นางิสะยืดแขนทั้งสองข้างเพื่อบิดขี้เกียจหลังจากที่หย่อนตัวลงนั่งบนที่นั่งของตัวเอง ก่อนที่เธอจะฟุบลงบนโต๊ะพร้อมถอนหายใจเบาๆ
แต่นั่นคือเสียงถอนหายใจแห่งความโล่งอก เพราะหลายวันมานี้ ชีวิตในรั้วโรงเรียนเอกชนฮิริวของเธอช่างสงบสุขเสียเหลือเกิน หลังจากที่การเผชิญหน้ากับมิยาโมโตะ คิซารุได้ผ่านพ้นไป
นี่อาจเป็นชีวิตสาว ม.ปลาย อันแสนสุขที่นางิสะต้องการ แม้ในใจลึกๆเธอก็รู้ดีว่าสักวันความวุ่นวายเหล่านั้นอาจจะหวนคืนกลับมา เพียงแต่ยังไม่ใช่ตอนนี้
“ไง?”
หลังจากที่ชินสุเกะเข้ามาในห้องเรียนเขาก็ทักนางิสะเป็นคนแรก เด็กสาวโบกมือให้เขา ก่อนที่เด็กหนุ่มผมแดงจะนั่งลงโต๊ะข้างๆนางิสะซึ่งเป็นที่นั่งของเขา
“เป็นไงบ้าง ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า?”
“ไม่เจ็บแล้วล่ะ ให้คุณหมอตรวจอย่างละเอียดดูแล้วก็ไม่มีอะไรอันตราย แค่กินยานิดหน่อยก็วิ่งปร๋อแล้ว อีกอย่างเห็นแบบนี้แต่จริงๆฉันอึดนะจะบอกให้”
ชินสุเกะทำท่าเบ่งกล้ามจนนางิสะเห็นแล้วก็อดขำไม่ได้
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้วล่ะ”
การสนทนาของทั้งคู่จบลงเมื่ออาจารย์ประจำชั้นเดินเข้ามาในห้อง เหล่านักเรียนต่างวิ่งกลับเข้าไปนั่งที่ของตนเองอย่างพร้อมเพรียง เสียงพูดคุยที่ดังจ้อกแจ้กจอแจไปทั่วห้องต่างก็เงียบลงทันใด
“อาจจะกะทันหันไปหน่อย แต่ห้องเรามีนักเรียนใหม่เพิ่งย้ายเข้ามา”
เมื่ออาจารย์พูดจบ ก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้นมาทันที โดยเฉพาะเสียงของเหล่านักเรียนชาย และประเด็นคลาสสิกที่พวกเขาคุยกันคือ ‘นักเรียนใหม่เป็นผู้ชายหรือผู้หญิง?’
“เอ้า! เงียบๆกันหน่อย เอาล่ะ เข้ามาได้แล้วจ้ะ”
อาจารย์ประจำชั้นหันไปทางประตูห้องซึ่งคงจะมีนักเรียนใหม่ที่อาจารย์พูดถึงยืนอยู่หลังบานประตูนั้น เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมเขาหรือเธอที่ก้าวเข้ามาในห้อง ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่เพื่อนร่วมชั้นคนใหม่ของพวกเขาเป็นตาเดียว
เสียงอุทานดังมาจากพวกผู้ชายเป็นส่วนใหญ่เมื่อเห็นว่านักเรียนที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่นั้นเป็นผู้หญิง เธอเป็นสาวน้อยผมยาวไว้เป็นทรงฮิเมะคัทสีน้ำตาล หน้าตาจัดว่าน่ารักในระดับหนึ่ง เธอก้าวไปยืนอยู่หน้าห้องเรียนและยิ้มหวานเล่นเอาหนุ่มๆใจละลาย ก่อนที่เธอจะคว้าชอล์กและเขียนชื่อของตนเองบนกระดานดำพร้อมกล่าวแนะนำตัว
“สวัสดีค่ะ ชื่อยามาชิโระ ฮิคาริค่ะ ฝากตัวด้วยนะคะ”
น้ำเสียงหวานหยดย้อยของเธอทำให้ผู้ชายในห้องบางส่วนเริ่มออกลายหน้าภาชนะมีหู บ้างก็ยิงคำถามเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของนักเรียนใหม่คนนี้แบบไม่เกรงใจ จนอาจารย์ประจำชั้นต้องตบโต๊ะเสียงดังเพื่อให้ทุกคนอยู่ในความสงบ ชินสุเกะซึ่งไม่ได้มีพฤติกรรมแบบนักเรียนชายกลุ่มดังกล่าวและมองเหม่อไปนอกหน้าต่างสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงตบโต๊ะของอาจารย์ สายตาของเขามองไปยังนักเรียนใหม่นามฮิคาริ และนั่นทำให้เขาชะงักเล็กน้อยเมื่อสายตาของทั้งสองประสานกัน เขาก็ไม่ได้อยากเข้าข้างตัวเองสักเท่าไหร่ แต่เด็กหนุ่มค่อนข้างมั่นใจว่าเพื่อนร่วมห้องคนใหม่คนนี้กำลังจ้องมาทางเขา
“ที่นั่งตรงนั้นว่างอยู่ เธอนั่งตรงนั้นแล้วกันนะ”
อาจารย์ประจำชั้นชี้ไปที่โต๊ะด้านหลังชินสุเกะซึ่งว่างอยู่พอดี ฮิคาริพยักหน้ารับและเดินไปที่โต๊ะช้าๆโดยที่สายตาของเหล่านักเรียนชายหูดำทั้งหลายต่างมองตามอย่างไม่วางตา เธอไม่ได้สนใจใครจนกระทั่งเดินมาถึงตรงที่นั่งของชินสุเกะ
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฉันชื่อยามาชิโระ ฮิคาริ”
ฮิคาริกล่าวแนะนำตัวกับชินสุเกะท่ามกลางความอิจฉาตาร้อนของนักเรียนชายคนอื่นๆเมื่อนักเรียนใหม่คนสวยเข้าไปทักทายเด็กหนุ่มผมแดง เล่นเอาชินสุเกะอ้ำๆอึ้งๆก่อนที่จะตอบกลับไปตามมารยาท
“ทะ... โทโมโนริ ชินสุเกะครับ”
“ฉันเพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ ถ้าไม่เป็นการรบกวนอยากให้คุณโทโมโนริช่วยพาดูรอบๆโรงเรียนช่วงพักหน่อยได้ไหมคะ?”
“เอ๋??”
ชินสุเกะร้องเหวอ พลางเหลือบมองนางิสะที่ดูจะไม่มีปฏิกิริยาใดๆทั้งสิ้นกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา
“ละ... แล้วทำไมต้องเป็นผมล่ะ?”
“ไม่ได้หรอคะ?”
น้ำเสียงซึมๆบวกกับสีหน้าเศร้าๆของฮิคาริเล่นเอาชินสุเกะกลืนน้ำลายดังเอื๊อกแถมยังรู้สึกผิดขึ้นมาซะอย่างนั้น เหมือนบีบบังคับกลายๆให้เขาต้องตอบตกลงอย่างช่วยไม่ได้
“ถะ... ถ้างั้นก็ได้ครับ”
“จริงหรอคะ!? ขอบคุณนะคะ คุณโทโมโนริ”
ฮิคาริยิ้มร่าพลางเดินไปนั่งที่ของตัวเอง ชินสุเกะเกาหัวแกรกๆและมองไปที่นางิสะอีกครั้ง เธอยังคงไม่สนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาเท่าไหร่ทำให้เด็กหนุ่มแอบถอนหายใจเบาๆ
----------------------------------------------------
เสียงกริ่งบ่งบอกว่าถึงเวลาพักเที่ยงดังขึ้น นักเรียนบางส่วนเริ่มทยอยออกจากห้องเรียน ตั้งแต่เริ่มเรียนมาจนถึงตอนนี้ ชินสุเกะรู้สึกถึงสายตาของฮิคาริที่จ้องมองมาจากโต๊ะด้านหลังอยู่เป็นระยะ ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอทำแบบนั้น แต่เขาเองก็ไม่กล้าหันกลับไปมอง
“คุณโทโมโนริ ไปกันได้หรือยังคะ?”
ฮิคาริเดินมาถามชินสุเกะถึงที่ ทำให้เด็กหนุ่มสะดุ้งนิดๆก่อนที่จะพยักหน้าพร้อมยิ้มแหยๆ พลางเดินออกจากห้องไปพร้อมกับเธอ ชินสุเกะมองไปที่นางิสะอีกรอบก็พบว่าเธอฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีพร้อมหยิบข้าวกล่องขึ้นมา ดูท่าว่านางิสะจะไม่ใส่ใจเกี่ยวกับเรื่องนักเรียนใหม่คนนี้เลยแม้แต่น้อย
“แล้วคุณยามาชิโระอยากไปที่ไหนก่อนดีครับ?”
“เรียกฮิคาริก็ได้ค่ะ คุณชินสุเกะ”
“อะ... เอ่อ... ถ้างั้นคุณฮิคาริ อยากจะไปที่ไหนก่อนดีครับ?”
“ถ้าที่ๆอยากไปเป็นที่แรกก็พอมีอยู่นะคะ”
ฮิคาริกล่าวพร้อมขยับตัวเข้ามาใกล้ชินสุเกะ เธอเลื่อนใบหน้าของตัวเองเข้าไปใกล้หูของเขาเล่นเอาเด็กหนุ่มหน้าแดงก่ำ ก่อนที่จะกระซิบอะไรบางอย่าง แม้ว่าชินสุเกะจะไม่ได้คิดอะไรกับเธอ แต่โดยธรรมชาติของผู้ชายแล้วหากมีผู้หญิงน่ารักๆเข้ามาใกล้ๆแบบนี้ไม่ว่าเป็นใครก็ต้องมีปฏิกิริยากันทั้งนั้น
“อะ... โอเคครับ ไปที่นั่นก่อนก็ได้”
----------------------------------------------------
“ขอบคุณสำหรับอาหารค่ะ”
นางิสะเก็บข้าวกล่องใส่ผ้าคลุมไว้เหมือนเดิมหลังจากที่ทานเสร็จแล้ว เธอเหลือบมองไปที่โต๊ะของชินสุเกะนิดๆ โต๊ะตัวนั้นว่างเปล่าเพราะเขายังไม่กลับมา ปกติแล้วตอนพักเที่ยงนางิสะกับชินสุเกะจะทานข้าวกลางวันด้วยกันอยู่บ่อยๆ แต่ในวันนี้เมื่อเธอเห็นว่าชินสุเกะสัญญากับนักเรียนใหม่ว่าจะพาเยี่ยมชมโรงเรียนจึงไม่อยากไปรบกวน
“ชินสุเกะคุง หายไปนานจัง อ่า... รู้สึกคอแห้งซะแล้วสิ”
นางิสะลุกจากโต๊ะและเดินออกจากห้องเพื่อที่จะไปซื้อน้ำที่ตู้กดน้ำอัตโนมัติซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องเรียนนัก แต่เพราะไม่ทันระวังเลยชนเข้ากับคนที่กำลังเดินสวนเข้ามา เด็กสาวจึงรีบก้มหัวขอโทษใหญ่
“ขอโทษค่ะ... อ้าว? รุ่นพี่ฮาเซกาวะ”
เมื่อนางิสะเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่าเป็นฟูจินั่นเอง แน่นอนว่าเขาน่าจะมีธุระอะไรบางอย่าง ถึงทำให้นักเรียนปีสองอย่างเขามาที่ห้องเรียนของนักเรียนปีหนึ่งแบบนี้
“มาทำอะไรที่นี่หรอคะ?”
“มาหาโทโมโนริน่ะ อยู่ไหม?”
“อ๋อ... พอดีวันนี้มีนักเรียนย้ายเข้ามาใหม่น่ะค่ะ ชินสุเกะคุงเลยพาเธอไปเยี่ยมชมโรงเรียน”
“เธอ? ผู้หญิงหรอ!?”
จู่ๆฟูจิก็โพล่งขึ้นมาจนนางิสะตกใจ
“ชะ... ใช่ค่ะ แล้วทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะคะ? ฮั่นแน่! รุ่นพี่คงอยากเห็นหน้านักเรียนใหม่ล่ะสิ บอกว่าผู้หญิงเป็นไม่ได้ ให้ตายสิ พวกผู้ชายนี่จริงๆเล้ย”
“หวังว่าคงจะไม่ใช่อย่างที่คิดนะ...”
“เอ๋? พูดถึงอะไรหรอคะ?”
“เปล่าหรอก... ขอตัวก่อนนะ”
ฟูจิเดินจากไปแบบดื้อๆ ทำให้นางิสะมองตามไปแบบงงๆ ไหนจะท่าทางแปลกๆเมื่อได้ยินเรื่องของนักเรียนใหม่อีก
“พิลึกแฮะ...”
----------------------------------------------------
“ทำไมคุณฮิคาริถึงอยากมาที่ดาดฟ้านี่ล่ะครับ?”
เหมือนเมื่อสักครู่ฮิคาริจะกระซิบบอกสถานที่ที่ตัวเองอยากไปให้กับชินสุเกะได้รับรู้แล้ว เด็กหนุ่มจึงเดินนำเธอขึ้นบันไดจนถึงชั้นบนสุดของโรงเรียน ซึ่งก็คือดาดฟ้านั่นเอง
“มันเป็นสถานที่ที่เงียบสงบดีค่ะ มีลมเย็นๆพัดผ่าน มองดูทิวทัศน์ที่สวยงามข้างล่าง ฉันชอบมากเลยค่ะ”
ฮิคาริเดินไปเกาะลูกกรงพร้อมมองดูสภาพแวดล้อมโดยรอบของโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นสนามกีฬากลางแจ้ง สวนสาธารณะ ท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง และต้นไม้เขียวขจี ซึ่งต่างก็ดูแล้วสบายตา
“และอีกอย่าง เพราะฉันไม่ค่อยมีเพื่อนสนิทเท่าไหร่ ฉันจึงมีความฝันอย่างนึงมาตลอด คือการที่ได้ทานข้าวกลางวันกับเพื่อนสักคนบนดาดฟ้าแบบนี้”
ว่าแล้วฮิคาริก็ยกกล่องที่ถูกคลุมด้วยผ้าสีชมพูขึ้นมา ซึ่งเธอถือติดมือมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว
“ยังไงก็มาทานข้าวกลางวันกันดีไหมคะ?”
“เอ๊ะ? แต่ผมไม่ได้หยิบข้าวกล่องมาด้วย”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันทำเผื่อไว้แล้ว เพราะฉันตั้งใจว่าจะทำข้าวกล่องให้เพื่อนคนแรกของฉันที่โรงเรียนนี้ได้ทาน”
ฮิคาริเดินไปนั่งบนม้านั่งและค่อยๆคลายผ้าที่คลุมกล่องออก ข้างในเป็นกล่องข้าวกลางวันสองกล่องวางเรียงซ้อนกันอยู่ เธอหยิบกล่องที่อยู่ด้านบนลงมาวางบนม้านั่งและเปิดมันออกมา ข้างในกล่องเป็นข้าวกลางวันแบบเรียบง่าย แต่ถูกจัดวางอย่างสวยงามทำให้ดูน่ารับประทาน
“เชิญนั่งก่อนสิคะ”
“คะ... ครับ”
เมื่อมาถึงขั้นนี้ชินสุเกะจะปฏิเสธก็กระไรอยู่ เขาจึงค่อยๆเดินไปนั่งแบบเก้ๆกังๆ โดยเลือกที่นั่งค่อนข้างห่างจากฮิคาริพอสมควรคงเพราะรู้สึกเขินนิดๆ
“ถะ... ถ้างั้น ทานแล้วนะครับ”
เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบข้าวกล่องที่ฮิคาริทำมาให้ แต่กลับถูกเธอดึงข้าวกล่องนั้นไปถือไว้เองจนเขาหน้าเหวอและชักมือกลับเพราะคิดว่าตนทำอะไรเสียมารยาทลงไป ทางฮิคาริไม่ได้พูดอะไรและใช้ตะเกียบคีบไข่ม้วนขึ้นมา เธอใช้มืออีกข้างรองไว้เพื่อป้องกันไม่ให้มันตกพื้น แต่แทนที่จะเอาเข้าปากตัวเอง เธอกลับค่อยๆยื่นไข่ม้วนก้อนนั้นเข้าไปใกล้ๆใบหน้าของชินสุเกะแทน
“อ้าปากสิคะ อ้าม~♡”
“เหวอ!! ผะ... ผมทานเองได้ครับ”
ชินสุเกะหน้าแดงแจ๋ ออกอาการลุกลี้ลุกลนอย่างชัดเจนและพยายามขยับตัวหนี แต่ก็ถูกฮิคาริขยับเข้าประชิดตัวและพยายามคะยั้นคะยอจะให้เขาทานไข่ม้วนที่เธอป้อนให้ได้
“เร็วๆสิคะ อ้าม~”
“ให้ผมทานเองเถอะครับคุณฮิคาริ!!”
ชินสุเกะที่เผลอขึ้นเสียงเอามือปิดปากตัวเองเพราะรู้ตัวว่าพูดแรงไป พอเห็นฮิคาริที่ค่อยๆก้มหน้าและเหมือนจะมีน้ำตาซึมออกมานิดๆก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ จนเด็กหนุ่มเริ่มจะลนลานทำอะไรไม่ถูก
“อ๊า! ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะครับ คือผม-”
“คุณชินสุเกะ... รังเกียจฉันหรอคะ?”
สายตาของฮิคาริที่ช้อนขึ้นมาทำเอาชินสุเกะหัวใจเต้นแรง หน้าที่แดงอยู่แล้วยิ่งแดงขึ้นไปอีกจนเหมือนผลมะเขือเทศที่สุกงอม
“ไม่เลยครับ! ไม่รังเกียจเลยสักนิด! ผมดีใจด้วยซ้ำครับที่มีเพื่อนเป็นผู้หญิงน่ารักแบบคุณ”
คำพูดเหล่านั้นทำให้ฮิคาริกลับมายิ้มแย้มอีกครั้ง แม้มันจะเป็นเพียงคำพูดปลอบใจธรรมดาที่ไม่มีความหมายอะไรลึกซึ้งก็ตาม แต่ก็นับว่าชินสุเกะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี
“จะ... จริงหรอคะ? ถะ... ถ้างั้น... ก็อ้ามสิคะ”
คราวนี้ชินสุเกะคงปฏิเสธไม่ลง ไข่ม้วนหอมหวานถูกส่งจากตะเกียบในมือฮิคาริเข้าไปในปากของเด็กหนุ่ม หลังจากที่ทานเข้าไปแล้วเขาก็รีบเบือนหน้าหนีด้วยความอายสุดขีด แต่ด้วยรสชาติของไข่ม้วนก้อนนี้ทำให้เขาแทบจะลืมความอายไปเลย
“อร่อยมากครับ! คุณฮิคาริทำอาหารเก่งจัง”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกคะ ถ้าอร่อยก็ทานเยอะๆเลยนะคะ อ้าม~”
ไส้กรอกรูปปลาหมึกถูกคีบตามมา คราวนี้ชินสุเกะทานเข้าไปแบบไม่ขัดเขิน รสชาตินั้นยอดเยี่ยมไม่แพ้กันจนทำให้ชินสุเกะถึงกับเอ่ยชมไม่หยุดปาก
“เอ่อ... คุณฮิคาริครับ”
“คะ?”
“คือ... อาจจะเสียมารยาท แต่ผมสงสัยน่ะครับ ทำไมคุณถึงอยากเป็นเพื่อนกับผมหรอครับ?
คำถามของชินสุเกะทำให้ฮิคาริซึ่งกำลังจะคีบกุ้งเทมปุระหยุดกึก
“อีกอย่างผมรู้สึกได้ว่าคุณฮิคาริชอบมองมาที่ผม ผมก็ไม่รู้หรอกนะครับว่าคุณฮิคาริคิดอะไรกับผม อย่าหาว่าผมหลงตัวเองเลยนะครับ แต่ถ้าคุณฮิคาริคิดอะไรแบบนั้นจริงๆล่ะก็ผมคงต้องขอปฏิเสธแบบตรงๆเพราะผมนั้นมีคนที่ชอ-”
“ฉันอยากอยู่ในสายตาของเขาบ้าง”
ฮิคาริพูดแทรกขึ้นมาด้วยคำพูดที่ชินสุเกะได้ยินแล้วหันไปมองเด็กสาวด้วยท่าทีที่ไม่เข้าใจ ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าบรรยากาศโดยรอบเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ทั้งๆที่บนดาดฟ้ามีอากาศที่ถ่ายเทและเย็นสบายแท้ๆ แต่เขากลับรู้สึกอึดอัดขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
“? คุณหมายความว่าอะ-”
ชินสุเกะหยุดชะงักโดยที่ยังพูดไม่จบ เขารู้สึกง่วงขึ้นมาอย่างกะทันหันจนอ้าปากหาวออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ สายตาเริ่มพร่ามัว แต่เขาก็พยายามฝืนตัวเองสุดฤทธิ์ เพราะรู้ว่าที่ๆเขาอยู่ตอนนี้ไม่เหมาะสำหรับการนอนหลับ
“ทำไมถึงรู้สึกง่วงๆกันนะ...”
“ไม่แปลกหรอค่ะ หนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อน อากาศสบายๆแบบนี้ ใครๆก็อยากนอนกันทั้งนั้น”
ฮิคาริประคองร่างของชินสุเกะที่ดูมึนตึงให้นอนลง ศีรษะของเขาหนุนลงบนตักของเธอ ความจริงชินสุเกะรู้สึกตกใจที่จู่ๆก็ได้นอนลงบนตักของผู้หญิงที่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน แต่ด้วยความง่วงที่เกินบรรยายทำให้เขาไม่ขัดขืนอะไร เพียงไม่นานนักเขาก็หลับตาลง ภาพสุดท้ายที่เขาเห็นคือฮิคาริที่มองลงมาพร้อมกับรอยยิ้มพิมพ์ใจ
“หลับให้สบายนะคะ คุณชินสุเกะ”