”เหล่าคนตายไม่มีทางพื้นกลับ แต่พวกมันอยู่กับเรา”
จอห์น
=====
ผมลืมตาตื่นขึ้นมา ผมอยู่บนเตียงอุ่นๆในห้องแคบๆ ผมลุกมานั่งบนเตียงก่อนจะนึกภาพเมื่อวาน ภาพของกระสุนที่เจาะเข้ากลางศีรษะของผู้หญิงในร้านสะดวกซื้อยังคงตราตึงอยู่ในหัว เช่นเดียวกันกับกลิ่นคาวเลือดของเธอที่ยังคงติดอยู่ที่จมูก เสียงของผู้หญิงคนนั้นที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวก็ยังคงติดอยู่ในความทรงจำของผม ตลอดชีวิตของผมมา ผมไม่เคยเห็นศพใครมาก่อนเลย และเมื่อวานก็เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นศพของคนจริงๆ มันเป็นอะไรที่น่าสะอิดสะเอียนมาก ผมเดินตรงไปยังห้องน้ำ ก่อนจะอาบน้ำแปรงฟัน คงจะพูดได้ว่ายังโชคดีที่ของเหล่านี้ยังสามารถใช้ได้อยู่ เมื่อผมทำธุระของผมเสร็จ ผมก็เดินไปหยิบเสื้อจากกระเป๋าของผมที่ถูกไว้บนพื้น มองออกไปนอกหน้าต่างก็ยังคงเห็นเหล่าซากศพที่เดินไปเดินมาอย่างไร้จุดหมาย ผมเดินออกไปข้างนอกห้อง เมื่อออกไปก็เห็นหญิงผมสีส้มที่ออกมาจากประตูห้องเช่นกัน
“อ้าว สวัสดีจอร์แดน เมื่อคืนหลับสบายรึเปล่า?” เธอถาม
“ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ เมื่อคืนชั้นยังฝันถึงเหตุการณ์ในร้านสะดวกซื้อนั่นอยู่เลย” ผมตอบไปตรงๆ
“งั้นหรอ ชินไว้ซะล่ะ เพราะยังไงนายก็คงได้เห็นเรื่องพวกนี้อีกเยอะแน่ๆ” ฟรานซิสพูดพลางปิดประตูห้องของเธอ
“จะว่าไป ชั้นขอถามหน่อยได้ไหมว่าก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ฟรานซิสเป็นอะไรมาก่อน?” ด้วยความอยากรู้อยากเห็นจึงถามไป
“อ่อ ชั้นหรอ...ก่อนที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ชั้นเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์มาก่อน” หญิงผมส้มตอบ
คำตอบของเธอนั้นทำให้ผมตะลึงไปไม่น้อย และดูเหมือนเธอเองก็เห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตะลึงของผม
“ทำหน้าแบบนั้นหมายความว่าอะไร?”
“เอ่อ ชั้นไม่คิดว่าเธอจะเคยเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์มาก่อนน่ะ ชั้นคิดว่าเธอเป็นพวกตำรวจซะอีก”
“ทำไมนายคิดแบบนั้นล่ะ?” ฟรานซิสถามต่อ
“ดูจากเมื่อวานน่ะ” ผมตอบสั้นๆ
“แล้วนายล่ะ เป็นอะไรมาก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นี้” ฟรานซิสถามกลับ
“พนักงานบริษัทธรรมดาๆน่ะ ไม่มีอะไรตื่นเต้น” ผมตอบ
