‘สวัสดีค่า! ยินดีตอนรับสู่สนามแข่งขันที่หนึ่งค่า~!!”
สี่โมงเย็น ณ สนามแข่งขันที่หนึ่งแห่งโรงเรียนมิไรเคียว บนอัฒจันทร์นั้นต่างมีนักเรียนนั่งเรียงกันแน่นเต็มไปหมดจนแทบไม่เหลือที่ว่าง
พอรู้ข่าวกันว่าประธานนักเรียนจะมาต่อสู้ที่สนามนี้ก็พาเข้ามาดูกันยกใหญ่ แม้ว่าช่วงเวลานี้จะเป็นเวลากลับบ้านของนักเรียนโดยส่วนใหญ่ก็ตาม
โดยปกติสนามแข่งขันของโรงเรียนมิไรเคียวจะไม่เปิดให้ใครเข้าไปเป็นอันขาด ยกเว้นว่าจะมีการแข่งขันหรือใช้สอนในคาบเรียน ซึ่งก็ต้องขออนุญาตทุกครั้ง จากการที่ยูกิสามารถขอใช้สนามแห่งนี้ได้ทั้งๆที่การต่อสู้ครั้งนี้น่าจะมาจากเรื่องส่วนตัวนั้น ได้ตอกย้ำอำนาจของเธอยิ่งขึ้นไปอีกว่ามีมากอย่างที่ว่าไว้จริงๆ
‘ดิฉัน มายุซึมิแห่งชมรมวิทยุและกระจายเสียง จะรับหน้าที่เป็นผู้บรรยายในแมตช์พิเศษ! การต่อสู้แบบตัวต่อตัวที่หาชมได้ยากของ
‘ฮาร์ทเลส ควีน’ โยชิดะ ยูกิ ประธานนักเรียนผู้ทรงเสน่ห์แห่งมิไรเคียว เจอกับนักเรียนปีหนึ่งที่ไม่มีข้อมูลใดๆเลยอย่าง คันซากิ อาสึนะ แถมยังเป็นแค่ตำแหน่งพอนอีกต่างหาก ไม่รู้เหมือนกันนะคะว่าประธานโยชิดะเห็นอะไรในตัวของเขากันแน่ถึงได้ท้าสู้แบบนี้’
(เปล่าหรอก เรานี่ละที่ไปเห็นอะไรๆที่ไม่เหมาะไม่ควรจากประธานเข้าต่างหาก)
อาสึนะคิดแบบนั้นอยู่ในอุโมงค์ทางเดินสำหรับผู้เล่นฝ่ายสีดำ ซึ่งประตูอัตโนมัติที่จะออกไปสู่สนามแข่งขันนั้นถูกปิดไว้ แต่มันก็เป็นกระจกใสซึ่งทำให้มองเห็นสนามแข่งขันได้ชัดเจน เห็นแม้กระทั่งโยชิดะ ยูกิ ที่ยืนรออยู่อีกฝั่งของอุโมงค์สำหรับผู้เล่นฝ่ายสีขาว
สนามประลองนั้นมีโต๊ะที่มีลักษณะคล้ายกับโต๊ะที่ใช้ในห้องเรียนอยู่ฝั่งละสิบหกตัวสองฝั่ง รวมเป็นโต๊ะทั้งหมดสามสิบสองตัว ซึ่งจำนวนโต๊ะก็มีพอดีกับจำนวนผู้เล่นสูงสุดในแต่ละฝั่ง และมีลำโพงติดตั้งอยู่รอบสนาม
‘เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ขอแนะนำผู้เล่นฝ่ายสีดำก่อน เขาก็คือนักเรียนปีหนึ่งห้อง A ตำแหน่งพอน คันซากิ อาสึนะ นั่นเองค่ะ!’
อาสึนะเดินผ่านประตูอัตโนมัติออกมา โดยที่ไม่มีเสียงอะไรเลยจากคนดูบนอัฒจันทร์ ก็แน่อยู่แล้ว เขาไม่ใช่คนดังอะไรแบบนั้นสักหน่อย
‘และผู้เล่นฝ่ายสีขาว ตำแหน่งควีน
‘ฮาร์ทเลส ควีน’ ประธานนักเรียนแห่งมิไรเคียว โยชิดะ ยูกิ ค่า!’
