Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Cataclysm: The Endless Hellfire XI

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
Neferpitou
Moderators
Moderators
Neferpitou


จำนวนข้อความ : 552
Join date : 05/12/2012
Age : 27
ที่อยู่ : The Facility of Banned Organizer

Cataclysm: The Endless Hellfire XI Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Cataclysm: The Endless Hellfire XI   Cataclysm: The Endless Hellfire XI EmptyWed Sep 21, 2016 4:54 am

Cataclysm: Endless Hellfire
Act XI

------------

“พลังแห่งวอยด์... มันได้อยู่เบื้องหน้าข้าแล้ว”

  มันเป็นวาจาที่ออกมาจากปากของมารแห่งบาปเบลล์ในขณะที่เขาจ้องไปมองร่างที่นอนราบอยู่บนหินเก่าแก่ภายในสำนักกระบี่แห่งเงา เมื่อนั้นมารร่างใหญ่นั้นก็เดินตามเจ้าของสำนักเข้าไปยังห้องมืดแห่งนั้น พลังที่อยู่รอบห้องอย่างแรงกล้าทำให้ทั้งสองรู้สึกถึงปราณอีนแกร่งกล้าของผู้ที่ในโลกนิทราผู้นี้ สายตาของมารร้ายที่จดจ้องร่างกายนั้นเขาแสดงออกราวกับว่ากำลังจดจ้องไปสู่สมบัติล้ำค่ายังไงยังงั้น ผู้เป็นเจ้าของสำนักนามคาสเตอร์เริ่มกวาดสายตาไปจ้องมองผู้มาเยือนสำนัก ราวกับว่าเขามีคำถามอะไรสักอย่างที่อยากจะรู้ถึงคำตอบ แต่สายตานั้นมันก็แสดงถึงความไม่พอใจเหมือนกัน เหมือนกับว่าเขาไม่ค่อยยินดีนักกับการที่เบลล์ประสงค์ที่จะใช้อาวุธของสมาคมตนเอง มิทันไรเบลล์ก็หันไปมองหน้าของคาสเตอร์ รู้สึกถึงแรงกดดันจากสายตาของชายผู้เป็นเจ้าของสมาคมนักฆ่า เมื่อคาสเตอร์รู้สึกตัวว่าเบลล์รับรู้ถึงแรงกดดันจากเขา ชายผู้นั้นก็หันสายตาหนีทันที


“เจ้ามีปัญหาอันใดหรือเปล่าคาสเตอร์?” เบลล์กล่าวถามขึ้นมา
“เปล่า..” เขาตอบกลับ “จะว่าไปข้าอยากจะรู้ประสงค์ของเจ้าที่ต้องการจะใช้อาวุธนี้”
“คงไม่มีปัญหาอันใดสินะถ้าหากผู้เป็นเจ้าของอาวุธเช่นข้าต้องการที่จะรู้คำตอบมัน” คาสเตอร์กล่าวต่อ

เบลล์ยิ้มขึ้นเมื่อได้ยินคำถามนั้นจากปากของเจ้าของสำนัก ก่อนที่ลูบผิวของร่างที่หลับไหลนั้น

“ประสงค์... นั่นสิ” เบลล์กล่าว “ถ้าหากเจ้าต้องการที่จะประจักษ์ถึงความต้องการของข้า ข้าก็จะกล่าวมัน”
“มันคือการทำลายล้างสตอร์มโฮล์มยังไงล่ะ!”

  วาจาที่ออกมาจากลมปากของมารตนนั้นทำให้คาสเตอร์แสดงความตกใจออกมา ดูเหมือนเขาจะตะลึงกับความต้องการของเบลล์อยู่เหมือนกัน กระนั้นตัวเขาก็ไม่รู้ว่านั่นคือประสงค์แท้จริงของเบลล์หรือเปล่า เพราะจากการสนทนาระหว่างเบลล์และจอมมารแห่งเพลิงในครั้งนั้นมันสื่อความหมายชัดเจนว่าพวกเขาเพียงแค่ต้องการตัวหญิงสาวนามมาเดียร่ามาเพื่อใช้พลังของหล่อนในการทำการใดสักอย่าง มันหามีประสงค์แท้จริงที่จะนำหายนะสู่สตอร์มโฮล์มโดยตรงซะทีเดียว อย่างไรก็ตามแต่การที่จะนำพาหญิงผู้นั้นมาในตอนนี้มันก็มีแต่จะต้องบุกเข้าสู่อาณาจักรสตอร์มโฮล์มเท่านั้น แม้ว่าความจริงจะไม่ถูกกล่าวออกมาจากปากของมารแห่งบาปก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าคาสเตอร์จะเชื่อในคำพูดนั้นเหมือนกัน สีหน้าที่ดูจริงจังของจอมมารยิ่งทำให้เหตุผลที่เขาต้องการอาวุธนี้ดูน่าเชื่อถือไปมากกว่าเดิมอีก

  ว่าแล้วคาสเตอร์ก็ก้มลงไปมองร่างอาวุธนั่น เขาใช้มือสัมผัสที่กลางอกของร่างที่นอนอยู่ เมื่อนั้นก็มีกลุ่มพลังไหลรินเข้าสู่แขนของเขา หมุนวนอยู่ตามผิวหนังมนุษย์ผู้เป็นเจ้าของสำนักก่อนที่เขาจะดึงมือนั้นออกจากหน้าอก คาสเตอร์ยกมือนั้นขึ้นและแบมันกลางอากาศ เหล่าพลังที่ไหลรินอยู่รอบมือเขาค่อยๆ รวมตัวกันที่กลางมือที่แบออก มันเป็นพลังกลมสีดำที่ดูเหมือนกับความว่างเปล่าจากจักรวาลอันไกลโพ้น เขายื่นมือข้างนั้นที่เต็มไปด้วยพลังแห่งวอยด์ไปหาเบลล์ มันทำให้มารแห่งบาปยืนมองมันสักครู่ ไม่กล่าววาจาใดๆ ตอบกลับ สิ่งที่เขาทำมีเพียงแค่มองวัตถุก้อนกลมที่เป็นพลังงานปราณที่ไม่ค่อยเห็นกันได้ตามทั่วไปเท่านั้น

“หากเจ้าประสงค์ที่จะใช้อาวุธนี้... เจ้าก็จำเป็นที่จะต้องรวมพลังกับมันเสียก่อน” คาสเตอร์กล่าวขึ้น
“เพราะอะไรงั้นหรือ?” เบลล์ถามต่อ
“ข้าจะอธิบาย... ก็ต่อเมื่อเจ้ายอมที่จะรวมพลังกับมันเท่านั้น”

  คำพูดนั้นทำให้เบลล์รู้สึกไม่ค่อยยินดีเสียเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนว่าเขาก็จำเป็นที่จะต้องทำตามที่ชายผู้นั้น เขายื่นมือที่มีปราณสีเขียวของตนไปจับปราณบอลแห่งวอยด์สีดำที่สื่อถึงความว่างเปล่า ก่อนที่จะกำพลังนั้น เมื่อนั้นเบลล์ก็รู้สึกถึงอะไรสักอย่างที่แปลกออกไป เขาเหนื่อยล้าก่อนที่จะทรุดตัวลงไปกรีดร้องด้วยความทรมาณ เขามองไปที่ร่างกายของตนเองก็พบกับว่าผิวหนังของตนเหล่านั้นเริ่มเกิดสายฟ้าสีดำและพลังปราณแห่งวอยด์ปะปนอยู่เต็มไปหมด เบลล์ไม่สามารถควบคุมกายาของตนได้ตามใจนึก พลังนั้นทำให้แขนของเขาเกร็งก่อนที่จะขยับไปเองโดยมิได้ตั้งใจ ทางด้านของคาสเตอร์ก็มองมารแห่งบาปโดยไม่ได้ทำอะไรเลย เบลล์มองขึ้นไปยังเจ้าของสำนักที่ยืนนิ่งและส่งสายตาให้แก่เขาก่อนที่จะกล่าววาจาถามขึ้นมา

“มัน... เกิดอะไรขึ้น?”
“เจ้าอย่าได้กังวลไปใย..” คาสเตอร์กล่าวตอบกลับ “สิ่งที่เจ้ากำลังประสบอยู่คือการรวมพลังของเจ้าและพลังแห่งอาวุธให้เป็นหนึ่ง”
“เนื่องด้วยอาวุธชิ้นนี้เป็นสิ่งมีชีวิตไร้จิตใจ นั่นก็เท่ากับว่าไร้การควบคุมใดๆ จากจิตวิญญาณ”
“หากผู้ที่ประสงค์ที่จะควบคุมมัน คนผู้นั้นจึงจะต้องรวมพลังกับร่างนั้นเสียก่อน”

  ระหว่างที่เจ้าของสำนักแห่งกระบี่เงามืดกำลังอธิบายถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ร่างของเบลล์ก็ทรุดลงไปสู่ผืนดิน ราวกับกำลังถูกพลังแห่งความว่างเปล่าจากร่างไร้สติของอาวุธชีวภาพกลืนกินอยู่ มารแห่งบาปแสดงอาการเจ็บปวดออกมาอย่างเห็นได้ชัด ราวกับว่าเขาไม่เคยพบเจอกับความทรมาณเฉกเช่นนี้มาก่อนทั้งชีวิต ทางด้านของคาสเตอร์เริ่มเดินไปหาเบลล์ก่อนที่จะพยุงตัวของมารตนนั้นขึ้นมา ด้วยร่างกายที่กำยำผิดมนุษย์บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าชายผู้นี้มีน้ำหนักตัวที่ค่อนข้างมาก มันจึงทำให้เจ้าของสำนักใช้เวลาที่จะยกตัวของมารตนนั้นขึ้นมาได้ ถึงกระนั้นเองเมื่ออสูรแห่งความตายตนนั้นลุกขึ้นมาจากความช่วยเหลือของมนุษย์เขาก็ทรุดลงไปอีกครั้ง มือของอสูรที่ยั้งพื้นอย่างแรงทำให้ผืนดินของสำนักเป็นรอยแตกอย่างชัดเจน

“อีกไม่นานร่างกายของเจ้าก็จะกลับมาในสภาพปกติ” คาสเตอร์กล่าว
“อย่างที่ข้ากล่าวไปเมื่อครู่...” เขาพูดต่อ “เมื่อใดก็ตามที่เจ้าประสงค์จะควบคุมร่างกายนี้ เจ้าจะต้องรวมกับมันเป็นหนึ่ง”
“แต่ก็ไม่เชิงว่าจะเป็นเจ้าที่เข้าไปสิงร่างนั้นแต่อย่างใด”
“มันจะเป็นเหมือนกับร่างที่สองของเจ้าที่รับคำสั่งพื้นฐานอย่างโจมตี ป้องกันแบบสัตว์ป่า”
“ส่วนวิธีการที่เจ้าจะส่งคำสั่งพวกนั้นได้มันจะผ่านทางปราณทั้งสองของเจ้าและร่างอาวุธ เป็นเหมือนเครือข่าย”

“ข้าพอจะเริ่มเข้าใจแล้ว...” จู่ๆ เบลล์ก็กล่าวสวนขึ้นมา

  เมื่อนั้นชายผู้เป็นร่างอสูรแห่งความตายก็เริ่มที่จะทรงตัวและยืนขึ้นได้ เขาเริ่มขยับร่างกายเหมือนกับว่าเขาสามารถควบคุมตนเองได้ดังเดิมแล้ว เขากำมือของตนที่เต็มไปด้วยปราณสีมรกตแห่งบาปก็เริ่มเปลี่ยนสีไปช้าๆ มันกลายเป็นสีเขียวเข้มที่ถูกผสมกับปราณสีดำแห่งความว่างเปล่า มันทำให้เบลล์รู้สึกถึงพลังระดับสูง เขาลุกขึ้นมาก่อนที่จะไปมองร่างกายนั้น อาวุธชีวภาพชิ้นนั้นก็ปล่อยปราณสีเขียวแห่งเบลล์ออกมาอ่อนๆ ราวกับว่าถูกส่งผ่านทางเครือข่ายยังไงยังงั้น มันทำให้มารเพลิงเข้าใจสิ่งที่คาสเตอร์สื่อทั้งจากการอธิบายและจากความรู้สึกที่เขาได้รับมา

  เมื่อนั้นมารตนนี้ก็เดินไปยังร่างชีวภาพไร้วิญญาณนั้น เขาเอาหัตถ์แห่งมารของตนวางประทับลงบนอก เมื่อนั้นดวงตาของร่างไร้สตินั้นก็เบิกโพลนขึ้นราวกับว่ามีชีวิต มันเริ่มขยับตัว ปฏิกริยาที่อาวุธนั้นแสดงออกมาทำให้เบลล์ดึงมือของตนกลับไปและถอยฉากไปหาผู้เป็นเจ้าของสำนัก เมื่อนั้นอาวุธชีวนั่นก็มองมายังทั้งสอง มิทันไรมันก็พุ่งเข้าจู่โจมใส่เบลล์ในทันที มันโจมตีด้วยหมัดเปล่าไปที่กลางอกของเบลล์ ถึงกระนั้นอสูรตนนี้ก็สามารถรับหมัดนั้นได้สบายๆ การกระทำของอาวุธชิ้นนี้มันทำให้ชายผู้ใช้พลังแห่งความตายสงสัย เพราะมันดูไม่เหมือนกับที่คาสเตอร์อธิบายไปเมื่อครู่ เขามองไปยังคาสเตอร์ซึ่งชายเจ้าของสำนักก็แสดงสีหน้าที่ไม่ค่อยจะเชื่อในสายตากับสิ่งที่เกิดขึ้น