เธอทำสีหน้าผิดหวังเล็กน้อยหลังจากที่ได้ยินว่าผมเป็นแค่พนักงานบริษัทธรรมดา ดูเหมือนจะคาดหวังอะไรที่ดู “น่าตื่นเต้น” กว่านี้ น่าเสียดายหน่อยนะที่การที่ผมเป็นพนักงานเงินเดือนธรรมดาๆ ในบริษัทขนาดกลางๆ มันคงไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นนอกจากการที่จะต้องฟังหัวหน้าตัวเองทำตัวงี่เง่าทุกวันนั่นแหละ พวกเราเดินลงไปไม้ไปอย่างช้าๆ เนื่องด้วยว่าบันไดนั้นแคบจึงทำให้พวกเราลงได้ทีละคน เมื่อลงมาถึงชั้นหนึ่ง ผมก็เห็นชายผิวสีในเครื่องแบบตำรวจนั่งเช็ดปืนอยู่ ดวงตาของเขานั้นมองออกไปข้างนอก ดูเหมือนเขาจะคอยดูว่ามีผู้บุกรุกรึเปล่า เอาจริงๆผมยังไม่รู้เลยว่าเขาชื่ออะไร เพราะหลังจากเหตุการณ์เมื่อวานผมก็ตรงเข้าไปยังห้องนอนใหม่ของผมด้วยความสะพรึงกลัว ผมไม่ได้เรียกอะไรเขา เพราะผมไม่อยากทำลายสมาธิของเขาเท่าไหร่ ผมกับฟรานซิสเดินตรงไปยังห้องครัวที่มีชายผมน้ำตาลที่กำลังทำอาหารอยู่ แถวๆนั้นมีอเล็กซ์ที่นั่งรออาหารอยู่ ผมกล่าวทักทายชายร่างยักษ์คนนี้ก่อนจะดึงเก้าอี้มานั่งข้างๆเขา ส่วนฟรานซิสก็เดินอ้อมไปนั่งตรงข้ามกับผม ไม่นานนักอาหารก็ถูกทำเสร็จ เขาเดินมาก่อนจะเสริพ์อาหารลงบนโต๊ะ มันเป็นไข่ดาวกับแฮม
“ขอบคุณมาก เอ่อ....” ผมพยายามจะกล่าวขอบคุณเขา แต่ผมนึกชื่อไม่ออก
“อัลเธนีย์ โจนส์” เขาพูดชื่อของเขาขึ้นมา
“อืมๆ ขอบคุณมาก อัลเธนีย์”
เมื่อทั้งสี่จานวางลงบนโต๊ะแล้ว เขาก็เดินไปหยิบอีกจานที่วางไว้อยู่บนเค้าเตอร์
“ถ้างั้นชั้นเอาอาหารไปให้ แลนด้อน ก่อนก็แล้วกัน” อัลเธนีย์หันมาพูดกับเหล่าผู้รอดชีวิตที่อยู่บนโต๊ะอาหาร
“แลนด้อน?” ผมทวนชื่อที่เขาพูด
“ก็ตำรวจที่นั่งอยู่นั่นไง หมอนั่นชื่อแลนด้อน” ชายผมสีไม้เฉลย
พูดจบเขาก็เดินไปพร้อมกับจานอาหารที่อยู่ในมือ ก่อนที่เขาจะยื่นจานนี้ให้กับชายผิวสีที่นั่งเฝ้ายามอยู่ เขารับไว้ก่อนจะเริ่มใช้ซ่อมปักลงไปบนแฮมและเอาเข้าไป ส่วนทางโต๊ะอาหารนั้นก็เริ่มกินเช่นกัน ผมใช้มีดหั่นไข่ดาวออกมาก่อนจะใช้ซ้อมปักลงไปบนไข่ขาวและเอาเข้าปาก รสชาตินั้นจะบอกว่าธรรมดาๆ แต่เพื่อความอยู่รอดตอนนี้ ผมคงต้องจำใจกินละมั้ง เมื่อพวกเราทุกคนกินข้าวเช้ากันหมดแล้ว แต่ละคนก็ต่างแยกย้ายไปทำธุระของตัวเอง ส่วนอัลเธนีย์ก็นั่งล้างจานอยู่ ผมนั้นนั่งอยู่ที่เดิม
“จะว่าไปก่อนที่ซอมบี้จะบุกเนี่ยอัลเธนีย์ทำอะไรอยู่?” ผมถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ชั้นตกรถที่มารับผู้โดยสาร เพราะชั้นมัวแต่เล่นเกมอยู่ และพอกระแสไฟฟ้าถูกตัด ชั้นก็เลยออกมานอกบ้าน”
“และชั้นก็เจอแลนด้อนนี่แหละ แล้วชั้นก็อยู่นี่” ชายผมหยิกพูดในขณะที่กำลังล้างจานอยู่
“เชี่ย!!” เสียงของชายผิวสีที่ชื่อแลนด้อนดังขึ้นมา
ทุกคนในอพาร์ทเม้นท์นี้ต่างหันไปตามเสียงของชายผิวสีที่กำลังวิ่งไปเปิดประตู เมื่อประตูถูกเปิดมา ก็ปรากฏเป็นชายผมสีส้มที่เคราอยู่ทั่วคาง เขากุมหัวไหล่ของเขาที่โชกไปด้วยเลือด แลนด้อนรีบพยุงให้เขาไปนั่งบนโซฟาเก่าๆ เมื่อเขานั่งลงไปแล้ว เขาก็ส่งกระเป๋ามาทางฟรานซิส ฟรานซิสรับไว้ก่อนจะเปิดมาดู ซึ่งกระเป๋าใบนี้เต็มไปด้วยอาหารกระป๋อง แลนด้อนเอ่ยปากบอกให้ชายคนนี้ให้ปล่อยมือออก เขาปล่อยมือออกตามคำสั่ง และเมื่อเขาปล่อยมือออกก็ปรากฏเป็นรูที่เกิดจากกระสุนปืน แลนด้อนโล่งอกที่ไม่ใช่รอยกัด ก่อนที่ชายผิวสีผู้เป็นตำรวจจะเอ่ยปากถาม