เสียงโห่ร้องและเสียงกรี๊ดกร๊าดดังมาจากทางอัฒจันทร์รอบด้าน
‘สู้เค้านะค้า~! ท่านยูกิ’
‘ท่านยูกิสู้ๆ’
‘อีกฝ่ายเป็นแค่พอน ยังไงท่านยูกิก็ชนะใสๆ’
มีแต่เสียงสรรเสริญให้กับยูกิที่กำลังเดินเข้าสู่สนาม แต่เธอก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆกับเสียงเหล่านั้น
“เป็นลูกผู้ชายเหมือนกันนี่นะ ที่ยอมมาตามนัด”
“กะ ก็ประธานบอกถ้าไม่มาจะไล่ผมออกนี่ครับ?”
“หึ... ถ้าเป็นคนอื่นล่ะก็ฉันไม่มายื่นข้อเสนออะไรแบบนี้หรอก บังอาจมาทำเรื่อง ‘แบบนั้น’ กับฉันในห้องพยาบาล แค่ไล่ออกยังจะน้อยไปด้วยซ้ำ”
‘แบบนั้น? แบบไหนอ่ะ???’
‘ไอ้หน้าจืดนั่นมันทำอะไรกับท่านยูกิ!!’
‘ระ หรือว่าจะเป็นเซ็-’
‘ว๊ากกกก!! ยอมไม่ได้’
‘ฆ่ามัน! ฆ่ามัน! ฆ่ามัน!’
เสียงคนดูบนอัฒจันทร์เริ่มรุนแรงขึ้น คำพูดแต่ละอย่างก็ดูจะไม่ใช่เรื่องล้อเล่นซะด้วยสิ อาสึนะก็ชักเริ่มหวาดเสียว จึงก้มหัวประหลกๆให้ยูกิแล้วรีบหนีเข้าไปนั่งบนโต๊ะฝ่ายตัวเองทันที
ยูกิก็เดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะฝ่ายตัวเองเช่นกัน ทั้งสองฝ่ายต่างหยิบอุปกรณ์ VR ขึ้นมาสวม พร้อมทั้งสอดการ์ดข้อมูลอาวุธลงไปในอุปกรณ์
เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว บริเวณที่เป็นโต๊ะสำหรับผู้เล่นทั้งสองฝ่ายก็มีกระจกทึบเลื่อนลงมาครอบไว้ทำให้คนดูบนอัฒจันทร์มองไม่เห็นว่ามีคนนั่งอยู่ ก่อนที่บนสนามจะแปรเปลี่ยนเป็นจอโทรทัศน์ขนาดยักษ์บนอากาศรอบทิศทางที่ทำให้เห็นภาพในเกมได้อย่างชัดเจน
ซึ่งทั้งอาสึนะและยูกิ ก็ต่างเข้าไปอยู่ในเกมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พื้นที่ที่ทั้งสองยืนเผชิญหน้าอยู่ในเกมตอนนี้นั้นเป็นเพียงแค่โลกมืดๆไม่มีอะไรพิเศษ
“ฉันให้สิทธิ์นายเลือกสมรภูมิรบ”
สมรภูมิรบที่ยูกิว่า มันก็คือฉากต่อสู้ในเกมนั่นเอง ซึ่งผู้เล่นสามารถเลือกได้อย่างอิสระ มีฉากหลากหลายรูปแบบตั้งแต่ฉากในป่าไปจนถึงฉากล้ำๆอย่างพวกสถานีบนอวกาศเลยทีเดียว
อาสึนะใช้มือเลื่อนรูปของสมรภูมิต่างๆที่ลอยอยู่กลางอากาศตรงหน้า หลังจากที่เลือกอยู่นานสองนาน เขาก็เลือกฉากที่เป็นรูปเครื่องหมายคำถาม
“สุ่มฉาก? ไม่มีความมั่นใจในตัวเองเอาซะเลย”
ยูกิพูดตำหนิอาสึนะ ในขณะที่โลกมืดๆที่ทั้งสองอยู่ในตอนแรกจะเริ่มมีรอยร้าวเหมือนกระจกแตก ซึ่งภายในรอยแตกนั้นได้หลายเป็นภาพของสมรภูมิรบที่ทั้งสองจะต้องต่อสู้กัน ก่อนที่โลกมืดๆนั้นจะแตกสลายหายไปหมด กลายเป็นโลกที่เป็นสมรภูมิรบของทั้งสองอย่างแท้จริง
“สมรภูมิน้ำแข็งงั้นหรอ? โชคร้ายหน่อยนะ เป็นสมรภูมิที่ฉันถนัดพอดี... สู่จุดเยือกแข็ง
เฮียวโรงะ (เขี้ยวหมาป่าน้ำแข็ง)”
เกล็ดน้ำแข็งบนอากาศได้ล่องลอยเข้าไปเกาะที่มือทั้งสองข้างของของยูกิ ก่อนที่เธอจะประกบมือทั้งสองข้างนั้นแล้วดึงออกมากลายเป็นดาบตรงที่มีคมดาบสีฟ้าขุ่นๆเหมือนน้ำแข็ง
ดาบเล่มนั้นลอยอยู่กลางอากาศอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยูกิก็ถือมันเอาไว้ด้วยสองมือ
“อะ เอ่อ จะ จงออกมา!”
อาสึนะพูดเรียกอาวุธตัวเองด้วยท่าทีเงอะๆงะๆ เรียกเสียงหัวเราะครืนมาจากคนดูแบบไม่ได้ตั้งใจ
ดาบคาตานะที่มีคมดาบสีดำปรากฏขึ้นกลางอากาศ แล้วตกลงพื้นจนอาสึนะต้องก้มลงไปเก็บ เพิ่มเสียงหัวเราะจากคนดูหนักขึ้นไปอีก
“นั่นมัน
คุโรเท็ตสึ (โลหะทมิฬ) อาวุธของรุ่นพี่อากาเนะ?”
“อะ เอ๊ะ? ประธานรู้จักพี่สาวผมด้วยหรอ?”
“...แน่นอน รุ่นพี่อากาเนะน่ะ คือแรงผลักดันที่ทำให้ฉันมีวันนี้เลยล่ะ”
‘อ๊ะ ฉันเพิ่งนึกออกเมื่อครู่นี้เองค่ะ! นามสกุลคันซากิ! ที่แท้แล้ว คันซากิ อาสึนะ ก็เป็นน้องชายของ คันซากิ อากาเนะ อดีตประธานนักเรียนที่เรียนจบไปนั่นเองค่ะ!’
‘คันซากิ อากาเนะ ที่เป็นไนท์คนนั้นใช่ไหม?’
‘ใช่ๆ เป็นไนท์ก็จริงแต่ฝีมือติดอันดับ
ไมท์ตี้พิสเซสเลยล่ะ’
‘แล้วทำไมน้องชายถึงเป็นแค่พอนล่ะเนี่ย น่าสมเพชชะมัด’
เสียงของผู้บรรยายและคนดูบนอัฒจันทร์ดังขึ้น มีเสียงดูถูกดูแคลนอาสึนะปนมานิดหน่อย
“เพราะฉันเห็นว่านายนามสกุลคันซากิ ฉันเลยอยากจะทดสอบฝีมือของนาย เรื่องที่ห้องพยาบาลน่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะนามสกุลคันซากิ ฉันคงไล่นายออกอย่างไม่ลังเล แต่ในฐานะที่นายเป็นน้องชายของรุ่นพี่อากาเนะ ฉันจะให้โอกาสนายได้ต่อสู้กับฉัน ถ้านายชนะ ฉันจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเรื่องที่ห้องพยาบาล แต่ถ้านายแพ้ ฉันจะสั่งพักการเรียนนายสามเดือน”
“สะ สามเดือน!?”
“ฉันใจดีสุดๆแล้วนะ เพราะเห็นแก่ความเป็นลูกผู้ชายของนายที่มาตามนัดเลยลดโทษให้ไม่ไล่ออก นายควรขอบคุณฉันด้วยซ้ำไป”
บางทีอาจจะเป็นแบบนั้น อย่างน้อยๆเขาก็ไม่ถูกไล่ออก ส่วนเรื่องเอาชนะนั้น จนถึงตอนนี้ อาสึนะก็ยังไม่เห็นหนทางนั้นเลยแม้แต่น้อย
(เตรียมหาอะไรทำได้เลย สามเดือนนี้)
‘ก้าวสู่สมรภูมิใน สาม สอง หนึ่ง’
เสียงระบบของเกมดังขึ้น เพื่อเป็นการเตือนให้ผู้เล่นเตรียมพร้อม เม็ดเหงื่อเริ่มผุดขึ้นตามใบหน้าของอาสึนะ แม้สมรภูมิในตอนนี้จะเป็นน้ำแข็งก็ตาม
การต่อสู้ครั้งแรกของ
อันเดอร์ด็อก ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
‘พร้อม... เริ่มได้!’
----------------------------------------------------
1ยามาโตะ นาเดชิโกะ (大和撫子) คือคำที่ใช้เรียกผู้หญิงที่มีลักษณะของ “กุลสตรีญี่ปุ่น”