“สำหรับมนุษย์แล้ว หน้าที่อย่างแรกของพวกเขาคือคิดถึงตัวเอง”
Jose Marti
=====
“ตื่นได้แล้ว...เห้ย!! ตื่นได้แล้วจะนอนไปถึงไหน”
เสียงของใครบางคนเข้ามาในหูของผม พร้อมกับมีสัมผัสบางอย่างแตะไปที่หลังของผม ผมลืมตาตื่นขึ้นมาช้าๆก่อนจะเห็นชายทีมีหนวดรุงรังถือปืนใช้เท้าถีบผม ผมลุกขึ้นมาก่อนจะมองหน้าของเขาด้วยสีหน้าไม่พอใจ เขามองหน้าของผมกลับก่อนจะเดินจากไป ผมหันไปก่อนจะเห็นกลุ่มผู้รอดชีวิตที่มาจากเมืองทางใต้ยืนอยู่ โดยข้างหน้าของพวกเขามีชายผมสีส้มยืนอยู่ เขาคือชายร่างเล็กที่สวมแว่นตา ผมลุกขึ้นมาก่อนจะไปรวมกับกลุ่มผู้รอดชีวิต ข้างๆชายผมส้มนั้นมีชายที่มีหนวดและชายที่ผมสั้นที่ถือปืนอยู่ด้วย เมื่อวัตสันเห็นทุกคนตื่นหมดแล้วเขาก็เริ่มพูด
“ดูเหมือนทุกคนจะตื่นหมดแล้ว เป็นยังไงบ้างเมื่อคืนหลับสบายดีไหม?”
“หลับสบายดี...ขอบคุณสำหรับที่พัก เดี๋ยวพวกเราจะไปกันแล้ว” ซิดนีย์ตอบกลับ
“งั้นหรอครับ แต่น่าเสียดายนะครับ ผมคงจะไม่ให้คุณไปจากที่นี่ไม่ได้” ชายผมส้มตอบพลางใช้นิ้วชี้ของเขาขยับแว่น
“นายหมายความว่ายังไง?” อเล็กซ์ถามด้วยสีหน้าสงสัย
“ทำไมไม่ลองถาม จอร์แดน ดูล่ะครับ?” ชายร่างเล็กตอบคำถามชายร่างใหญ่
ทุกคนหันมามองที่ผมเป็นสายตาเดียวกัน ผมถอนหายใจก่อนจะเล่าในสิ่งที่ผมได้ยิน เมื่อคืน
“พวกเขาต้องการให้เราเป็นแรงงานของพวกเขา…”
“ว่าไงนะ!! แกทำแบบนี้ไม่ได้นะ!!” อเล็กซ์หันไปก่อนจะตรงไปยังวัตสัน
แต่เมื่ออเล็กซ์เข้าใกล้ชายร่างเล็ก ชายสองคนยกปืนขึ้นก่อนจะเล็งไปที่หน้าผากของอเล็กซ์ เมื่อกระบอกปืนจ่อไปยังหน้าผากของอเล็กซ์แล้วก็ทำให้เขายกมือขึ้นมา เพื่อเป็นการแสดงเจตนาว่าเขายอมแพ้แล้ว
“ทำไมพวกเราจะทำไม่ได้ล่ะ? นี่มันจุดจบของโลก พวกเราจะทำอะไรก็ได้”
“และแน่นอนพวกเราก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอด”
“ผมไม่อยากเอาชีวิตของคนของผมไปเสี่ยงข้างนอกรั้วนั่น...ผมก็เลยต้องความช่วยเหลือจากพวกคุณ” วัตสันขยับแว่นอีกครั้ง
“แล้วทำไมพวกเราจะต้องทำตามที่นายพูดด้วยล่ะ?” อัลเธนีย์ตั้งคำถาม
ชายที่มีหนวดยกปืนขึ้นมาก่อนจะลั่นไกยิงเข้าใส่กำแพง กระสุนนั้นลอยก่อนจะเจาะกับกำแพงไม้ สีหน้าของอัลเธนีย์ซีดลง ปากกระบอกปืนคนนี้มันควันลอยขึ้นมา เขาลดปืนลงก่อนจะมองมาที่พวกผม เหมือนเป็นการส่งสัญญาณว่าเพราะเหตุใด เราจึงต้องทำเพื่อเขา
“ตามชั้นมาเดี๋ยวผมจะแจกงานให้กับทุกคน” วัตสันทำสัญญาณมือให้พวกเราเดินตามเขามา