“ซิดนีย์….ใครไปยิงนายมาเนี่ย แล้ววิคล่ะ?” ชายผิวสียิงคำถามเป็นชุด
“พวก เบลด น่ะ...มันยิงพวกเราตอนที่เราเข้าไปเก็บของในห้าง”
“ส่วนวิค....เขาโดนพวกเบลดยิงเข้าไปที่กลางหน้าผาก” ชายผมแดงที่ชื่อซิดนีย์ตอบด้วยสีหน้าเจ็บปวด
“บ้าเอ๊ย....อัลเธนีย์ไปหยิบเอาผ้าพันแผลกับยาฆ่าเชื้อ แล้วก็ยาแก้ปวดมา” แลนด้อนหันไปตะโกนสั่งชายผมหยัก
ชายผมหยักพยักหน้าก่อนจะวิ่งไปที่ห้องเก็บเสบียง ส่วนชายผมส้มนี่ก็หันมามองผมกับอเล็กซ์ที่มองด้วยความตกใจ เขาไม่ได้พูดอะไรก่อนจะหันไปทางฟรานซิสที่ก็ยืนกลัวเช่นกัน
“ไม่ต้องห่วงพี่ไม่เป็นไรหรอก...กระสุนแค่นี้ทำอะไรไม่ได้หรอก”
สิ้นเสียงของเขาอัลเธนีย์ก็กลับมาพร้อมกับกล่องปฐมพยาบาล เขาส่งให้กับแลนด้อน ชายผิวสีรับไว้ก่อนจะเปิดกล่องสีแดงช้าๆ เขาหยิบผ้าพันแผลออกมา พร้อมกับหยิบเอายาฆ่าเชื้อ เขาหายาแก้ปวดอีกอย่าง แต่ดูเหมือนไม่ว่าจะหาเท่าไหร่ๆก็ไม่เจอ สีหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยความกังวลเมื่อเขาไม่เห็นยาแก้ปวด เขาสะบดคนเดียวเบาๆ แลนด้อนหันมาทางผมและอเล็กซ์
“ฟรานซิส พาอเล็กซ์กับจอร์แดน ไปร้านขายยาทีซิ เราต้องการยาแก้ปวด”
ฟรานซิสพยักหน้า ก่อนจะหันมามองผมกับอเล็กซ์ ผมกับอเล็กซ์รีบขึ้นไปหยิบเป้ก่อนจะลงมา ฟรานซิสรีบเปิดประตูก่อนจะออกไป ผมกับอเล็กซ์เดินตามเธอเงียบๆ พวกเราเดินไปถนนคนละเส้นกับทางที่พวกเขาไปยังร้านสะดวกซื้อ ตลอดทางพวกเขานั้นพยายามจะเลี่ยงพวกซอมบี้ให้มากที่สุด พวกเขาเดินอย่างระมัดระวังไม่ให้เกิดเสียงอันไม่น่าพึงประสงค์ เพราะเสียงเหล่านั้นสามารถึงดึงดูดฝูงซอมบี้ราวกับแม่เหล็ก ในขณะที่พวกเรากำลังเดินทางกันถึงร้านสะดวกซื้อนั้น ชายร่างยักษ์ก็เอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบาเพื่อไม่ให้เหล่าซากศพรู้ถึงตัวตนของพวกเขา
“วิค นี่เป็นใครหรอฟรานซิส?” อเล็กซ์ถาม
“วิคเป็นตำรวจที่เป็นเพื่อนของแลนด้อนน่ะ เมื่อประมาณเมื่อวานซืน เขาออกไปหาเสบียงกับพี่ชายของชั้น”
“แล้ว เบลด ที่ว่านี่คืออะไร?” ผมถามบ้าง
“เป็นแก๊งอันธพาลในเมืองนี้น่ะ ก่อนหน้านี้ตำรวจก็คุมได้แหละ แต่พอตอนนี้ไม่มีกฎหมาย พวกมันเลยอยากทำอะไรก็ได้”
“ชั้นจะดูต้นทางให้ อเล็กซ์ นายทุบกระจกบานนี้” ฟรานซิสบอกอเล็กซ์
ชายร่างใหญ่พยักหน้าก่อนจะกำไม้เบสบอลในมือของเขาแน่น ก่อนที่เขาจะออกแรงหวดกระจก เมื่อไม้เบสบอลนั้นกระแทกกับกระจก เศษกระจกเริ่มล่วงกราวลงมาจากพื้น เสียงนั้นดังมาก ผมกับฟรานซิสมองไปรอบๆ ดูเหมือนเหล่าซากศพจะยังไม่มา นี่อาจจะเป็นโชคดีของพวกเรา พวกเราสามคนก้าวเท้าเดินเข้าไปในห้างยาแห่งนี้ เมื่อเราเข้าไปแล้ว เราก็มองไปที่ชั้นวางของที่ดูเหมือนจะมีคนหยิบอะไรไปบ้างแล้ว ไม่รู้ว่าใครแต่ดูเหมือนคนๆนั้นยังใจดีพอที่เหลืออะไรให้พวกเขาบ้าง
“จอร์แดน นายไปเช็คหลังร้านนะ ส่วนชั้นกับอเล็กซ์จะเก็บของแถวนี้เอง…มีอะไรเหลือเก็บมาให้หมด” ฟรานซิสสั่ง
ผมพยักหน้าก่อนจะเดินไปหลังร้าน โดยผ่านซุ้มประตู ผมเดินไปยังตู้เก็บของ ผมกวาดสายตารอบๆพลางหยิบยาต่างๆเก็บเข้ากระเป๋า หากทว่าในขณะที่เก็บผมกำลังเก็บของอยู่นั้น ผมได้ยินเสียงใครบางคนกำลังร้องไห้ มันเป็นเสียงของผู้หญิง ผมได้ยินแล้วผมก็นึกถึงวิดีโอเกมนึงขึ้นมาที่เป็นซอมบี้ที่เป็นผู้หญิงร้องไห้ และถ้าใครไปทำอะไรให้เธอ ตกใจ เธอจะลุกขึ้นมาตีเราล้มในครั้งเดียว ผมว่าในโลกซอมบี้นี้จะไม่มีอะไรแบบนั้นนะ ผมย่องไปพร้อมกับประแจที่อยู่ในมือ ผมเห็นผู้หญิงผมสีบลอนด์ในชุดนางพยาบาลนั่งร้องไห้อยู่ที่มุม ข้างๆเธอนั้นมีร่างของผู้ชายที่นอนอยู่บนพื้น ดูเหมือนผู้ชายที่นอนอยู่นั้นเป็นเพียงแค่ร่างไร้วิญญาณ
“คุณ....” ผมเอ่ยปากเรียก
เธอหันมา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา มันทำให้ผมโล่งอกว่าอย่างน้อยๆเธอก็ยังมีชีวิตอยู่ไม่ใช่ซากศพที่ไล่กัดกินพวกผมอยู่
“เอ่อ คุณร้องไห้ทำไม?” ผมถามด้วยสีหน้าสงสับ
“ชั้นรักษาชีวิตของเขาไม่ได้ เขาตาย...ชั้นนี่มันไร้ค่าจริงๆ” หญิงคนนี้ต่อว่าตนเอง
หากจำไม่ผิด ถ้าโดนกัดมีวิธีเดียวคือยิงเข้าที่ศีรษะหรือถ้าให้พูดอีกนัยก็คือไม่มีวิธีรักษานั่นแหละ ผมไม่ได้พูดอะไร ผมได้ยืนมอง หากทว่าในขณะที่เธอกำลังร้องไห้อยู่นั้น ผมก็สังเกตเห็นถึงร่างของชายคนนี้ที่ลุกขึ้นมาช้าๆ ดูเหมือนนางพยาบาลคนนี้จะไม่ได้สังเกตถึงการเคลื่อนไหวของซากศพตัวนี้เลย ผมรีบผลักเธอออกไปข้างๆก่อนจะใช้ประแจกฟาดไปที่ซากศพนั่น ผมตี ผมตี ผมตี ผมตี ผมตีจนมันหยุดเคลื่อนไหว คราบเลือดนั้นกระเซ็นติดทั่วใบหน้าของผม เสียของผมนั้นดึงให้อเล็กซ์กับฟรานซิสรีบมาดู
“เกิดอะไรขึ้น จอร์แดน” อเล็กซ์รีบถาม
“ซอมบี้น่ะ...ไม่มีอะไร” ผมตอบพลางปาดเลือดบนหน้า
นี่คือซอมบี้ตัวแรกที่ผมฆ่า มันเป็นความรู้สึกที่แปลกและน่าเศร้าไม่น้อย ผมหันไปมองร่างของซอมบี้ที่ถูกตีหัวจนเละอีกครั้ง เจ้าของร่างนั้นก็เคยมีชีวิตเหมือนพวกผม เช่นเดียวกันกับซอมบี้ตัวอื่นๆ พวกเขาต่างก็เคยมีชีวิต แต่ด้วยเหตุการณ์บางอย่าง พวกเขาเลยกลายเป็นเพียงแค่ซากศพที่ไร้จิตใจ ฟรานซิสมองไปที่หญิงสาวผมสีทองก่อนจะเดินตรงไปที่เธอพร้อมกับเอ่ยปากถามเธอ
“เธอเป็นนางพยาบาลรึเปล่า?”
“ค่ะ...แต่ชั้นช่วยผู้ชายคนนี้ไม่ได้ ชั้นไม่คู่ควรกับการที่ถูกเรียกว่านางพยาบาลหรอก” หญิงคนนี้ตอบด้วยสีหน้าเศร้าสลด
“เธออาจจะช่วยผู้ชายคนนี้ไม่ได้ แต่ในอนาคตเธออาจจะได้ช่วยใครก็ได้” ฟรานซิสพูดกับเธอ
“แต่ถ้าอย่างงั้นเธอต้องไม่กลายเป็นมื้อเย็นของพวกซอมบี้ก่อน จะมากับพวกเราไหม?” หญิงผมส้มยื่นข้อเสนอ
เธอพยักหน้า ฟรานซิสยิ้มด้วยความพอใจ พร้อมกับบอกว่า “ตามเธอมา” พวกผมเช็คเป็นครั้งสุดท้ายว่าพวกผมเก็บทุกอย่างแล้ว และเช็คว่าเรามียาแก้ปวดตามที่แลนด้อนสั่งแล้ว พวกเราเดินกลับด้วยความรวดเร็ว และเมื่อพวกเรากลับมาถึงอพาร์ทเม้นท์ ฟรานซิสก็หยิบยาแก้ปวดให้กับชายผิวสี เขารับไว้ก่อนจะปฐมพยาบาลชายผมส้มที่ชื่อซิดนีย์ต่อ ดูเหมือนสถานการณ์วันนี้จะคลี่คลายไปได้ด้วยดี พวกเรากำลังจะแยกย้ายกัน แต่แล้วฟรานซิสก็นึกอะไรได้ เธอหยุดก่อนจะหันมาทางหญิงผมสีทรายในชุดพยาบาล
“จะว่าไป...ชั้นชื่อฟรานซิสนะ เธอชื่ออะไร?” น้องสาวของซิดนีย์ถาม
“ชั้นชื่อสเตลล่า สเปนเซอร์ค่ะ” เธอตอบ
“อ่อ ส่วนไอ้ยักษ์นี่ก็อเล็กซ์ ส่วนไอ้จืดนี่ก็จอร์แดน ยินดีที่รู้จักและยินดีต้อนรับสู่บ้านของเรา” ฟรานซิสกล่าวต้อนรับพร้อมรอยยิ้ม
แม้ผมกับอเล็กซ์จะไม่ค่อยชอบคำพูดที่ฟรานซิสแนะนำเราเท่าไหร่ แต่เมื่อเธอพูดจบพวกเราก็แยกย้ายกัน อเล็กซ์กลับเข้าห้องของเขา ส่วนฟรานซิสก็ไปดูอาการพี่ชายของเธอ ส่วนผมก็กำลังจะทำอะไรซักอย่าง หากทว่าในขณะที่ผมจะก้าวเท้าออกไป ผมก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อผม ผมหันไปก่อนจะเห็นหญิงผมทองยืนอยู่
“ขอบคุณนะจอร์แดน….” เธอกล่าวขอบคุณผม
“ไม่เป็นไร แค่ทำในสิ่งที่มนุษย์ควรทำเท่านั้นแหละ”
สิ่งที่มนุษย์ควรทำงั้นหรอ...ผมไม่รู้เหมือนกันว่าผมจะสามารถพูดคำนี้ได้อีกนานไหม เพราะในโลกเช่นนี้ มันเป็นแหล่งบ่มเพาะชั้นดีของด้านมืดในใจของเรา ความเห็นแก่ตัว ความโหดร้าย แน่นอนสิ่งพวกนี้จะกัดกินความเป็นมนุษย์ของพวกเรา และผมก็ได้เพียงแต่หวังว่า ผมเองก็จะไม่ถูกสิ่งเหล่านี้กัดกินเช่นเหมือนกัน