‘ก้าวสู่สมรภูมิใน สาม สอง หนึ่ง พร้อม... เริ่มได้!’
เมื่อเสียงพูดของระบบจบลง ก็เกิดเสียงการกระทบกันอย่างรุนแรงของวัตถุสองสิ่งจนดังก้องไปทั่ว
‘โอ้วว! เริ่มมาถึงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง! ราชินีแห่งมิไรเคียวเริ่มเข้าจู่โจมตั้งแต่วินาทีแรกของเกมเลยค่า~!’
ใช่แล้ว... วัตถุสองสิ่งนั้นก็คือ
คุโรเท็ตสึของอาสึนะ และ
เฮียวโรงะของยูกิ
ซึ่งแน่นอนว่าฝ่ายที่เข้าไปจู่โจมก่อนก็คือยูกินั่นเอง
แต่อาสึนะที่ตั้งดาบด้วยท่าทางอ่อนหัด ก็ยังคงสามารถรับดาบที่ตวัดลงมาด้วยมือเดียวได้อย่างหวุดหวิด
จากนั้นเสียงการปะทะกันของดาบก็ดังถี่ขึ้นเรื่อยๆ โดยเป็นทางอาสึนะที่เป็นฝ่ายตั้งรับอยู่ตลอด แต่ถึงกระนั้น ในระหว่างที่เขายกดาบขึ้นมาป้องกัน เขาก็พยายามที่จะถอยหนีเพื่อเพิ่มระยะห่างไปด้วย
ทว่ามันก็ไม่มีประโยชน์มากนัก เพราะยูกิก็ได้ไล่ตามไปตลอดทุกฝีก้าว และจู่โจมอาสึนะด้วย
เฮียวโรงะ จนตัวเขาแทบไม่มีโอกาสได้พักหายใจเลย
ไหนจะสภาพภูมิประเทศของสมรภูมิที่เป็นน้ำแข็งก็ไม่เป็นมิตรกับเขาเท่าไหร่ การเคลื่อนไหวก็ลำบากเพราะพื้นนั้นลื่นราวกับลานสเก็ตน้ำแข็ง
แต่ยูกิกลับสามารถเคลื่อนที่บนลานสเก็ตน้ำแข็งนี้ได้อย่างสบายๆเหมือนสวมรองเท้าไอซ์สเก็ต สมกับที่เธอพูดไว้ในตอนแรกว่านี่เป็นสมรภูมิที่ตนถนัด
อาสึนะหลบดาบของยูกิที่ตวัดลงมาได้อย่างหวุดหวิดเป็นครั้งแรกโดยไม่ต้องป้องกัน ทำให้คมดาบกระทบเข้ากับพื้นน้ำแข็งจนแตกกระจุย
เกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่วพื้นที่จนคนดูบนอัฒจันทร์แทบจะรู้สึกได้แม้จะไม่ได้อยู่ในสมรภูมิรบ
ถ้าคมดาบพวกนั้นโดนอาสึนะล่ะก็คงไม่ต้องพูดถึง... ตัวขาดสองท่อนแน่นอน
และนั่นเป็นครั้งเดียวที่อาสึนะสามารถหลบการโจมตีของยูกิได้ หลังจากนั้นสถานการณ์ก็กลับไปเป็นเหมือนฉายหนังม้วนเก่าอีกครั้ง
‘สมแล้วที่เป็นราชินีแห่งมิไรเคียว! ประธานโยชิดะได้เข้ากดดันคุณคันซากิอยู่ฝ่ายเดียว! แม้คุณคันซากิจะป้องกันได้ แต่ก็คงป้องกันไม่ได้ไปตลอด ถ้าคุณคันซากิไม่ทำอะไรสักอย่างละก็ ก็ไม่ต่างอะไรกับรอคอยความพ่ายแพ้เลยค่ะ!’
ผู้บรรยายมายุซึมิพูดถูกทุกประการ
แม้จะสามารถป้องกันได้ แต่พลังงานของคนเราก็มีขีดจำกัด จะให้ป้องกันตลอดไปคงเป็นไปไม่ได้
อาสึนะเองก็เริ่มรู้สึกชาไปทั่วทั้งแขน จากการที่รับแรงสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานเพราะต้องป้องกันอยู่ตลอดจนมือเป็นระวิง
แล้วเขาควรจะทำยังไงดี เพราะแค่ป้องกันการโจมตีอย่างเดียวก็เต็มกลืนแล้ว
แต่ถ้าเขาไม่ทำอะไรสักอย่างเลยล่ะก็...
“ฉันเหมือนรังแกเด็กไปหรือเปล่านะ”
ยูกิพูดขึ้นลอยๆ ในขณะที่พยายามกดดาบของตนที่ถูกอาสึนะรับเอาไว้
อีกฝ่ายไม่ตอบอะไร น่าจะเพราะกำลังตั้งสมาธิอยู่
แรงของยูกิเหนือกว่ามาก แม้จะเป็นการใช้ดาบเพียงแค่มือข้างเดียวเท่านั้น ทำให้อาสึนะถึงกับต้องย่อตัวลงไป
ใบหน้าของทั้งคู่แทบจะแนบชิดกันโดยมีดาบทั้งสองเล่มคั่นกลาง ถึงแม้สมาธิจะอยู่ที่การรับดาบ แต่อาสึนะก็อดชื่นชมเด็กผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้
(แข็งแกร่งจริงๆ... จะทำยังไงดี!?)
อาสึนะเริ่มรู้สึกว่าแรงที่กดมาเริ่มผ่อนคลายลง เขาจึงปัดดาบของยูกิออกไปได้
ก็ไม่รู้ว่าเมื่อสักครู่เธอออมมือให้หรือเปล่า
(อ๊ะ จริงสิ ถ้างั้นลองแบบนี้ดูแล้วกัน)
ในระหว่างนั้น เหมือนอาสึนะจะคิดอะไรออก
ก่อนที่จะพุ่งเข้าไปเป็นฝ่ายตอบโต้บ้าง
‘คุณคันซากิเริ่มเข้าไปเป็นฝ่ายจู่โจมกลับไปบ้างแล้ว!? หรือเขาจะคิดออกแล้วว่าจะควรโต้กลับไปยังไงดี? น่าติดตามมากค่ะ!! ว่าคุณคันซากิจะทำยังไงในเมื่อความสามารถของตัวเองต่างชั้นกับคู่ต่อสู้ถึงขนาดนี้!!’
ผู้บรรยายมายุซึมิกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
ยูกิเลิกคิ้ว เมื่อเห็นอาสึนะพุ่งตรงเข้ามา
(จะฆ่าตัวตายหรือไงกัน!?)
ถ้าอาสึนะจู่โจมพลาด แล้วถูกป้องกันการโจมตีไว้ ก่อนที่จะสวนกลับไปล่ะก็ แค่ครั้งเดียวก็ไม่น่ารอดแล้ว
แต่ทำไมถึงยังกล้าทำเรื่องบ้าบิ่นแบบนี้กันนะ
วินาทีที่ยูกิคิดเช่นนั้น และยกดาบขึ้นมาป้องกันไว้
(เอ๊ะ?)
เธอกลับรู้สึกแปลกๆ จนทำให้การป้องกันดาบครั้งถัดมา ยูกิต้องรับ
คุโรเท็ตสึไว้ด้วยการจับดาบสองมือ
ปกติยูกิจะใช้งาน
เฮียวโรงะด้วยมือเพียงข้างเดียว แต่เมื่อสักครู่ที่อาสึนะตวัดดาบเข้ามานั้น มือเพียงข้างเดียวที่เธอจับดาบรับมันไว้กลับรู้สึกปวดร้าวไปจนถึงกระดูก
ครั้งถัดมายูกิจึงต้องรับการโจมตีด้วยมือทั้งสองข้าง มิเช่นนั้นเธอคงรับความเจ็บปวดนั้นไม่ไหวจนต้องปล่อยให้ดาบหลุดจากมือแน่
มันเป็นไปได้ยังไงกัน?
‘อะอะอะ อะไรกันคะนั่น! คุณคันซากิกลายเป็นฝ่ายกดดันประธานโยชิดะแทนซะอย่างนั้น!? แถมดูทางฝั่งประธานยังดูเสียเปรียบอีกต่างหาก... สถานการณ์แทบจะพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยค่ะ!’
‘เป็นไปได้ไง!’
‘ปกติแล้วท่านยูกิจะต้องป้องกันแล้วสวนกลับไปง่ายๆไม่ใช่หรอ?’
‘เกิดอะไรขึ้นกันนะ!?’
ทั้งผู้บรรยายและคนดูบนอัฒจันทร์ก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน
แต่มีเพียงยูกิเท่านั้นที่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น
(ทำไมจู่ๆแรงของเจ้านี่ถึงได้เยอะขึ้นผิดปกติล่ะ?)
ในตอนที่คิดแบบนั้น ยูกิก็หลบคมดาบของอาสึนะ จนพลาดไปโดนพื้นน้ำแข็งจนแตกกระจุย
ไม่ต่างอะไรกับที่เธอเคยทำไว้เมื่อตอนแรกเลยแม้แต่น้อย
เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า... พละกำลังของอาสึนะในตอนนี้นั้นมีมากขึ้นผิดปกติจริงๆ
ตอนที่ยูกิเป็นฝ่ายรุกนั้น เธอรู้สึกได้เลยว่าพละกำลังของตัวเองเหนือกว่าแน่นอน ในแต่ละครั้งที่ตวัดดาบลงไปต่างก็สร้างความลำบากใจให้แก่อาสึนะ
คนที่ป้องกันการโจมตีของยูกิแทบจะไม่ไหว ไม่มีทางที่จะกดดันเธอด้วยพลังโจมตีขนาดนี้ได้
ในระหว่างที่ยูกินึกถึงความเป็นไปได้ต่างๆนาๆของเรื่องที่เกิดขึ้นจนปวดหัว สายตาก็พลันมองไปที่ดาบสีดำของอาสึนะซึ่งตวัดเข้ามาจู่โจมอย่างต่อเนื่อง
และดวงตาของเธอก็เบิกโพลง
“นะ นั่นมันเทคนิคการใช้ดาบของฉัน!!”
“อ๊ะ!!”
จู่ๆอาสึนะก็หยุดจู่โจมกะทันหัน แล้วกระโดดถอยห่างออกมาไกล
ยูกิไม่ได้กระโดดตามเขาไป เพราะกำลังรู้สึกสับสนอย่างหนัก
ไม่ผิดแน่... การตวัดดาบแบบนั้นของอาสึนะ ที่ทำให้เธอต้องลำบากใจเมื่อสักครู่ เป็นการตวัดดาบอย่างหนักหน่วงด้วยมือเพียงข้างเดียว
ดูยังไงมันก็คือเทคนิคดาบของเธอชัดๆ...
“ว่าแล้วเชียว ประธานต้องโกรธจริงๆด้วย”
อาสึนะพูดเหมือนกับว่าเรื่องที่ทำไปนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่
“ขอโทษนะครับประธาน คือผมน่ะไม่ได้มีความสามารถเหมือนคนอื่นๆ เดิมทีผมเองก็ไม่ใช่นักเล่นเกม Checkmate อยู่แล้ว ที่ผมเข้ามาเรียนที่นี่เพราะมีเหตุผลบางอย่างน่ะนะ ดังนั้นจะใช้ดาบใช้อะไรผมก็ทำไม่เป็นทั้งนั้นแหละ... สิ่งที่ผมทำได้อย่างเดียวก็เลยมีแค่สิ่งนี้เท่านั้น คือการเลียนแบบท่าดาบของคู่ต่อสู้ยังไงล่ะ จะเรียกว่าเป็นท่าประจำตัวของผมไปเลยก็ได้... เอ่อ มันต้องตั้งชื่อด้วยใช่ไหม? งั้นผมขอเรียกมันว่า
‘ก็อปปี้แคท (ลอกเลียนแบบ)’ ก็แล้วกัน”
“นะ นายทำแบบนั้นได้ยังไง!?”
“เอ๋? เอ่อ ก็แค่มองดูแล้วทำตามเท่านั้นเองนี่ครับ?”
“โกหก!!”
ยูกิตะโกนขึ้นมาเสียงดังลั่น
“ไม่มีทาง! แค่ดูอย่างเดียวจะเลียนแบบเทคนิคดาบของฉันได้ยังไง... แถมมันยัง... สะ สมบูรณ์แบบเหนือกว่าฉันอีกต่างหาก!!”
“หะ หา?”
คนที่ทำตาโตแล้วอุทานด้วยความตกใจกลับเป็นอาสึนะที่เป็นคนทำเรื่องแบบนั้น
เหมือนตัวเขาเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองทำอะไรเหลือเชื่อถึงขนาดนั้นลงไป
ซึ่งสิ่งที่ยูกิรู้สึกได้นั้น มันไม่ได้เป็นแค่การลอกเลียนแบบ ‘เทคนิคดาบ’ ธรรมดาๆอย่างที่เจ้าตัวพูดไว้
แต่มันกลับรู้สึกเหมือนเป็นการลอกเลียนแบบ ‘ตัวตนของฝ่ายตรงข้าม’ มากกว่า
เพราะความจริง ต่อให้จะสามารถเลียนแบบเทคนิคดาบของคนอื่นมาได้อย่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติแค่ไหน มันก็ยังมีข้อจำกัดหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเพศ โครงสร้างของกระดูก หรือกล้ามเนื้อ
สมมติว่าลองให้คนทั่วๆไปลอกเลียนแบบวิชาดาบของนักดาบที่ถูกฝึกฝนมาอย่างดี ต่อให้จะมีเทคนิคการใช้ดาบเหมือนกันมากแค่ไหน ความรุนแรงในการลงดาบของคนทั่วๆไปที่ไม่ได้ถูกฝึกฝนอะไรมาก็ย่อมด้อยกว่านักดาบที่ถูกฝึกฝนมาอยู่ดี
แต่ในกรณีของอาสึนะมันไม่ใช่แบบนั้น
เพราะนอกจากเขาจะเลียนแบบเทคนิคดาบของยูกิมาได้แล้ว ความรุนแรงนั้นยังเทียบเท่าอีกด้วย เหมือนว่าเขาได้ ‘กลายเป็น’ ยูกิอย่างสมบูรณ์
ซึ่งถ้าดูจากทฤษฎีที่ว่ามาข้างต้นแล้ว... มันไม่มีทางเป็นไปได้เป็นอันขาด
และที่สำคัญที่สุด... การลอกเลียนแบบของอาสึนะยังสามารถต่อยอดเทคนิคดาบให้สมบูรณ์ยิ่งกว่าคู่ต่อสู้อีกด้วย
โดยปกติต่อให้เทคนิคดาบของแต่ละคนจะยอดเยี่ยมเพียงใด มันก็ต้องมีจุดบกพร่องอยู่บ้างอย่างน้อยๆจุดหรือสองจุด ซึ่งสิ่งที่อาสึนะทำไปคือการลบล้างจุดบกพร่องเหล่านั้นจนหมดจด จนสามารถแข็งแกร่งกว่าคู่ต่อสู้ได้
น่ากลัว... แบบนี้มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!
