Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Day 1 : EP 2

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
DanielsoN
Xiao Mei's Husband
Xiao Mei's Husband
DanielsoN


จำนวนข้อความ : 2272
Join date : 19/09/2010
Age : 29

Day 1 : EP 2 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Day 1 : EP 2   Day 1 : EP 2 EmptyWed Jun 08, 2016 1:05 pm

วันที่ 21

ผมตื่นขึ้นมาในสถานที่ผมไม่คุ้นเคย ผมนอนบนเตียงนุ่มๆ นี่คงเป็นครั้งแรกที่ผมได้นอนบนเตียง ผมจับร่างของผม ดูเหมือนผมจะยังมีชีวิตอยู่ “ได้ยังไงกัน?” นั่นคือสิ่งแรกที่ผมถามตัวเอง แล้วคำถามต่อมาที่เกิดขึ้นในหัวของผมคือ “ที่นี่ที่ไหน?” ผมมองไปรอบๆ ดูเหมือนจะมืดแล้ว เพราะผมไม่เห็นแสงที่ส่องผ่านหน้าต่างเลยแม้แต่น้อย ใกล้ๆกับผมนั้นมีตะเกียงที่ติดไฟวางอยู่ด้วย ผมหยิบมันขึ้นมาและยกขึ้น มันทำให้ผมเห็นเตียงอีกสองเตียงอยู่ข้างๆผม ผมเห็นผนังห้องที่ถูกทาเป็นสีเขียวและพื้นที่ถูกปูด้วยไม้ ผมลุกขึ้นมาก่อนจะเดินตรงไปยังประตู ใกล้ๆกับประตูนั้นมีโต๊ะวางอยู่ด้วย บนโต๊ะนั้นเต็มไปด้วยข้าวของหลายอย่างวางรวมกันอย่างไม่เป็นระเบียบ รวมถึงยังมีกระเป๋าของผมวางอยู่ด้วย

ผมเปิดประตูออกไป ดูเหมือนจะผมจะยืนอยู่ที่ชั้นสาม แสงไฟจากแชนเดอเรียนั้นส่องลงไป ผมเห็นทุกอย่างชัดเจนและเหมือนจะไม่จำเป็นที่ต้องใช้ตะเกียงนี้ ผมดับไฟในตะเกียง ผมมองลงไปก่อนจะเห็นกลุ่มคนอยู่จำนวนนึง พวกเขามองมาทางผมเช่นเดียวกัน ผมเดินลงช้าๆ เมื่อผมลงไปถึงชั้นหนึ่งนั้น ผมก็เห็นคนประมาณ 8 คนได้ (อาจจะมากกว่า ผมเองก็ไม่ได้นับ) ในตอนนี้นั้นผมยังจำหน้าใครไม่ได้หรอก นอกจากชายผมดำที่นั่งอยู่บนโซฟาสีเขียว บนแก้มของเขามีบาดแผลอยู่ด้วย เขามองผมด้วยสีหน้าที่ไม่เป็นมิตรเท่าไหร่นัก

“นายชื่ออะไรและเป็นใคร?”

นั่นคือคำถามแรกที่เขาถามผม เขาถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่นัก จริงๆก็พอเข้าใจได้ว่าทำไม ด้วยสภาพโลกแบบนี้ เขาก็คงต้องระวังเป็นพิเศษนั่นแหละ

“ผมชื่อแมท อีวาน เป็นนักเขียนครับ” ผมแนะนำตัวเองตามตรง
“โอเค แมท ชั้นถามตรงๆ เราเชื่อใจนายได้รึเปล่า นายคงไม่ใช่นักโทษหรือพวกอาชญกรนะ” ชายผมดำเอ่ยปากถามผม
“ไม่ใช่อยู่แล้ว อาวุธอะไร ผมก็ไม่มี ผมเป็นนักเขียนจริงๆครับ” ผมตอบเขากลับไปอีกครั้ง

“ประโยคแบบนี้ใครๆก็พูดได้ มีอะไรจะยืนยันกับพวกเราไหมล่ะ?”
“ผมมีบัตรประชาชนอยู่ ซักครู่นะ” ผมพูดพลางล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง

แต่สิ่งที่ผมเจอนั้นคือความว่างเปล่า ผมพยายามล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงอีกครั้ง เผื่อมันมีเรื่องผิดพลาดขึ้น ผมพยายามล้วงอีกครั้ง ผมยังพบกับความว่างเปล่าเหมือนเคย มันหายไปไหน? หายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย

“เป็นอะไรไปล่ะ แมท? ไหนล่ะบัตรประชาชนของนาย?” ชายผมดำเริ่มกดดันผม
“ผมหาไม่เจอ”  ผมตอบไปตามตรง

“ถ้างั้นก็แปลว่านายไม่มีอะไรจะยืนยันกับพวกเราซินะ” ชายผมดำที่นั่งบนโซฟาพูดกับผม
“นายเป็นนักเขียนนี่ ในนี้น่าจะมีใครรู้จักนายบ้างน่า…เว้นเสียแต่นายจะไม่ได้เป็นนักเขียนจริงๆ”

แน่นอนว่าผมไม่ได้โกหกว่าผมเป็นเขียน แต่ผมไม่ได้เป็นนักเขียนที่ดังอะไรขนาดนั้น นิยายที่ผมเขียนนั้นได้รับความนิยมในแค่กลุ่มคนจำนวนหนึ่ง อย่างในร้อยคนนั้นอาจจะมีคนรู้จักผมแค่ 10 กว่าคนเท่านั้น ซ้ำร้ายไม่ค่อยมีใครได้เคยเห็นหน้าผมเท่าไหร่นัก เพราะผมไม่ค่อยถูกเรียกตัวไปขึ้นเวทีไหน ถ้าหากจะได้เห็นหน้าผม ก็คงเป็นแค่งานแจกลายเซ็น ซึ่งเกิดขึ้นน้อยมากๆ ความกลัวของผมเริ่มคลืบคลานเข้ามาช้าๆ ผมจินตนาการไม่ออกเลยว่าผมจะโดนอะไรบ้าง โดนทำร้าย? โดนทรมาน หรืออาจจะโดนฆ่าตายเลยก็ได้

“เอ่อ...ชั้นยืนยันได้นะว่าเขาคือแมท อีวาน” เสียงผู้หญิงคนนึงดังขึ้น

ทุกสายตาหันไปยังหญิงที่พูดประโยคนี้ เธอเป็นหญิงผมสีทราย ผมของเธอนั้นยาวสลวย ดวงตาของเธอนั้นมีสีฟ้า เธอสวมชุดสีขาวและกระโปรงสีเขียว กระโปรงนั้นเลยหัวเข่ามาเพียงนิดเดียวเท่านั้น อย่าหาว่าผมลามกเลยนะ แต่หน้าอกของเธอนั้นค่อนข้างใหญ่

“ชั้นชอบอ่านนิยายของคุณแมท และชั้นก็เคยไปขอลายเส้นเขาอยู่ค่ะ” เธอพูดขึ้นมา

ผมนึกหน้าของเธอไม่ออกหรอกว่าเธอเคยมาขอให้ผมเซ็นหนังสือของเธอรึเปล่า แต่เธอคงจะเคยจริงๆแหละ เธอไม่มีเหตุผลอื่นที่จะปกป้องผม จริงไหม?

“ถ้าไอริสพูดแบบนั้นก็เชื่อได้ล่ะมั้ง” ชายผมดำที่นั่งอยู่บนโซฟาพูด
“โทษทีนะ แมท ที่ชั้นต้องระแวงนาย...นายก็คงจะพอรู้ล่ะนะว่าเดี๋ยวนี้ เราไว้ใจใครมั่วซั่วไม่ได้” ชายที่นั่งบนโซฟา

ผมพยักหน้าให้เขา

“ชั้นโอลิเวอร์ ยินดีที่ได้รู้จัก และยินดีต้อนรับสู่บ้านของชั้น” ชายผมดำที่นั่งบนโซฟาแนะนำตัวเอง
“เอ่อ แมท อีแวน ยินดีที่รู้จักเช่นกันครับ” ผมเอ่ยแนะนำตัวซ้ำอีกครั้ง