พวกเราเดินตามเขาออกมาจากที่พักของเรา เมื่อเราเดินออกมานั้น เรายังเห็นคนที่ถือปืนมากกว่าเดิม ถ้าหากเราคิดจะทำอะไรแปลกๆ รับรองคงโดนยิงพรุนแน่ๆ
“พวกนายสองคนออกไปล่าสัตว์ซะ ถ้าหากนายไม่ได้เนื้อละก็ไม่ต้องกลับมา” วัตสันพูดพลางให้ลูกน้องเขายื่นธนูมาให้ผมกับอัลเบโต้
“ส่วนพวกเธอ เข้าไปดูเสบียง ไปเช็คดูว่าเหลืออะไรเท่าไหร่” ชายผมส้มหันไปสั่งสเตลล่าและฟรานซิส
“ส่วนที่เหลือไม่ต้องทำอะไร แค่รับใช้เราก็พอแล้ว”
เมื่อพวกเขาแจกจ่ายงานให้พวกเราหมด ชายคนหนึ่งก็นำเราไปยังหน้าประตูไม้ก่อนจะเปิดออก พวกเราก้าวออกไป และเมื่อเราก้าวออกไป ชายที่อยู่ข้างบนหอคอยก็ตะโกนลงมายังทางเรา
“ถ้าหากพวกแกเล่นอะไรตุกติกชั้นยิงพวกแกแน่”
พวกเราก็ได้แต่มองหน้ากันก่อนจะเดินเข้าป่าไป ในขณะที่เราเดินในป่านั้น อัลเบโต้ก้มหยิบกิ่งไม้บนพื้นก่อนจะใช้กิ่งไม้นั้นขีดบนต้นไม้ ตลอดทางเขาเอากิ่งไม้ขีดไปตลอดทาง มันเป็นรอยยาวบนลำต้น ดูเหมือนเราก็คงจะโล่งใจได้แล้วว่า ถ้าหากเราเดินกลับมาเราจะไม่หลง เพราะเราทำสัญลักษณ์ทิ้งไว้แล้ว พวกเรายังคงเดินลึกเข้าไปในป่า เราเห็นซากศพที่ไม่ลุกขึ้นมานอนอยู่บนพื้น บนศีรษะของมันนั้นมีธนูปักอยู่ พวกเราเดินอย่างช้าๆ เดินอย่างระมัดระวัง เพราะถ้าหากเหยียบกิ่งไม้หรือใบไม้แห้งที่อยู่บนพื้นแล้วเกิดเสียละก็ คงจะดึงดูดเหล่าแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาไม่น้อย
“จะว่าไป...คุณจอร์แดนใช้ธนูเป็นรึเปล่าครับ?” ชายผมสีเทาถามผม ในมือของเขาขีดลำต้นไปตลอดทาง
“ไม่เป็น แล้วนายล่ะ?” ผมถามกลับ
“ผมใช้เป็นครับ ปกติผมชอบออกไปล่าสัตว์กับพ่อของผมบ่อยๆ” อัลเบโต้หันมาตอบผม
ผมพยักหน้า พวกเราเดินก่อนที่พวกเราจะเห็นกวางตัวนึงกำลังกินหญ้าอยู่ ดูเหมือนกวางตัวนั้นน่าจะเป็นเนื้อที่ทำให้เราอยู่รอดในสัปดาห์นี้ได้ ผมกับอัลเบโต้ลงไปหลบหลังหิน ชายผมเทาหันไปมองก่อนจะหยิบลูกธนูออกมา เขาง้างธนู ดวงตาของเขาเพ่งเล็งไปยังกวางตัวนี้ เมื่อเขาปล่อยมือออกไปธนูนั้นก็ลอยก่อนจะปักเข้าไปที่ลำตัวของกวาง กวางตัวนี้ร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนจะล้มลงไปกับพื้น เมื่อมันล้มลง อัลเบโต้ก็วิ่งออกไป ก่อนจะเล็งธนูเข้าที่ดวงตาของมัน อัลเบโต้เอ่ยปากขอโทษเบาๆก่อนปล่อยธนู ธนูปักดวงตาของมัน กวางตัวนี้หยุดดิ้น เลือดนั้นไหลออกจากดวงตาของมัน
“เร็วเข้าจอร์แดน...รีบขนกวางตัวนี้ไปก่อนที่พวกซอมบี้จะตามเสียงกวางมา” ชายวัยยี่สิบสามหันมาพูดกับผม
ผมพยักหน้าก่อนจะรีบแบกกวางตัวนั้นขึ้นมา พวกเรารีบเดินไปตามทางที่มีไม้ขีดไว้