“คะ คือ เปล่านะครับ ผม เอ่อ... ผมว่าถ้าไม่ใช่ดาบผมก็คงเลียนแบบไม่ได้หรอกครับ ผมเองก็ไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้นหรอก ฮ่าๆ”
คำพูดที่ลนลานและดูเหมือนถ่อมตัวนั้น กลับทำให้ยูกิรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ
มาดสุขุมเยือกเย็นของเธอเหมือนจะละลายหายไปหมดหลังจากถูกขโมยวิชาดาบไปแบบหน้าตาเฉย แถมยังทำให้เพลงดาบนั้นเหนือกว่าได้อย่างสบายๆอีกต่างหาก
(คันซากิ อาสึนะ นายเป็นใครกันแน่!?)
“ยะ ยังไงผมก็ต้องขอโทษอีกครั้งนะครับ แต่ผมเองก็ไม่อยากถูกพักการเรียนเหมือนกัน ถึงหนทางชนะมันจะเลือนรางก็เถอะ... แต่ผมจะพยายามครับ!”
อาสึนะไม่รู้เลยว่ากำลังประเมินความสามารถของตัวเองต่ำไป
หากดวลกันแค่ดาบแบบเพียวๆล่ะก็... ตอนนี้เขาเหนือกว่าหลายขุม
เพราะฉะนั้น ถ้ายูกิต้องการกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบ เธอจึงต้อง...
“
ฟรีซซิ่ง (แช่แข็ง)!”
ทันใดนั้น ขาของอาสึนะที่กำลังจะก้าวเพื่อพุ่งตรงไปข้างหน้า ก็ถูกแช่แข็งหยุดไว้จนขยับไม่ได้
ก่อนที่ฝ่ายที่พุ่งเข้ามาจะกลายเป็นยูกิ แล้วตวัดดาบใส่อาสึนะจนเขาต้องกลับไปเป็นฝ่ายตั้งรับ
และเพราะขาทั้งสองข้างถูกแช่แข็งเอาไว้ อาสึนะจึงหนีไปไหนไม่ได้ ทำได้แค่ป้องกันดาบของยูกิอยู่กับที่เท่านั้น
ใช่แล้ว... เพราะในตอนนี้ ถ้าดวลกันด้วยดาบอย่างเดียวยูกิจะเสียเปรียบ เธอจึงจำเป็นต้องใช้เวทมนตร์
เพราะยังไงๆ อาสึนะก็เป็นแค่พอน ที่ปกติจะไม่มีความสามารถใดๆเลยในโหมดการต่อสู้แบบตัวต่อตัว ต่างจากตัวยูกิที่เป็นถึงควีน ซึ่งมีความสามารถหลากหลายมากกว่า
ยูกิในตอนแรกได้ประเมินพลังของอาสึนะต่ำไป เธอจึงไม่ใช้เวทมนตร์มาจนถึงตอนนี้ เพราะคิดว่าแค่เทคนิคดาบอย่างเดียว เธอก็น่าจะชนะได้สบายๆอยู่แล้ว
แต่ในเมื่อมันไม่เป็นแบบนั้น... เธอก็จำเป็นต้องใช้ความสามารถที่ตัวเองมีอยู่ทุกอย่าง
ซึ่งความจริง หากยูกิต่อสู้ด้วยพลังที่มีอย่างเต็มที่ทั้งหมดตั้งแต่แรก ผลแพ้ชนะก็คงตัดสินกันตั้งแต่ตอนนั้น
กล่าวคือ ต่อให้อาสึนะจะมีวิชาการลอกเลียนแบบตัวตนของคู่ต่อสู้ได้อย่างสมบูรณ์แบบจนน่ากลัวแค่ไหน แต่ถ้าเป็นเรื่องเวทมนตร์ เขาไม่มีทางเลียนแบบได้แน่นอน
เพราะเขาเป็นเพียงแค่พอน...
อาจจะฟังดูเหมือนขี้โกง แต่ก็ไม่ได้มีกฎห้ามใช้เวทมนตร์ในการต่อสู้แบบตัวต่อตัวอยู่แล้ว
จะโดนหาว่าโกงก็ช่าง ถ้าอยากจะชนะ มันมีแต่วิธีนี้เท่านั้น
‘คุณคันซากิแย่แล้วค่า! ทั้งๆที่เมื่อสักครู่สามารถสร้างความเหลือเชื่อด้วยการกดดันประธานโยชิดะจนแทบจะคุมเกมได้ทั้งหมด! แต่ตอนนี้มันกลับไม่ใช่... เพราะประธานโยชิดะเริ่มใช้เวทมนตร์ที่ไม่ได้ใช้มาตั้งแต่ตอนแรกกับคุณคันซากิแล้ว!’
ในระหว่างที่ป้องกันการโจมตี อาสึนะก็พยายามหาทางหลุดจากพันธนาการน้ำแข็งที่ตรึงขาของเขาไว้เหมือนเป็นโซ่ตรวน
เมื่อรู้สึกได้ว่าแค่การขยับขาไปมาอย่างเดียวมันช่วยไม่ได้ เขาจึงใช้การลงดาบบางจังหวะฟันไปที่โซ่ตรวนน้ำแข็งแทนที่จะเป็นคู่ต่อสู้
ซึ่งมันก็เป็นผล น้ำแข็งที่เกาะขาของเขาอยู่เริ่มแตกร้าว และเขาก็สามารถหลุดออกมาได้สำเร็จ
อาสึนะรีบถอยห่างเพื่อรักษาระยะ แล้วปัดดาบของยูกิที่พุ่งตามมา
ในจังหวะที่เขาเห็นช่องโหว่และกำลังจะเข้าจู่โจม เขาก็โดนโซ่ตรวนน้ำแข็งเข้าพันธนาการอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นที่มือข้างที่ถือดาบ
เมื่อเจอความเย็นระดับจุดเยือกแข็งโดยฉับพลัน ส่งผลให้มือข้างนั้นเกิดอาการชาจนใช้การไม่ได้ทันที หรือต่อให้ใช้การได้ ตรวนน้ำแข็งเหล่านั้นก็เป็นอุปสรรคอย่างใหญ่หลวง
และนั่นก็เป็นการเป็นช่องโหว่แบบเต็มๆให้กับยูกิ
แม้สีหน้าของเธอจะไม่แสดงความรู้สึกมากนัก แต่อาสึนะก็พอจะเดาคำพูดจากสีหน้านั้นออก
(ลาขาด!!)
นั่นคือความคิดของยูกิที่อาสึนะคาดเดาไว้
ซึ่งมันก็น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะตอนนี้เขาไม่น่าจะมีอะไรที่จะป้องกันการโจมตีนั้นได้เลย
แต่ทว่า...
“ย้ากกกกกก!!!”
จู่ๆอาสึนะก็คำรามออกมาเหมือนพยายามออกแรงที่จะทำอะไรสักอย่าง
หลังจากนั้นคมดาบของ
เฮียวโรงะ ก็เคลื่อนที่มาจ่ออยู่ตรงหน้าของอาสึนะ โดยไม่ได้สัมผัสมาถึงตัวเขาแต่อย่างใด
“!!!”
สีหน้าของยูกิเกิดความตกตะลึงชั่วขณะ เพราะภาพที่เห็นคือ... มือที่ใช้การไม่ได้ของอาสึนะนั้น ได้ยกขึ้นมาป้องกันการโจมตีเอาไว้ได้
มือที่ถูกแช่แข็งถูกยูกิลงดาบเข้าใส่เต็มๆ ทำให้แทนที่จะเป็นสร้างความเสียหายให้แก่เขา มันกลับเป็นการปลดพันธนาการที่ตัวเธอเป็นคนทำไว้อย่างไม่ได้ตั้งใจ
น้ำแข็งได้แตกกระจายทันทีจากแรงปะทะเมื่อสักครู่โดยที่อาสึนะไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ แต่ว่ามือข้างนั้นก็น่าจะยังไม่ฟื้นฟูเต็มที่
ทั้งๆที่อาสึนะไม่น่าจะโจมตีสวนกลับใส่ยูกิที่ไม่ได้เตรียมตั้งรับได้ในทันทีด้วยมือข้างนั้น... แต่เขากลับทำมันได้
เหตุผลก็เพราะ อาสึนะได้ใช้มืออีกข้างถือ
คุโรเท็ตสึ แล้วฟันลงเข้าไหล่ขวาที่เปิดโล่งของยูกิ
แล้วทำไมอาสึนะถึงสามารถใช้มือข้างที่ไม่ถนัดลงดาบโดยที่พลังโจมตีไม่ได้ลดไปมากนัก!?
อย่าลืมว่า... เขาได้เลียนแบบตัวตนของคู่ต่อสู้อย่างสมบูรณ์แบบและลบจุดบกพร่องต่างๆไปจนหมด ดังนั้น... แค่ใช้งานดาบด้วยมือข้างที่ไม่ถนัดจึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย
และทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา ทำให้โยชิดะ ยูกิ ถูกคันซากิ อาสึนะ เผด็จศึกด้วยการลงดาบในครั้งนี้
----------------------------------------------------
‘ฟะฟะฟะ ฟันเข้าใส่เต็มๆ! ตัดสินกันแล้วใช่ไหมเนี่ย? ประธานโยชิดะเนี่ยนะจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้!? ไม่น่าเชื่อจริงๆค่ะ... อ๊ะ! ดะ เดี๋ยว! ดูนั่นก่อนค่ะ!!’
มีเรื่องที่ผิดคาดยิ่งกว่าการที่อาสึนะสามารถลงดาบใส่ยูกิได้
นั่นคือคมดาบสีดำนั้น... ไม่ได้สร้างบาดแผลใดๆให้กับโยชิดะ ยูกิ และหยุดนิ่งค้างอยู่ตรงไหล่แบบนั้น
ด้วยความตกใจ อาสึนะจึงรีบถอยห่างออกมาไกลเพื่อตั้งหลัก เพราะรู้สึกถึงจิตสังหารอันแรงกล้า
เมื่อถอยออกมาได้ไกลพอสมควร เขาก็มองเห็นว่า ที่ร่างกายของยูกิ ได้มีอะไรแปลกไป
เกล็ดน้ำแข็งเล็กๆ ที่ต้องสังเกตดูดีๆถึงจะเห็นได้ปกคลุมไปทั่วทั้งร่างกายของเธอ
ท่าทางเกล็ดน้ำแข็งเล็กๆเหล่านี้แหละ คือสิ่งที่ป้องกันไม่ให้การโจมตีของอาสึนะทำอันตรายใดๆได้ราวกับเป็นชุดเกราะ
นี่คือ
‘โฟรเซ่นเดรส’ (อาภรณ์เยือกแข็ง)
เป็นการควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างรอบกายให้กลายเป็นเกล็ดน้ำแข็ง และใช้มันปกคลุมร่างกายของตัวเองเพื่อป้องกันการโจมตีของคู่ต่อสู้ ซึ่งเพราะสมรภูมิที่ยืนอยู่นั้นเป็นน้ำแข็งอยู่แล้ว ดังนั้นจึงใช้เวลาแค่เพียงเสี้ยววินาที ก็สามารถสร้างเกราะป้องกันที่แข็งแรงมากพอได้สบายๆอยู่แล้ว
อาสึนะที่เกือบจะชนะแต่ก็ต้องมาเจอกับความขี้โกงที่ไม่ผิดกฎก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ
“คันซากิ อาสึนะ ฉันมองนายผิดไปเยอะมาก... ฉันคิดว่าแค่ดาบอย่างเดียว ก็สามารถเอาชนะคนอย่างนายได้สบายๆอยู่แล้ว แต่มันก็ไม่เป็นแบบนั้น... ฉันจึงจำเป็นต้องใช้ความเสียเปรียบของนายให้เป็นประโยชน์ นั่นคือการใช้เวทมนตร์ แต่ฉันก็ยังเอาชนะนายไม่ได้”
ยูกิพูดทั้งๆที่ยังก้มหน้า
“และนี่คือวิธีสุดท้าย การปลดปล่อยพลังเวทที่ฉันมีทั้งหมดในการกำจัดนาย... ฉันขอโทษจริงๆ ที่ฉันต้องใช้วิธีขี้โกงแบบนี้ แต่มันคงเป็นวิธีเดียวที่จะโค่นนายได้”
ยูกิยอมรับแต่โดยดีว่ามันเป็นวิธีที่ขี้โกง
ถ้าจะว่ากันตามจริง... มันโกงตั้งแต่ที่ควีนอย่างเธอท้าต่อสู้กับพอนอย่างเขาแล้ว
เธอจึงไม่คิดที่จะโค่นเขาด้วยพลังแบบนี้ตั้งแต่แรก เพื่อที่จะได้ภาคภูมิใจว่าเธอไม่ได้ใช้ความได้เปรียบของตัวเองในการเอาชนะ
แต่ในเมื่อเขาแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ มันจึงไม่มีทางเลือกอื่น...
ยูกิชู
เฮียวโรงะขึ้นฟ้า ก่อนที่ทั่วทั้งสมรภูมิจะเกิดการสั่นสะเทือน
เกล็ดน้ำแข็งที่ทั้งมองเห็นและมองไม่เห็น ต่างพุ่งเข้าไปรวบรวมอยู่ที่คมดาบของยูกิ รวมทั้งเกล็ดน้ำแข็งที่เป็นชุดเกราะป้องกันตัวเธออยู่ด้วย
จนจากดาบตรงธรรมดากลายเป็นหอคอยน้ำแข็งที่มีความสูงเสียดฟ้า
แน่นอนว่าอาสึนะก็คงไม่โง่ถึงขนาดไม่รู้ว่ายูกิกำลังทำอะไร จึงพยายามจะเคลื่อนตัวหนี แต่ก็ถูกพันธนาการไว้ด้วยน้ำแข็งอีกครั้งที่ขาทั้งสองข้าง
คราวนี้เขาไม่สามารถทำลายมันได้ด้วยดาบของตัวเองอีกต่อไป เพราะยูกิคงจะใช้พันธนาการนี้ด้วยพลังเวทที่เข้มข้นมากกว่าครั้งก่อน
เมื่อมั่นใจแล้วว่าอีกฝ่ายไม่มีทางให้หนีพ้น เธอจึงกู่ร้องออกมาราวกับเป็นการประกาศชัยชนะของตนเอง
“
ฟรีซ เอ็กซ์คิวชั่น (คมดาบเยือกแข็งลงทัณฑ์)!!!”
และแล้วหอคอยสูงเสียดฟ้าซึ่งจริงๆแล้วมันคือคมดาบ ก็ได้ฟาดฟันลงมาใส่อาสึนะที่ไม่สามารถขยับหนีไปไหนได้
อย่างที่กล่าวไว้ว่าสมรภูมินั้นเป็นน้ำแข็งอยู่แล้ว เกล็ดน้ำแข็งมหาศาลที่ถูกรวบรวมไว้ที่คมดาบจึงมีพลังโจมตีมากมายพอที่จะทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าได้สบายๆ
คมดาบนั้น... ใช้เพื่อโค่นพอนเพียงคนเดียวอย่างคันซากิ อาสึนะ
มันจบลงแล้ว!
แรงสั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินไหวในระดับสูงสุดได้เกิดขึ้น
พร้อมทั้งรอยยิ้มมุมปากจางๆของผู้ชนะอย่างโยชิดะ ยูกิ
ทั้งๆที่มันควรเป็นแบบนั้น...
รอยยิ้มของยูกิหายไปและถูกแทนที่ด้วยใบหน้าที่บูดเบี้ยวจนหมดสวยของเธอ
เพราะหอคอยสูงเสียดฟ้านั้นถูกหยุดไว้ด้วยใบดาบของ
คุโรเท็ตสึ!!
เธอกรีดร้องอยู่ในใจโดยที่ไม่มีเสียงใดๆเล็ดรอดออกมา เพราะสิ่งที่เห็นมันกินว่าคำว่าตกตะลึงไปหลายขุม
ไม่มีทาง! ไม่มีทางที่พลังทำลายอันมหาศาลของ
ฟรีซ เอ็กซ์คิวชั่น จะถูกหยุดไว้ด้วยใบดาบบางๆของ
คุโรเท็ตสึแต่แล้วภาพของอาสึนะที่กำลังรับหอคอยดาบนั้นไว้ กลับเกิดภาพซ้อนทับของคนบางคนที่ยูกิรู้จักเป็นอย่างดี
ทำให้เธอคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“ไม่จริง!! นั่นมัน
เนเกท (ปฏิเสธการโจมตี)!!”
เธอพูดพึมพำออกมา ในขณะที่ภาพในอดีตที่เธอยังเรียนอยู่ชั้นปีที่หนึ่ง โรงเรียนมิไรเคียว ได้ย้อนคืนกลับมา
ตอนนั้นเธอสอบเข้ามาด้วยตำแหน่งพอน และไม่ได้มีเป้าหมายใดๆชัดเจนว่าเธออยากจะทำอะไร
จนกระทั่งเธอได้เห็นการต่อสู้ของประธานนักเรียนในขณะนั้น ที่ได้เปลี่ยนชีวิตของเธอไปตลอดกาล
การต่อสู้ของคันซากิ อากาเนะ
บุคคลที่เป็นแบบอย่าง และเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เธอพยายามจนมีวันนี้
และเธอก็ได้เห็น
เนเกทจากการต่อสู้ในครั้งนั้น
มันคือการปฏิเสธการโจมตีทุกชนิดที่สามารถใช้ดาบป้องกันหรือสัมผัสได้ ทำให้การโจมตีนั้นไร้ผลทันทีโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีที่รุนแรงมากแค่ไหน
นั่นแหละคือสิ่งที่อาสึนะกำลังทำกับ
ฟรีซ เอ็กซ์คิวชั่น(แล้วอาสึนะสามารถทำแบบนั้นได้ยังไงกัน!? เขาเป็นแค่พอนไม่ใช่หรอ? ไม่ใช่สิ...!!)
ยูกิมานึกออกอีกอย่างนึง
อากาเนะนั้นก็เป็นแค่ไนท์... ที่ไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้เหมือนกัน
แล้วทำไมถึงสามารถทำเรื่องแบบนั้นได้ เหตุผลนั้นก็ง่ายๆ ก็เพราะว่า...
มันไม่ใช่เวทมนตร์ แต่เป็นความสามารถของ
คุโรเท็ตสึต่างหาก
นั่นจึงหมายความว่า ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่ครอบครอง
คุโรเท็ตสึ ก็สามารถทำเรื่องแบบนี้ได้ทั้งนั้น
พันธนาการน้ำแข็งของอาสึนะที่ป้องกันคมดาบลงทัณฑ์นั้นได้ เริ่มแตกร้าวออก อาจะเป็นเพราะแรงสั่นสะเทือนอันมหาศาลเมื่อสักครู่
เขาจึงหลุดออกจากตรวนน้ำแข็ง แล้วพุ่งตัวเข้าไปหายูกิพร้อมดาบในมือ
เพราะหอคอยสูงเสียดฟ้าที่ฟาดลงมานั้น คงไม่สามารถถูกยกกลับไปในท่าเตรียมโจมตีได้ในเวลาอันสั้น
ณ ตอนนี้ ตัวของยูกิจึงเกิดได้เกิดช่องโหว่ขนาดใหญ่
วินาทีที่ยูกิเห็นอาสึนะพุ่งเข้ามา เธอก็หน้าถอดสีพร้อมรู้สึกเย็นวาบไปทั่วทั้งตัว
เพราะเธอรู้ดีว่า ความน่ากลัวของ
เนเกท ไม่ได้จบที่แค่การปฏิเสธการโจมตีของศัตรู
นอกจากจะเป็นการปฏิเสธการโจมตีแล้ว พลังทำลายของการโจมตีที่ถูกปฏิเสธก็จะถูกดูดซับไปอยู่ในตัวดาบ และสามารถจู่โจมคู่ต่อสู้กลับไปได้ด้วยพลังทำลายนั้น
มันถูกเรียกว่า
‘แบ็คไฟร์’ (สะท้อนกลับ)
ซึ่ง
คุโรเท็ตสึของอาสึนะที่กำลังจะตัดผ่านร่างของเธอนั้น มีพลังทำลายมหาศาลเทียบเท่ากับคมดาบลงทัณฑ์ที่ทำให้ฟ้าถล่มแผ่นดินทลายของเธอ
ร่างกายที่ไม่ได้ถูกห่อหุ้มด้วย
โฟรเซ่นเดรส จึงถูกคมดาบบางๆนั้นเคลื่อนที่ผ่านไป
...แต่ต่อให้มีเกราะเยือกแข็งห่อหุ้มร่างกายอยู่ ยูกิก็ไม่มั่นใจนักว่ามันจะป้องกันพลังโจมตีอันมหาศาลขนาดนั้นได้
จากนั้นโยชิดะ ยูกิ ก็ถูกดึงลงไปสู่โลกอันมืดมิด
พร้อมเสียงๆหนึ่งที่ดังก้องขึ้นมา
‘รุกฆาต! ผู้ชนะคือ คันซากิ อาสึนะ!’
----------------------------------------------------
เสียงของระบบเกมที่จบลง พร้อมๆกับที่ภาพการต่อสู้ภายในเกมได้หายวับไปกลางอากาศ
ทำให้สนามแข่งขันที่หนึ่งถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ
ทั้งคนดูบนอัฒจันทร์ หรือแม้กระทั่งผู้บรรยาย ก็ต่างสูญเสียคำพูดไปจากจุดจบของเกมอันน่าเหลือเชื่อ
แม้กระทั่งผู้ชนะอย่างคันซากิ อาสึนะ ก็ไม่ได้ตะโกนโห่ร้องด้วยความดีใจแต่อย่างใด
เขาเองก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน
ชนะ... จริงๆน่ะหรอ!?
ชนะราชินีแห่งมิไรเคียวได้จริงๆน่ะหรอ!?
เขาตั้งคำถามกับตัวเองแบบนั้นซ้ำไปซ้ำมา และไม่รู้เลยว่าตัวเองกลับมาถึงบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่
แต่ที่รู้ๆ คืนนั้นที่กระดานสนทนาบนเว็บไซต์ของโรงเรียนมิไรเคียว
ได้มีการพูดคุยถึงชัยชนะของอาสึนะที่มีต่อราชินีแห่งมิไรเคียวจนกลบหัวข้ออื่นๆแทบมิด
แม้กระทั่งหัวข้อที่เป็นที่มาของฉายาอย่าง
‘อันเดอร์ด็อก’ ที่อาสึนะเคยได้รับ
เพราะตั้งแต่คืนนั้น
‘อันเดอร์ด็อก’ อย่างเขา ได้เริ่มเป็นที่รู้จักในชื่อ
‘ควีนสเลเยอร์’ (ผู้พิชิตราชินี)
เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า... ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ชีวิตของคันซากิ อาสึนะ ในรั้วโรงเรียนมิไรเคียวนั้น จะไม่ธรรมดาอีกต่อไป