Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Rumble School : 11

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
ฟ้ามืด
Superstar Grade B
Superstar Grade B
ฟ้ามืด


จำนวนข้อความ : 504
Join date : 30/04/2013
Age : 31
ที่อยู่ : μ's

Rumble School : 11 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Rumble School : 11   Rumble School : 11 EmptyThu Apr 07, 2016 4:26 pm

“มะ หมดสติไปแล้วครับ! กรรมการต้องรีบมาแยกเลยครับ แม้ว่าการเจอกันครั้งที่สองนี้ ทางฝ่ายขององค์หญิงจะพัฒนาฝีมือและไล่ต้อนราชินีได้เกือบทั้งแมทช์ แต่ไม่ว่ายังไง ราชินีก็ย่อมเหนือกว่าองค์หญิงอยู่ดี... สุดท้ายแล้วชัยชนะก็ตกเป็นของราชินีปีศาจจนได้ครับ!”

ผู้บรรยายกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นและอ่อนล้าราวกับว่าได้ทำหน้าที่นี้มายาวนานพอสมควรแล้ว ผสมกับเสียงผู้คนที่ดังกึกก้องเมื่อได้เห็นภาพบนเวทีทรงสี่เหลี่ยม สังเวียนแห่งการแข่งขันศิลปะการต่อสู้แบบผสมหรือ MMA

ซึ่งเป็นภาพของกรรมการที่พยายามจะแยกตัวหญิงสาวผมสีบลอนด์ที่จัดการหญิงสาวผมสีน้ำตาลด้วยท่ากิโยตินโช๊คจนแน่นิ่งไปแล้ว นักสู้สาวทั้งสองมีสภาพไม่ต่างกัน คือทั้งใบหน้าและตามร่างกายต่างเต็มไปด้วยเหงื่อและเลือด

เมื่อทางฝ่ายนักสู้สาวผมบลอนด์ปล่อยท่าล็อคแล้ว พี่เลี้ยงของเธอก็รีบเข้ามาพยุงตัวเธอกลับเข้ามุมของตัวเองทันที ในขณะที่นักสู้สาวอีกฝ่ายยังคงนอนหมดสติ แต่ทางกรรมการเช็คอาการดูแล้วก็พบว่ายังหายใจอยู่ จนกระทั่งพี่เลี้ยงของเธอเป็นฝ่ายเข้ามาดูอาการเอง

แต่ในระหว่างที่พี่เลี้ยงของนักสู้สาวผมน้ำตาลกำลังจะเช็คอาการเธอนั้น จู่ๆเธอก็ลืมตาขึ้นแล้วปัดมือของพี่เลี้ยงออก พร้อมพยุงตัวขึ้นยืนด้วยตัวเองเหมือนกับไม่เป็นอะไร ก่อนที่จะก้าวเท้าฉับๆไปหาโฆษกบนเวทีแล้วกระชากไมโครโฟนมาจนอีกฝ่ายหน้าเหวอ

“ทุกคนจงฟัง!!”

นักสู้สาวผมน้ำตาลตะโกนใส่ไมโครโฟนจนทุกคนต่างมองมาที่เธอเป็นตาเดียว เสียงผู้คนที่ดังอยู่ในตอนแรกก็ต่างเงียบลงโดยมิได้นัดหมาย เธอชี้ไปที่นักสู้สาวผมบลอนด์ที่อยู่ในสภาพอ่อนแรงที่มุมของตัวเองแล้วพูดขึ้นโดยไม่สนว่าฝ่ายตรงข้ามฟังอยู่หรือเปล่า

“ราชินีปีศาจ! ถึงทั้งสองครั้งเธออาจจะเอาชนะฉันได้ แต่ครั้งหน้าจะไม่ใช่ ฉันขอท้ารีแมทช์กับเธออีกครั้ง องค์หญิงอย่างฉันจะโค่นบัลลังก์ราชินีของเธอให้ได้!”

----------------------------------------------------

“แต่ในแมทช์ล้างตาเธอกลับหายหัว รู้ไหม มันทำให้ฉันโมโหสุดๆ ฉันสาบานกับตัวเองว่าถ้าเจอเธออีกครั้งจะเตะหัวเธอสักที ไม่คิดเลยนะว่ามันจะเป็นวันนี้”

ชิโฮะพูดพลางกำหมัดแน่น

“แล้วดูสารรูปเธอตอนนี้สิ นี่น่ะหรอราชินีปีศาจที่ใครๆต่างหวาดกลัว แต่งตัวไปอ่อยผู้ชายที่ไหนกันล่ะ? อยากจะเปลี่ยนบรรยากาศจากคลุกวงในบนเวทีเป็นคลุกวงในบนเตียงแทนหรือไง?”
“พอได้แล้วชิโฮะจัง!”

เป็นทางฮายาเตะที่ตะโกนแทรกขึ้นมา

“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอมีเรื่องอะไรกับคุณไซโต้ แต่หยุดพูดจาเสียมารยาทกับคุณไซโต้ได้แล้ว”
“ขอโทษนะ ฮายาเตะคุง ถึงเธอจะเป็นเพื่อนฉัน แต่นี่เป็นเรื่องของฉันกับยัยนั่น เธอไม่เกี่ยว ช่วยถอยไปห่างๆทีนะ”

ฮายาเตะได้แต่หยุดชะงักเมื่อได้ยินดังนั้น นี่คืออีกด้านของฮามะคาเซะ ชิโฮะ ที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน

“เอาล่ะ มาถึงตอนนี้ฉันไม่สนแล้วว่ามันเกิดบ้าอะไรขึ้นกับเธอในวันนั้น แต่แมทช์ล้างตาระหว่างฉันกับเธอกำลังจะเริ่มขึ้นเดี๋ยวนี้แหละ”

ชิโฮะตั้งการ์ดขึ้นมา นางิสะก็ไม่ตอบอะไรพร้อมตั้งการ์ดเช่นกันเป็นอันว่ารับคำท้า ฮายาเตะซึ่งแม้ในใจอยากจะห้ามไม่ให้มีการใช้กำลังเกิดขึ้นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้จึงตัดสินใจถอยออกมาห่างๆ

ทั้งสองเดินวนไปรอบๆโดยไม่มีใครเป็นฝ่ายจู่โจมก่อน

ไซโต้ นางิสะ รู้จักรูปแบบการต่อสู้ของฝ่ายตรงข้ามดี

เธอมักจะเฝ้ามองคู่ต่อสู้อย่างใจเย็นและหาช่องว่างจู่โจมคู่ต่อสู้ได้อย่างรุนแรงและแม่นยำ ซึ่งนางิสะเองก็เคยถูกเล่นงานในลักษณะนั้นมาแล้วในการเจอกันทั้งสองครั้งบนสังเวียน MMA ว่ากันว่าบางครั้งเธอสามารถทำให้คู่ต่อสู้หมอบได้ในครั้งเดียว

ด้วยความสงบนิ่งและเยือกเย็นดังกล่าว จึงเป็นที่มาของฉายา ‘ฟรอสท์ปริ๊นเซส’ (องค์หญิงเยือกแข็ง) ที่ไม่ได้ถูกตั้งขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล

อาจจะเรียกได้ว่า สำหรับนางิสะแล้ว ชิโฮะคือคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือเทียบเท่าเธอมากที่สุด หรืออาจจะเหนือกว่าเลยด้วยซ้ำ

ปั่ก

นางิสะป้องกันหมัดที่ตรงเข้ามายังใบหน้าของตัวเองได้อย่างหวุดหวิด แน่นอนว่านั่นมาจากชิโฮะ ดูจากสีหน้าของเจ้าของหมัดแล้ว ดูจะไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นักที่หมัดนั้นไม่ได้กระแทกเข้าที่ใบหน้าของฝ่ายตรงข้าม

เสียสมาธิไม่ได้แม้แต่นิดเดียวจริงๆแฮะ

เมื่อตระหนักได้ดังนั้น นางิสะจึงเลิกคิดถึงเรื่องราวในอดีตและกลับมาจดจ่อกับคู่ต่อสู้ตรงหน้าอย่างไม่วางตา ก็พบกับชิโฮะที่ทำมือเป็นสัญลักษณ์ประมาณว่าอีกนิดเดียวก็จะโดนอยู่แล้ว

นางิสะพุ่งเข้าไปจู่โจมด้วยลูกเตะตามถนัด ชิโฮะเห็นช่องว่างจึงสวนกลับมาด้วยหมัด แต่ลูกเตะนั้นกลับหยุดกลางอากาศแล้วเลื่อนลงไปสัมผัสพื้น ก่อนที่จะเบี่ยงตัวหลบหมัดที่พุ่งเข้ามา แล้วฟาดลูกเตะขึ้นไปด้วยขาอีกข้างแทน

การเตะหลอก เทคนิคพื้นฐานแต่ก็ใช้ได้ผลเสมอ ยิ่งเป็นชิโฮะที่ตั้งใจหาช่องว่างคู่ต่อสู้เพื่อสวนกลับแล้ว ก็ยิ่งจำเป็นต้องแสร้งเปิดช่องว่างเพื่อให้เธอจู่โจมมาจนเกิดช่องว่างซะเอง ก่อนที่จะจู่โจมกลับไป

เสร็จฉันล่ะ นางิสะน่าจะคิดคำพูดนี้อยู่ในใจเมื่อเห็นลูกเตะของตัวเองกำลังจะกระทบเข้าที่ต้นคอของฝ่ายตรงข้าม

แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้น

ลูกเตะที่น่าจะโดนต้นคอกลับถูกรับไว้ด้วยแขนของฝั่งตรงข้ามอย่างง่ายดาย แต่ถึงกระนั้น นางิสะเองก็ไม่ได้แปลกใจนักเท่าไหร่ที่ชิโฮะจะสามารถป้องกันการโจมตีของเธอได้ ราวกับรู้อยู่แล้วว่ามันจะเป็นแบบนี้

“ลูกไม้เดิมๆ”

ชิโฮะยิ้มเยาะ

“ฉันก็บอกแล้วไง ครั้งที่แล้วเธออาจจะชนะ แต่ไม่ใช่ครั้งนี้”

นางิสะไม่ใส่ใจคำพูดนั้นแล้วฟาดลูกเตะกวาดล่างใส่ชิโฮะ แต่ก็พบว่านั่นเป็นแค่การหลอกล่ออีกเช่นเคย ชิโฮะยิ้มอยู่ในใจเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหมุนตัวแล้วกำลังจะเตะเข้าใส่บริเวณชายโครงของตน เธอจึงคว้าขาข้างนั้นเอาไว้อย่างง่ายดายก่อนที่จะโดนตัวเอง

“ยังเล่นลูกไม้เดิมๆอีก-”

โครม!!

แต่แล้วนางิสะที่ถูกคว้าขาไว้กลับกระโดดตีลังกาโดยใช้ขาอีกข้างที่ว่างอยู่เตะเสยเข้าที่ปลายคางของชิโฮะอย่างแรงจนต้องปล่อยมือออกจากขาของนางิสะ

ร่างของนางิสะลอยคว้างแล้วลงมาสัมผัสพื้นอย่างนุ่มนวลและสวยงาม ส่วนอีกฝ่ายก็ลอยคว้างเหมือนกันแต่ลงมาสัมผัสพื้นแบบไม่งามสักเท่าไหร่

“พูดมาก”

นางิสะพูดพร้อมหมุนข้อเท้าทั้งสองข้างด้วยท่าทีสบายๆ สร้างความหงุดหงิดให้แก่อีกฝ่ายเป็นอย่างมาก

ชิโฮะจึงรีบลุกขึ้นแล้วย่างสามขุมเข้าหานางิสะ

ความสุขุมเยือกเย็นในตอนแรกของชิโฮะหายไปไหนก็ไม่อาจทราบได้ ราวกับว่ามันถูกแผดเผาด้วยไฟแห่งความหงุดหงิดจนละลายไปหมด

ก็ไม่รู้ว่านั่นเป็นความตั้งใจของนางิสะหรือเปล่า ที่ทำให้ความสุขุมเยือกเย็นของอีกฝ่ายหายไป แต่ตอนนี้ชิโฮะปล่อยให้ตัวเองมีช่องว่างอยู่เต็มไปหมด

นางิสะเลือกที่จะซัดเข้าที่ขมับของฝ่ายตรงข้าม แต่ก็ถูกป้องกันไว้แล้วเข้าประชิดตัวก่อนที่จะรัวหมัดใส่

ทั้งความรวดเร็วและรุนแรงสร้างความลำบากใจกับนางิสะอยู่ไม่น้อย ดูเหมือนแม้ว่าความเยือกเย็นของ ‘องค์หญิงเยือกแข็ง’ จะถูกละลายหายไปหมด แต่ความร้ายกาจของเธอนั้นก็ไม่ได้ลดลงไปมากเท่าไหร่

“ว๊าย!!”

นางิสะที่กำลังจะถอยฉากหลบหมัดของชิโฮะถูกกระชากผมอย่างแรงจนตัวเองต้องเซไปตามแรงดึง

“คนที่เป็นนักสู้น่ะเค้าไม่ไว้ผมยาวกันหรอกนะ เพราะมันจะทำให้- อ๊า! เอาแว่นตาฉันคืนมานะ!!”
“คนที่เป็นนักสู้เค้าก็ไม่ใส่แว่นเหมือนกันนั่นแหละ”
“เอาแว่นคืนมาเดี๋ยวนี้นะยัยบ้า! ฉัมมองไม่เห็น”
“เธอก็หยุดดึงผมฉันสักทีสิ!”

ชิโฮะพยายามยื้อแย่งแว่นตาของตัวเองจากนางิสะที่ถูกตัวเองกระชากผม ดึงไปดึงมาจนจากการต่อสู้เริ่มกลายเป็นการทะเลาะกันของผู้หญิงไปซะแล้ว

“อุ๊บ ฮ่ะๆๆ”

เสียงหัวเราะนั้นมาจากคนที่คาดไม่ถึง เท็ตซึยะ ฮายาเตะ ป้องปากหัวเราะเบาๆทำให้สองสาวหันไปมอง ทั้งสองน่าจะคิดแบบเดียวกันว่าเขาหัวเราะทำไม ชิโฮะจึงปล่อยผมของนางิสะ รวมทั้งนางิสะก็ยอมให้ชิโฮะคว้าแว่นจากมือกลับไปสวมดังเดิม

“โอ๊ะ ขอโทษนะทั้งสองคนที่จู่ๆหัวเราะ”

พอรู้ว่าตัวเองโดนมอง ฮายาเตะเลยหยุดหัวเราะ

“พอดีเห็นว่าทั้งสองคนก็ดูสนิทกันดีนี่นา”
““ไม่มีทางย่ะ!!””

ทั้งคู่สามัคคีขึ้นมาทันใด

“เฮ้อ... พอเห็นคุณเท็ตซึยะหัวเราะแบบนี้ก็หมดอารมณ์สู้แล้วล่ะ”
“เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันมีความเห็นตรงกับเธอ”

และแล้วการต่อสู้ของสองสาวก็จบลง โดยไม่มีใครบาดเจ็บหนัก

มีแค่รอยช้ำและรอยขีดข่วนเล็กๆน้อยๆบนใบหน้าของทั้งสองเท่านั้น

“โทษทีนะฮายาเตะคุง ที่ให้เห็นสภาพที่ไม่น่าดูแบบนี้”
“อ่า ไม่เป็นไรหรอก”
“แล้วมีธุระอะไรหรือเปล่าถึงมาหาฉันถึงนี่”
“อ่าเรื่องนั้นมันก็...”

ฮายาเตะกำลังจะเล่า แต่พอเห็นสภาพหน้าของสองสาวแล้ว เขาจึงเสนอขึ้นมาว่า

“ไปทำแผลที่ห้องพยาบาลก่อนเถอะ แล้วจะเล่าให้ฟัง”

----------------------------------------------------

“เอ้า เสร็จแล้ว”
“ขะ ขอบคุณค่ะ”

เด็กหนุ่มในชุดเครื่องแบบฟุโซค่อยๆบรรจงใช้สำลีชุบยาทำแผลให้นางิสะ โดยชิโฮะที่นั่งอยู่ข้างๆก็ถูกทำแผลให้เสร็จแล้ว เมื่อทำแผลเสร็จนางิสะก็กล่าวขอบคุณเขาแบบเกร็งๆ

“ฮ่าๆ ขอโทษทีนะที่ทำให้ได้แค่นี้ พอดีอาจารย์พยาบาลกลับไปแล้วน่ะ ไม่น่าเชื่อเลยนะที่ชิโฮะจังเองก็มีเรื่องทะเลาะกับคนอื่นเขาด้วย ยังไงก็ตามสบายเลยนะ ฉันขอตัวกลับก่อนล่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ขอบคุณมากนะคะรุ่นพี่ทาซึกิ”

ชิโฮะโค้งตัวให้กับรุ่นพี่ที่ทำแผลให้ตนจนเขาเดินออกจากห้องพยาบาลไป เมื่อรุ่นพี่ทาซึกิออกจากห้องไปแล้ว ชิโฮะก็หันควับไปทางนางิสะทันที

“รู้นะว่าหล่อนคิดอะไรอยู่”
“เอ๋?”
“เห็นเธอเกร็งๆแบบนี้คงไม่สบายใจกับหน้าตาของรุ่นพี่ใช่ไหม? นั่นน่ะรุ่นพี่นากาตะ ทาซึกิ เห็นหน้าโหดๆเหมือนนักเลงแต่จริงๆเป็นคนดีมากเลยนะ ปกติจะชอบอยู่ห้องพยาบาลคอยช่วยทำแผลให้คนอื่น แถมเรียนเก่งมากๆด้วย ฉันน่ะนับถือเขามากเลย แล้วเธอก็อย่าพูดถึงหน้าตาของรุ่นพี่เขาด้วยล่ะ นั่นน่ะปมด้อยของรุ่นพี่เขาเลย คนสมัยนี้เนี่ยน้า ชอบมองคนแต่ภายนอก อย่างคนสวยๆแบบเธอเนี่ยข้างในกลับร้ายก็มีถมไป”
“เดี๋ยวๆ นี่เธอหลอกด่าฉันหรอ?”
“พอเลย พอ”

พอสองสาวเริ่มมีแววสุ่มเสียงที่จะซัดกันอีกรอบ ฮายาเตะที่ยืนอยู่ใกล้ๆเลยรีบเข้ามาปราม

“ยังไงก็เถอะนะ สรุปแล้ว คือฉันกำลังถูกปองร้ายงั้นหรอ?”

ในระหว่างที่กำลังทำแผล ฮายาเตะก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ชิโฮะฟัง ไม่ว่าจะเรื่องที่เขาถูกมิยาโมโตะ คิซารุ บีบบังคับให้ไปกำจัดนางิสะโดยมีความปลอดภัยของชิโฮะเป็นข้อแลกเปลี่ยน และการที่ฮายาเตะกับนางิสะ ตัดสินที่จะร่วมมือกันเพื่อปกป้องชิโฮะ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ทั้งสองมาอยู่ที่นี่

“ก็ประมาณนั้นแหละนะ ตอนแรกฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงเลยไปทำร้ายคุณไซโต้แล้วก็เพื่อนคุณไซโต้ที่มาช่วยอีก ก็เพราะอยากให้เธอปลอดภัยนั่นแหละชิโฮะจัง โชคดีที่คุณไซโต้ช่วยเตือนสติ ฉันเลยคิดได้”
“งะ งั้นหรอ”
“แต่ถ้าเห็นเธอเก่งขนาดนี้ คงไม่จำเป็นแล้วมั้ง”
“แหะๆ”

ชิโฮะหัวเราะตอบเขินๆ

“ยังไงก็ ขอบคุณฮายาเตะคุงมากๆเลยนะ ที่พยายามจะช่วยฉัน”

ฮายาเตะยิ้มรับคำขอบคุณ ในขณะเดียวกันก็พยายามเหล่ตาไปมองทางนางิสะด้วย ประมาณจะบอกว่าไม่ใช่เขาคนเดียวที่ตั้งใจจะมาช่วยชิโฮะ

เหมือนเป็นการกดดันแบบอ้อมๆ ชิโฮะจึงมองไปทางนางิสะแวบนึงแล้วสะบัดหน้ากลับ ก่อนที่จะพูดขึ้นโดยที่แก้มของเธอแดงหน่อยๆ

“ละ แล้วก็ขอบคุณเธอด้วยล่ะ แต่ที่ฉันขอบคุณเพราะเห็นแก่ฮายาเตะคุงหรอกนะ อย่าเข้าใจผิดล่ะ”

แม้จะเป็นการขอบคุณที่ดูไม่เต็มใจนัก แต่ก็ต้องเข้าใจว่าการขอบคุณคนที่เป็นเหมือนคู่ปรับของตัวเองไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไหร่

จากนั้นทั้งสามจึงตัดสินใจที่จะกลับบ้าน

“นี่ ราชินีปีศาจ การต่อสู้ของเรายังไม่จบนะ”

ชิโฮะกล่าวขึ้นในขณะที่ทั้งสามกำลังจะออกจากห้องพยาบาล พลางยื่นหมัดออกมา

“ไว้เรามาต่อเรื่องวันนี้กันคราวหลังนะ”
“น่าสนุกดีนี่ เอาตามนั้นก็ได้”
“ถ้าผิดสัญญาล่ะก็ฉันจะเตะหัวหล่อนให้หลุดเลย”

สองสาวคู่ปรับได้ให้คำมั่นสัญญาด้วยการนำหมัดมาชนกัน

----------------------------------------------------

“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”

ฮายาเตะขับมอเตอร์ไซค์มาส่งนางิสะถึงบ้าน

ส่วนชิโฮะนั้นบ้านอยู่ใกล้โรงเรียน ฮายาเตะเสนอให้ชิโฮะซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปด้วยกันสามคนเพราะระยะทางแค่ใกล้ๆ แต่เธอไม่อยากรบกวนเลยเลือกที่จะเดินกลับ โดยให้เหตุผลแบบขำๆว่าไม่อยากซ้อนมอเตอร์ไซค์กับนางิสะ

“ถ้างั้นขอตัวนะคะ”
“เอ่อ... เดี๋ยวครับ”

ฮายาเตะพูดขึ้นในขณะที่นางิสะกำลังจะเปิดประตูเข้าไปในห้อง

“คือ... ผมไม่รู้จะขอบคุณคุณไซโต้ยังไงดี ทั้งๆที่ผมทำเรื่องไม่ดีกับคุณไปแท้ๆ”

ใช่... นอกจากนั้นเขายังทำให้เพื่อนของนางิสะต้องบาดเจ็บ แต่เธอก็ยังเลือกที่จะช่วยเหลือเขา

บางทีแค่คำขอโทษหรือขอบคุณก็อาจจะยังไม่เพียงพอเลยด้วยซ้ำ

“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างจริงๆครับ”

ฮายาเตะโค้งตัวขอบคุณให้นางิสะอย่างจริงใจ นี่คือสิ่งเดียวที่เขาสามารถทำได้

ก่อนที่ทั้งสองจะกล่าวลากัน

เมื่อนางิสะเดินเข้าห้องไปแล้ว ฮายาเตะจึงหันหลังกลับแล้วเดินไปที่รถมอเตอร์ไซค์ของตน

“เท่าที่จำได้ ข้อเสนอของผมไม่ได้เป็นแบบนี้นี่ครับ?”

เสียงที่ฮายาเตะคุ้นเคยดังขึ้นมา

คำพูดแสนสุภาพแต่แฝงไปด้วยความโหดเหี้ยม

เขาคือ มิยาโมโตะ คิซารุ

“ผมคิดว่าผมพูดอย่างชัดเจนแล้วนะครับ ว่าให้ ‘กำจัด’ แล้วทำไมมาส่งเธอถึงบ้านขนาดนี้เลยล่ะครับ”

ฮายาเตะทำเป็นไม่สนใจ เขาก้าวขึ้นขี่รถมอเตอร์ไซค์ของตัวเองแล้วกำลังจะสวมหมวกกันน็อค

“คุณไม่ห่วงความปลอดภัยของฮามะคาเซะ ชิโฮะ แล้วหรอครับ?”

เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังนิ่งอยู่ คิซารุก็เลิกคิ้วเล็กน้อยให้กับปฏิกิริยาของฮายาเตะ

“ถ้าแบบนั้นข้อตกลงของเราก็เป็นอันโมฆะ แย่จริงๆนะครับ ไม่สนเลยหรอว่าเธอคนนั้นจะโดนอะไรบ้าง”
“แล้วจะโดนอะไรล่ะ?”

บุคคลที่คิซารุคาดไม่ถึงปรากฏตัวขึ้น

แม้ฮายาเตะเองยังตกใจ เมื่อบุคคลนั้นคือ ฮามะคาเซะ ชิโฮะ

“ชิโฮะจัง!? เธอมาทำอะไรที่นี่?”
“ตอนแรกก็กำลังจะกลับบ้านนั่นแหละ แต่บังเอิญไปเห็นเจ้าหมอนี่สะกดรอยตามฮายาเตะคุง ฉันเลยคิดว่าน่าจะใช่คนๆนั้นที่เธอพูดถึง ก็เลยตามมา”
“โอ้... ใจถึงไม่เบาเหมือนกันนะครับ คุณฮามะคาเซะ ชิโฮะ แต่ก็ดีครับ จะได้ไม่ต้องเสียเวลา”
“ได้ยินมาจากฮายาเตะคุงแล้วล่ะ นายน่ะ แพ้ไซโต้ นางิสะมาสินะ แล้ววิธีที่นายแก้แค้นคือการยืมมือคนอื่นให้ทำชั่วงั้นหรอ? นายนี่มันใจมดจริงๆ ฉันเองก็มีความแค้นกับยัยนั่นเหมือนกัน แต่ฉันเลือกที่จะสู้กับยัยนั่นแบบแฟร์ๆ คนอย่างนายมันไม่มีค่าที่จะไปสู้กับใครเลยด้วยซ้ำ”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณครับ”

คิซารุดึงดาบประจำตัวของตัวเองออกมา

“ถ้าคุณเทพปีศาจจะมาร่วมวงด้วยก็ได้นะครับ”

เมื่อพูดจบเขาก็พุ่งตัวเข้าไปทันทีพร้อมดาบในมือ

แต่เพียงแค่เสี้ยววินาที ความเจ็บปวดก็แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของคิซารุ

เขาไม่รู้จักความร้ายกาจของ ‘องค์หญิงเยือกแข็ง’

แต่หลังจากนี้ เขาคงจะจดจำความร้ายกาจของเธอไปอีกนาน

“ฮามะคาเซะ ชิโฮะ... ไม่เลวเหมือนกันนี่ครับ...”

คิซารุพึมพำออกมาเบาๆ พร้อมรอยยิ้มจางๆที่มุมปาก

ก่อนที่จะล้มลงไปกองกับพื้นอย่างหมดสภาพ

“ไปกันเถอะ ฮายาเตะคุง”

ชิโฮะเดินขึ้นไปซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของฮายาเตะเงียบๆ ก่อนที่ฮายาเตะจะสตาร์ทเครื่องและขับออกไป

โดยทิ้งภาพอันน่าสมเพชของมิยาโมโตะ คิซารุ เอาไว้เบื้องหลัง

----------------------------------------------------

หลังจากแพ้จนหมดสภาพ มิยาโมโตะ คิซารุ เดินโซซัดโซเซจนไปหยุดในที่ๆหนึ่ง

เขาคงหมดแรงที่จะเดินต่อจึงเลือกที่จะนั่งพิงกำแพงแถวๆนั้นเพื่อหยุดพักชั่วคราว ไม่นานนักบุคคลในชุดยูนิฟอร์มสีแดงของโรงเรียนเอกชนเซนไดก็เดินเข้ามา

“ช้าจริงๆนะครับพวกคุณ”

คิซารุเหลือบมองลูกน้องของตนเองแบบไม่สบอารมณ์นักแล้วจึงยืนขึ้น เหล่าลูกน้องของเขาต่างยืนอยู่เฉยๆอย่างสงบนิ่ง สายตาของพวกเขาที่มองไปยังผู้เป็นหัวหน้านั้นดูแปลกไป

“คุณมิยาโมโตะ... ไม่สิ มิยาโมโตะ คิซารุ”

หนึ่งในลูกน้องของคิซารุกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงห้วนๆ นั่นทำให้เกิดเส้นเลือดปูดโปนที่ขมับของผู้เป็นหัวหน้า แม้ใบหน้าของเขาจะยังไม่แสดงอารมณ์อะไร แต่นั่นแสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจอย่างรุนแรง

“ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมครับว่าให้เรียกผมด้วยคำสุภาพ”

แม้จะมีน้ำเสียงไม่พอใจปะปนอยู่ แต่คิซารุก็พูดกลับไปอย่างนุ่มนวล

เขามีความรู้สึกว่าเหล่าลูกน้องของเขานั้นดูไม่เหมือนเช่นทุกที

“มิยาโมโตะ แกมันอ่อนแอ”
“นี่คุณพูดอะไร-”
“แกมันไม่เหมาะที่จะเป็นผู้นำของเซนได”
“พวกคุณเป็นบ้าอะไรกันไปหมด!?”
“ก็อย่างที่อดีตลูกน้องของแกพูดนั่นแหละนะ มิยาโมโตะ”

เหล่าลูกน้องของคิซารุ ก้าวแหวกทางให้กับชายอีกคนหนึ่งที่เดินฝ่าออกมา

เขาดูเหมือนนักเรียนธรรมดาในชุดยูนิฟอร์มของเซนได แต่อะไรบางอย่างในตัวเขากลับให้ความรู้สึก ‘แตกต่าง’ จากคนอื่น

“แล้วคุณเป็นใคร?”
“ชื่อไม่จำเป็นต้องรู้หรอกนะ”

แล้วชายปริศนาตรงหน้าก็ซัดหมัดเข้าที่หน้าท้องของคิซารุ

เพราะบาดแผลเก่าจากการต่อสู้กับชิโฮะก็ยังไม่หายดี เขาจึงถูกหมัดนั้นกระแทกจนทรุดลงไปอย่างไร้ทางป้องกัน

ท่ามกลางสายตาเย็นชาที่มองมาจากลูกน้องของคิซารุ ที่ตอนนี้เป็นเพียงอดีตไปแล้ว

“กับอีแค่ผู้หญิงคนเดียว แกก็ยังสู้ไม่ได้ แบบนี้ยังมีหน้ามาเป็นผู้นำของเซนไดอีกหรือ? มันถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแปลงแล้วล่ะ”

คิซารุกัดฟันกรอด เขาเข้าใจคำพูดนั้นดี เพราะมันหมายความว่า...

“เซนไดน่ะ ไม่ใช่ของแกอีกต่อไปแล้ว”
“นี่แก...”

มิยาโมโตะ คิซารุ แสร้งทำเป็นพูดสุภาพไม่ไหวอีกต่อไป

“ฉันมีทางเลือกให้แกสองทาง คือ ใช่ หรือ ตกลง”
ขึ้นไปข้างบน Go down
 
Rumble School : 11
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1
 Similar topics
-
» Rumble School : 10
» Rumble School : 12
» Rumble School : 1
» Rumble School : 13
» Rumble School : 2

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: