ตามที่นัดแนะกันไว้ หลังเลิกเรียน ทั้งมาร์กาเร็ต แอนน์ เฟอร์นานโดและเคร็ก กำลังอยู่ในห้องพักอาจารย์ของมาร์กาเร็ตที่ไม่มีอาจารย์คนอื่นๆอยู่แม้แต่คนเดียวเพราะทุกคนต่างก็กลับกันหมดแล้ว
“ก็อย่างที่บอกไปล่ะนะ รวบรวมข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มาให้หมด”
“นี่มาร์กาเร็ต ไปใช้คอมของอาจารย์คนอื่นโดยไม่ขออนุญาตแบบนี้มันดีแล้วหรอ?”
“คอมของโรงเรียนต่างหากล่ะ เอาน่า ไม่ได้เอาไปใช้ทำอะไรไม่ดีสักหน่อย”
มาร์กาเร็ตได้ขอให้ทุกคนร่วมด้วยช่วยกันหาข้อมูลของเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาทั้งหมดแล้วนำมาวิเคราะห์กันอีกทีหนึ่ง โดยห้องพักอาจารย์ของที่นี่นั้นทุกโต๊ะจะมีเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัวตั้งไว้ มาร์กาเร็ตจึงถือวิสาสะให้ทั้งสามใช้คอมพิวเตอร์พวกนั้นในการหาข้อมูลโดยไม่บอกเจ้าของโต๊ะก่อน
ซึ่งจะว่าไปอาจารย์ทุกคนในห้องก็ไม่ชอบหน้ามาร์กาเร็ตอยู่แล้วด้วย ต่อให้ขอก็คงไม่น่าจะให้อยู่ดี
“ดูเหมือนว่าเรื่องนี้คนจะให้ความสนใจเยอะเหมือนกันนะ ในอินเตอร์เน็ตมีพูดถึงกันเยอะแยะเลย โชคดีของพวกเราแล้วล่ะ”
แอนน์ซึ่งเป็นคนเดียวที่ตัดสินใจใช้สมาร์ทโฟนของตัวเองในการหาข้อมูลพูดขึ้น คงเพราะเธอไม่สนิทใจที่จะใช้คอมพิวเตอร์ของคนอื่นจึงทำแบบนั้น
“ทุกที่แทบจะบอกตรงกันเลยครับว่าเหยื่อที่โดนเห็นคนร้ายเป็นคนใส่ฮู้ดปกปิดหน้าตาไว้”
“นั่นแหละเฟอร์นานโด เก็บข้อมูลพวกนั้นไว้ให้หมดเลย อึก... ฮ้า... เอิ๊ก!”
มาร์กาเร็ตกล่าวพร้อมซดเบียร์ไปหนึ่งอึกใหญ่
ทุกคนต่างหาข้อมูลกันอย่างขะมักเขม้น จนกระทั่งเวลาผ่านไปพอสมควร ข้อมูลที่ทั้งสี่สืบค้นมามากมายนั้นก็ถูกสรุปให้เป็นหัวข้อสั้นๆเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายบนกระดานไวท์บอร์ดในห้อง ซึ่งมีมาร์กาเร็ตกับแอนน์ยืนอยู่
“สรุปออกมาได้แบบนี้นะ คนร้ายเป็นคนสวมฮู้ดปกปิดใบหน้า ยังไม่รู้ว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง”
“อืม แล้วก็สถานที่เกิดเหตุบ่อยที่สุด มักจะเป็นที่นี่”
แอนน์พูดพร้อมชี้ไปยังจุดๆนึงบนหน้าจอสมาร์ทโฟนที่เปิดแผนที่ไว้
“เวลาก็จะเป็นช่วงหัวค่ำ เหยื่อที่โดนก็รู้ๆกันอยู่แล้วว่ามักจะเป็นเด็กนักเรียน รูปร่าง หน้าตาและลักษณะภายนอกของเหยื่อไม่เฉพาะเจาะจง มีทั้งผู้ชายและผู้หญิง ที่สำคัญคนร้ายดูจะมีทักษะการต่อสู้ที่สูงในระดับนึงเลยล่ะ เพราะขนาดนักยูโดสายดำยังโดนจนสาหัสมาแล้ว”
“ข้อมูลที่รวบรวมมาทั้งหมดก็สรุปได้ประมาณนี้ แล้วยังไงต่อมาร์กาเร็ต?”