ผมมองไปรอบๆทุกอย่างนั้นดูสงบดี ด้วยหลังคาที่ปกคลุมบ้านหลังนี้ ทำให้แดดนั้นไม่ได้แผดเผาร่างกายของผม รวมถึงตอนที่เขาตื่นมาที่นี่มีเตียงด้วย มันเป็นความศิวิไลซ์เล็กๆน้อยๆที่ผมไม่ได้สัมผัสมานานแล้ว บางทีการที่เขาอยู่ที่นี่น่าจะเป็นอะไรที่ดีที่สุดของเขาในตอนนี้

“เอ่อ...ที่นี่เป็นเหมือนที่หลบภัยใช่ไหมครับ? จะเป็นไปได้ไหมที่ผมจะขออยู่ด้วย?”

ชายผมดำที่ชื่อว่าโอลิเวอร์หยุดคิดอยู่พักนึงก่อนที่เขาจะตอบกลับมา

“ได้ซิ ไม่มีปัญหา แต่ว่าที่นี่มีกฎอยู่นิดหน่อยนะ แต่ถ้าให้ชั้นสรุปง่ายๆ”
“อย่าสร้างปัญหาก็แล้วกัน” โอลิเวอร์พูดกับผม
“ครับ ขอบคุณมากครับ” ผมกล่าวขอบคุณชายผมดำที่นั่งอยู่บนโซฟาสีเขียว
“อ่อ อีกเรื่องนึง...ไปอาบน้ำด้วยนะ กลิ่นตัวนายเหม็นมาก เดินตรงไปหน่อย ห้องที่เป็นประตูพลาสติกสีขาว ห้องนั้นแหละ”

ผมพยักหน้าก่อนจะเดินผ่านกลุ่มคนพวกนี้ไป ผมเดินไปตามทาง แม้บ้านหลังนี้จะสูง แต่มันก็ไม่ได้กว้างนัก ผมเดินมาถึงห้องที่ประตูสีขาวอย่างรวดเร็ว ผมเปิดไปก่อนจะเห็นห้องน้ำตามที่โอลิเวอร์บอก ผมถอดชุดของผมออกก่อนจะโยนลงไปบนพื้นกระเบื้องสีฟ้า ผมลองหมุนก๊อกดู น้ำนั้นไหลออกมาจากฝักบัว มันเป็นความรู้สึกที่ผมดีใจอย่างบอกไม่ถูก น้ำนั้นไหลผ่านร่างกายของผมและล้างความสกปรกออกจากร่างของผม ผมไม่เคยรู้สึกมีความสุขที่ได้อาบน้ำขนาดนี้มาก่อน ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องบ้าๆนี่ขึ้น นี่น่าจะเป็นวันที่ผมมีความสุขในชีวิต

=====

วันที่ 22

วันนี้เป็นวันแรกที่ผมใช้ชีวิตในรั้วของบ้านหลังนี้ แน่นอนว่าทุกคนต้องทำงานและงานแรกของผมนั้นคือเดินลาดตะเวน เพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้บุกรุกเข้ามา ผมได้ปืนมาหนึ่งกระบอก บอกตรงๆว่าผมใช้ไม่เป็น และในชีวิตนี้ผมไม่เคยได้ยิงปืนมาก่อนเลย ถ้าเคยก็แค่ในวิดีโอเกมส์เท่านั้นแหละ ผมเดินไปรอบๆบ้านพร้อมกับชายผมสีแดง เขาตัวค่อนข้างเล็กกว่าผม ชื่อของเขาคือ “วลาดิวอสตอค พิชเชคสกี้” แต่ผมขี้เกียจเขียนชื่อเขาเต็มๆทุกครั้ง ดังนั้นผมจะเรียกย่อๆว่าวลาดก็แล้วกัน เขาเป็นลูกขุนนางในรัสเซียที่มาเทียวในประเทศนี้พอดี และในขณะที่เที่ยวนั้นก็ผลัดหลงกับบอดี้การ์ดและตอนนั้นก็เกิดเรื่องขึ้นพอดี

บ้านหลังนี้ถูกล้อมด้วยรั้วไม้ มันค่อนข้างสูงระดับนึง คงต้องใช้เวลาปีนอยู่พักนึงกว่าจะปีนได้ และนอกจากนี้ผมก็ยังเห็นเครื่องปันไฟฟ้าและเครื่องปั่นน้ำวางอยู่ข้างๆบ้าน ดูเหมือนนี่จะเป็นแหล่งพลังงานที่ทำให้บ้านหลังนี้มีน้ำมีไฟใช้ ผมกับวลาดยังคงเดินวนรอบบ้าน ทางเข้าประตูบ้านนั้นมีหอคอยไม้อยู่ด้วย มันเป็นหอคอยที่สูงประมาณสองชั้นได้ ข้างบนนั้นมีชายคนนึงยืนอยู่ ผมของเขานั้นเป็นสีทราย ในมือของเขานั้นถือปืนอยู่ด้วย ดูแล้วน่าจะเป็นไรเฟิ้ลล่ะมั้ง เขามองผมด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรทั้งสิ้น ผมเดินจากไปและทำหน้าที่ของผมต่อ นั่นก็คือการพยายามมองไปรอบๆเพื่อป้องกันไม่ให้มีแขกไม่ได้รับเชิญปีนเข้ามา ผมกับวลาดเดินตรวจตราด้วยความเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาทั้งนั้น มีเพียงแต่เสียงฝีเท้าของผมและวลาดที่ย่ำลงทรายที่ดังขึ้นเป็นระยะๆ  

“คุณวลาด...พอรู้รึเปล่าว่าพวกเขาเจอผมได้ยังไง?” ผมเอ่ยปากถาม
“ไม่ต้องเรียกชั้นว่าคุณก็ได้ เรียกว่าวลาดก็พอ” ชายผมแดงตอบกลับ
“โอเค วลาด พวกเขาเจอผมได้ยังไง?” ผมถามใหม่อีกรอบ
“ไม่ชัวร์เหมือนกัน แต่ได้ข่าวว่าระหว่างที่เคนเนธกับแจ็ค ออกหาเสบียงเขาก็เจอนาย และพานายกลับมานี่แหละ” วลาดตอบกลับ

“แล้วนายไปทำอะไรที่ทะเลทรายล่ะ?” วลาดเอ่ยปากถามกลับ
“ผมโดนปล้นน่ะ ก็เลยเสี่ยงดวงเดินไปเรื่อยๆ หวังว่าจะเจอที่พักพิงใหม่” ผมตอบในขณะที่ยังเดินก้าวต่อไปข้างหน้า
“แย่หน่อยนะที่เดี๋ยวนี้การปล้นไม่ถือว่าผิดกฎหมาย ตอนนี้ทุกคนบนโลกต่างสนแค่ว่าตัวเองจะรอดรึเปล่า”

“แล้วนายล่ะสนใจรึเปล่าว่าตัวเองทำถูกหรือผิด?” วลาดตั้งคำถามกับผม
“ถ้าเป็นไปได้ ผมก็อยากจะสนใจว่าผมทำถูกรึเปล่า ถ้าเป็นไปได้นะ” ผมย้ำคำว่า “ถ้าเป็นไปได้”
“เหมือนกันแหละ” ชายผมแดงเห็นด้วยกับผม

“แต่ดูเหมือนการเสี่ยงโชคครั้งนี้จะคุ้มนะ” ชายผมแดงออกความเห็น
“จะว่างั้นก็ได้”

“จะว่าไปผู้หญิงผมสีบลอนด์ที่ช่วยยืนยันตัวผมเมื่อวานคือใครหรอ?” ผมเอ่ยปากถามต่อ
“อ่อ นั่นคือไอริส บริตเจ็ตน่ะ เป็นหมอของที่นี่น่ะ” วลาดตอบผม
“เห็นว่ามัวแต่ช่วยคนไข้คนอื่นๆจนกลายเป็นตัวเองไม่ได้อพยพไปพร้อมกับคนอื่นๆ ก็เลยต้องมาติดแหงกอยู่ที่นี่นี่แหละ”
“ชั้นได้ยินมาจากคนอื่นๆด้วยนะว่าฉายาของเธอคือนางฟ้าน่ะ” ชายผมแดงเสริม

ใช่...เธอคือนางฟ้าจริงๆ ถ้าผมไม่ได้เธอช่วยไว้เมื่อวานล่ะก็ผมไม่อยากจะนึกเลยว่าผมจะโดนไรบ้าง ไม่รู้ว่าตอนนี้ผมจะมีชีวิตอยู่รึเปล่า อย่างดีสุดก็คือออกไปเสี่ยงดวงกับโลกภายนอกอีกครั้ง ซึ่งนั่นก็คงไม่ดีเท่าไหร่ ไม่นานนักเวรของเราก็จบลง ผมกับวลาดกลับเข้าไปในบ้านอีกครั้ง ผมใช้เวลาทั้งวันพูดคุยกับวลาดในหลายๆเรื่อง ผมได้รู้อะไรเกี่ยวกับหลายๆอย่างเกี่ยวกับผู้รอดชีวิตในสถานพักพิงแห่งนี้ ดูเหมือนที่นี่จะมีเด็กผู้หญิงอาศัยอยู่ด้วย แต่ผมยังไม่ได้เห็นหน้าเธอเลย ดูเหมือนเธอจะยังอยู่กับพ่อของเธอที่นี่ เป็นเรื่องโชคดีไม่น้อย เพราะการเติบโตในสภาพโลกแบบนี้ก็แย่พอแล้ว ถ้าหากต้องเติบโตคนเดียวนั้นคงเป็นเรื่องที่เลวร้ายสุดๆเลยก็ว่าได้ ผมหวังว่าผมจะช่วยอะไรเด็กคนนั้นได้

=====

วันที่ 23

วันนี้ผมได้รับงานให้ช่วยเก็บผัก ดูเหมือนบนดาดฟ้าของที่นี่จะมีฟาร์มอยู่ด้วย ก็พอเข้าใจว่าทำไมต้องมี เพราะอาหารกระป๋องซักวันก็คงหมด แต่อาหารสดยังไงเราก็ปลูกได้เรื่อยๆ จะว่าไปในขณะที่ผมเดินเวรนั้น ผมคุ้นๆว่าผมเห็นฟาร์มไก่อยู่ด้วย หน้าที่ของผมคือรดน้ำต้นไม้ ดึงผักออกจากแปลง และอื่นๆ ก่อนที่ผมจะเริ่มงานนั้นผู้ที่รับผิดชอบเรื่องการปลูกผักหรือ “ลูเซียโน่ ซิมิโอเน่ ” ได้สอนผมว่าผมควรจะดึงผักยังไง พืชแบบไหนโตเต็มที่แล้ว บลาๆ เขาเป็นชายผมสีดำ ใบหน้าของเขาดูอ่อนโยน เท่าที่ผมคุยกับเขาดูเหมือนเขาจะเป็นชาวนาที่มีประสบการณ์ระดับหนึ่ง ส่วนคนที่ชอบผมในวันนี้นั้นเป็นเด็กผู้ชายผมสีเขียว (จริงๆเรียกว่าเด็กก็ไม่ถูก วัยรุ่นก็แล้วกัน) เขาสวมฮู้ดสีม่วง เขาชื่อ “มาร์ วินสตัน” เขาเป็นคนไม่ใช่คนช่างพูดเท่าไหร่ (เผื่อสงสัย ผมรู้ชื่อของเขาจากลูเซียโน่อีกที) ผมชวนเขาคุยอยู่เป็นระยะๆ แต่เขาก็มักจะตอบกลับมาด้วยภาษามือเสียมากกว่า

