“เอาล่ะ วันนี้เราจะมาเรียน... อ้าว? โทโมโนริกับยามาชิโระหายไปไหนน่ะ!? ไซโต้ เธอเห็นสองคนนั้นหรือเปล่า?
อาจารย์ประจำชั้นซึ่งในคาบนี้เธอได้รับหน้าที่เป็นผู้สอนเห็นว่าโต๊ะของชินสุเกะและฮิคาริว่างเปล่า จึงเอ่ยถามนางิสะซึ่งอยู่ใกล้กับโต๊ะของทั้งสองคนมากที่สุด แต่ทางนางิสะเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าสองคนนั้นหายไปไหนจึงส่ายหน้า
“พาเยี่ยมชมโรงเรียนจนหลงทางหรือไงนะ ฮ่ะๆ”
อาจารย์สาวพูดติดตลก
“หนูจะลองไปตามหาดูค่ะ ขออนุญาตนะคะ”
นางิสะรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆจึงขออนุญาตอาจารย์ออกจากห้องเพื่อตามหาชินสุเกะและฮิคาริ อาจารย์กำลังจะร้องห้ามเพราะอยู่ในคาบเรียน แต่นางิสะก็ไม่สนใจ แม้การเรียนจะสำคัญแต่นางิสะเป็นห่วงสองคนนั้นที่หายไปมากกว่า โดยเฉพาะชินสุเกะ
----------------------------------------------------
ชินสุเกะค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ในหัวของเขาปวดตุบๆเป็นจังหวะกลอง เขากวาดสายตามองไปรอบๆ คำถามแรกที่ผุดขึ้นมาคือที่นี่ที่ไหน และเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร เขาจำได้รางๆว่าพาฮิคาริเยี่ยมชมโรงเรียน และเธอก็ชวนเขาทานข้าวเที่ยงบนดาดฟ้า จากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้อีก
เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนพื้นแข็งๆทำให้รู้สึกปวดหลังไปหมด เขาจึงพยายามที่จะลุกขึ้น แต่กลับเหมือนถูกใครบางคนตรึงร่างไว้จนขยับตัวไม่ได้
“เฮ้ย!!!”
ชินสุเกะร้องลั่นด้วยความตกใจสุดขีด เมื่อสำรวจตัวเองแล้วพบว่าเขานอนอยู่บนโต๊ะเรียนที่ถูกวางเรียงกันจนเท่ากับขนาดตัวของเขา ทั้งแขนและขาถูกมัดด้วยเชือกตรึงไว้กับขาโต๊ะอย่างแน่นหนา นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาลุกขึ้นมาไม่ได้
แต่นั่นไม่น่าตกใจเท่ากับที่ตัวเขานั้นอยู่ในสภาพนุ่งกางเกงชั้นในขาสั้นเพียงตัวเดียว ว่ากันง่ายๆคือเกือบจะเปลือยเปล่า ส่งผลให้เขารู้สึกหนาวจับใจแม้จะเพิ่งอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ด้วยสภาพดังกล่าวทำให้เขาคิดฟุ้งซ่านไปต่างๆนาๆว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา ถ้าเป็นในภาพยนตร์ล่ะก็ผู้ชายอยู่ในสภาพนี้แสดงว่าเพิ่งมีอะไรไม่เหมาะไม่ควรกับผู้หญิงมา แต่โดนมัดอยู่แบบนี้คงไม่น่าจะใช่
ชินสุเกะพยายามดิ้นเพื่อที่จะหลุดจากพันธนาการ ระหว่างนั้นเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น พบว่าคนที่เปิดประตูเข้ามาคือฮิคาริ ทำให้ชินสุเกะยิ้มออกเพราะนึกว่าเธอมาช่วย
“คุณฮิคาริ!?”
แต่พอชินสุเกะรู้ว่าตัวเองอยู่ในสภาพไหนก็หน้าแดงแป๊ด
“อ๊ะ! ขอโทษครับ!! อย่ามองนะครับ! ไม่สิ! ช่วยผมด้วยครับ!”
“แหม คุณชินสุเกะเนี่ยก็ซ่อนรูปใช่เล่นเลยนะคะ กล้ามเป็นมัดๆเลย”
“พูดอะไรของคุณน่ะครับ!? รีบช่วยแก้มัดผมเถอะครับ!”
“ตายจริง ฉันอุตส่าห์มัดแทบตายกว่าจะแน่นได้ขนาดนั้น จะให้แก้มัดง่ายๆได้ยังไงล่ะคะ”
“นี่หรือว่าคุณ...”
คำพูดของฮิคาริทำให้รู้ทันทีว่าคนที่ทำให้ชินสุเกะอยู่ในสภาพนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นเธอนั่นเอง เด็กสาวยิ้มหวาน ทว่าสถานการณ์ที่เป็นแบบนี้รอยยิ้มของเธอจึงให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนเคย ชินสุเกะทำได้แต่มองเด็กสาวด้วยความสับสน ว่าทำไมเธอถึงทำแบบนี้
“คะ... คุณทำแบบนี้ทำไมครับ!”
“ฉันต้องการอยู่ในสายตาของเขาบ้าง”
“มะ... หมายความว่าอะไร!?”
ฮิคาริไม่ตอบ แล้ววางกระเป๋าใบโตที่เธอถือมาลงพื้น เธอเปิดกระเป๋าใบนั้นแล้วหยิบเอาแส้หนังสีดำออกมา เด็กหนุ่มที่ถูกมัดบนโต๊ะกับเด็กสาวถือแส้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าฮิคาริจะเอาแส้มาทำอะไร
“จะว่าไปแล้ว คุณชินสุกะนี่หลอกง่ายดีเหมือนกันนะคะ แค่ข้าวกลางวันใส่ยานอนหลับก็พลาดท่าได้ง่ายๆ”
“แสดงว่าตั้งแต่ที่คุณเจาะจงให้ผมพาเยี่ยมชมโรงเรียน ชวนผมทานข้าวเที่ยง ก็เป็นแผนของคุณทั้งหมด เรื่องที่คุณคุยกับผมที่ดาดฟ้าก็คงเรื่องโกหกทั้งนั้นสินะครับ!?”
“หืม... คุณชินสุเกะเชื่อเรื่องที่ฉันพูดพวกนั้นด้วยหรอคะ? ดูการ์ตูนมากไปหรือเปล่า? คำพูดแบบนั้นมีแต่ในการ์ตูนเท่านั้นแหละค่ะ”
“หยุดทำอะไรบ้าๆเถอะครับคุณฮิคาริ!”
ชินสุเกะตะโกนอย่างเหลืออด แต่ฮิคาริก็ไม่สนใจ
“เพราะยัยนั่น ทำคุณมิยาโมโตะหมดสภาพขนาดนั้น”
“มิยาโมโตะ!? หรือว่าจะเป็นมิยาโมโตะ คิซารุ?”
“ถ้าฉันสามารถจัดการคนที่ทำให้คุณมิยาโมโตะพ่ายแพ้อย่างหมดรูปได้สำเร็จ ฉันก็คงอยู่ได้ในสายตาของคุณมิยาโมโตะบ้าง ฉันปลาบปลื้มคุณมิยาโมโตะในฐานะผู้นำของเซนไดมานาน ทุกๆวันฉันทำได้แค่มองเขาอยู่ห่างๆมาตลอด”
“!?”
“ยัยนั่น... ยัยผู้หญิงที่ชื่อไซโต้ นางิสะ เพราะยัยนั่นสินะถึงทำให้คุณมิยาโมโตะต้องเป็นแบบนั้น ถ้าฉันจัดการเธอได้ล่ะก็ คุณมิยาโมโตะต้องหันมาสนใจฉันแน่ๆ ถ้าฉันได้เป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มของคุณมิยาโมโตะล่ะก็ ฉันก็จะได้อยู่เคียงข้างเขาตลอดเวลา”
“คุณฮิคาริ!!”
“นั่นคือเหตุผลว่าทำไมฉันต้องทำกับคุณแบบนี้ ฉันรู้ว่าคุณสนิทกับยัยนั่น เพราะฉะนั้นฉันจึงมีข้อเสนอง่ายๆให้กับคุณชินสุเกะ คุณก็แค่ทำให้งานของฉันง่ายขึ้น พาตัวยัยนั่นมาให้ฉัน ฉันก็จะปล่อยคุณไปแต่โดยดี... แต่ถ้าคุณปฏิเสธล่ะก็...”
ฮิคาริก้าวเข้ามาใกล้ร่างกายกึ่งเปลือยเปล่าของชินสุเกะที่ถูกมัดอยู่บนโต๊ะแล้วค่อยๆใช้นิ้วเรียวยาวของเธอสัมผัสไปตามผิวกายของชินสุเกะโดยไล่ตั้งแต่หน้าอกลงมา จากนิ้วเริ่มเป็นฝ่ามือที่ลูบไล้ไปตามหน้าท้อง ก่อนที่จะมาหยุดลงตรงหน้าเขตหวงห้ามของผู้ชาย ชินสุเกะที่มองการกระทำของฮิคาริหัวใจเต้นตึกตักด้วยความรู้สึกหลายๆอย่าง ที่แน่นอนน่าจะมีความรู้สึกกลัวปะปนอยู่
“ฉันไม่รับประกันความปลอดภัยของกระเจี๊xวคุณนะคะ♡”
เด็กหนุ่มผมแดงขนลุกซู่ เสียงฟาดแส้ลงพื้นที่ดังขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนเป็นการขู่ ฮิคาริจ้องมองชินสุเกะเพื่อรอคำตอบ และดูท่าเธอไม่ชอบรอนานจึงฟาดแส้เข้าใส่โต๊ะที่อยู่ข้างๆตัวชินสุเกะราวกับเป็นการเร่งเค้นคำตอบ
“รีบตอบมาสิคะ”
“ไม่...”
ชินสุเกะพูดในลำคอออกมาเบาๆเหมือนกับลังเลระหว่างความปลอดภัยของตนกับเพื่อนสนิท ดูท่าว่าความรู้สึกอย่างหลังจะมากกว่าเขาจึงตอบไปแบบนั้น ฮิคาริมีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย เธอเบ้ปาก แส้ที่ฟาดลงพื้นเริ่มถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งตำแหน่งที่ฟาดไม่ใช่พื้นแต่เป็นเด็กหนุ่มที่ถูกมัดตรงหน้า
“อ๊ากก!!”
เหยื่อผู้ถูกทรมานร้องลั่น ทว่าตำแหน่งทีโดนแส้กลับเป็นเพียงหน้าอกเท่านั้น แต่ก็น่าจะเจ็บพอควร เมื่อดูจากรอยแดงที่พาดยาวและเหมือนจะมีเลือดไหลซิบออกมานิดๆแล้ว
“คิดไปคิดมาแล้ว ฉันจะให้โอกาสคุณตอบอีกครั้งก็ได้ค่ะ หวังว่ารอยแผลที่ฉันฝากไว้ที่หน้าอกจะทำให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นนะคะ”
“ผมไม่มีทางหักหลังเพื่อนตัวเองเหมือนที่คุณทำกับผมหรอก...”
“ตายจริง คุณนับว่าฉันเป็นเพื่อนของคุณด้วยหรอคะเนี่ย แต่แค่เพื่อนหรอ น่าเสียดายจัง อยากให้เป็นมากกว่านั้นนะ... คิกๆ ล้อเล่นค่ะ เอาล่ะ รีบตอบมาได้แล้วนะคะ”
“ไม่...”
เพี๊ยะ!!“อ๊ากกกกกกก!!!!”
ทั่วทั้งห้องปกคลุมไปด้วยเสียงร้องของชินสุเกะ ซึ่งครั้งนี้ดังกว่าครั้งแรกหลายเท่า เนื่องจากอวัยวะที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นบริเวณต้องห้ามของผู้ชายถูกฟาดด้วยแส้หนังของฮิคาริ เขาซึ่งโดนฟาดโดยที่ยังไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจทำได้แต่ร้องอย่างทรมานแสนสาหัสและดิ้นไปมาจนโต๊ะที่เขานอนอยู่สั่นสะเทือนอย่างแรง
“ร้องไปเถอะค่ะ ที่นี่เป็นตึกเรียนที่ไม่ได้ใช้ แถมในเวลาเรียนแบบนี้ไม่มีใครผ่านมาได้ยินหรอกค่ะ คุณเรียนอยู่ที่นี่แท้ๆน่าจะรู้ดีนะ อีกอย่างเมื่อสักครู่ฉันใช้แรงไปไม่ถึงครึ่งเลยนะคะ ดังนั้นรอบนี้หวังว่าคุณจะให้คำตอบที่ฉันต้องการ รีบๆตอบมาเถอะค่ะ ก่อนที่คุณจะสูญพันธุ์”
“ไม่!!!”
เมื่อเห็นว่าชินสุเกะยังยืนยันคำตอบเดิม ฮิคาริก็ถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์ พลางฟาดแส้ลงพื้นถี่ๆอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะสะบัดแส้เสริมแรงไปด้านหลังจนเกิดเสียงหวดอากาศดังลั่น สิ่งที่ชินสุเกะทำได้ในตอนนี้มีแต่หลับตาเตรียมรับชะตากรรมเท่านั้น
ปึง!!เสียงประตูห้องที่ถูกเปิดออกมาอย่างแรงทำให้ฮิคาริหยุดชะงัก ชินสุเกะที่หลับตาปี๋ก็ลืมตาขึ้น
“รุ่นพี่ฮาเซกาวะ!!”
เมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามาเป็นใครชินสุเกะก็มีสีหน้าดีขึ้นทันที ก็ไม่รู้ว่าฮาเซกาวะ ฟูจิ รู้ได้ยังไงว่าเขาอยู่ที่นี่และกำลังอยู่ในสถานการณ์อันตราย แต่ถ้ามาเพื่อช่วยล่ะก็เรื่องพวกนั้นก็คงไม่จำเป็นต้องรู้
“หืม... ที่แบบนี้ยังมีคนหาเจออีกหรอคะเนี่ย? รู้สึกจะชื่อคุณภูเขาไฟสินะคะ”
“นักเรียนปีหนึ่ง ยามาชิโระ ฮิคาริ ไม่สิ... เอกชนเซนไดปีสอง บอนเดจ*ควีน”
“แหมๆ พูดอย่างนี้หมายความว่าฉันหน้าแก่เกินกว่าจะเป็นนักเรียนปีหนึ่งงั้นหรอคะ?”
“ก่อนหน้านี้ฉันเห็นเธอป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆโรงเรียน เธอคงจะมาสังเกตการณ์สินะ แต่ก็ไม่คิดว่าเธอจะแฝงตัวเข้ามาเป็นนักเรียนปีหนึ่งที่นี่ ตอนที่ได้ยินว่ามีนักเรียนปีหนึ่งย้ายเข้ามาใหม่ ฉันก็สังหรณ์ใจว่าจะเป็นเธอหรือเปล่า ถ้าไม่บังเอิญเห็นเธออยู่กับเจ้าโทโมโนริบนดาดฟ้า ฉันก็คงไม่รู้”
ฟูจิกล่าว
“ฉันไม่สนใจหรอกนะว่าเธอทำยังไงถึงแฝงตัวเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ แต่ขอพูดสั้นๆว่าเธอรีบปล่อยเจ้านั่นและไปซะ เพื่อความปลอดภัยของเธอเอง เพราะเธอเก่งแต่เรื่องล่อลวงเหยื่อมาทรมาน แต่สู้แบบตัวต่อตัวของเธอมันไม่เอาไหน”
เมื่อฟูจิพูดจบแส้ในมือของฮิคาริก็พุ่งตรงเข้ามา เขาเบี่ยงตัวหลบได้ในเสี้ยววินาที แส้ฟาดไปโดนโต๊ะเรียนที่อยู่ข้างหลังฟูจิจนกระเด็นไปกระแทกกำแพง ทำให้ฟูจิประหลาดใจเล็กน้อยกับความรุนแรงของแส้ดังกล่าว
“พูดจาแบบนั้น จะดูถูกเกินไปหน่อยนะคะ ฉันที่อีกไม่นานจะได้เป็นผู้หญิงที่อยู่เคียงข้างกับคุณมิยาโมโตะ ก็ต้องมีพัฒนาตัวเองบ้างสิคะ”
คราวนี้ฮิคาริเปลี่ยนเป้าหมายเป็นฟูจิแทน และปล่อยชินสุเกะที่ถูกมัดเอาไว้แบบนั้น ทางฟูจิก็ตั้งการ์ดขึ้นมาเพราะจำเป็นต้องสู้อย่างเลี่ยงไม่ได้
“เธอนี่ใฝ่ต่ำจริงๆ ที่ไปปลาบปลื้มผู้ชายอย่างมิยาโมโตะ คิซารุ”
“อย่ามาหยาบคายกับคุณมิยาโมโตะนะคะ!”
ฮิคาริไม่รอช้าฟาดแส้โดยเล็งไปที่ขาของฟูจิ แส้พันรอบขาของเขา ราชินีซาดิสม์ดึงแส้อย่างแรง ส่งผลให้ฟูจิหงายหลังศีรษะฟาดพื้นจนนิ่งไป ฮิคาริดึงร่างของฟูจิที่หมดสติเข้ามาใกล้ ก่อนที่เธอจะค่อยๆหย่อนตัวลงและขึ้นคร่อมร่างของเขา
ราชินีกระชากเนกไทและดึงเสื้อของฟูจิออก เธอเลียนิ้วด้วยท่าทีหื่นกระหายแล้วใช้นิ้วนั้นสัมผัสไปตามหน้าอกที่เปลือยเปล่าของเขาเหมือนกับที่เคยทำกับชินสุเกะ
“นี่ก็ซ่อนรูปใช่เล่น”
“ขอบใจ”
ฮิคาริสะดุ้งเฮือก ก่อนที่จะถูกฟูจิที่เธอคิดว่าหมดสติกระชากคอเสื้อแล้วเหวี่ยงไปด้านหลังอย่างแรง ร่างของราชินีลอยไปกระแทกและกองอยู่ท่ามกลางโต๊ะเก้าอี้ที่ล้มระเนระนาดอย่างหมดสภาพ แต่เธอก็ยังไม่หมดพิษสงลุกขึ้นมาในสภาพที่ถูกกระชากเสื้อขาดจนเห็นบรา ทำให้ฮิคาริรีบเอามือปิดแล้วกรีดร้อง
“ว๊าย!!”
“ทีแบบนี้ทำเป็นอาย”
“หุบปาก!!”
ราชินีใช้แส้ฟาดเข้าไปอีกครั้ง แต่คราวนี้ฟูจิคว้ามันไว้ได้ ฮิคาริเองก็ไม่ปล่อยเลยเกิดการดึงชักเย่อขึ้น เธอสู้แรงไม่ไหวทำให้ถูกเหวี่ยงไปกระแทกเข้ากับโต๊ะที่ตรึงร่างท่อนบนของชินสุเกะอยู่ จนกลายเป็นการปลดพันธนาการชินสุเกะอย่างไม่ได้ตั้งใจแม้จะเป็นแค่แขนขวา แต่ชินสุเกะก็ใช้โอกาสนี้แก้เชือกที่เหลืออยู่ด้วยแขนข้างนั้น
ฮิคาริซึ่งไม่ได้สนใจชินสุเกะที่กำลังจะเป็นอิสระพุ่งเข้าไปหาฟูจิด้วยมือเปล่าเพราะแส้อยู่ในมือของเขา ด้วยความอ่อนหัดจึงถูกฟูจิคว้าตัวไว้ได้แล้วจับทุ่มอีกครั้ง ครั้งนี้ร่างของเธอลอยไปกระแทกกับโต๊ะที่ชินสุเกะนอนอยู่แทน
ร่างของฮิคารินอนคว่ำทับชินสุเกะที่นอนหงายอยู่ หน้าอกซึ่งเหลือแต่บราเบียดเข้ากับหน้าอกเปลือยเปล่าของเด็กหนุ่ม ทำให้เขาหน้าแดงโดยอัตโนมัติแล้วพยายามขยับตัวหนี แต่ขาข้างนึงยังถูกมัดอยู่จึงขยับไม่ได้ ชินสุเกะจึงใช้มือทั้งสองที่ถูกแก้มัดเรียบร้อยผลักร่างของฮิคาริออกไป กลายเป็นว่าไปจับโดนหน้าอกทั้งสองข้างของเธอซะอีก
“อ๊ายย!!!”
ป้าป!!ฮิคาริประเคนตบใส่หน้าชินสุเกะตามสัญชาตญาณของผู้หญิงแล้วรีบลุกออกมา เธอถอยออกไปตั้งหลักในขณะที่ชินสุเกะเองก็แก้มัดขาข้างที่เหลือเสร็จเรียบร้อย เมื่อราชินีเห็นดังนั้นจึงรู้ทันทีว่าตัวเองเสียเปรียบแล้ว เธอเดาะลิ้นด้วยความหงุดหงิด ก่อนที่ยอมเป็นฝ่ายถอยแล้ววิ่งพรวดออกจากห้องแต่โดยดีโดยไม่พูดอะไร
“รอดไปที”
ชินสุเกะพูดขึ้นอย่างโล่งอกแล้วเดินไปจับมือของฟูจิด้วยความรู้สึกขอบคุณจากใจจริง
“ขอบคุณมากนะครับรุ่นพี่ เกือบแย่แน่ะ คิดว่าจะไม่มีคนมาช่วยซะแล้ว”
ครืดเสียงประตูห้องเปิดออกมาช้าๆ พร้อมกับเด็กสาวผมทองเดินเข้ามา นางิสะนั่นเอง ชินสุเกะดูดีใจที่ได้เจอเธอ แต่นางิสะกลับหน้าซีดเมื่อเห็นเขา พอเด็กหนุ่มเริ่มสำรวจตัวเองก็พบว่าตนอยู่ในสภาพไม่งามจึงรีบใช้มือปิดจุดที่อุจาดตา
“คือแบบว่ามัน!!”
“คะ... คะ... คือ ฉันเห็นว่านายหายไปเลยออกตามหา ที่แท้นายก็...”
ยังไม่ทันที่ชินสุเกะจะอธิบายว่าทำไมตัวเองอยู่ในสภาพนี้ นางิสะก็พูดแทรกขึ้นมาแบบตะกุกตะกัก ทำให้ชินสุเกะนึกขึ้นได้ว่าตัวเขาอยู่ในสภาพล่อนจ้อนกับฟูจิที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยจากการต่อสู้ เพียงเท่านั้นเด็กหนุ่มก็รู้ทันทีว่านางิสะกำลังคิดอะไรอยู่
“ผะ... ผู้ชายสองคนอยู่ด้วยกันในที่ลับตาคน คนนึงไม่ใส่เสื้อผ้า อีกคนนึงเสื้อผ้าหลุดลุ่ย... ยะ... อย่างนี้นี่เอง มิน่าล่ะรุ่นพี่ฮาเซกาวะถึงทำหน้าแปลกๆตอนรู้ว่าชินสุเกะคุงอยู่กับผู้หญิง ทะ... ที่แท้ทั้งคู่ก็มีความสัมพันธ์แบบนี้นี่เอง ชะ... ชะ... ชะ... ชั้นก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอกนะ เชิญตามสบายเลย ขอโทษที่รบกวนค่า!!!”
“เดี๋ยว!!! ฟังฉันอธิบายก๊อนนนน!!!”
ไม่ทันแล้ว นางิสะวิ่งหนีไปโดยที่ชินสุเกะค้างเป็นหินอยู่ในท่ายกมือขึ้นห้าม ก่อนที่เขาจะทรุดลงไปกับพื้นยังกับว่าชีวิตนี้ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ฟูจิจึงเดินหน้านิ่งเข้ามาแล้วตบไหล่ชินสุเกะเบาๆ
“รีบใส่เสื้อผ้าเถอะ”
----------------------------------------------------
เด็กหนุ่มผมทองคนหนึ่งนั่งอยู่เพียงคนเดียวบนโต๊ะ บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัดและมีเพียงเสียงพลิกหน้ากระดาษหนังสือ ที่นี่คือหอสมุดประจำเมือง แม้จะเป็นช่วงเย็นแต่ก็มีผู้คนเดินขวักไขว่ไปมาโดยเฉพาะนักเรียนและนักศึกษา
เสียงฝีเท้าเดินตรงดิ่งมาที่โต๊ะของเด็กหนุ่ม เหมือนเขาจะได้ยินเสียงนั้นแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ เขายังคงจดจ่ออยู่กับตัวหนังสือจนกระทั่งเสียงฝีเท้านั้นหยุดอยู่ตรงหน้า
“คุณเท็ตซึยะ ฮายาเตะ”
บุรุษนิรนามกล่าวขึ้น
“ฉายาเทพปีศาจหรือบูกี้แมนที่ใครๆต่างเกรงกลัว อัดคู่ต่อสู้จนคว่ำไปแล้วนับไม่ถ้วน แต่จริงๆกลับเป็นแค่หนุ่มน้อยใส่แว่นดูไร้พิษภัย ปฏิเสธการแต่งชุดเครื่องแบบเซนไดเพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าเรียนที่นั่น ใช้เวลาว่างไปกับการทำงานพิเศษและอ่านหนังสือที่หอสมุด นอกจากนี้ยัง-”
“ขอปฏิเสธ”
จู่ๆเด็กหนุ่มก็ตอบปฏิเสธขึ้นมาทั้งๆที่ฝ่ายตรงข้ามยังไม่ทันได้ถามอะไรราวกับว่าอ่านใจออก ทั้งๆที่เขายังไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองด้วยซ้ำ
“ยังไม่ทันได้ฟังข้อเสนอของผมก็ปฏิเสธซะแล้วหรอครับ?”
“ผู้นำเซนไดอย่าง มิยาโมโตะ คิซารุ ที่วันๆเอาแต่หมกมุ่นกับเรื่องสงครามระหว่างโรงเรียน คงไม่มีข้อเสนออะไรนอกจากให้ทำเรื่องชั่วๆล่ะนะ”
“คุณนี่ตลกจังนะครับ”
คิซารุขำ พลางเลื่อนเก้าอี้แล้วนั่งตรงข้ามกับเด็กหนุ่มนามฮายาเตะ
“ใช่แล้วครับ ผมมีข้อเสนอมาให้คุณ และแน่นอนว่าไม่ได้ให้ทำแบบฟรีๆ”
ฮายาเตะยังคงสนใจแต่หนังสือบนโต๊ะตรงหน้า แต่คิซารุก็ยังพูดต่อไป โดยไม่สนว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าจะฟังหรือเปล่า
“ผู้หญิงคนนี้...”
คิซารุหยิบรูปของใครบางคนออกมาแล้ววางไว้บนโต๊ะ
“เธอเรียนอยู่ฮิริว ขอแค่ให้คุณจัดการเธอซะ ง่ายๆแค่นี้เองครับ”
“ชั่วอย่างที่คิด”
“เธอไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดานะครับ บางทีคุณอาจจะเป็นฝ่ายลงไปกองแทนก็ได้”
“ยังไงฉันก็ปฏิเสธ”
“ถ้างั้นลองฟังข้อเสนอของผมดูนะครับ รับรองจะทำให้คุณตอบตกลงได้ง่ายขึ้น”
“กลับไปเถอะ ฉันจะอ่านหนังสือ”
“ฮามะคาเซะ ชิโฮะ”
มือของฮายาเตะที่กำลังพลิกหน้ากระดาษหนังสือหยุดกึกแล้วเหลือบตาขึ้นมองคิซารุ ซึ่งต้องบอกว่านั่นเป็นครั้งแรกที่เด็กหนุ่มมองคู่สนทนา ทำให้ชายผมเทายิ้มมุมปาก
“แกหมายความว่าอะไร?”
“ผมบอกแล้วว่าผมไม่ให้คุณทำเรื่องนี้ฟรีๆ ดังนั้นความปลอดภัยของผู้หญิงที่ชื่อฮามะคาเซะ ชิโฮะ คือรางวัลของคุณครับ”
“เธอไม่เกี่ยวอะไรด้วย...”
“ตอนนี้เกี่ยวแล้วไงครับ”
“แกมันสวะ”
“ผมรู้ตัวเองดี”
คิซารุแสยะยิ้ม การเจรจาครั้งนี้สิ้นสุดโดยที่เขาถือไพ่เหนือกว่า ชายผมเทาลุกขึ้นจากเก้าอี้โดยไม่รอคำตอบ เพราะรู้ดีว่าฮายาเตะทำได้แค่ตกลงเท่านั้น
“แล้วผมจะรอดูผลงานนะครับ คุณเทพปีศาจ”
คิซารุเดินจากไป ไม่รู้ทำไมชื่อของฮามะคาเซะ ชิโฮะ ถึงบีบบังคับให้ฮายาเตะต้องยอมทำงานสกปรก มือของเขาที่กำลังจับหน้าหนังสือเกร็งแน่นจนกระดาษยับยู่ยี่ เด็กหนุ่มกัดฟันกรอดด้วยความเจ็บใจ สายตาของฮายาเตะมองไปที่รูปที่คิซารุทิ้งไว้
รูปของเด็กสาวผมสีทองและผูกโบว์สีแดง
----------------------------------------------------
*บอนเดจ (Bondage) : เซ็กส์วิตถารที่ว่าด้วยการผูกมัดและพันธนาการ