“จะว่าไป...ขอโทษทีนะ ที่ไม่เชื่อนายน่ะ ถ้าเราเชื่อนาย เราคงไม่อยู่นี่” ผมกล่าวขอโทษ
“ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกครับ คุณก็แค่ทำตามเสียงส่วนใหญ่”
“ถ้าหากจะกล่าวโทษจริงๆ คงต้องเพื่อนตัวใหญ่สมองกลวงของคุณ”
“แต่ก็อีก ในโลกที่ไร้ซึ่งความแน่นอน ใครจะไปรู้ว่าพวกเขาตั้งใจจะใช้เรา” อัลเบโต้พูดกับผม
“แล้วนายรู้ได้ไงว่าเขาเชื่อไม่ได้?” ผมถามต่อ
“วัตสัน เครกเป็นนักกีฬาหมากรุกครับ...และพวกนี้ย่อมมีแผนอะไรลึกเสมอ”
“ผมไม่คิดหรอกว่าที่พวกเขาทำดีกับคุณ เป็นเพียงแค่การช่วยเพื่อนมนุษย์เท่านั้น” ชายผมเทาตอบผม
ไม่นานนักเราก็กลับมาที่ค่าย ผมเหลือบไปมองท้องฟ้า ดูเหมือนตอนนี้ท้องฟ้ายังสว่างอยู่ ผมก้มมองนาฬิกาของผม ก่อนจะเห็นว่าเราใช้เวลาไปถึงชั่วโมงในการล่ากวางตัวนี้ พวกเราวางกวางลงไปบนพื้น เมื่อเราวางกวางลงไปในค่าย เหล่าผู้ถือปืนก็มองก่อนจะพยักหน้าก่อนจะพูดกับเรา
“พวกนายรอไปก่อนก็แล้วกัน ถ้ามีอะไร เราจะเรียกอีกที”
ผมกับอัลเบโต้พยักหน้าก่อนจะเดินไปด้วยกัน หากทว่าในขณะที่เรากำลังเดินกันไปอยู่นั้น เราก็ได้ยินเสียงของแก้วนั้นแตกกับพื้น พวกเรารีบวิ่งไปยังต้นเสียง ก่อนที่พวกเราจะเห็นอเล็กซ์กำลังกระชากขอเสื้อของวัตสัน บนพื้นนั้นมีแก้วที่มีไวน์นองอยู่บนพื้น ใบหน้าของอเล็กซ์นั้นเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เขาง้างมือก่อนจะต่อยเข้าไปเต็มๆหน้าของวัตสัน กำปั้นของเขานั้นผลักวัตสันลงไปนอนกับพื้น ชายผมส้มร่างเล็กกุมแก้มของตัวเองก่อนจะมองมาที่อเล็กซ์
“แกสั่งชั้นไม่ได้!! ชั้นไม่ใช่ลูกน้องของแกเข้าใจไหม?” อเล็กซ์พูดพลางชี้ไปที่วัตสัน
แต่ไม่ทันไรคนในค่ายไม้แห่งนี้ก็ใช้บั้นท้ายปืนทุบไปที่หลังของอเล็กซ์ อเล็กซ์ที่โดนกระแทกไปลงไปนอนกับพื้น ผู้ที่ใช้ปืนทุบนั้นเดินมาก่อนจะแกว่งเท้าเตะเข้ากลางหน้าท้องของอเล็กซ์ เขาเตะโดยไม่มีทีท่าจะหยุดเลย ผมวิ่งไปจะช่วยแต่อัลเบโต้ยกมือขวางไว้ ผมหันไปทางอัลเบโต้ เขาส่ายหน้าให้กับผม ผมหันกลับไปทางอเล็กซ์ที่กำลังโดนทำร้ายอยู่ ชายที่ถือปืนลากคอของอเล็กซ์ที่อยู่ในความเจ็บปวดขึ้นมา วัตสันลุกขึ้นมาก่อนจะจัดการต่อยเข้าที่หน้าท้องของอเล็กซ์ อเล็กซ์โดนชก ชก ชก ชก ก่อนที่วัตสันจะชกอีกทีหนึ่ง อเล็กซ์ที่โดนชกกระอักออกมาเป็นเลือด เลือดนั้นกระเด็นไปติดหน้าของวัตสัน ชายผมส้มใช้มือเช็ดเลือดออกก่อนจะคว้าขวดไวน์ที่วางใกล้ๆก่อนจะมาตีศีรษะของอเล็กซ์อีกที
“เพล้ง!!”
