บทเพลง “มูนไลท์ โซนาต้า” ของลุดวิจ ฟาน บีโธเฟ่นถูกบรรเลงด้วยเปียโนสีดำสนิทดังกังวานไปทั่วห้องมืดทรงสี่เหลี่ยม มีเพียงแสงสว่างเล็กน้อยที่ลอดผ่านหน้าต่างเพียงไม่กี่บานภายในห้องเท่านั้น ชายร่างยักษ์ในเงามืดกรีดนิ้วบรรเลงเพลงคลาสสิกของยอดคีตกวีชื่อดัง เสียงอันเสนาะเพราะพริ้งราวกับเครื่องดนตรีจากสรวงสวรรค์ชวนให้หลงใหล เมื่อชายในเงามืดบรรเลงเพลงจนจบเขาก็ลุกขึ้น
“เป็นไงบ้างลูก วันนี้พ่อเล่นเพราะไหม?” ชายในเงามืดสนทนากับใครบางคนที่น่าจะอยู่ห้องเดียวกับเขา แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ
“ลูกชอบเพลงนี้จริงๆเลยนะ ต้องให้พ่อเล่นให้ฟังทุกวันเลย” เขาพูดต่อ ยังคงไม่มีเสียงโต้ตอบใดๆอีกเช่นเคย
“อยากฟังอีกหรอ?” เมื่อเขาพูดจบก็ลงไปนั่งเหมือนเดิม และบรรเลงบทเพลงคลาสสิกเพลงเดิมขึ้นมาอีกครั้ง
ก๊อก... ก๊อก...เสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างช้าๆ นิ้วทั้งสิบของชายในเงามืดยังคงไม่หยุดบรรเลงเพลง แต่ปากของเขาพูดว่า “เข้ามา” ผู้มาเยือนจึงเปิดประตูเข้ามาอย่างเงียบๆ เสียงเพลงยังคงบรรเลงต่อไปเรื่อยๆในขณะที่ผู้มาเยือนเดินเข้ามาภายในห้อง
“ท่านครับ... พวกโกสท์ฮันเตอร์ปิดกั้นรอยต่อระหว่างมิติได้แล้วครับ”
ตึง!!!เมื่อสิ้นเสียงคำพูดของผู้มาเยือน ชายในเงามืดก็ได้กระแทกนิ้วทั้งสิบลงไปบนแป้นเปียโนพร้อมกันจนกำเนิดเสียงอันไม่น่าอภิรมย์ ร่างกายของผู้มาเยือนกระตุกเล็กน้อยด้วยความตกใจกับเสียงดังกล่าว ชายในเงามืดหยุดบรรเลงเพลงและลุกขึ้น เขาเดินอย่างช้าๆไปหาผู้มาเยือนที่ยืนสงบนิ่งด้วยท่าทีเกร็งๆ ในใจของเขาเหมือนคิดหวาดกลัวว่าคำพูดดังกล่าวจะทำให้คู่สนทนาไม่พอใจ แต่ทว่าชายในเงามืดเพียงแค่เดินไปคว้าขวดไวน์องุ่นแดงชั้นดีและรินลงบนแก้วไวน์ทรงสูงที่อยู่บนโต๊ะเท่านั้น ของเหลวข้นคลั่กสีแดงอมม่วงค่อยๆเคลื่อนที่จากขวดลงสู่แก้วอย่างช้าๆ
“นายคงไม่ได้มาเพื่อรายงานเพียงแค่นี้สินะ” ชายในเงามืดเอ่ยถาม พลางวางขวดไวน์ลงบนโต๊ะ และคว้าแก้วทรงสูงที่เต็มไปด้วยของเหลวสีแดงอมม่วงอยู่ภายใน
“ชั้นเดาว่านายจะต้องมีแผนที่จะรับมือกับสถานการณ์นี้แล้วใช่หรือไม่?” ชายในเงามืดขยับตัวไปยืนอยู่หน้าหน้าต่าง แสงที่สาดส่องเผยให้เห็นแววตาอันดุดันของเขา
“ช... ใช่ครับ” ผู้มาเยือนตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ราวกับว่านั่นไม่ใช่คำตอบจริงๆที่เขาต้องการจะตอบ
“นายเป็นคนบอกชั้นเองว่านายเป็นคนเดียวที่สามารถทำให้สิ่งที่ชั้นต้องการเป็นจริงได้”
“ชั้นจึงเชื่อมั่นในตัวนาย นายเป็นความหวังเดียวของชั้น... ดังนั้นอย่าทำให้ชั้นผิดหวังล่ะ” ชายในเงามืดพูดพร้อมจิบไวน์อย่างมีรสนิยม ผู้มาเยือนไม่ได้พูดอะไรต่อ ชายในเงามืดเดินไปนั่งที่เก้าอี้นวมตัวใหญ่และหมุนเก้าอี้ตัวนั้นพร้อมหันไปจ้องมองหน้าผู้มาเยือน
“มัวยืนทำอะไรอยู่ล่ะ... ไปดำเนินตามแผนการสิ” เมื่อชายในเงามืดพูดเช่นนั้น ผู้มาเยือนก็กล่าวรับทราบและเดินจากไป เสียงเปิดและปิดประตูนั้นเป็นเสียงสุดท้ายก่อนที่จะบังเกิดความเงียบงันขึ้นในห้องมืดอีกครั้ง ชายในเงามืดยังคงนั่งจิบไวน์อย่างมีความสุข ก่อนที่เขาจะครุ่นคิดอะไรบางอย่างพลางหมุนแก้วไวน์จนเกิดคลื่นเล็กๆจากของเหลวภายในแก้วนั้น
เพล้ง!!!ชายในเงามืดออกแรงบีบแก้วใบนั้นจนแตกกระจายด้วยมือเพียงข้างเดียว ของเหลวสีแดงอมม่วงที่อยู่ภายในหกเลอะเทอะไปทั่วบริเวณ ฝ่ามือที่เต็มไปด้วยเศษแก้วและคราบแดงๆนั้นไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันคือสีของสิ่งที่เคยอยู่ภายในแก้วหรือสีของเลือด
“พวกโกสท์ฮันเตอร์... แกจะต้องชดใช้กับสิ่งที่พวกแกทำ...”
ชายในเงามืดคำรามพร้อมรังสีอำมหิตแผ่ซ่านไปทั่วห้องมืดทรงสี่เหลี่ยม
นั่นอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์บางอย่างที่ร้ายแรงเกินคาดเดา...
To be continued