“ความจริงฉันคิดแผนในหัวไว้สักพักแล้วล่ะ บอกก่อนเลยนะว่าเราต้องรีบดำเนินการให้เร็วที่สุดก่อนที่มีผู้เคราะห์ร้ายไปมากกว่านี้ ซึ่งแผนที่ว่านี่ฉันจะให้เริ่มวันนี้เลยจะมีใครขัดข้องไหม?”
ทุกคนไม่พูดอะไร มาร์กาเร็ตจึงตีความไปว่าตกลง
“แผนที่ว่าก็ประมาณนี้ เพราะเรารู้แล้วว่าเหยื่อนั้นไม่ได้ถูกเจาะจงว่าต้องเป็นใคร ดังนั้นเราจะให้คนใดคนนึงเป็นเหยื่อล่อโดยการไปเดินแถวๆที่มักจะเกิดเหตุบ่อยๆ ส่วนคนที่เหลือก็ให้เฝ้าระวังอยู่ตามจุดต่างๆที่สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ทันทีหากเกิดเหตุอะไร ก่อนหน้านี้ฉันไปซื้อวิทยุสื่อสารขนาดเล็กมา ให้พวกเราติดต่อกันทางนี้นะ อีกอย่างนึงคือเราไม่รู้เลยว่าคืนนี้คนร้ายจะลงมือหรือเปล่า หรืออาจจะลงมือที่อื่นเราก็ไม่รู้ ดังนั้นพวกเราอาจจะต้องดำเนินการตามแผนอีกหลายคืนจนกว่าจะเจอตัวคนร้าย”
มาร์กาเร็ตพูดพลางแจกวิทยุสื่อสารขนาดเล็กที่เอาไว้สวมเข้าที่หูให้กับทุกคน ดูท่าทางจะเป็นอุปกรณ์ที่ค่อนข้างมีราคาสูงพอสมควร แอนน์จึงขมวดคิ้วแล้วถามขึ้น
“นี่! เอาเงินจากไหนไปซื้อของพวกนี้เนี่ย? ไหนว่าเดือนนี้ช็อตไง?”
“มันใช่เวลามาถามเรื่องนี้ไหมเนี่ยแอนนี่?”
“ไม่ต้องมากลบเกลื่อนเลย! เมื่อวานก็ให้ฉันเลี้ยงเหล้าไปจนเงินของฉันเกือบหมด เอาเงินค่าเหล้าคืนมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
“เอ่อ... ผมว่าซิสเตอร์พูดถูกแล้วนะครับมิสแอนน์ เรื่องนั้นเอาไว้เคลียร์ทีหลังดีกว่านะ”
เคร็กยกมือขึ้นแล้วพูดแบบเกรงใจนิดๆ ก่อนที่จะวกเข้าเรื่องแผนการต่อเพื่อเป็นการตัดบท
“แล้วคนที่จะให้เป็นเหยื่อล่อคือใครหรอครับซิสเตอร์?”
“ก็นายไง”
“หา? ผมเนี่ยนะ!?”
เคร็กทำตาโต
“ให้คนตัวใหญ่ๆอย่างผมเป็นเหยื่อล่อใครจะกล้ามาทำอะไรล่ะครับเนี่ย?”
“ไม่ได้ยินหรอว่าขนาดยูโดสายดำยังจะโดนเล่นงานมาแล้วเลย นายอาจจะเป็นฝ่ายพลาดเองก็ได้ แต่ฉันเชื่อมั่นในกำลังของนายว่านายน่าจะช่วยถ่วงเวลาได้ดีที่สุด”
“ถ้าแบบนั้นแล้วทำไมไม่ให้เฟอร์นานโดทำล่ะครับ? หมอนั่นเก่งกว่าผมอีกนะ”
“ไม่หรอก นายเหมาะสุดแล้วเคร็ก เรื่องนี้แทบไม่ต้องใช้ความคิดอะไรเลย งานง่ายๆแบบนี้เหมาะกับนายที่สุดแล้ว มีใครคัดค้านไหม?”
เฟอร์นานโดกับแอนน์ต่างพยักหน้า เท่ากับว่ามติเป็นเอกฉันท์ เป็นอันว่าเคร็กจะต้องเป็นเหยื่อล่อตามเสียงข้างมาก ก่อนที่มาร์กาเร็ตจะพูดคุยเกี่ยวกับแผนการต่อเพื่อเตรียมพร้อมที่จะดำเนินการในอีกไม่ช้า
----------------------------------------------------
คุณบอสเวลล์ ฉันระบุเส้นทางที่จะต้องไปใน GPS แล้วนะ เธอจะต้องเดินไปที่นั่นคนเดียวตั้งแต่ที่โรงเรียน เพราะบางทีคนร้ายจะเฝ้ามองอยู่แถวนี้ก็ได้ ส่วนพวกเราจะทยอยไปประจำตามจุดต่างๆ ถ้ามีอะไรผิดปกติให้แจ้งผ่านวิทยุสื่อสารทันทีเลยนะเคร็กทวนแผนการที่แอนน์บอกซ้ำไปมาในใจ
ตอนนี้เขาใกล้จะถึงสถานที่ที่แอนน์ระบุไว้บน GPS แล้ว ตั้งแต่ที่โรงเรียนจนถึงที่นี่เขาก็ไม่รู้สึกถึงอะไรที่ผิดปกติ จนเผลอคิดไปว่าบางทีมันอาจจะยังไม่ใช่วันนี้ก็ได้
เคร็กรายงานผ่านวิทยุสื่อสารครั้งล่าสุดก็เมื่อประมาณสิบนาทีที่แล้ว ด้วยคำพูดเดิมๆว่า ‘ไม่มีอะไรผิดปกติ’ จนกระทั่งถึงตอนนี้
“ง่วงจังน้า...”
เคร็กพึมพำเบาๆ พลางหาวจนน้ำตาไหล จากท่าทีที่เดินแบบระมัดระวังรอบข้างในตอนแรก เริ่มกลายเป็นเดินทอดน่องแบบสบายๆ
หรือเห็นเราตัวใหญ่เลยไม่โผล่หัวมากันแน่นะ ก็บอกแล้วใช้ฉันเป็นเหยื่อล่อมันไม่เวิร์คหรอกวินาทีที่คิดเช่นนั้น เคร็กก็รู้สึกถึงความผิดปกติทันที
สัญชาตญาณบอกว่าไม่ได้คิดไปเอง เขารู้สึกได้เลยว่ามีคนอยู่ข้างหลัง แม้ว่าหันไปแล้วจะไม่มีใครก็ตาม
ในขณะที่เขากำลังจะรายงานผ่านวิทยุสื่อสาร พร้อมกับมองไปรอบๆอย่างหวาดระแวงนั้น
“อึก...!”
ท่อนแขนเรียวยาวก็โอบรัดเข้าที่คอของเคร็กจนเขาหายใจไม่ออก ด้วยความที่ยังตกอยู่ในสภาพตื่นตระหนกเพราะถูกจู่โจมอย่างกะทันหันทำให้เด็กหนุ่มทำอะไรไม่ถูก
เคร็กมั่นใจว่าต้องเป็นคนร้ายอย่างแน่นอน เมื่อเริ่มตั้งสติได้ มือทั้งสองข้างที่ตะกายไปมาก็คว้าเข้าที่แขนของคนร้ายเพื่อที่จะแกะมันออก แต่มันกลับไม่มีท่าทีว่าจะคลายออกแถมยังรัดแน่นขึ้นกว่าเดิมจนสายตาเริ่มจะพร่ามัวและใกล้หมดสติ
ระ แรงเยอะชะมัด!แขนของผู้ที่บีบรัดหลอดลมอยู่นั้นเล็กกว่าแขนของเคร็กตั้งหลายเท่า แต่มันกลับมีแรงมหาศาลมากกว่าที่เห็นมาก เขาเริ่มหวนคิดถึงคำพูดของมาร์กาเร็ตแล้วว่าขนาดนักยูโดสายดำยังถูกเล่นงานจนสาหัสนั้นไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยแม้แต่น้อย
แม้ว่าสติจะเริ่มดับวูบ แต่เคร็กก็พยายามจะเค้นคำพูดอะไรบางอย่างผ่านทางวิทยุสื่อสาร สิ่งที่พอจะทำได้ในตอนนี้มีแต่ขอความช่วยเหลือเท่านั้น ทว่าด้วยแรงที่บีบรัดบริเวณคอนั้นทำให้เขาพูดอะไรไม่ออก
ในระหว่างที่เคร็กคิดว่าคงจะมาไกลได้เพียงเท่านี้ จู่ๆแรงบีบรัดก็ค่อยๆคลายออก
เคร็กทรุดลงไปกับพื้นแล้วรีบสูดเอาอากาศเข้าปอดให้มากที่สุดหลังจากที่ขาดมันไปเป็นระยะเวลาหนึ่ง จนกระทั่งเขาเริ่มหายใจได้เป็นปกติและหันกลับไปดูสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า
“เฟอร์นานโด?”