“มีคนอยู่หน้าประตู” เสียงตะโกนของชายที่ยืนอยู่บนหอคอยไม้ตะโกนขึ้น

ประโยคนี้ทำให้ทุกคนหยุดกิจกรรมและตรงออกไปข้างนอกกันหมด รวมถึงโอลิเวอร์ด้วย เมื่อทุกคนออกไปก็เห็นชายคนนึงสภาพมอมแมม เสื้อผ้าของเขานั้นเต็มไปด้วยรอยขาด เสียงฮือฮานั้นดังขึ้นในกลุ่มผู้รอดชีวิต ยกเว้นผม เพราะผมนั้นไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร

“วลาด...คนนี้คือ?” ผมถามวลาดที่ยืนอยู่ข้างๆผม
“อ่อ เป็นคนที่เคยอยู่ที่นี่น่ะ” วลาดตอบกลับมา
“ให้ตายซิ หมอนี่ไม่น่ากลับมาเลย” ชายที่มีนามสกุลซิมิโอเน่ที่ยืนอีกด้านออกความเห็น
“ชั้นก็ว่างั้น” วลาดเห็นด้วยกับลูเซียโน่

ส่วนผมได้แต่ทำหน้างุนงงว่าพวกเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร โอลิเวอร์เดินแหวกฝูงชนก่อนจะเปิดประตูให้ชายคนนี้เข้ามา ชายคนนี้เข้ามาก่อนจะรีบก้มลงไปกราบโอลิเวอร์ที่มองเขาอยู่

“ผมขอโทษครับ คุณโอลิเวอร์ ผมผิดไปแล้วจริงๆ” ชายคนนี้เอ่ยปากขอโทษโดยที่ไม่ต้องรอให้โอลิเวอร์ได้พูดอะไร
“ชั้นยอมรับนะ ว่านายกล้ามากๆที่กลับมาที่นี่อีก หลังจากที่แกขอออกจากไปบ้านหลังนี้” โอลิเวอร์พูดกับชายที่ก้มกราบอยู่ด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
“จำได้ไหมว่าชั้นพูดว่าอะไรกับนายตอนที่นายออกไป จำได้ไหม?”

เขาเงยหน้าขึ้นมาแต่ไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น สีหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยความกลัว

“พาเด็กเข้าไปข้างในก่อน” โอลิเวอร์พูดขึ้นมา

ผมหันไปก่อนจะเห็นไอริสพาเด็กสาวผมน้ำตาลกลับเข้าไปในบ้าน เธอเป็นเด็กที่ตัวค่อนข้างเล็ก อายุของเธอน่าจะราวๆ 9-12 ละมั้ง ผมหันกลับไปหาโอลิเวอร์ก่อนที่เขาจะหยิบปืนขึ้นมา

“ถ้านายไปจากที่นี่แล้ว อย่าให้ชั้นเห็นหน้าเป็นครั้งที่สอง ไม่งั้นโทษของแกคือ...”
“ขอโทษครับ ผมผิดไปแล้ว ผมสำนึกแล้ว ขะ-“

เสียงปืนนั้นดังขึ้นมา กระสุนนั้นเจาะเข้าไปที่หน้าผากของชายคนนี้ เขาล้มลงไปก่อนที่เลือดนั้นจะไหลนองไปทั่วพื้น ทุกคนนั้นเงียบสนิท ผมนั้นพูดอะไรไม่ออก นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นคนตาย ผมปิดปากของผม ผมอยากจะอ้วกออกมา แต่ผมพยายามฝืนไว้ โอลิเวอร์หยิบผ้าออกมาก่อนจะเช็ดกระบอกปืนของเขา

“เคนเนธ เอาศพมันไปฝังหน้าบ้านซิ” โอลิเวอร์ออกคำสั่ง

ชายร่างสูงที่อยู่ข้างๆเขาพยักหน้าก่อนจะลากศพของเขาออกไป รอยเลือดนั้นเป็นทางยาว โอลิเวอร์หันกลับมาหาพวกเราก่อนที่เขาจะพูด

“พวกนายไม่ต้องห่วง ถ้าตราบใดนายไม่สร้างปัญหา กระสุนนี้ก็จะไม่เจาะกะโหลกของนาย”
ขึ้นไปข้างบน Go down
 
Day 1 : EP 2
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: