โนโดกะคุ้นเคยปรากฏตัวขึ้นพร้อมใบมีดคู่ใจที่โผล่ออกมาจากแขนเสื้อทั้งสองข้าง เธอก็คือมิสะที่เปรียบเสมือนโค้ชที่คอยฝึกให้โนโดกะเป็นสุดยอดเจ้าหน้าที่ มิสะพุ่งเข้าใช้มีดของเธอฟาดฟันไปที่ร่างของวิญญาณเด็กหนุ่ม แต่มันพุ่งหลบไปได้อย่างหวุดหวิดแล้วขึ้นไปลอยบนอากาศ
“ยัยบ๊อง เธอเอากระสุนซ้อมมาใช้ทำไม” มิสะตะโกน
“กระสุนซ้อม?” โนโดกะพูดขึ้นแบบมึนๆ อารมณ์เหมือนคนเพิ่งตื่นนอน
“แล้วเธอมาทำไมที่นี่ ชั้นบอกให้เธอซ้อมยิงปืนที่องค์กร”
“ชั้นมาช่วยเพื่อนชั้น” โนโดกะตอบ พลางมองไปที่มิโอะ
“ใจกล้าดีเหมือนกันนะ” มิสะพูด แล้วใช้นิ้วชี้สัมผัสไปที่บริเวณใบหู
“สไมล์ เชน เปลี่ยนตำแหน่งซุ่มยิง พบเวนเดททร้าอยู่ที่หน้าอาคารเรียน” มิสะติดต่อหน่วยซุ่มยิงผ่านทางวิทยุขนาดจิ๋ว โดยที่ปลายสายตอบว่า “รับทราบ”
“เธอพาเพื่อนของเธอหลบไป ทางนี้ชั้นจัดการเอง” มิสะพูดพร้อมยืนจังก้าเผชิญหน้ากับเวนเดททร้าเด็กหนุ่มที่ลอยอยู่กลางอากาศ ส่วนโนโดกะวิ่งไปพยุงมิโอะขึ้นมา
“เอาล่ะ คู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกับแกอยู่ตรงนี้แล้ว” มิสะพูดกับเวนเดททร้าเด็กหนุ่ม แต่ดูเหมือนมันจะไม่ฟังคำพูดของเธอเลย แถมสายตาของมันกลับจับจ้องไปที่โนโดกะที่พยายามพยุงมิโอะหนีไป
“ไม่ใช่เธอ ชั้นไม่ต้องการเธอ” เวนเดททร้าเด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำดังกึกก้อง ก่อนที่มันจะลอยผ่านมิสะที่เตรียมพร้อมจะต่อสู้ไปหามิโอะแทน โนโดกะที่พยุงมิโอะอยู่ถูกผลักกระเด็นออกไป ส่วนมิโอะที่ล้มลงไปกับพื้นเพราะไม่มีคนช่วยพยุงถูกเวนเดททร้าเด็กหนุ่มขึ้นคร่อมแล้วบีบคอ
“มาอยู่ด้วยกันเถอะ มาอยู่ด้วยกันเถอะ” เวนเดททร้าเด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำซ้ำไปมา ใบหน้าที่เละจนเห็นกระดูกไปครึ่งหนึ่งของมันฉีกยิ้มอย่างน่าสยดสยอง มิโอะหายใจไม่ออก พยายามดิ้นตะเกียกตะกาย มิสะเห็นดังนั้นวิ่งเข้าไปหาแต่กลับถูกอะไรบางอย่างผลักออกมาจนกระเด็น
มิโอะเริ่มหยุดนิ่ง เธออ้าปากค้างเหมือนพยายามจะสูดเอาออกซิเจนจากทุกช่องทางมาให้มากที่สุด แต่ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ มิโอะหลับตาแน่นิ่งไป เวนเดททร้าหนุ่มปล่อยมือออก รอยยิ้มอันน่าสยดสยองเริ่มฉีกกว้างขึ้นไปอีก
“เราจะได้อยู่ด้วยกันแล้ว...”
เปรี้ยง!! เปรี้ยง!!
กระสุนปริศนาสองนัดพุ่งเข้าใส่ร่างเวนเดททร้าเด็กหนุ่มติดๆกันจนมันถึงกับกระเด็น ปรากฏเป็นหญิงสาวผมสั้นประบ่าสีดำในชุดว่ายน้ำวาบหวิวสีขาว ถือปืนสองกระบอก เดินเข้ามาอย่างช้าๆ มือขวาของเธอถือปืนพก ส่วนมือซ้ายของเธอถือปืนลูกโม่ ปืนทั้งสองกระบอกถูกเล็งไปข้างหน้า ซึ่งที่มาของกระสุนสองนัดนั้นก็คงจะออกมาจากปากกระบอกปืนทั้งสองกระบอกนี้แน่ๆ
“มาโมรุ...” มิสะเรียกชื่อเธอ หญิงสาวในชุดว่ายน้ำควงปืนสองกระบอกในมืออย่างชำนาญแล้วเก็บใส่ซองปืนที่ติดอยู่กับเข็มขัดที่พาดเอว ก่อนที่จะดึงมิสะที่นั่งอยู่ขึ้นมา
“ยังแม่นเหมือนเดิมเลยนะ” มิสะพูด มาโมรุยิ้มมุมปากเล็กๆ
“แบล็กแจ็คของชั้นไม่มีคำว่าพลาด” มาโมรุกล่าว ในขณะที่เวนเดททร้าเด็กหนุ่มได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
“รู้สึกเจ้านี่จะอยากมีเพื่อนไปอยู่ด้วยน่ะนะ” มิสะพูดพร้อมตั้งท่าเตรียมพร้อม
“งั้นก็ส่งมันกลับไปหาเพื่อนมันที่นรกแล้วกัน” มาโมรุพูดจบก็หยิบปืนสองกระบอกขึ้นมาควงอีกครั้ง ตอนนี้เวนเดททร้าเด็กหนุ่มดูเหมือนจะพุ่งเป้ามาที่มิสะกับมาโมรุแล้ว มันพุ่งเข้าใส่สองหญิงสาว แต่พวกเธอต่างหลบได้ มิสะใช้มีดสั้นตวัดฟันไปที่แขนของเวนเดททร้าเด็กหนุ่ม คมมีดของบลัดดี้แมรี่ทำให้แขนที่เละจนเห็นกระดูกของมันขาดทันที วิญญาณเด็กหนุ่มมัวแต่มองแขนที่หายไปของตนก็เจอกระสุนปืนจากมาโมรุ แต่มันยังเบี่ยงตัวหลบได้ แล้วพุ่งเข้าใส่มาโมรุ มาโมรุกระโดดลอยตัวไปด้านหลังทำให้วิญญาณเด็กหนุ่มพุ่งผ่านตัวเธอไปอย่างเฉียดฉิว เมื่อแผ่นหลังของมาโมรุสัมผัสกับพื้นเธอก็สปริงตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วพร้อมกระหน่ำยิงไปที่เวนเดททร้าเด็กหนุ่มด้วยปืนพกในมือขวา มันโดนกระสุนไปเต็มๆ แต่ดูเหมือนมันจะไม่หยุดโจมตีเมื่อมันพุ่งเข้าใส่มาโมรุอีกครั้ง คราวนี้มิสะพุ่งตัวเข้ามาขวางแล้วใช้มีดสั้นทั้งสองข้างฟาดฟันเป็นรูปตัวเอ็กซ์ เวนเดททร้าเด็กหนุ่มเบี่ยงตัวหลบไม่พ้นเลยเจอคมมีดตัดแขนไปอีกข้าง
“กลายเป็นเดชไอ้ด้วนไปซะแล้ว” มิสะยิ้มเยาะ เวนเดททร้าเด็กหนุ่มมีท่าทีโกรธจัดพุ่งเข้าใส่มิสะ แต่จู่ๆก็มีกระสุนปริศนาพุ่งเข้าใส่เต็มๆหน้าอกของมัน ทำให้มันหยุดนิ่ง ก่อนที่จะมีกระสุนอีกนัดพุ่งเข้าใส่กลางศีรษะของมันจนแตกกระจาย จากนั้นร่างของมันก็เริ่มสลายหายไปอย่างช้าๆ พร้อมกับบรรยากาศโดยรอบที่ดูวังเวงน่าขนลุกก็เปลี่ยนไปเป็นบรรยากาศเงียบสงบในยามค่ำคืน
“ดูเหมือนพวกเราจะหลุดจากมิติวิญญาณแล้วนะ” มาโมรุกล่าวพร้อมเก็บปืน รวมทั้งมิสะก็สะบัดแขนให้มีดสั้นถูกเก็บไปอยู่ในแขนเสื้อตามเดิม
“ทำได้ดีมาก สไมล์ เชน” มิสะกล่าวชื่นชมเจ้าของกระสุนปริศนาทั้งสองนัดผ่านทางวิทยุสื่อสาร ซึ่งก็คือสไมล์และเชนสองเจ้าหน้าที่ซุ่มยิง ทั้งสองต่างอยู่บนตำแหน่งที่สูงเพื่อทัศนวิสัยที่กว้างไกลพร้อมปืนไรเฟิลซุ่มยิงติดลำกล้อง ทั้งสไมล์และเชนต่างใช้ปืนไรเฟิลแบบเดียวกันที่ถูกสลักชื่อไว้ว่า “เฮฟเว่นส์ แอร์โรว์”
ทางเวอร์ดี้ที่ถูกซัดไปติดกำแพงก็เริ่มได้สติ มิคาโดะที่สำรวจภายในอาคารก็ออกมาจากตัวอาคาร รวมทั้งหน่วยซุ่มยิงทั้งสองอย่างชายวัยกลางคนนามว่าเชน และเด็กสาวผมยาวสีดำที่ถูกรวบเป็นหางม้าด้านข้างที่ถูกเรียกว่าสไมล์ก็ต่างลงมาจากจุดซุ่มยิงมารวมตัวกับคนอื่นๆเช่นกัน
โนโดกะเองก็เริ่มลุกขึ้นหลังถูกเล่นงาน สิ่งแรกที่เธอทำคือวิ่งไปหามิโอะที่นอนแน่นิ่งอยู่ เธอพยายามเขย่าตัวมิโอะแต่เธอกลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ
“มิโอะ!!” โนโดกะตะโกนเรียกชื่อเพื่อนสนิท แต่เธอก็ยังไม่ตอบสนองใดๆ เจ้าหน้าที่ในชุดรัดรูปสีดำสองคนเดินเข้ามาพร้อมเปลสำหรับเคลื่อนย้ายผู้ป่วย มิคาโดะและเชนช่วยกันค่อยๆยกร่างของมิโอะขึ้นมานอนบนเปล ก่อนที่เจ้าหน้าที่ทั้งสองจะพามิโอะออกไปจากบริเวณนั้น
“มิโอะจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม” โนโดกะตะโกนถามเจ้าหน้าที่แต่ละคนที่กำลังจะเดินออกจากโรงเรียน แต่ไม่มีใครตอบเธอ ราวกับว่าคำตอบที่เธอได้รับมันอาจจะร้ายแรงจนเธอรับไม่ได้ พวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ตอบ...
“มิโอะ... มิโอะ!! ยัยมิโอะ!!!!!”
----------------------------------------------------
----------------------------------------------------
Ghost Hunter Archives
Ghost Data #3 Poltergeistโพลเทอร์ไกสท์ คือวิญญาณที่ไม่ปรากฏเป็นรูปร่าง แต่จะมีลักษณะคล้ายพลังงาน มีอำนาจในการเคลื่อนย้ายสิ่งของ และสามารถใช้สิ่งของเหล่านั้นโจมตีมนุษย์ได้ เป็นวิญญาณที่สร้างความรำคาญซะมากกว่า แต่ในขณะเดียวกันมันก็มีความอันตรายสูงเช่นกันหากสิ่งของที่พวกมันควบคุมเป็นสิ่งของอันตรายต่างๆ เช่น มีด ระเบิด
Weapon Data #5 Blackjackแบล็คแจ็ค คือชื่ออาวุธประจำตัวของมาโมรุ เป็นปืนคู่สองกระบอก กระบอกขวาจะเป็นปืนพก Baretta M92F บรรจุ 15 นัด และกระบอกซ้ายเป็นปืนลูกโม่ Colt Anaconda บรรจุ 6 นัด สำหรับปืนลูกโม่ใช้กระสุนขนาด .44 ซึ่งมีอานุภาพทำลายล้างสูงมากรวมทั้งมีแรงสะท้อนกลับที่รุนแรง ส่วนปืนพกใช้กระสุนขนาด 9 มม.ซึ่งมีอานุภาพต่ำกว่า โดยตัวมาโมรุจะใช้ปืนลูกโม่ข้างซ้ายยิงใส่วิญญาณก่อนเพื่อให้มันหยุดชะงักก่อนที่จะใช้ปืนพกในข้างขวายิงกระหน่ำใส่มันจนตาย สาเหตุที่ชื่อว่าแบล็คแจ็คเนื่องจากจำนวนกระสุนของปืนสองกระบอกรวมกันได้ 21 นัด ซึ่งเป็นจำนวนแต้มสูงสุดของเกมไพ่แบล็คแจ็ค
Weapon Data #6 Heaven’s Arrowเฮฟเวนส์ แอร์โรว์ คือปืนไรเฟิลติดลำกล้องที่ดัดแปลงจากปืนซุ่มยิงดรากูนอฟของรัสเซีย โดยการติดตั้งลำกล้องมองกลางคืนแบบพิเศษที่ทำให้มองเห็นวิญญาณได้อย่างชัดเจน ใช้กระสุนขนาด 7.62x54 มม. บรรจุกระสุนได้สูงสุด 10 นัด เป็นอาวุธประจำตัวของเชน ลอคแลร์ และ ชิฮายะ “สไมล์” มิโนริ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ซุ่มยิงคนอื่นๆ สำหรับชื่อของมัน มาจากการโจมตีได้ในระยะไกลและแม่นยำมาก ราวกับการลงทัณฑ์จากสวรรค์