  ว่าแล้วหมัดของอาวุธชีวภาพก็ถูกดึงกลับมาที่ร่างของตนก่อนที่มันจะถอยฉากออกไป มันแสดงปฏิกริยาเตรียมตัวที่จะเปิดฉากการโจมตีต่อไปในเร็วๆ นี้ เมื่อนั้นที่แขนข้างขวาของมันก็ผุดขึ้นมาซึ่งมิติแห่งวอยด์ มันดูเป็นมิติสีม่วงซึ่งดูราวกับเป็นจักรวาลอันไกลโพ้น ไม่นานนักก็มีวัตถุแปลกๆ ชิ้นใหญ่ออกมาจากมิตินั้น มันเป็นดาบที่ดูใหญ่ผิดปกติ ดูใหญ่กว่าที่มนุษย์ธรรมดาจะสามารถยกขึ้นได้ แต่กายาแห่งวอยด์นั้นกลับสามารถถือมัน ยกขึ้นได้ด้วยกำลังแขนเพียงข้างเดียวของตน เบลล์ตั้งรับเตรียมตัวรอการโจมตีถัดไป เพียงแค่ชั่ววูบร่างกายนั้นก็หายไปท่ามกลางมิติแห่งวอยด์ที่ผุดขึ้นมาจากหลังของมัน มันทำให้มารแห่งความตายรู้ตั้งท่าไม่สบประมาทให้กับมัน เพราะเท่าที่ดูแล้วนั่นไม่ใช่การหนี แต่เป็นการโจมตีเสียตะหาก

  หลังจากนั้นเพียงแค่ไม่กี่พริบตาก็มีมิติโผล่ออกมาจากทางด้านขวาของห้อง มันเป็นจุดบอดที่เบลล์ไม่สามารถสังเกตไปได้เนื่องเพราะมันอยู่ข้างหลังของเขา ว่าแล้วชีวอาวุธก็พุ่งไปพร้อมเหวี่ยงดาบกระแทกใส่ร่างของเบลล์อย่างแรง ทั้งสองปลิวไปตามแรงฟาดที่ได้รับ อสูรแห่งบาปกระแทกเข้ากับกำแพงของอาคารเรือนสำนักแห่งนักฆ่าจนทะลุออกไป จากนั้นร่างแห่งวอยด์นั้นก็พุ่งตามเข้าไปหวังจะฟาดฟันดาบของตนอีกครั้งในขณะที่เบลล์กำลังลอยอยู่กลางอากาศ ที่ร่างของผู้ใช้พลังแห่งความตายได้ผุดขึ้นมาซึ่งปราณสีมรกตทั่วตัวของเขา มันคลุมกายผู้นั้นราวกับเป็นบาเรียขนาดใหญ่ที่สามารถป้องกันการโจมตีได้ในระดับหนึ่ง เมื่อนั้นผู้ใช้ดาบยักษ์ก็พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วพร้อมกับดาบใหญ่ที่จะแทงเข้าสู่จุดตาย

“เคร้งงงงงงงงง!” มันไม่สามารถที่จะทะลุบาเรียแห่งบาปนั้นได้

  ราวกับแทงดาบลงไปสู่หินผาขนาดใหญ่ มันไม่เกิดผลกระทบใดๆ ต่อโล่สะท้อนแห่งความตายนั้น แต่มิทันไรมันก็เกิดเสียงอะไรสักอย่าง ราวกับว่าเป็นเสียงที่เกิดขึ้นเมื่อมีรอยแตกอะไรสักอย่างเกิดขึ้นตามก้อนหินขนาดใหญ่ มันเป็นเสียงเจาะทะลุของดาบแห่งวอยด์ที่ทำให้บาเรียของเบลล์เริ่มแตกเป็นรอย มันทำให้มารตนนั้นรวบรวมปราณเข้าที่หัตถ์ของเขาก่อนที่จะสลายบาเรียและออกฉากโจมตีกลับคืน มือแห่งความตายนั้นพุ่งเข้าไปที่คอของร่างกายนั้น บีบคอเข้าอย่างแรงจนทำให้มันเสียจังหวะก่อนที่จะถูกเบลล์ใช้มือข้างนั้นเหวี่ยงร่างของมันลงไปกับพื้น ด้วยความสูงที่มากพอควรจึงทำให้ร่างนั้นกระแทกลงกับพื้นอย่างแรงบวกกับพลกำลังที่มหาศาลของมารร้ายจึงทำให้มันทวีคูณความรุนแรงไปมากกว่าเดิม

“ตูมมมมมมม!”

  เสียงการกระแทกของร่างแห่งวอยด์สร้างแรงสั่นสะเทือนให้แก่ผู้คนที่อยู่ในระแวกนั้น เจ้าของสำนักที่ยืนอยู่ในสำนักของเขาทรุดลงไปและค่อยๆ ทรงตัวขึ้นมา เขามองออกไปข้างนอกผ่านทางรูที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เขามองเห็นร่างของมารแห่งความตายที่เต็มไปด้วยปราณทั่วตัว พร้อมกับปีกแห่งค้างคาวที่กระพือเหนือฟากฟ้า ไม่นานนักเบลล์ก็หันมามองคาสเตอร์ด้วยสายตาที่ดูไม่ค่อยยินดีเสียเท่าไหร่ มันทำให้คาสเตอร์รู้สึกเป็นกังวลหลังจากเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความพิโรธนั้น

“คาสเตอร์!” เบลล์ตะโกนขึ้น
“เจ้าจะอธิบายสิ่งที่้เกิดขึ้นนี้สิว่ามันเพราะอะไร?!” มารแห่งความตายกล่าวต่อด้วยความโมโห


  สิ้นวาจานั้นคาสเตอร์หาได้กล่าววาจาอันใดตอบกลับ เขากระโดดออกมาจากรูนั่น ลงสู่เทือกเขาสูงก่อนที่จะลงสู่ผืนดิน เมื่อมารแห่งความตายเห็นเช่นนั้นเขาจึงค่อยๆ บินลงไปหาเจ้าของสำนักแห่งกระบี่เงามืดก่อนที่จะจ้องมองด้วยความโกรธาราวกับจะแผดเผาร่างมนุษย์ของคาสเตอร์ด้วยดวงตาของเขา ถึงกระนั้นคาสเตอร์ก็หาได้แสดงความกลัวแต่อย่างใด เขาแสดงสีหน้าที่งุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นเสียมากกว่า ราวกับว่าตัวเขาเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง แม้ว่าคนในสำนักแห่งนักฆ่ารวมไปถึงตัวเขาเองจะไม่ค่อยปลื้มปิติที่เบลล์มาเยือนที่นี่เสียเท่าไหร่ แต่เขาก็หาได้มีความคิดที่จะต่อต้านผู้ที่ซึ่งทำให้เขามีสำนักจนถึงวันนี้เลย เมื่อนั้นเบลล์และคาสเตอร์ก็ได้ยินเสียงดินทราย ก้อนหินชิ้นเล็กใหญ่ตกลงกระแทกสู่พื้น มันเป็นหินทรายที่อยู่บนหลังของร่างกายแห่งวอยด์ที่มันค่อยๆ ลุกขึ้นมาจากหลุมที่ตนเองถูกกระแทกลงไป สีหน้าของคาสเตอร์ที่เห็นร่างนั้นก็ดูเหมือนว่าเขาจะประจักษ์อะไรบางอย่าง เขามองไปที่อาวุธชีวภาพนั่นและเห็นว่าทั่วทั้งร่างของมันมีปราณสีมรกตไหลรินอยู่เต็มไปหมด

“ข้าพอจะรู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น..” คาสเตอร์กล่าวขึ้นมา
“มันคืออะไร?” เบลล์ตอบกลับ
“พลังของเจ้า... มันแกร่งเกินไป” เจ้าแห่งสำนักตอบ “มันแกร่งจนขนาดที่ว่าทำให้ร่างไร้จิตนั่นมีชีวิตเป็นตัวของมันเอง”
“ไม่สิ! มันดูเหมือนว่าสิ่งที่ควบคุมมันคือปราณที่เต็มไปด้วยสัญชาตญาณดิบเถื่อนตะหาก”
“เจ้ากำลังจะบอกว่าข้ากำลังสู้กับปราณแห่งข้าเอง?” เบลล์เอ่ยถาม
“ใช่!”

หลังจากที่เบลล์แห่งบาปได้รับคำตอบที่ทำให้คลายข้อสงสัยของเขา เขาก็แสยะยิ้มขึ้นพร้อมกับพลางหัวเราะเบาๆ

“งั้นก็ดี...” เบลล์กล่าว “หากเป็นเช่นนั้น ข้าจะได้ทดสอบพลังแห่งข้าและอาวุธของเจ้าเสียเลย!”

“ยังไงก็อย่าให้อาวุธนั่นเสียสภาพเด็ดขาด” คาสเตอร์กล่าว
“ถ้าเจ้าไม่อยากจะให้มันแหลกด้วยหัตถ์แห่งข้า เจ้าก็หาทางช่วยข้าสิ”

  สิ้นวาจานั้นจากมารแห่งความตาย เขาก็เป็นฝ่ายพุ่งเข้าไปหาร่างแห่งวอยด์นั่นทันที เบลล์ใช้หัตถ์แห่งบาปพโจมตีหวังที่จะสยบร่างนั้นภายในการโจมตีครั้งเดียว ทางด้านของเจ้าแห่งสำนักแห่งดาบทมิฬก็ดึงอาวุธของตนออกมาจากเอวของตน มันเป็นดาบสองเล่มขนาดยาวพอควร ดาบสองเล่มนี้ถือว่าเป็นอาวุธหลักของชายผู้นี้ซึ่งว่ากันว่าอาวุธชิ้นนี้เต็มไปด้วยพิษชนิดต่างๆ จากทั่วแดนโพรโตเนี่ยนปะปนอยู่ หากใครก็ตามที่ถูกโจมตี แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่แผลเล็กก็สามารถถึงฆาตได้เลยทีเดียว พิษแต่ละชนิดที่ชายผู้นี้มีอยู่ในดาบเล่มนั้นประกอบด้วยพิษที่สามารถล้มช้างให้หมดสติได้หลายวันจนถึงขั้นสามารถฆ่าเทพทลายมารได้เลยทีเดียว ถึงกระนั้นเขาก็เป็นคนเอ่ยปากเองว่าไม่อยากให้อาวุธชีวภาพเสียหาย การใช้วิชาพิษของเขาจึงต้องเลือกอันที่ค่อนข้างอ่อนเสียหน่อย เพราะโดยทางทฤษฏีแล้วถึงร่างนั้นจะไร้ชีวิต แต่เซลล์มันยังสดใหม่อยู่ หากทำอะไรให้เสียสภาพจะกลายเป็นว่าร่างกายนั้นจะไม่สามารถใช้งานได้อีก

  ทางด้านของผู้ใช้ดาบยักษ์จากมิติแห่งความว่างเปล่า เมื่อตนเห็นการจู่โจมดั่งสายฟ้าแลบของอสูรมรกตนั่น มันก็ใช้ดาบขนาดใหญ่ของมันป้องกันร่างของตนเพื่อไม่ให้ถูกหมัดดนั้น ดาบขนาดใหญ่ยิ่งเทียบเท่าสรีระร่างกายของมันกลายเป็นดั่งโล่ขนาดยักษ์ที่สามารถปกป้องการโจมตีนั้นได้สบาย เมื่อนั้นชายผู้ใช้พลังแห่งวอยด์ก็สบัดดาบของตนจนเกิดแรงลมทำให้เบลล์ปลิวออกไป ก่อนที่จะหายไปตามมิติที่คนสร้างขึ้นมาอีกครั้ง เพียงชั่วพริบตาชายผู้นั้นก็ผุดออกมาจากมิติข้างหลังของเบลล์ก่อนที่จะเตรียมฟาดดาบจู่โจม เขาง้างดาบใหญ่ขึ้นโดยที่ปรปักษ์แห่งบาปหาได้รู้ตัว เตรียมการโจมตีที่แลดูจะรุนแรงพอควร แต่เขายังไม่ทันจะได้ออกดาบก็ถูกผู้เป็นเจ้าสำนักแห่งนักฆ่าเข้ามาขัดขวาง คาสเตอร์ใช้ดาบฟันลงไปใส่ร่างอาวุธ แต่ชายผู้นั้นกลับใช้ดาบใหญ่ของเขารับการโจมตีนั่นไว้ได้

  มิทันไรชายผู้เป็นเจ้าสำนักก็ถูกเท้าถีบจากอาวุธแห่งวอยด์นั้นจนกระแทกกับภูเขาขนาดใหญ่ คาสเตอร์ค่อยๆ ลุกขึ้นมาหลังจากการกระแทกในครั้งนั้น เขาจับหลังของตัวเองราวกับว่าจะเจ็บพอควร ก่อนที่จะเดินไปหามารแห่งบาปที่ยืนอยู่เตรียมที่จะออกการโจมตีต่อไป เขาดูเหมือนว่ากำลังจะคิดอะไรสักอย่างอยู่ ทางด้านของคาสเตอร์ที่เห็นแบบนั้นก็เตรียมตัวที่จะออกดาบครั้งต่อไป

“เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?” เบลล์กล่าวถาม
“พอไหว.. แต่เหมือนว่าไหล่ข้าจะหลุด”
“ดูเหมือนว่าอาวุธของเจ้าจะพยศน่าดู.... เป็นไปได้ว่าข้าจำเป็นที่จะต้องทำให้มันเสียรูปหน่อยแล้ว”

หลังจากคำพูดนั้นเบลล์ก็เดินนำหน้าไปทันที

“เดี๋ยว!” คาสเตอร์ท้วงขึ้นมา
“อะไร?”
“เจ้าพอจะมีกระบวนท่าใดๆ ที่สามารถสร้างพันธนาการให้แก่อาวุธตนนั้นได้หรือเปล่า?” คาสเตอร์กล่าวถาม
“มี... แต่เจ้าคิดจะทำอะไร?”
“ข้าจะสยบมันด้วยพิษของข้า... แต่เพิ่งแค่กำลังข้าในตอนนี้คงใช้เวลานานพอควรกว่าจะสามารถโจมตีมันได้”
“ข้าจำเป็นต้องทำให้แน่ใจว่ามันจะไม่สามารถหบการโจมตีนี้ได้” เจ้าสำนักกล่าวต่อ

“ข้าจะลองหาวิธีดูแล้วกัน...” เบลล์เงียบไปก่อนที่จะตอบกลับ
“งั้นข้าจะพยายามจะล่อมัน ส่วนเจ้าก็พยายามใช้วิชานั่นซะ” คาสเตอร์ตอบกลับไป

  เบลล์พยักหน้าก่อนที่ผู้เป็นเจ้าของสำนักจะเริ่มพุ่งตัวเข้าไปหาพลังแห่งวอยด์ มันยกดาบขึ้นเตรียมตัวที่จะฟันแต่คาสเตอร์ก็กระโดดพุ่งหลบขึ้นไปบนฟากฟ้า อาวุธชีวภาพตนนั้นมองตามขึ้นไปข้างบนก่อนจะสร้างมิติแห่งวอยด์ เมื่อนั้นคาสเตอร์ก็หันไปข้างหลังของตนและพบกับว่าที่หลังของเขามีประตูมิติอีกบานเปิดออก จากนั้นผู้ใช้ปราณแห่งความว่างเปล่าก็พุ่งออกมาจากมิตินั้น ชายผู้ใช้ปราณวอยด์ใช้ขากระแทกใส่คาสเตอร์เข้าเต็มๆ อก เป็นการถีบจากฟากฟ้าจนผู้เป็นเจ้าของสำนักร่วงลงไปมาจากอากาศ กระแทกลงสู่พื้น ไม่ทันไรเขาก็สามารถลุกขึ้นมาได้ ดาบใหญ่แห่งวอยด์พุ่งลงมาพร้อมกับกายาไร้วิญญาณ ลงสู่ผืนดินหวังจะสังหารร่างของผู้เป็นเจ้าของสำนัก คาสเตอร์สามารถหลบการโจมตีไปได้อย่างหวุดหวิด ก่อนที่จะปักดาบลงกับพื้น ทันใดนั้นเหล่าปราณก็รวมตัวกันจนกลายเป็นปีศาจปราณแห่งพิษ มันพ่นกรดใส่ร่างของผู้ใช้วอยด์แต่ก็ไม่โดนเพราะเขาสามารถหลบมันไปได้ก่อน

  อาวุธชีวภาพใช้พลังประตูมิติของเขาอีกครั้งและครั้งนี้กลับพุ่งขึ้นมาต่อหน้าของคาสเตอร์ ออกหมัดใส่ชายผู้นั้นแต่ครั้งนี้ผู้ใช้พลังพิษกลับไม่หลบไปแต่อย่างใด เขายืนรับหมัดในขณะที่ร่างของเขาเริ่มเปลี่ยนสภาพเป็นดั่งของเหลวอะไรบางอย่าง มันกระทบเข้ากับมือของผู้ใช้พลังแห่งวอยด์เข้าไปอย่างจัง ทำให้ผิวของแขนข้างนั้นกลายเป็นสีม่วงเข้มราวกับว่าถูกพิษแห่งความตายกลืนกินอยู่ ทางด้านของคาสเตอร์ที่ถูกหมัดนั้นก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เลยสักนิดก่อนที่ตนจะยกดาบขึ้นก่อนที่ปักเข้าไปสู่ร่างของชายผู้นั้น ร่างแห่งวอยด์กระโดดหลบมันไปได้เช่นเคยก่อนที่จะดิ่งลงมาสู่พื้นก่อนที่จะพุ่งเข้าไป.... แต่มันกลับไม่สามารถพุ่งเข้าไปได้ ราวกับว่าถูกอะไรสักอย่างตรึงร่างของมันอยู่

  ที่พื้น ณ จุดที่ชายผู้นั้นยืนอยู่มีปราณสีเขียวแห่งบาปผุดขึ้นมาจากผืนดิน ตรึงร่างของชายผู้นั้นอย่างแน่นจนไม่สามารถขยับได้ มันเป็นพลังของชายผู้ใช้พลังบาป ผู้ใช้พลังแห่งวอยด์พยายามจะต่อต้านมันแต่ก็เหมือนว่าจะไม่สามารถหลุดออกไปจากพันธนาการแห่งบาปของเบลล์ที่เพิ่งใช้ไปได้ ทันใดนั้นเองคาสเตอร์ที่เห็นว่าเบลล์ใช้กระบวนท่าของเขาสำเร็จก็เดินเข้าไปหาอาวุธของตนก่อนที่จะยกดาบของตนขึ้น แทงเข้าไปกลางเอาเบาๆ แทงดาบนั้นค้างเข้าไปยังอกของพลังแห่งวอยด์นั่น มันทำให้ร่างอาวุธนั้นที่ดูมีจิตใจเป็นของตนเองเริ่มสติเลือนลางไปช้าๆ ราวกับว่าถูกพิษที่ทำให้สามารถหมดสติไปได้ ไม่นานนักก็เป็นไปตามนั้น ผู้ใช้พลังแห่งวอยด์หมดสติไป มันทำให้คาสเตอร์ดึงดาบของตนกลับมา ก่อนที่จะหันไปมองเบลล์ หยักหน้าเป็นสัญญาณว่าทุกอย่างได้จบลงแล้ว เมื่อนั้นเบลล์แห่งบาปก็คลายคาถาของเขา เดินไปหาเจ้าของอาวุธในขณะที่ร่างอาวุธร่วงลงไปนอนกับพื้น พวกเขาทั้งสองมองที่ร่างนั้น

“ไหนเจ้าบอกว่าไม่อยากให้ร่างเสียสภาพไง” เบลล์กล่าว
“ก็ดูเหมือนว่ามันจะพยศกว่าที่ข้าคิดไว้ซะอีก ถึงยังไงก็ตามแต่... มันก็สงบแล้ว”
“แล้วเจ้าจะเอายังไงต่อ” คาสเตอร์ถามแก่เบลล์
“ถ้าเจ้ายังยืนยันคำเดิมว่าจะใช้งานมัน งั้นครั้งหน้าเจ้าก็จำเป็นที่จะต้องผสานพลังของเจ้าให้กับร่างนั้นน้อยลง”
“ได้” เบลล์ตอบกลับ “ข้าหวังจะใช้มันตามเดิม”
“งั้นก็ยกร่างนั่น ไปยังห้องของมันเช่นเดิมและเราจะเริ่มพิธีกันต่อ”

  เบลล์หาได้ตอบกลับวาจาใดๆ ก่อนที่จะเรียกปีกแห่งความตายออกมาจากหลังของเขา เมื่อนั้นเขาก็ยกร่างนั้นขึ้นก่อนที่จะบินกลับขึ้นไปยังสำนักนั้น กระพือปีกบินขึ้นไปเหนือฟากฟ้าก่อนที่จะกลับเข้าไปยังสำนักแห่งนักฆ่าที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาพร้อมกับร่างอาวุธชีวภาพนั้น แต่ถึงกระนั้นทางด้านของเจ้าของสำนักก็หาได้กลับขึ้นไปยังสำนักของตนแต่อย่างใด เขาหันไปทางพุ่มไม้ที่อยู่ไม่ไกลนักจากเขาก่อนที่จะส่งสายตาราวกับรู้ว่ามีใครสักคนกำลังแอบดูเขาอยู่ เมื่อนั้นก็มีร่างของใครสักคนออกมาจากพุ่มไม้นั้น มันเป็นชายผู้เป็นข้ารับใช้ของเขา ชายที่ส่งสาส์นแห่งสตอร์มโฮล์มให้แก่คาสเตอร์ไปเมื่อไม่นานมานี้ เขาดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่กับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปหานายของตน

“ข้าไม่ชอบเลยที่ท่านตัดสินใจร่วมมือกับมารเช่นนั้น” เขากล่าวขึ้น
“หึ! เจ้าไม่ต้องห่วงไปหรอก” คาสเตอร์กล่าวตอบ แหงนหน้าขึ้นไปมองสำนักของตนที่อยู่บนเขา
“เจ้ามารนั่นน่ะผสานปราณเข้ากับร่างอาวุธนั่น มันเชื่อสนิทเลยว่าพลังของมันทำให้ร่างอาวุธนั่นมีจิตวิญญาณเป็นของมันเอง” เขากล่าวต่อ

“ท่านพยายามจะพูดถึงอะไรหรอขอรับ?” ผู้เป็นข้ารับใช้เอ่ยถาม

“ข้าพยายามจะสื่อว่าทุกอย่างมันเป็นไปตามที่ข้ากำหนดไว้ไงล่ะ” เขาตอบ
“ร่างนั่นน่ะที่มันขยับเองราวกับสัตว์ป่า การต่อสู้ทั้งหมดก็เป็นการจัดฉากจากข้าทั้งสิ้น”
“โดยจุดประสงค์หลักคือข้าจะสามารถเอาปราณพิษเข้าสู่ร่างอาวุธหลังจากที่เจ้ามารนั่นมันประสานปราณของตนเข้าไปกับอาวุธแล้ว”

“หมายความว่า..”

“ใช่” คาสเตอร์ตอบกลับ “ข้าได้นำปราณพิษเข้าสู่ร่างเบลล์แล้ว”
“โดยปราณนั้นจะทำให้ข้าประจักษ์ถึงสิ่งที่มันต้องการที่แท้จริง หรือแม้กระทั่งจะทรมาณมันจนกว่ามันจะศิโรราปต่อฉัน”
“เท่าที่... ข้าก็มีอาวุธเพิ่มขึ้นมาอีกชิ้น และนั่นก็เป็นอาวุธแห่งบาป”

“ถึงตอนนั้นแล้ว.. ข้านี่ล่ะจะนำหายนะมาสู่โลกด้วยตัวข้าเอง!”
ขึ้นไปข้างบน Go down
https://www.facebook.com/BillAlfenolf
 
Cataclysm: The Endless Hellfire XI
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: