หญิงสาวผมสีน้ำเงินนั่งอยู่ภายในห้องอันว่างเปล่า เบื้องหน้าของเธอคือกระจกเงาบานใหญ่ เธอค่อยๆใช้ผ้าเช็ดหน้าสีขาวแตะไปตามใบหน้า แม้ว่าใบหน้าจะเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อแต่เครื่องสำอางที่แต่งอยู่บางๆก็ไม่เลือนหายไป เธออยู่ในชุดกะโปรงสั้นเปิดไหล่สีน้ำเงินที่ถูกตกแต่งด้วยลวดลายดูโดดเด่น
หลังจากที่เธอนั่งในห้องอยู่สักพัก เสียงเปิดประตูทำให้หญิงสาวหันควับ พอเห็นว่าผู้ที่เปิดประตูเข้ามาเป็นใครก็ส่งยิ้มให้ ผู้มาเยือนเป็นชายหนุ่มผมสีน้ำตาลในชุดสูท เขาถือแก้วน้ำส้มส่งให้หญิงสาว เธอผงกหัวเป็นการขอบคุณแล้วค่อยๆจิบน้ำส้มอย่างละเมียดละไม
“ลูน่า เหนื่อยหน่อยนะ ยังไม่ทันได้เริ่มคอนเสิร์ตก็แทบแย่เหมือนกันนะเนี่ย”
ชายหนุ่มผู้มาเยือนพูดขึ้น เขาคือทาคุมินั่นเอง ลูน่าวางแก้วน้ำส้มลงบนโต๊ะ แล้วส่ายศีรษะเบาๆพร้อมตอบกลับ
“ไม่หรอก ตอนไปแสดงคอนเสิร์ตครั้งที่แล้วยิ่งกว่านี้อีก อีกอย่างฉันดีใจออกนะที่แฟนๆมาต้อนรับถึงที่น่ะ”
หลังจากที่ไอดอลชื่อดังอย่างเธอมาถึงโรงเรียนมินาโนะ เหล่าแฟนคลับก็ต่างดักรอเพื่อต้อนรับเธออย่างเนืองแน่น แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นั่นตั้งใจจะมาถ่ายรูปหรือไม่ก็ขอลายเซ็นเธอซะมากกว่า มีแฟนคลับผู้โชคดีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ลูน่าปลีกตัวมาเพื่อจับไม้จับมือหรือไม่ก็เซ็นลายเซ็นให้
“อีกอย่างนะ...”
ลูน่าชี้ไปที่ตุ๊กตาและกล่องของขวัญกองโตที่วางอยู่ตรงมุมห้อง ตุ๊กตาและกล่องของขวัญต่างถูกติดกระดาษที่เขียนข้อความถึงตัวเธอ
“ของขวัญจากแฟนคลับพวกนั้นก็ทำให้ฉันหายเหนื่อยแล้วล่ะ”
“แต่คนที่แบกของพวกนั้นเข้ามายังเหนื่อยอยู่เลยนะ”
“อย่าบ่น นั่นเป็นหน้าที่ของผู้จัดการส่วนตัวนะคะ”
ทั้งสองหยอกล้อกันและหัวเราะคิกคัก ก่อนที่ทาคุมิจะกระแอมเล็กน้อยเพื่อจะพูดอะไรบางอย่างที่สำคัญ
“คอนเสิร์ตจะเริ่มในอีก 10 นาทีนะ เดี๋ยวฉันจะมาเรียก”
ทาคุมิกล่าว ลูน่าพยักหน้าก่อนที่ผู้จัดการส่วนตัวของเธอจะเดินออกจากห้องไป ไอดอลสาวชะโงกมองที่ประตูเหมือนจะดูให้แน่ใจว่าทาคุมิออกไปแล้วจริงๆ ก่อนที่เธอถอนหายใจยาวและบ่นพึมพำออกมา
“จะไม่มีอะไรจริงๆแน่หรอ...”
----------------------------------------------------
“เอาล่ะค่ะ!! ใกล้ถึงเวลาที่ทุกท่านรอคอยกันแล้ว...”
นักเรียนสาวผู้รับหน้าที่เป็นพิธีกรบนเวทีพูดขึ้นท่ามกลางเสียงโห่ร้องและเสียงตะโกนอย่างบ้าคลั่งของเหล่าแฟนเพลงในหอประชุมซึ่งถูกดัดแปลงให้เป็นเวทีคอนเสิร์ตขนาดย่อม แต่นั่นก็เพียงพอที่จะบรรจุนักเรียนของโรงเรียนมินาโนะที่เข้าร่วมชมคอนเสิร์ตของไอดอลชื่อดัง เสียงเรียกชื่อของลูน่าดังกึกก้องทั้งๆที่เธอยังไม่ปรากฏตัวด้วยซ้ำ ซึ่งบ่งบอกถึงความนิยมในตัวเธอได้เป็นอย่างดี
“เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ขอเชิญทุกท่านพบกับสุดยอดไอดอลอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น ลูน่าค่า!!!”
พิธีกรสาวรู้ดีว่าเหล่าฝูงชนที่อยู่ที่นี่คงไม่ได้มาเพื่อจะดูขาอ่อนเธอเป็นแน่ เธอจึงรีบหลีกทางให้กับนางเอกที่แท้จริงของโชว์ครั้งนี้
เมื่อพิธีสาวสาวเดินกลับเข้าหลังเวที แสงไฟภายในห้องประชุมก็ดับลงทั้งหมด เสียงภายในห้องเงียบไปชั่วขณะ ก่อนที่แสงสปอร์ตไลท์จะส่องไปยังกลางเวทีปรากฏให้เห็นหญิงสาวผมสีน้ำเงินยืนหันหลังให้กับผู้ชม นั่นทำให้เสียงโห่ร้องกลับมาดังขึ้นอีกครั้งแถมดังยิ่งกว่าเก่า
เมื่อเสียงดนตรีเริ่มบรรเลงทำให้ลูน่าหันมาเผชิญหน้ากับเหล่าแฟนคลับ นั่นทำให้เสียงเชียร์ยิ่งดังสนั่นจนพื้นดินแทบจะสั่นสะเทือนเป็นแผ่นดินไหวขนาดย่อม
“สวัสดีค่า!!!”
ลูน่ากล่าวทักทายแฟนเพลงด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมโบกมือไปมาเรียกเสียงเชียร์เพิ่มได้อีกหนึ่งระดับ เรียกได้ว่าแทบทุกการกระทำของเธอนั้นเป็นอุปกรณ์เร่งระดับเสียงเชียร์ของแฟนๆให้สูงขึ้นยังไงยังงั้น
“♪ I Say…… Hey, Hey, Hey Start Dash!!! ♪”
เหล่าแฟนคลับต่างชูแท่งไฟและโบกไปมาตามจังหวะเพลงอย่างพร้อมเพรียงโดยมิได้นัดหมาย อย่างกับว่าร่างกายของทุกๆคนในที่นี้เป็นหนึ่งเดียวกัน จนบังเกิดภาพที่สวยงามที่ใครเห็นเป็นต้องอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง
“♪ เป็นดังนกที่ยังไม่พร้อมจะบินไป
แม้สักวันจะต้องโบยบินสู่ฟ้าคราม
กางบินของตัวฉันนี้ให้ลมช่วยพามันไป
ขอเพียงเธอไม่คิดยอมแพ้และหวั่นใจ แล้ววันนั้นจะมาถึงแน่นอน
เธอเองรู้สึกใช่ไหมว่าใจนั้น กึกก้องเป็นเสียงสนั่นรัว
จะเปลี่ยนแปลงอนาคตนี้ จะยังคงเชื่อในความหวัง
แล้วตัวฉันคงเจอทางเดินที่มีแสงประกายส่องลงมา Start!!! ♪”
ลูน่าเปล่งเสียงร้องอันไพเราะผ่านไมโครโฟนที่เธอถืออยู่ เรือนผมยาวสลวยจนถึงแผ่นหลังของเธอสยายตามการเคลื่อนไหวราวกับนกยูงรำแพนหาง ยามที่แสงจากสปอร์ตไลท์กระทบกับใบหน้านั้นทำให้เธอดูละม้ายคล้ายเทพธิดาที่กำลังเต้นรำอยู่ท่ามกลางสรวงสวรรค์
“♪ ถึงแม้ว่าเธอนั้นต้องทุกข์ทนเพียงใด
ถึงแม้ว่าน้ำตาต้องร่วงหล่นเพียงไหน
ถึงแม้ว่าเธอนั้นท้อแท้ไม่เป็นไร ให้ตัวฉันได้ฉุดเธอขึ้นมา
หากแม้ว่าเธอนั้นต้องทุกข์ทนในใจ
หากแม้ว่าน้ำตามันไม่ช่วยอะไร
ในตอนนั้น เชื่อมั่นใจ ห้วงจิตใจ ตลอดไป
ในความฝัน มีพลัง ให้เธอได้ก้าวไปอีกครั้ง
เชื่อมั่นในหัวใจ เอาล่ะ Start!!! ♪”
ทาคุมิยืนดูการแสดงของลูน่าอยู่ในมุมมืดของเวทีด้วยความพึงพอใจ เธอยังคงทำได้ดีเหมือนเคย แฟนคลับยังคงโบกแท่งไฟและตะโกนเรียกชื่อเธออย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย นอกจากบทเพลงของลูน่าจะทำให้แฟนคลับมีความสุขแล้ว แน่นอนว่าเสียงสนับสนุนจากแฟนคลับเองก็ทำให้ลูน่ามีความสุขเช่นกัน
----------------------------------------------------
ลูน่าเดินกลับเข้าหลังฉากไปยังห้องเตรียมตัวอีกครั้ง แล้วทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้พร้อมคว้าผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดไปตามใบหน้า เธอยังคงได้ยินเสียงแฟนเพลงตะโกนเรียกชื่อเธอแม้คอนเสิร์ตจะจบลงไปแล้ว
ครั้งนี้แฟนๆก็ยังคงให้การตอบรับเป็นอย่างดีเหมือนเช่นทุกครั้ง แม้เสียงหายใจหอบแรงของเธอจะบ่งบอกได้ถึงความเหนื่อยล้าแต่ใบหน้าของเธอก็ยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เธอจะสะดุ้งนิดๆเมื่อรู้สึกถึงความเย็นที่แก้มข้างขวา เมื่อเธอหันไปก็พบกับทาคุมิที่ยืนถือขวดน้ำดื่มทาบไปที่แก้มของเธอ
“เหนื่อยหน่อยนะลูน่า วันนี้ก็ทำได้ดีเหมือนเคยเลยนะ”
ลูน่ายิ้มให้กับผู้จัดการของเธอพร้อมคว้าขวดน้ำที่แนบอยู่ที่แก้มมาเปิดดื่ม เธอกรอกน้ำในขวดเข้าปากจนหมดไปครึ่งขวดแล้ววางบนโต๊ะ ทางด้านของทาคุมิก็เลื่อนเก้าอี้เข้ามานั่งใกล้ๆ
“นี่อย่าบอกนะว่ายังหนักใจเรื่องเมื่อวานอยู่น่ะ?”
“เอ๋? เรื่องอะไรหรอ?”
แม้ในใจของลูน่าจะรู้ดีว่าทาคุมิกำลังพูดถึงเรื่อง ‘ลางสังหรณ์’ ที่เธอสัมผัสได้ว่าวันนี้จะเกิดอะไรที่ไม่ดีขึ้น แต่เธอก็แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องแล้วถามกลับไป
“ไม่ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้เลย สีหน้าเธอน่ะดูออกง่ายรู้ไหม?”
“ระ... หรอ?”
เมื่อทาคุมิเดาถูกลูน่าก็ไม่พูดอะไรต่อ
“ลองดูดีๆสิ นี่ก็จบคอนเสิร์ตแล้ว ยังไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลย แฟนๆก็ยังตะโกนเรียกชื่อเธอไม่หยุดเลยเนี่ย ฉันว่าเธอคิดมากไปเองนะ เอ... แต่คิดดูดีๆบางทีลางสังหรณ์ของเธออาจจะเป็นจริงก็ได้ เพราะเรื่องไม่ดีที่เกิดขึ้นฉันว่าคงเป็นเรื่องที่เมื่อกี้ฉันต้องแบกของขวัญกองโตของเธอกลับไปที่รถคนเดียวแหงๆ”
ทาคุมิพูดติดตลกเพื่อให้ลูน่ารู้สึกดีขึ้น เหมือนจะได้ผล ลูน่าเริ่มยิ้มออกแล้วพยักหน้า
“นั่นสินะ คงไม่มีอะไรจริงๆนั่นแหละ”
“ใช่แล้วล่ะ” ทาคุมิใช้ฝ่ามือสัมผัสไปที่ศีรษะของลูน่าเบาๆแล้วพูดต่อ “ถ้างั้นเรากลับกันเถอะ”
ทาคุมิละมือออกจากลูน่าและกำลังจะก้าวเดินออกจากห้อง แต่ว่าลูน่ากลับยังนั่งอยู่ที่เดิมทำให้ทาคุมิหันกลับไป
“ไม่กลับหรอ?”
“เปล่า”
“ยังคิดมากอยู่อีกหรือไง? ไหนบอกว่าโอเคแล้ว”
ทาคุมิเห็นว่าสีหน้ากังกลของลูน่ากลับมาอีกครั้งทั้งๆที่ไม่กี่นาทีที่ผ่านมาเธอเหมือนจะโอเคแล้ว
“ไม่ๆ ไม่ใช่เรื่องนั้นแล้ว คือจู่ๆมันก็แวบเข้ามาน่ะ ว่าถ้าแฟนคลับรู้ว่าฉันเป็น AG ขึ้นมาจะทำยังไง? จำได้ไหมที่ฉันบอกว่าจะเข้าร่วม AG Battle น่ะ? ถ้าถึงเวลานั้นทุกคนต้องรู้ความจริง ถ้าคนอื่นรับไม่ได้จะทำยังไงดี? ฉันจะเป็นไอดอลต่อไปได้หรือเปล่า? หลายครั้งที่ฉันคิดเรื่องนี้มันทำให้ฉันรู้สึกกลัว”
น้ำเสียงของลูน่าสั่นเครือเล็กน้อย เพราะก้มหน้าอยู่ทาคุมิเลยไม่รู้ว่าเธอร้องไห้หรือเปล่า แต่ถึงกระนั้นเขาก็เอื้อมมือไปสัมผัสที่ศีรษะของลูน่าอีกครั้ง
“ลูน่า ถ้าถึงเวลานั้นจริงๆฉันจะอยู่เคียงข้างเธอ ไม่ว่าคนอื่นจะมองเธอยังไงก็ตาม สำหรับฉันแล้ว เธอก็เหมือนผู้หญิงคนหนึ่งที่มีชีวิตจิตใจ”
ทาคุมิพูดน้ำเสียงหนักแน่น
“เธอมีความรู้สึก เธอยิ้มเป็น เธอร้องไห้เป็น เธอโกรธเป็น เธอกลัวเป็น แต่จะว่าไปมีอย่างหนึ่งที่ฉันไม่มั่นใจว่าเธอมีหรือเปล่าคือ...”
ทาคุมิทิ้งช่วง ทำให้คำพูดของเขาดูน่าติดตาม จนลูน่าต้องเอ่ยถามขึ้นว่า “คือ?”
“ความลับน่ะ”
“เอ๋?? ขี้โกงอ่ะ!!”
ลูน่าชกที่สีข้างของทาคุมิเบาๆ เธอดูเหมือนจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วทำให้ทาคุมิมีท่าทีที่สบายใจขึ้น
“บอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะว่าคืออะไร”
“บอกไม่ได้ ไม่งั้นจะเรียกว่าความลับหรอ?”
“นายก็น่าจะรู้นะว่าความลับไม่มีในโลก”
ทั้งสองกลับมาหยอกล้อกันตามปกติก่อนที่จะก้าวออกจากห้องเพื่อที่จะกลับไปที่รถ ทาคุมิไม่ลืมที่จะให้ลูน่าพรางตัวด้วยการเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตนเอง แต่อย่างไรก็ตามเขาเองก็ไม่ประมาทด้วยการใช้เส้นทางหลังโรงเรียนซึ่งไม่ค่อยมีคนนัก ตอนนี้เขาไม่อยากให้ใครมาเห็นลูน่า เพราะเขารู้ว่าเธอเหนื่อยมามากพอแล้ว และต้องการที่จะพักผ่อน
ทาคุมิกับลูน่าซึ่งอยู่ในสถานะพรางตัวเป็นหญิงสาวผมสีดำเดินไปตามทางเดิน ท้องฟ้าเริ่มจะค่อยๆมืดลงเพราะนี่ก็เย็นมากแล้ว ทำให้บรรยากาศโดยรอบดูวังเวงชอบกล
“สวัสดี”
เสียงทักทายนั้นทำให้ทาคุมิกับลูน่าสะดุ้งโหยง ทั้งคู่หันไปตามเสียงก็พบกับหญิงสาวผมยาวสีน้ำตาลอ่อน ใบหน้าของเธอดูงดงามและมีสเน่ห์แต่ในขณะเดียวกันกลับสัมผัสได้ถึงความลึกลับ เธอยืนกอดอกจ้องทั้งคู่ตาไม่กะพริบ แต่ดูเหมือนว่าสายตาคู่นั้นของหญิงสาวปริศนาจะจ้องมองไปทางลูน่ามากเป็นพิเศษ
“มาทำอะไรในที่ๆไม่ค่อยมีคนแบบนี้เนี่ย? น่าสงสัยจังน้า”
หญิงสาวปริศนากล่าวเสียงสูง ดูท่าว่านั่นไม่น่าจะใช่คำถามที่ต้องการคำตอบ
“ขอโทษนะครับ ผมขอตัวก่อน”
ทาคุมิรีบพูดตัดบทเพื่อที่จะออกไปให้พ้นจากที่ตรงนี้ ดูจากสีหน้าของเขาแล้วดูเหมือนเขาจะรู้จักกับหญิงสาวผู้นี้แต่ไม่อยากที่จะสนทนากับเธอนักเท่าไหร่
“อะไรกันเนี่ยยยย ไอดอลชื่อดังอย่างโซระมาอยู่ตรงหน้ากลับไม่คิดแม้แต่จะมาขอลายเซ็นเลยหรือนี่? ให้ตายสิ โซระล่ะเศร้าใจเหลือเกิน สงสัยโซระจะหมดความนิยมจริงๆแล้วสินะ สินะ”
จู่ๆลักษณะการพูดของหญิงสาวปริศนาก็เปลี่ยนไป น้ำเสียงของเธอเหมือนสาวน้อยไร้เดียงสา พร้อมขยับไม้ขยับมือไปมาเหมือนกำลังเล่นละครใบ้ มันเป็นการพูดที่แม้แต่เด็กอนุบาลก็ยังรู้ว่าเสแสร้ง หรือถ้าให้หยาบคายหน่อยก็คือตอแหล แต่นั่นก็ทำให้ทาคุมิหันไปทางเธออีกครั้ง
แน่นอนว่าในฐานะที่ทาคุมินั้นอยู่ในวงการไอดอล เขารู้ทันทีว่าเธอคือ มาเอดะ โซระ อีกหนึ่งไอดอลสาวที่มีคาแรกเตอร์เป็นสาวน้อยผู้อ่อนโยนและไร้เดียงสา เธอโด่งดังมาก่อนที่ลูน่าจะได้แจ้งเกิดในวงการไอดอลเสียอีก ซึ่งจะพูดว่าเป็นรุ่นพี่ของลูน่าก็ไม่ผิดนัก แต่ก็ต้องยอมรับว่าในยุคนี้เธอถูกบดบังรัศมีแทบจะมิดด้วยชื่อเสียงของลูน่า
และเขาก็รู้ดีว่านิสัยที่แท้จริงของโซระนั้นไม่ได้เหมือนกับที่เธอแสดงให้แฟนๆเห็นเลยแม้แต่น้อย
“เอ่อคือพวกผมกำลังรีบน่ะครับ ต้องขอโทษด้วยนะครับ”
ทาคุมิพยายามกล่าวปฏิเสธด้วยน้ำเสียงสุภาพพร้อมโค้งตัวให้กับโซระและเดินจากไปพร้อมลูน่า
“อ๋องั้นหรอ ต้องขอโทษด้วยนะคะ คุณผู้จัดการ และก็คุณ... ลูน่า”
ทาคุมิกับลูน่าหยุดกึกทันทีเมื่อได้ยินคำนั้น ทั้งคู่จ้องมองโซระด้วยสีหน้าตื่นตระหนกแต่ก็พยายามเก็บอาการไว้
“มะ... แหม... ฉันก็มีคนทักบ่อยนะคะว่าเหมือนกับไอดอลชื่อดังคนนั้น แปลกจังนะคะฉันว่าฉันไม่สวยเท่าเธอคนนั้นหรอก ฉันคิดว่า...”
“เธอคิดว่าฉันโง่หรอ?”
ลูน่าพยายามพูดไหลตามน้ำแต่ไม่สำเร็จเมื่อโซระพูดแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง ทำให้ภาพลักษณ์ของสาวน้อยไร้เดียงสาในตอนแรกมลายหายไปภายในเสี้ยววินาที
“คุณผู้จัดการ โกยะ ทาคุมิ และผู้หญิงที่อยู่ข้างๆก็คือคุณลูน่า ถ้าถามว่าทำไมคุณลูน่าถึงอยู่ในสภาพแบบนั้น คำตอบก็ง่ายๆ คุณลูน่าไม่ใช่มนุษย์ แต่เธอคือ AG และกำลังพรางตัวเพื่อไม่ให้คนอื่นจำเธอได้ยังไงล่ะ”
ทาคุมิกับลูน่าถึงกับทำตัวไม่ถูก ก็ไม่รู้ว่าโซระรู้เรื่องราวทั้งหมดได้อย่างไร แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้ความลับของลูน่าจะไม่ได้มีเพียงแค่ทาคุมิคนเดียวแล้วที่รู้
“คะ... คุณพูดอะไรของคุณครับ มากล่าวหาลอยๆแบบนี้”
ทาคุมิพยายามควบคุมสติอารมณ์แล้วตอบปฏิเสธ
“ยังจะปากแข็งอีกนะคะคุณผู้จัดการ ไอดอลคนอื่นพยายามแทบตายเพื่อที่จะได้เข้าวงการ แต่คุณโกยะกลับให้หุ่นยนต์อย่างเธอมาแย่งพื้นที่ของไอดอลคนอื่นๆ คุณคิดว่ามันยุติธรรมแล้วหรอคะ?”
โซระพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ แต่ทาคุมิท่าทางจะไม่สบอารมณ์ยิ่งกว่าที่ถูกกล่าวหา แม้นั่นจะเป็นเรื่องจริงก็ตามที
“ในเมื่อคุณไม่มีหลักฐานว่าผู้หญิงคนนี้คือลูน่า คิดหรือไงว่าคนอื่นจะเชื่อคุณ ผมเสียเวลามามากพอแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ”
ทาคุมิรีบจูงมือลูน่าเดินหนีจากโซระ แต่อดีตไอดลอสาวชื่อดังกลับแสยะยิ้มเหมือนว่าตนเหนือกว่าก่อนที่จะกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“ใครว่าฉันไม่มีหลักฐานกันล่ะ”
คำพูดนั้นเหมือนตรึงทาคุมิทำให้ไม่สามารถก้าวขาต่อไปได้ เขาหันกลับไปทางโซระซึ่งหยิบโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนของตนขึ้นมา เธอกดไปตามหน้าจอสัมผัสสองสามครั้งก่อนที่จะหันหน้าจอไปทางทาคุมิ ภาพเคลื่อนไหวบนหน้าจอนั้นทำให้ทาคุมิพูดอะไรไม่ออก
เพราะนั่นคือ ‘หลักฐาน’ ที่โซระพูดถึง
มันเป็นภาพวิดีโอของทาคุมิและลูน่าในขณะที่กำลังอยู่ในห้องเตรียมตัว ซึ่งมันเป็นช่วงเวลาที่ลูน่ากำลังปรับทุกข์กับเขาพอดี และเสียงในคลิปวิดีโอที่ดังออกมาอย่างชัดเจนนั้นเป็นบทสนทนาที่บ่งบอกว่าลูน่านั้นไม่ใช่มนุษย์
“ถ้าคลิปวิดีโอนี้ถูกเผยแพร่ไปล่ะก็ คงรู้สินะว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไอดอลสาวชื่อดัง แท้จริงแล้วไม่ใช่คนแต่เป็น AG แฟนคลับของเธอคงดีใจน่าดูที่ถูกหลอกมาตลอด”
โซระกล่าว พลางแกว่งโทรศัพท์มือถือไปมา ทำให้ลูน่าตัดสินใจเปลี่ยนรูปลักษณ์กลับไปเป็นเหมือนเดิมเพราะรู้ดีว่าไม่มีประโยชน์ที่จะพรางตัวต่อไปอีกแล้ว เปรียบได้กับการยอมรับกลายๆว่าคำกล่าวหาของโซระเป็นความจริงทุกประการ
“จริงๆฉันอยากจะอัพลงโซเชี่ยลเน็ทเวิร์คซะตั้งแต่ตอนนี้เลยแหละ แต่ถ้าทำแบบนั้นมันก็ไม่สนุกน่ะสิ ดังนั้นฉันอยากจะต่อรองอะไรกับเธอนิดหน่อยเพื่อแลกกับคลิปวิดีโอในมือของฉัน”
เมื่อโซระพูดจบ ก็มีร่างปริศนาพุ่งตัวลงมาจากฟากฟ้าอย่างรวดเร็ว ร่างนั้นสัมผัสกับพื้นอย่างนิ่มนวลเหมือนนักกีฬายิมนาสติก ก่อนที่จะยืนขึ้นเผยให้เห็นเป็นสาวงามในชุดเสื้อกระโปรงสไตล์ยุโรปที่ค่อนข้างเน้นสัดส่วนร่างกายอันอรชรไร้ที่ติอย่างเด่นชัด กระโปรงนั้นสั้นจนเผยให้เห็นต้นขาขาวเนียน เรือนผมยาวสลวยของเธอสีแดงเพลิง ดวงตากลมโตสีมรกตนั้นราวกับมีมนต์สะกดให้เผลอไปจ้องมองอย่างไม่สามารถควบคุมได้
แน่นอนว่าทั้งการที่เธอพุ่งตัวลงจากฟากฟ้าแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย รวมถึงปีกสีดำที่งอกออกมาจากกลางหลัง และคมเขี้ยวที่เผยออกมายามที่เธอแสยะยิ้ม บ่งบอกชัดเจนว่าสาวงามผู้นี้ไม่ใช่มนุษย์ เธอดูเหมือนสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘ผีดูดเลือด’ หรือ ‘แวมไพร์’ ที่สามารถพบเห็นได้ในหนังสยองขวัญหลายๆเรื่อง
“การต่อรองของฉันคือ ให้ลูน่ามาประลองกับ AG ของฉันคนนี้”
โซระผายมือไปที่สาวงามผมสีเพลิงที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอคนนั้นเก็บปีกของตนหดกลับเข้าไปที่กลางแผ่นหลังจนไม่เหลือร่องรอยว่าที่ตรงนั้นเคยมีอะไรอยู่
“ถ้าเธอชนะ ฉันจะลบคลิปนี้ทิ้ง แต่ถ้าเธอแพ้ คลิปนี้จะถูกเผยแพร่ออกไป ข้อเสนอง่ายๆใช่ไหมล่ะ?”
โซระยื่นข้อเสนอที่เหมือนจะต้องตอบตกลงสถานเดียว เพราะหากปฏิเสธล่ะก็แน่นอนว่าสิ่งที่โซระหวาดกลัวมาตลอดจะเป็นจริงขึ้นมา หากทุกคนรู้ว่าเธอเป็น AG นั่นอาจจะหมายถึงจุดจบของเส้นทางไอดอลเป็นแน่
“นะ... นี่คุณคิดว่าผมแคร์หรือไง เพราะผมมองว่าลูน่าเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ผมเลยต้องการให้ทุกคนยอมรับว่า AG เปรียบเสมือนมนุษย์ที่มีชีวิตจิตใจ จริงๆคุณก็แค่ต้องการทำลายอาชีพของลูน่าเพื่อที่จะทำให้ตัวเองไม่มีคู่แข่งสินะ ไอดอลตกกระป๋องอย่างคุณก็เป็นแต่ใช้วิธีสกปรกนั่นแหละ คนอื่นจะรู้ว่าลูน่าของผมเป็น AG แล้วจะทำไม? ไม่ว่ายังไงผมก็จะอยู่เคียงข้างเธอและทำให้ทุกคนยอมรับเธอให้ได้...”
“ฉันตกลง”
คำพูดของลูน่าทำให้ทาคุมิหยุดพูดแล้วหันไปมองเธอทันที สายตาของเขาดูไม่เชื่อว่านั่นจะเป็นคำพูดที่ออกจากปากของไอดอลสาว
“ไม่!! ฉันไม่ยอมให้เธอต้องมาเจ็บตัวกับข้อเสนอโง่ๆแบบนี้”
“ทาคุมิ ถ้าคนอื่นรู้ความจริงของฉัน คนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือนายในฐานะผู้จัดการส่วนตัวนะ นายเป็นคนพาฉันเข้าวงการ แน่นอนว่าทุกคนจะมองว่านายเป็นคนผิดมากที่สุด ฉันไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นแน่”
ลูน่าก้าวขึ้นมาตรงหน้าทาคุมิ เป็นสัญญาณว่าเธอพร้อมที่จะประลอง
“เพราะฉะนั้น ฉันจะเอาชนะเพื่อชิงคลิปวิดีโอนั้นมาให้ได้”
แม้ท่าทีของทาคุมิจะไม่ยอมให้ลูน่าเข้าสู่สนามประลอง แต่เขากลับรู้สึกได้ถึงความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยมของเธอจนไม่กล้าปฏิเสธ
“รักกันดีจริงๆ ช่างน่าอิจฉาเหลือเกิน สรุปว่าตกลงสินะ”
เมื่อเป็นเช่นนั้นโซระจึงหยิบ AG Vision ขึ้นมาสวมทันที ทาคุมิเองก็เห็นว่าคงจะต้องจำใจประลองอย่างช่วยไม่ได้จึงหยิบ AG Vision ขึ้นมาสวมเช่นกัน AG ทั้งสองจึงถูกล้อมรอบด้วยม่านพลังงานซึ่งจะเป็นสนามประลองของพวกเธอ
“นามของข้าคือเวโรนิก้า ราชินีแห่งรัตติกาล จงสังเวยเลือดของเจ้ามาให้ข้าผู้นี้ซะ”
AG สาวผมสีเพลิงแนะนำตัวพร้อมปีกสีดำที่กางออกราวกับจะประกาศศักดาว่าเธอจะต้องเป็นผู้ชนะในการประลองครั้งนี้ แต่ลูน่าก็ไม่มีท่าทีเกรงกลัวก่อนที่จะเสกดาบสองเล่มขึ้นมาจากอากาศที่ว่างเปล่าแล้วถือมันด้วยสองมือ
“ท้องฟ้ามืดสนิทโดยสมบูรณ์แล้วสินะ มันทำให้ข้ารู้สึกสดชื่นจริงๆ เตรียมใจไว้ให้ดีล่ะ และข้าจะทำให้เจ้าลิ้มรสถึงพลังแห่งรัตติกาล”
เวโรนิก้ากล่าวขึ้นพร้อมจ้องมองไปยังท้องฟ้าที่ถูกทาด้วยสีดำ สีหน้าของแวมไพร์สาวบ่งบอกถึงความอิ่มเอมใจเมื่ออยู่ภายใต้ความมืดมิดยามราตรี
ก่อนที่เธอจะพุ่งตัวเข้าหาลูน่าที่ไม่ทันได้ตั้งตัวด้วยความเร็วสูงทันที
บางทีลางสังหรณ์ถึงเรื่องไม่ดีของลูน่าอาจจะหมายถึงเรื่องนี้ก็เป็นได้
Veronica 100 - 100 Luna