ขวดนั้นแตกกระจายบนพื้น บนหัวของอเล็กซ์นั้นปากแผลเปิดออกมา เลือดนั้นไหลออกจากหน้าผากของเขา เลือดนั้นไหลไปรวมกับไวน์องุ่นที่นองอยู่บนพื้น จนยากที่จะแยกออกว่าอะไรเป็นอะไร ชายที่ถือปืนปล่อยร่างของเขา ร่างของอเล็กซ์กระแทกกับพื้น ผมยกมือของอัลเบโต้ออกไปก่อนจะวิ่งไปยังอเล็กซ์ ผมเขย่าตัวอเล็กซ์ก่อนจะเรียกชื่อของเขา ผมหันไปมองวัตสันที่กลับไปนั่งก่อนจะสั่งให้อัลเบโต้ไปหยิบไวน์อีกขวด เขาหันกลับมาก่อนจะจ้องมองผม ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวลของเขา
“ปล่อยให้เขานอนอยู่ตรงนี้แหละครับ”
“ให้เขาได้รู้บ้างว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ของคนที่คิดจะทำอะไรตามใจของตัวเอง”
“ผมหวังว่าสิ่งที่ผมทำในวันนี้จะเข้าหัวเขานะครับ” วัตสันพูดจบก็ยิ้ม
ผมกำปั้นด้วยความโกรธ หากทว่าผมต้องควบคุมอารมณ์ของตัวเองไว้ มิเช่นนั้นผมคงได้รับบทลงโทษเดียวกันกับอเล็กซ์ ผมเดินออกไปจากบ้านไม้หลังนั้น ก่อนที่ผมจะแหงนหน้ามองท้องฟ้า ตอนนี้ผมอยู่ในขุมนรกที่เลวร้ายที่สุด และผมคงต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อจะหลุดออกจากขุมนรกแห่งนี้ ผมยืนคิดถึงวิธีที่จะหนีออกจากค่ายไม้นี้ได้
“เฮ้ นายน่ะ...” เสียงของผู้หญิงที่แหบแห้งดังขึ้นมา
ผมหันไปตามเสียงก่อนจะเห็นผู้หญิงผมสั้น ปลายผมของเธอนั้นไฮไลท์เป็นสีแดง บนคอของเธอนั้นเต็มไปด้วยรอยสัก ไม่ใช่แค่คอ แต่แขนทั้งสองข้างของเธอนั้นก็มีรอยสักมากมาย ดูเหมือนคนที่พูดจะเป็นเธอ
“ถ้านายกำลังคิดว่านายจะหนีออกจากที่นี่ อย่าแม้แต่จะคิด”
“ชั้นเห็นคนที่คิดแบบนายหลายคนแล้ว และพวกมันก็ตายทุกคน”
สิ้นเสียงอันแหบแห้งของเธอ เธอก็กลับไปตักน้ำต่อ ผมได้แต่จ้องมองเธอพร้อมกับตั้งข้อสงสัยว่า “เธอเป็นใครกันนะ?”