“เจออะไรผิดปกติก็บอกด้วยสิ เกือบไปแล้วไหมล่ะ”
เฟอร์นานโดนั่นเองที่มาช่วยได้อย่างทันท่วงที ทำให้ตอนนี้เคร็กเพิ่งจะได้เห็นตัวคนร้ายแบบชัดๆ เป็นบุคคลสวมฮู้ดปกปิดใบหน้าตามข้อมูลที่ได้รับมาอย่างไม่ผิดเพี้ยน แถมยังร่างเล็กกว่าเขาเอามากๆ ไม่น่าเชื่อเลยว่าเมื่อสักครู่คนแบบนี้จะทำให้เขาเกือบตายมาแล้ว
“ดีนะที่เสียงนายตอนโดนเล่นงานมันเล็ดรอดเข้ามาในวิทยุ เดี๋ยวทุกคนก็คงจะตามมาสมทบ ตอนนี้เราทำเท่าที่ทำได้ก่อนเถอะ”
เคร็กพยักหน้า พอได้หายใจทั่วท้องแล้วร่างกายก็พอไหวที่จะลุยต่อถึงแม้จะยังไม่สมบูรณ์นัก เมื่อเห็นว่าอีกฝั่งเยอะกว่าคนร้ายก็ดูเหมือนมีท่าทีลังเล แต่ในที่สุดก็พุ่งตัวเข้ามา
เฟอร์นานโดรีบขยับตัวเข้ามาขวางแล้วหมุนตัวเตะเข้าใส่ตัวคนร้าย แต่ก็ถูกป้องกันไว้ได้ จากนั้นคนร้ายก็พุ่งตัวเข้าไปหาเคร็กโดยไม่สนใจเฟอร์นานโดที่เข้ามาเป็นคู่ต่อสู้ด้วยเลยแม้แต่น้อย
ทางเคร็กก็ไม่ได้ตั้งตัวเพราะไม่คิดว่าคนร้ายจะพุ่งเป้ามาที่เขา แถมสภาพก็ยังไม่สมบูรณ์ดีนัก จึงถูกสันมือสับเข้าที่คอจุดเดิมกับที่ถูกรัดตอนแรก เขารู้สึกอย่างกับว่าลูกกระเดือกในคอนั้นแตกเป็นชิ้นๆ ก่อนที่จะถูกคนร้ายที่ร่างเล็กกว่าหลายเท่าจับทุ่มข้ามสะโพกกระแทกลงกับพื้นได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
เฟอร์นานโดเองก็ตกใจ แล้วพยายามจะเข้าไปช่วย แต่คนร้ายก็ถอยหลบออกไปเสียก่อน ท่าทีของคนร้ายดูเหมือนกับว่าไม่อยากสู้แล้ว จึงค่อยๆเดินถอยหลังช้าๆ พอได้จังหวะก็หันหลังแล้ววิ่งไปทันที
“จะหนีไปไหน!”
เคร็กที่กำลังบาดเจ็บอยู่บนพื้นร้องลั่น แล้วฝืนลุกขึ้นพุ่งไปจับโดนเข้าที่ฮู้ดของคนร้ายซึ่งปิดบังใบหน้าอยู่ ก่อนที่จะกระชากมันออก
ด้วยแรงกระชากทำให้ร่างของคนร้ายนั้นหันกลับมาด้วย พร้อมกับเผยให้เห็นใบหน้าที่ไม่ได้ถูกปกปิดเอาไว้อีกต่อไปอย่างชัดเจน
และแล้วทั้งเฟอร์นานโดกับเคร็กก็ต่างอ้าปากค้าง
““ผะ ผู้หญิง?””
ทั้งคู่พูดออกมาพร้อมกันทันทีแบบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
เมื่อพบว่าคนร้ายคนนี้เป็นเพียงแค่เด็กสาวที่ดูธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้น อีกทั้งหน้าตาของเธอดูยังไงก็ไม่น่าใช่คนที่จะทำอันตรายต่อใครได้เลย ทางเธอเองก็ตกใจที่ถูกกระชากฮู้ดออก แต่ก็ได้ใช้จังหวะที่ทั้งสองกำลังสับสนหนีไปทันที
แต่แล้วมาร์กาเร็ตที่ตามมาสมทบได้ทันก็ปรากฏตัวขึ้นแล้วยืนขวางทางไว้ เธอเองก็มีท่าทางประหลาดใจเช่นกันเมื่อเห็นว่าคนร้ายนั้นเป็นผู้หญิง แต่ก็พยายามไม่เสียสมาธิ เคร็กกับเฟอร์นานโดที่เริ่มตั้งสติได้แล้วก็เข้ามาล้อมคนร้ายไว้เช่นกัน
ทางฝั่งของคนร้ายหันมองไปรอบๆเพื่อพยายามหาทางหนี เคร็กใจร้อนพุ่งเข้าไปพยายามจะจับตัวแต่คนร้ายก็เบี่ยงตัวหลบแล้วหนีไปอีกอย่างง่ายดาย แต่ก็ยังหนีไม่พ้นเพราะยังเหลือแอนน์อีกคนที่ตามมาสบทบแล้วพุ่งเข้ามาขวางด้วยเช่นกัน
ต่อให้เก่งแค่ไหน แต่ถ้าโดนล้อมขนาดนี้ก็คงหมดทางหนีโดยสิ้นเชิงแล้ว
“ปะ ปาร์ค จีซู?”
แต่จู่ๆแอนน์ก็พูดขึ้นแล้วยืนนิ่งเป็นหินไปชั่วขณะ
เหมือนทางฝั่งคนร้ายเองก็ดูออกว่าบุคคลที่อยู่ตรงหน้านั้นอยู่ในสภาพไม่พร้อมที่จะขวางทางเธอได้ จึงได้กระทำการอะไรบางอย่าง
เคร้ง!เหมือนมีเสียงอะไรบางอย่างตกกระทบพื้นพร้อมเกิดแสงวาบขึ้นมาอย่างฉับพลัน ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นต่างเบือนหน้าหนีพร้อมเกิดอาการตาพร่าชั่วขณะ
ไม่มีใครรู้ว่าระหว่างนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่พอทุกคนเริ่มกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง คนร้ายก็ไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว
“นะ นั่นมันบ้าอะไรกัน!?”
“เหมือนจะเป็นสตันเกรเนต
1ครับ”
“สตันเกรเนต!? คนปกติที่ไหนเขาพกของแบบนั้นกัน?”
“ลองดูที่พื้นสิครับซิสเตอร์”
เฟอร์นานโดชี้ไปที่พื้น ซึ่งมีเศษกระป๋องอะลูมิเนียมตกกระจายอยู่เป็นจุดๆ นั่นคงเป็นที่มาของเสียงและแสงเมื่อสักครู่ไม่ผิดแน่
“ดูเหมือนจะเป็นสตันเกรเนตที่ทำขึ้นมาเองนะครับ”
“ของแบบนั้นมันทำง่ายขนาดนั้นเชียวหรอ?”
“มันก็ไม่ง่ายหรอกนะครับ แต่ก็มีโอกาสทำขึ้นมาได้เหมือนกัน อีกอย่างถ้าเป็นสตันเกรเนตของจริงพวกเราคงไม่ได้แค่ตาพร่าแน่ๆครับ”
ก่อนที่เฟอร์นานโดจะเดินไปดูอาการของเคร็กที่ได้รับบาดเจ็บมากที่สุดเพราะโดนเล่นงานอยู่คนเดียว
มาร์กาเร็ตหันควับไปทางแอนน์ที่ยังยืนนิ่งอยู่ด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อยที่ปล่อยให้คนร้ายหนีไปได้แบบง่ายๆ ทั้งๆที่สถานการณ์ในตอนนั้นพวกเธอกำลังได้เปรียบอยู่แท้ๆ
“ทำบ้าอะไรของเธอน่ะ? เป็นคาราเต้สายดำไม่ใช่หรือไง?”
“....”
“ทำไมไม่จับตัวยัยนั่นไว้? ถ้าพวกเราสี่คนช่วยกันป่านนี้ยัยนั่นเสร็จพวกเราไปแล้ว”
“นั่นมัน... ปาร์ค จีซู”
ใบหน้าของแอนน์ที่หันกลับมาพร้อมพึมพำด้วยคำพูดที่ฟังดูไม่เข้าใจเล่นเอามาร์กาเร็ตถึงกับพูดอะไรต่อไม่ออก
“มาร์กาเร็ต… ฉันว่าฉันน่าจะพอรู้สาเหตุของเรื่องราวทั้งหมดแล้วล่ะ”
----------------------------------------------------
1สตันเกรเนต (Stun Grenade) : หรือนิยมเรียกกันว่า Flashbang (แบบไทยๆก็ระเบิดแสงหรือระเบิกแฟลช) คือระเบิดชนิดหนึ่งที่ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้สังหาร แต่มีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้เป้าหมายตาพร่าและหูอื้อ (เกิดอาการสตัน) เนื่องจากเมื่อมันระเบิดจะเกิดแสงวาบและมีเสียงดังมากๆ (ประมาณ 170 เดซิเบลขึ้นไป) ส่วนมากมักใช้ในสถานการณ์ช่วยประกัน