Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Cataclysm: The Endless Hellfire XV

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
Neferpitou
Moderators
Moderators
Neferpitou


จำนวนข้อความ : 552
Join date : 05/12/2012
Age : 28
ที่อยู่ : The Facility of Banned Organizer

Cataclysm: The Endless Hellfire XV Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Cataclysm: The Endless Hellfire XV   Cataclysm: The Endless Hellfire XV EmptySun Oct 23, 2016 1:59 am

Cataclysm: Endless Hellfire
Act XV

------------

   ป่าแห่งดินแดนที่เป็นสถานที่ตั้งของเมืองหลวงสตอร์มโฮล์ม มันเป็นหนึ่งในสถานที่ๆ อุดมสมบูรณ์ที่สุดบนทวีปทางตะวันออกของดวงดาวโพรโตเนี่ยนแห่งนี้ เป็นอีกผืนดินที่เหล่าประชาชนทั่วไปอาศัยกันอย่างมีความสุขโดยไร้กังวลที่จะได้รับภัยอันตรายจากสัตว์ร้ายหรือเหล่าผู้ใช้พลังแห่งบาป นั่นก็เพราะพวกเขาอยู่ภายใต้การควบคุม ป้องกันจากตัวเมืองหลวงเอง แม้ว่าหมู่บ้านหลายแห่งในระแวกนั้นจะไม่ได้อยู่ติดกับเมืองใหญ่ก็ตามที แต่เหล่าทหารผู้พิทักษ์ทั้งหลายต่างก็ตรวจตราทั่วทั้งแผ่นดินแห่งนั้น พูดง่ายๆ มันก็ไม่ต่างกับเป็นดินแดนศูนย์กลางของอาณาจักรแห่งสตอร์มโฮล์มหรอก เพราะเหตุนั้นจึงต้องมีเฝ้าระวังตลอด แล้วยิ่งเหตุการณ์ในตอนนี้ทางโครนอสก็ต้องการที่จะทำทุกอย่างเพื่อจะปกป้องหญิงสาวผู้มีพลังแห่งชีวิตนามมาเดียร่าด้วย เลยทำให้สถานการณ์ทั่วทั้งผืนป่าดินแดนแห่งนั้นตกอยู่ภายใต้การควบคุมของราชอาณาจักรโดยสมบูรณ์ คงจะเป็นเพราะโครนอสเองไม่อยากที่จะสบประมาทกับเหล่าปรปักษ์ของตนจึงต้องทำแบบนี้

   ท่ามกลางพรไพรนั้นได้ผุดขึ้นมาซึ่งเสียงของการวิ่งของม้าอย่างรวดเร็ว มันต่างจากเสียงม้าตัวอื่นๆ ที่อัศวินอาชาขี่เป็นขบวนอย่างช้าๆ เสียงของม้ากลุ่มนี้มันดูเร็วมากกว่านั้นมาก ราวกับว่ากำลังรีบเร่งเพื่อไปที่ไหนสักแห่ง พร้อมกับเสียงควบม้าที่ดังขึ้นมาต่อเนื่อง ผู้ขี่คือบุคคลทั้งสองที่มีเป้าหมายไปยังดินแดนที่ติดกับป่าแห่งนี้ มันเป็นดินแดนทางด้านตะวันตกของป่าหรือรู้จักกันอีกนามในชื่อของดินแดนทับทิม ทั้งชารอนและเนลเรี่ยนต่างพากันควบม้าอย่างรวดเร็วหวังที่จะไปถึงเป้าหมายให้เร็วที่สุด โดยปกติแล้วถ้าหากเดินทางโดยไม่พักผ่อนเลยแม้แต่น้อยก็คงใช้เวลาโดยประมาณสองหรือสามวันเพื่อที่จะไปถึงเป้าหมาย ส่วนถ้าเกิดมีการพักผ่อนบ้างก็แล้วแต่ตัวบุคคลว่าจะใช้เวลานานเท่าไหร่ ด้วยความที่ชารอนนั้นเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องเวลา เธอคงจะไม่ยอมที่จะเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์แน่ ฉะนั้นพูดได้เลยว่าหล่อนจะไม่ยอมอยู่นิ่งเฉยหรือพักผ่อนแน่นอน

   แต่การที่จะเดินทางโดยไม่พักเลยมันเป็นอะไรที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำเว้นเสียแต่คนๆ นั้นจะมีกำลังเหนือมนุษย์หรือสามารถเดินทางไปได้ดั่งใจภายในเวลาอันสั้น ผู้เดินทางผู้นี้หาได้เป็นเช่นนั้น เธอเดินทางด้วยม้านั่นก็เท่ากับว่าเธอจะคิดถึงแต่ตัวเองไม่ได้ พาหนะของหล่อนก็ต้องได้รับการพักผ่อนเช่นเดียวกันกับสิ่งมีชีวิตทุกตัว อีกทั้งเธอยังมีคนตามติดมาด้วยยิ่งทำให้เธอรีบเร่งไม่ได้ หญิงสาวผมแดงเริ่มหันไปมองที่ข้างหลังของหล่อนในขณะที่กำลังเดินทาง เธอเห็นชายผมทองที่ตามเธอมากำลังแสดงอาการเหน็ดเหนื่อยออกมา เห็นได้ชัดเจนว่าเขารู้สึกไม่ค่อยดีนัก หากนับๆ ดูแล้วนี่มันก็เป็นเวลาได้ชั่วโมงกว่าๆ แล้วที่พวกเขาเดินม้าโดยที่ไม่มีหยุดพักเลยแม้แต่น้อย แน่นอนว่ามันมีหลายปัจจัยที่ทำให้ชารอนไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยแต่เนลเรี่ยนกลับรู้สึกแบบนั้น เหตุผลหลักคงจะเป็นเพราะเธอมีพลังปราณที่เหนือกว่าชายหนุ่มผู้นั้นหลายเท่า มันจึงทำให้หล่อนฟื้นฟูร่างกายได้เหนือกว่านักปราชญ์ผู้นั้น อย่างที่องค์ราชาเคยกล่าว เธอไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา แถมเขายังมั่นใจด้วยว่าหล่อนสามารถเหยียบย่ำดินแดนทับทิมได้

 ณ ตอนนี้ท้องฟ้าก็เริ่มค่ำแล้ว ดูจากสภาพอากาศคงจะเป็นเวลาช่วงเย็นประมาณห้าโมงเห็นจะได้ เมื่อหล่อนเห็นแบบนั้นเธอจึงตัดสินใจหยุดม้าทันที ก่อนที่จะหันไปรอบๆ ชายหนุ่มที่ตามเธอมาก็หยุดม้าตามเมื่อเห็นผู้นำหน้าของเขาชะงักตัวเสียก่อน ไม่ทันไรเธอก็ลงจากม้า จูงมันไปยังผืนหญ้าแห่งหนึ่งที่มีบริเวณข้างหลังเป็นป่า มันเป็นพื้นที่ๆ เหมาะในการพักก่อนที่จะเดินทางต่อไป ชารอนลากม้าไปยังจุดๆ นั้นแล้วใช้เชือกที่ผูกกับเครื่องแบบของม้านั้นไปผูกติดกับต้นไม้เพื่อไม่ให้มันเพ่นพ่านไปที่อื่นในยามค่ำคืน เนลเรี่ยนที่เห็นเช่นนั้นก็ทำตามสิ่งที่หล่อนกำลังกระทำอยู่ ก่อนที่เขาจะหันไปมองเธอ

“คืนนี้เราจะพักที่นี่” จู่ๆ หญิงสาวผมแดงก็กล่าวขึ้น “และพรุ่งนี้เช้าเราจะเดินทางต่อ”
“เข้าใจแล้ว...”  เนลเรี่ยนตอบกลับในขณะที่เขากำลังผูกเชือกอยู่
“งั้นข้าจะไปหาฟืนเอง ท่านอยู่เฝ้าที่นี่แล้วกัน” ชายหนุ่มผู้นั้นกล่าวต่อ
“ได้! งั้นข้าก็จะเตรียมพื้นที่ไว้รอท่านก็แล้วกัน”

   นักปราชญ์หยิบเอาย่ามที่ตนเตรียมมาด้วยในกระเป๋าเครื่องแบบอาชาก่อนที่จะเดินเข้าไปในพุ่มไม้ ทะลุเข้าไปในป่าเพื่อที่จะหาฟืนใช้ในการจุดแคมป์ไฟสร้างความอบอุ่นจากอากาศยามเย็นในเวลาค่ำคืน เขาหยิบมีดขนาดนึงออกมา มันเป็นมีดตัวเดียวกับที่เขาเคยใช้สู้กับหญิงสาวผมแดงครั้นที่พวกเขาประจัญหน้ากันในดินแดนแห่งโคลริม มีดเล่มนั้นขนาดไม่ค่อยใหญ่นักแต่ก็พอที่จะสะบั้นกิ่งไม้ขนาดหนึ่งได้อยู่ ยังไงซะเขาก็ไม่ต้องการไม้ขนาดที่ใหญ่มากเพื่อที่จะทำให้จุดแคมป์อยู่แล้ว มันน่าจะไม่มีปัญหาอันใดสำหรับเขา ชายหนุ่มเริ่มเดินไปท่ามกลางผืนหญ้าที่กระทบกับลมแรงที่ยามค่ำ สภาพอากาศโดยรอบมีแต่เสียงลมนั้น ถึงแม้ว่าลมนั้นจะแรงพอควรแต่ก็ไม่ถึงขั้นที่จะซัดร่างของชายผู้นั้นให้ปลิวได้ เขามองเห็นต้นไม้ต้นหนึ่งที่เขาต้องการก่อนที่จะเริ่มตัดกิ่งไม้ที่ตนสามารถเอื้อมไปถึงได้ เนลเรี่ยนได้ฟืนมาในจำนวนหนึ่ง เขาเอาใส่ย่ามที่ตนเตรียมมา กระนั้นมันก็ยังไม่พอสำหรับคืนๆ หนึ่ง ชายผมทองเลยเริ่มหาต้นไม้ต้นใหม่ที่เหมาะแก่การนำกิ่งไม้มา

   ระหว่างที่เขากำลังตัดไม้ด้วยมีดอันคมและแข็งกล้านั้น เขาก็ได้ยินเสียงอะไรสักอย่างเหมือนกับเสียงขยับจากพุ่มไม้ที่อยู่ใกล้ตัวของเขา มันทำให้นักปราชญ์ผู้นั้นตกใจ เขาหันไปมองยังต้นเสียงซึ่งพุ่มไม้นั้นดูเหมือนจะไร้การเคลื่อนไหวใดๆ ไม่สิ! มันยังคงดูเหมือนว่าจะขยับกิ่งก้านพุ่มใบอยู่แต่มันหาได้เกิดจากการกระทบจากวัตถุหรือสิ่งมีชีวิต มันเกิดขึ้นจากแรงลมที่เพิ่งเกิดขึ้นมาอีกรอบ ชายหนุ่มผมทองนั้นหาได้รู้สึกว่าเสียงนั้นเกิดขึ้นจากลมที่พัดใส่ใบของพืชนั้น มันเหมือนกับว่ามีอะไรสักอย่างอยู่หลังพุ่มไม้นั้นซะมากกว่า เขาชักมีดออกมาตั้งท่าเตรียมจะจู่โจมอะไรก็ตามที่อยู่ข้างหลัง เนลเรี่ยนค่อยๆ ย่องไปช้าๆ ไม่ประมาทถึงสิ่งที่เขาไม่หยั่งรู้ เมื่อนั้นมันก็มีสิ่งมีชีวิตอะไรสักอย่างพุ่งออกมา มันเป็นสัตว์ปีกขนสีดำทมิฬบินออกมาเป็นกลุ่ม สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นสร้างความตกใจให้กับเนลเรี่ยนไม่น้อย เขาถึงกับสะดุ้งและอุทานคำหยาบออกมา เหล่าอีกากลุ่มนั้นบินผ่านตัวเขาไปก่อนที่จะเหินเวหาขึ้นไปบนฟากฟ้า ชายหนุ่มคนนั้นมองกลุ่มนกเหล่านั้นที่เหินบินก่อนที่จะถอนหายใจ

“อีกางั้นหรอ...” เขาสบถขึ้นเบาๆ
“แต่เดี๋ยว.. นี่มันกลิ่นอะไรกัน?” เขากล่าวในเชิงบ่น “กลิ่นเหม็นราวกับ...”

ชายหนุ่มผู้นั้นหันไปมองที่พุ่มไม้เดิมนั้นอีกครั้ง ราวกับว่ายังไม่หายค้างคาใจ เป็นเหมือนความรู้สึกอะไรสักอย่างที่ทำให้ตนคิดว่ามันยังมีอะไรอยู่ใต้พุ่มไม้นั่น

“คิดอะไรอยู่เนี่ย... นี่อาทิตย์ก็จะตกดินแล้ว” จู่ๆ เขาก็กล่าวขึ้นมา
“ขืนชักช้ามีหวังยัยนั่นโมโหเอาแน่นอน”

  สิ้นวาจานั้นเขาก็ทำงานเดิมของเขาต่อไป เมื่อผ่านไปได้สักพัก ชายผู้นั้นก็เดินกลับไปพร้อมกับกิ่งไม้ที่จะนำมาเป็นฟืนจำนวนนึง พอสำหรับค่ำคืนนี้อย่างแน่นอน เขากลับไปที่พักนั้น เขาเห็นหญิงสาวกำลังกางเต้นท์ที่พวกเขาเตรียมมาแต่ก่อนเดินทาง เนลเรี่ยนวางย่ามลงกับพื้น ก่อนที่จะทิ้งตัวลงไปนั่งพิงข้างต้นไม้แสดงถึงความเหนื่อยล้าที่เขามี ครั้นที่หญิงสาวจัดการที่นอนเรียบร้อยแล้วเธอจึงเดินไปหยิบขวดน้ำขวดหนึ่งมา เดินไปหาเนลเรี่ยนก่อนที่จะยื่นมันให้กับชายหนุ่มผู้นั้น

“เจ้าคงจะเหนื่อยมากแล้ว ดื่มนี่สิ” เธอกล่าว
“มันคืออะไรล่ะ?”
“เครื่องดื่มที่ข้าได้รับมาจากคนในวังก่อนที่จะเดินทางมาน่ะคะ... รสชาติก็พอใช้ได้นะ”

เนลเรี่ยนรับขวดนั้นมาก่อนที่จะสูดดมถึงกลิ่นของมัน เมื่อเขาสูดอากาศเข้าไปได้สักพัก เขาก็สำลักทันที

“ปะ.. เป็นอะไรหรือคะ?”
“ให้ตายสิ! นี่มันกลิ่นเครื่องดื่มสมุนไพรนี่หน่า... อะ... เอาคืนไปเลย!” ชายหนุ่มกล่าวก่อนที่จะยื่นขวดนั้นคืนกลับไปหาหล่อน

   เธอแสดงสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจนักก่อนที่จะดึงขวดนั้นกลับมาทันที ดูเหมือนว่าจะทำให้เธอรู้สึกเสียน้ำใจไปเลย ตัวของเนลเรี่ยนเองก็เหมือนจะไม่ใช่พวกที่ชอบดื่มอะไรแบบนั้นอยู่แล้ว จึงไม่แปลกที่เขาจะแสดงอาการแบบนั้นออกมาทันทีที่ได้กลิ่นมัน เห็นกันชัดๆ ว่าตัวเขาเป็นพวกนักดื่มก็จริง แต่ก็ถนัดเพียงแค่สุราของมึนเมาเท่านั้น หากเป็นเครื่องดื่มชนิดอื่นมันคงจะไม่ใช่คอของเขาสักเท่าไหร่ จากการที่เนลเรี่ยนประพฤติตัวแบบนั้นไปเมื่อครู่ มันทำให้ชารอนตอบรับโดยการแสดงท่าทางที่ฟึดฟัดราวกับไม่พอใจเป็นอย่างมาก ท่าทีของเธอนั้นถูกมองออกโดยเนลเรี่ยน มิทันไรเขาก็ถามเธอขึ้นทันที

“อะไร? เจ้าดูเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่างยังไงยังงั้น?”
“หึ!” เธอถอนหายใจออกมาเป็นเสียงที่แสดงถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน
“ไม่มีอะไรหรอกคะ” เธอตอบด้วยเสียงที่แข็งกระด้าน “ข้าขอตัวไปทำธุระสักพักก่อนแล้วกัน”

   ชายหนุ่มผมทองหาได้ตอบอะไรกลับไป เขาลุกขึ้นยืนก่อนที่จะนำไม้เหล่านั้นมาตั้งเป็นกองเพื่อจุดแคมป์ไฟ เนลเรี่ยนหยิบไม้ขีดขึ้นมาก่อนที่จะจุดมัน ไม่นานนักแสงสว่างจากกองไฟก็ทำให้เขาสามารถมองเห็นได้ท่ามกลางความมืดมิด เมื่อนั้นชายผู้รักการอ่านผู้นั้นก็หยิบหนังสือของตนออกมา ทำในสิ่งที่เขารักในยามว่างเช่นเคยเหมือนกับทุกครั้ง นั่นคือการเข้าไปอยู่ในโลกของตัวหนังสือ เขานั่งอ่านหนังสือไปท่ามกลางกองไฟ ในช่วงเวลาเดียวกัน หญิงสาวผมแดงเดินไปตามทางพร้อมกับเป้ของตน เหมือนกับว่าเธอจะตามหาอะไรสักอย่าง เมื่อหล่อนเดินไปได้สักพักก็พบกับแหล่งน้ำลำธาร มันเป็นแม่น้ำที่ยาวเป็นสาย แสงจันทราสาดส่องผิวน้ำสะท้อนไปที่ใบหน้าของหล่อน เธอถอยเสื้อผ้าของตนที่เต็มไปด้วยเหงื่อไคล ก่อนจะวางเครื่องแบบเหล่านั้นลงกับผืนหญ้าข้างแม่น้ำ หญิงสาวค่อยๆ ย่างกรายลงไปในแม่น้ำที่เย็นเฉียบเพื่อคลายความร้อนที่อยู่ตามเหงื่อของตน ที่แห่งนั้นหาได้มีใครอยู่นอกจากตัวเธอ จึงทำให้หล่อนไม่จำเป็นต้องเป็นกังวลใดๆ เสียงน้ำที่ถูกกระทบโดยร่างกาย บ้างก็ไหลลงไปตามสรีระร่างกายของหล่อน

   ดูเหมือนว่าธุระที่เธอเพิ่งบอกกับเนลเรี่ยนไปเมื่อครู่นี้จะเป็นการอาบน้ำ แน่นอนว่าเหล่าหญิงสาวมักจะรักความสะอาดหรือชอบอาบน้ำอยู่แล้ว มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไหร่ที่หล่อนจะอาศัยเวลาว่างมาทำกิจกรรมนี้ ผ่านไปได้สักพักหล่อนก็เตรียมตัวขึ้นไปสู่ชายฝั่ง

“แคร๊กกกก!”

   เสียงของกิ่งไม้ที่หักลงจากอะไรสักอย่าง ไม่ทราบได้ว่ามันหักลงจากต้นไม้หรือมีอะไรสักอย่างเหยียบมันที่พื้นดิน แต่ที่แน่ๆ มันสร้างความสนใจให้แก่ผู้หญิงที่กำลังอาบน้ำอยู่ เธอหยุดนิ่ง ไม่ขยับร่างกายเหมือนกับว่าตั้งท่ารอรับอะไรสักอย่าง ระหว่างที่เธอมองไปยังต้นเสียง พุ่มไม้ใกล้ๆ บริเวณนั้นก็เริ่มขยับไปมาราวกับกำลังมีอะไรซ่อนตัวอยู่ ความรู้สึกเดียวกับที่เนลเรี่ยนเพิ่งประสบพบเจอไปเมื่อครู่นี้ มันสามารถมองถึงความแตกต่างได้ระหว่างการขยับของพุ่มไม้โดยแรงลมหรือจากอะไรสักอย่างที่ทำให้มันขยับ แน่นอนว่าเธอเห็นว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นด้วยพลังลมแม้แต่น้อย ไม่นานนักเธอก็เริ่มเดินไปหาข้าวของๆ หล่อนที่วางอยู่เหนือน้ำบริเวณนั้น ดูเหมือนว่าเธอต้องการที่จะใช้แส้ที่เป็นอาวุธของหล่อน ชารอนรู้สึกได้ว่าที่เบื้องหน้าของตนกำลังจะเกิดอะไรบางอย่างที่ไม่ดีขึ้น การที่จะมีอาวุธไว้ใกล้ตัวจะเป็นการอันดีที่สุด กระนั้นเธอก็ต้องทำให้มั่นใจว่าจะไม่เป็นที่สงสัยสำหรับอะไรก็ตามที่อยู่ภายหลังพุ่มไม้นั่น ถ้าเกิดว่ามันเป็นใครหรืออะไรที่ประสงค์ที่จะทำร้ายเธอในตอนนี้มันย่อมไม่ใช่เรื่องดีแน่

“เนลเรี่ยน?” เธอกล่าวขึ้น
“นั่นใช่ท่านหรือเปล่า?”

   มันหาได้มีการตอบรับใดๆ ทั้งสิ้น เธอเริ่มที่จะรู้สึกตึงเครียดอย่างชัดเจน ในตอนนี้เธออยู่ใกล้กับกระเป๋าผ้านั่นเพียงแค่เอื้อมมือเท่านั้น หญิงผู้นั้นจึงยื่นแขนออกไปหวังจะเอาอาวุธแห่งตนออกมา เพียงชั่วพริบตามันก็มีอะไรสักอย่างโผล่ออกมาจากพุ่มไม้นั่น มันดูคล้ายกับชายร่างยักษ์แต่สิ่งที่ดูแตกต่างกันคือลักษณะการประพฤติตัวและโครงสร้างอย่างอื่น มันเป็นสัตว์ร้ายร่างสีแดงราวกับเลือดมนุษย์ ดวงตาประกายแสงสีเขียวดั่งเช่นปราณแห่งความตายของเหล่าผู้ใช้พลังแห่งบาป มันมีเขาดั่งเช่นอสูรที่ถูกเรียกขึ้นมาจากนรก อีกทั้งทั่วทั้งร่างก็มีตัวอักษร อักขระแปลกประหลาดแลดูคล้ายกับคาถาเวทย์อะไรสักอย่าง เหล่าอักขระทั่วตัวของมารตนนั้นส่องแสงเป็นสีเดียวกับดวงตาของมัน ทันทีที่มันออกมาจากพุ่มไม้มันก็มุ่งเข้าไปหาหญิงสาวหวังที่จะสังหารทันที มันกระโดดขึ้นเหนือฟากฟ้าก่อนจะดิ่งลงไปแม่น้ำซึ่งเป็นจุดที่ชารอนยืนอยู่ มันตะครุบร่างของเธอทันทีแต่หล่อนก็สามารถกลิ้งหลบไปได้อย่างหวุดหวิด ในระหว่างที่เธอหมุนตัวหลบไปนั้นเธอก็หยิบแส้ออกมาจากถุงผ้าทันที

   หล่อนตั้งท่าเตรียมรับการจู่โจมในครั้งต่อไปของปีศาจตนนั้น จู่ๆ มารร้ายที่หวังจะฆ่าเธอก็ผุดขึ้นมาจากน้ำหลังจากโจมตีนั้นไม่นานนัก มันมองหญิงสาวผู้ที่กำลังถืออาวุธรอมันอยู่ ทันทีที่เธอรู้ตัวมันก็พุ่งเข้ามาต่อหน้าของเธอ สะบัดกงเล็บที่เป็นดั่งดาบใส่หล่อน เธอหลบมันไปได้ทุกครั้งด้วยความว่องไวทางร่างกายของเธอ แต่หารู้ไม่ว่าทุกครั้งที่มันโจมตีด้วยกงเล็บของมัน รอบข้างนั้นมีปราณระดับอ่อนๆ ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หากผู้ถูกโจมตีไม่ทันสังเกตก็ไม่อาจจะเห็นมันได้เหมือนกัน ชารอนไม่รู้สึกตัวเลยว่าทุกครั้งที่มันโจมตีได้เกิดรอยแผลบาดเล็กๆ ให้แก่หล่อน บ้างมันก็ตัดเส้นผมอันยาวสลวยของเธอไปทีละเส้น ครั้นที่เธอหลบการโจมตีเหล่านั้นจนมองเห็นจุดบอด เธอจึงใช้แส้ฟาดใส่ร่างของมารร้ายจนเกิดเป็นรอยแผลตามอาวุธที่โจมตีไป ทันใดที่เธอพยายามจะโจมตีอีกครั้ง มันก็ใช้แขนขนาดใหญ่ฟาดใส่เธอจนปลิวออกไป หญิงสาวสามารถตั้งท่ายืนขึ้นได้ แต่เธอก็กุมท้องตัวเองด้วยความจุกจากการโจมตีนั้น

  อสูรกายตนนั้นหันไปมองเธอด้วยความโมโห มันคงจะเป็นเพราะการโจมตีเมื่อครู่ทำให้มันรู้สึกโกรธ ว่าแล้วมันก็พุ่งเข้าไปหาเธออีกครั้งตามสัญชาตญาณสัตว์ร้าย มันกางเล็บออกอีกครั้งหวังจะตะครุบเธอดั่งราชสีห์ที่ออกล่าเหยื่อ เธอกระโดดหลบมันไปได้แต่เพียงชั่วพริบตามันก็วิ่งเข้ามาหาเธออีกครั้ง หญิงสาวผมแดงวิ่งหนีจากมารตนนั้นด้วยร่างกายที่เปลือยทั้งตัว ดูเหมือนเธอจะไม่ได้คิดถึงเรื่องความอายในเวลาแบบนี้อยู่แล้ว เมื่อเธอวิ่งไปได้สักพักหล่อนก็มองเห็นกิ่งไม้ที่อยู่เหนือหัว ทันใดนั้นชารอนจึงเหวี่ยงแส้ขึ้นไปพันกิ่งไม้นั้น ก่อนจะโหนขึ้นไป หมุนกลับมาจนอยู่ด้านหลังของผู้ที่วิ่งไล่เธอ ว่าแล้วชารอนก็คลายแส้ที่พันแน่นกับกิ่งด้วยปราณลมอ่อนๆ และกระโดดถีบใส่หลังของปีศาจตนนั้นจนปลิวออกไป

“ครืดดดดดดดดด!”

   เสียงของมารร้ายที่นอนไถลไปตามทางหลังจากถูกเธอถีบเข้าด้วยเท้าที่ผสานปราณลมอย่างแรง มันค่อยๆ ลุกขึ้นมาก่อนที่จะหายใจออกอย่างแรง ครั้งที่มันทำแบบนั้นทั่วทั้งร่างของมันก็ปูดขึ้น กล้ามเนื้อขยายออกราวกับได้รับปราณจากอะไรสักอย่างที่เพิ่มพูนให้กำลังของมันมากขึ้นเป็นเท่าตัว อีกทั้งทั่วทั้งร่างของมันก็เหมือนกับจะแตกเป็นเสี่ยงๆ จากรอยแตกที่ผุดขึ้น ภายในรอยแตกพวกนั้นผุดแสงสีเขียวออกมา เมื่อนั้นมันก็ร้องคำรามราวกับกำลังเสียงสติไปกลายเป็นเพียงสัตว์ร้ายที่มีแค่คำว่าสังหารในหัวของตนเท่านั้น

“ให้ตายเถอะ..” เธอสบถออก

   เสียงคำรามนั้นมันทำให้ชายหนุ่มที่กำลังเพลิดเพลินอยู่ในโลกของหนังสือหลุดออกจากมิติแห่งตัวหนังสือ ก่อนที่จะหันไปมองยังทิศทางนั้น เขารู้สึกถึงพลังบางอย่างและอะไรที่ไม่ดีที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้

“ชารอน...” เนลเรี่ยนกล่าวขึ้น

   ทันทีที่ชายหนุ่มผู้นั้นกล่าววาจาของตน เขาก็รีบวิ่งไปยังต้นเสียงนั้น เหมือนกับตอนนี้เขาจะมีความรู้สึกอะไรสักอย่างที่เป็นกังวลใจกับหญิงสาวที่เขาร่วมเดินทางมาด้วยเอามากๆ หลังจากที่วิ่งไปได้สักพักจู่ๆ เขาก็สะดุดล้มลงไปกับพื้นอย่างแรง ชายผู้นั้นกุมหัวตัวเองด้วยความเจ็บและมึนที่ได้รับมาจากแรงกระแทกเมื่อครู่ก่อนที่จะหันไปข้างหลังของตน ที่พื้นเหล่านั้นมีศพของทหารแห่งสตอร์มโฮล์มอยู่เต็มไปหมด แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีร่างของอสูรกายรูปร่างประหลาดที่ไม่สามารถเห็นได้ตามปกติ มันเหมือนกับว่าปีศาจพวกนั้นจะถูกสร้างจากใครสักคน ดูเหมือนว่าเนลเรี่ยนจะสะดุดร่างใดร่างหนึ่งที่เรียงรายอยู่บนพื้นนี้ เขาทองดูร่างพวกนั้นที่นอนระเนระนาดอยู่ ร่างของทหารดูเหมือนจะถูกกระชากหรือถูกโจมตีอย่างแรงด้วยกงเล็บหรืออาวุธใดๆ ของปีศาจจนถึงแก่ความตาย ซึ่งนั่นแลดูปกติอยู่ แต่ทางด้านของปีศาจร่างใหญ่จำนวนนึงนั้น เกือบทุกตัวของมันดูสะบั้นจนขาดเป็นสองเสี่ยง บางร่างก็ถูกฟันเละไปกว่านั้น บางร่างก็เป็นแผลเหวอะขนาดใหญ่ มันดูเหมือนกับถูกดาบขนาดยักษ์ที่แกร่งมากฟาดฟันเข้าอย่างจังยังไงยังงั้น

  เนลเรี่ยนมองศพพวกนั้นด้วยความสงสัยแต่เขาก็สลัดความคิดพวกนั้นออกทันที นั่นเพราะว่าเขาคิดได้ว่าในตอนนี้มันมีอะไรที่สำคัญกว่าต้องทำ เขาลุกขึ้นแล้ววิ่งต่อไปในทันที ไม่นานนักเขาก็พุ่งออกมาจากพุ่มไม้ มันเป็นจุดเดียวกันกับที่เขาเห็นอีกาช่วงเย็น ทันใดนั้นเขาจึงได้ยินเสียงของอะไรสักอย่างที่กระทบลงกับพื้นอย่างแรง มันดูไม่ไกลเสียงเท่านั้น ว่าแล้วชายผู้นั้นก็วิ่งตรงไปทางนั้นทันที เสียงการกระแทกเมื่อครู่นี้มันคือเสียงของอสูุรกายที่พยายามจะทุบร่างของชารอนให้เละ เธอหลบมันไปได้แล้วตวัดแส้ของหล่อนเป็นตัวเอ็กซ์ก่อเป็นแรงลมเหมือนดั่งมีดขนาดยักษ์ฟันใส่ร่างของปีศาจเข้าอย่างจัง แม้ว่ามันจะถูกโจมตีเข้าไปเต็มๆ ก็ตามแต่เหมือนจะไม่สะทบสะท้านอะไรมันเลยสักนิด เลือดของมันไหลรินลงไปสู่พื้นแต่เหมือนกับเจ้าของร่างจะไม่สนใจในสิ่งที่เกิดขึ้นเลยสักนิด มันเหวี่ยงแขนของตนคิดจะโจมตีใส่หล่อน แต่เธอก็กระโดดขึ้นไปบนกิ่งไม้ ก่อนจะคิดวิธีที่จะโค่นมัน ไม่นานนักเธอก็คิดหนทางนั้นได้ ก่อนที่กระโดดลงไป

   ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นแส้ของหล่อนก็มีหนามผุดขึ้นมาเต็มไปหมด เธอพุ่งลงไปกลางอากาศ เตรียมจะสะบัดแส้ลงไปใส่มารร้ายตนนั้น ด้านอสูรที่เห็นการกระทำของศัตรูของตนก็กำหมัดไว้แน่น หวังจะต่อยร่างของหญิงสาวผู้นั้นให้กระจุย มิทันไรเธอก็เหวี่ยงแส้นั้นไปรัดใส่หน้าของปรปักษ์ของเธอ มันทำให้กระบวนท่าของมารร้ายชะงักลง กลายเป็นการขัดจังหวะการโจมตีนั้น เธอลงมาที่พื้น คุกเข่าลงเป็นการจอดลงพื้นพร้อมกับแส้ที่ดึงจนตึงรัดใบหน้าของมารร้ายจนเลือดพุ่งออกราวกับสายน้ำที่ทะลักออก สีหน้าของชารอนจริงจังต่างไปจากเมื่อครู่ สายตาของเธอเต็มไปด้วยความอาฆาตก่อนที่จะกระตุกแส้ลงอย่างแรง มันบีบหน้าของปีศาจตนนั้นจนเละ เมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้นร่างของปีศาจก็ร่วงลงไปกับพื้น ดูเหมือนมันจะสิ้นลมแล้ว หญิงสาวเจ้าของอาวุธคลายแส้ออกด้วยปราณของเธอ ทั่วทั้งบริเวณแส้ที่รัดใบหน้าของอสูรเต็มไปด้วยลมปราณธาตุวายุที่สะบั้นใบหน้า เมื่อนั้นปราณนั้นก็ค่อยๆ หายไปช้าๆ เธอทิ้งแส้นั้นลง
ขึ้นไปข้างบน Go down
https://www.facebook.com/BillAlfenolf
Neferpitou
Moderators
Moderators
Neferpitou


จำนวนข้อความ : 552
Join date : 05/12/2012
Age : 28
ที่อยู่ : The Facility of Banned Organizer

Cataclysm: The Endless Hellfire XV Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: Cataclysm: The Endless Hellfire XV   Cataclysm: The Endless Hellfire XV EmptySun Oct 23, 2016 1:59 am

เมื่อนั้นเธอก็ค่อยๆ เดินไปที่ย่ามของหล่อนซึ่งมีชุดของเธอวางอยู่แถวๆ นั้น ว่าแล้วหญิงสาวร่างงามที่เปลือยกายอยู่ก็เริ่มสวมเสื้อผ้าของตนทันที โชคดีที่การต่อสู้เมื่อครู่ไม่ได้ทำให้เครื่องแต่งกายของหล่อนสกปรก ในระหว่างที่เธอกำลังสวมใส่มันอยู่นั้น จู่ๆ ร่างของมารตนนั้นที่คาดว่าจะถูกเธอสังหารไปแล้วก็กระดิกตัวรัวๆ ก่อนที่ศีรษะที่เละของมันก็มีอะไรสักอย่างผุดออกมา มันเป็นเหมือนกับอะไรสักอย่างที่เป็นโครงร่างราวกับงู ร่างที่ยาวเหยียดเป็นสายแตกหน่อออกมาจากศีรษะนั้น ดูเหมือนกับหัวของอสรพิษ มันกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งซึ่งทำให้ชารอนรู้สึกตัว เธอกำลังจะวิ่งไปหยิบแส้ที่ตนเพิ่งทิ้งลงไปกับพื้น แต่ทันใดนั้นเองร่างของอสูรตนนั้นก็ทุบลงไปกับพื้นอย่างแรง แรงสั่นสะเทือนของมันทำให้ร่างของหญิงสาวผมสีทับทิมทรุดตัวลงไป เธอไม่สามารถตั้งตัวขึ้นยืนได้ ว่าแล้วหัวของอสรพิษที่ผุดขึ้นมามากมายก็หันไปมองหญิงสาวผู้นี้ มันร้องอีกครั้งเป็นการสื่อว่ามันจะจู่โจมเธอ ดูเหมือนจะเป็นความกลัวมันเลยเปล่งเสียงขู่ออกมาแบบนั้น

   สิ้นเสียงของมัน อสูรตนนั้นก็กระโดดลงไปต่อหน้าของเธอ มันใช้เท้าขนาดใหญ่เหยียบลงที่อาวุธของหล่อน แม้ว่าแส้นั้นจะยังคงเต็มไปด้วยหนามแหลมก็ตามทีแต่มันก็หาได้ทำให้มารร้ายตนนั้นรู้สึกอะไรเลย เธอมองใบหน้าของอสรพิษ แสดงใบหน้าที่ไม่พอใจในสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อนั้นปีศาจก็ง้างหมัดขึ้นโดยกะจะปิดฉากเธอในการโจมตีครั้งนี้เลย ด้วยความที่หล่อนไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ มันเป็นโอกาสยากแน่ที่เธอจะหลบหมัดที่ใหญ่ยักษ์ผิดมนุษย์แบบนั้นได้

“บัดซบเอ้ย...” เธอกัดฟันกล่าวมันออกมาด้วยความสิ้นหวัง ก่อนที่จะหลับตาลง

เมื่อปีศาจตนนั้นเห็นสิ่งที่เธอแสดงออกมา มันก็พุ่งหมัดลงไปใส่ร่างของเธอทันที

“ฉึกกกกกกก!”

  โลหิตสีแดงฉานสาดกระเซ็นทั่วผืนหญ้าสีมรกต แสดงถึงความตายของสิ่งมีชีวิต วิญญาณผุดออกจากร่างทรง สิ้นลมหายใจของปีศาจร้ายตนนั้น ในช่วงเวลาที่มันพยายามจะสังหารเธอก็ได้มีของแหลมเป็นรูปทรงของหอกแทงเข้าไปกลางอกของมัน เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาก็พบกับว่าหอกนั้นถูกทำขึ้นด้วยน้ำแข็งที่แกร่งพอที่จะทะลุร่างของสิ่งมีชีวิตได้ แน่นอนว่ามันไม่ใช่น้ำแข็งที่เกิดขึ้นมาจากธรรมชาติแต่เป็นปราณน้ำแข็ง แม้ว่าเธอจะมองเห็นน้ำแข็งนั้นเป็นผลึกสีใสตามปกติ แต่ปราณที่อยู่โดยรอบของมันหาได้เป็นแบบนั้น มันเป็นสีดำทมิฬอ่อนๆ ทันทีอาวุธแห่งความเย็นนั้นถูกดึงออกจากร่างของมารร้าย มันก็ทรุดตัวลงไป นอนราบกับผืนดิน มันเป็นพลังของเนลเรี่ยนที่จัดการกับมารตนนั้น กระนั้นอสรพิษที่อยู่บนหัวของมารร้ายยังคงส่งเสียงออกมาอยู่ ในครั้งนี้เสียงมันดูอ่อนแอมากกว่าครั้งก่อนมาก ยังไม่ทันจะได้แหกปากอะไรมากมายชายหนุ่มผมทองก็ใช้หอกนั้นแทงลงไปกลางหัวของมัน ว่าแล้วนักปราชญ์ก็ทิ้งหอกนั้นลงไปกับพื้น

“โว้ว... ไอ้ตัวนี้ใหญ่เหมือนกันแฮะ” ชายหนุ่มพร่ำบ่นขึ้นมาก่อนจะหันไปหาหญิงสาวผู้เป็นมิตรกับเขา

  เนลเรี่ยนมองร่างของชารอน ดูเหมือนเขาจะมองช่วงอกของเธอที่เสื้อผ้าแทบจะหลุดออกเนื่องด้วยหล่อนยังไม่ได้สวมเสื้อผ้าอย่างรัดกุมนักเพราะถูกขัดจังหวะโดยปีศาจ แม้ยังงั้นเสื้อของเธอก็ยังไม่หลุดออกจนสามารถเห็นหน้าอกของหล่อนได้ ชายผมทองแสดงสีหน้าที่ดูพึงพอใจ ทำตาถลนออกพร้อมกับหายใจแรงขึ้น ไม่ทันไรเขาก็พลางบ่นอะไรอือๆ หรืออะไรสักอย่างทำให้สาวผมแดงรู้สึกและปิดหน้าอกของตนเองด้วยแขนทั้งสองข้างของหล่อน

“อ่าาา... ขอโทษทีนะ! พอดีข้าคิดอะไรเพลินไปหน่อย” เขาพูดขึ้นพร้อมกับสะบัดหัวของตนเองไปมา

มันทำให้ใบหน้าของชารอนแดงก่ำ เต็มไปด้วยความอาย เนลเรี่ยนที่เห็นแบบนั้นก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังทำอะไรน่าขายหน้าโดยที่ไม่รู้ตัว

“คุณไม่เป็นอะไรนะ?” เขากล่าวขึ้นพร้อมกับยื่นมือออกไปเพื่อจะดึงเธอขึ้นมา

หญิงสาวผู้นั้นจับมือของชายผู้นั้นก่อนที่เขาจะดึงตัวเธอขึ้นมา

“ขอบใจ...” เธอกล่าวขึ้นเบาๆ

  สิ้นวาจานั้นชายหนุ่มก็ยิ้มให้กับเธอก่อนที่เขาจะหยิบแส้ขึ้นมาจากพื้น เขายื่นมันให้กับหล่อนก่อนที่เธอจะรับมัน ทันใดก็มีเสียงร้องของสิ่งมีชีวิตอะไรสักอย่างดังขึ้นเป็นสาย ในครั้งนี้มันดูไม่เหมือนว่าสิ่งมีชีวิตนั้นจะมีเพียงแค่ตัวเดียว มันเหมือนกับว่ามีเป็นกลุ่มใหญ่ที่กำลังเคลื่อนพลมาอย่างรวดเร็ว พวกเขาได้ยินเสียงขยับของพวกมันเป็นขบวนแต่ไม่สามารถรับรู้ได้ว่ามันจะมาในทิศทางไหน เนื่องด้วยเสียงพวกนั้นดังกระหึ่มจากทุกทั่วสารทิศ ทั้งเนลเรี่ยนและชารอนต่างพากันยืนชนหลังกันเตรียมพร้อมที่จะรับศึกหนักที่กำลังจะมา ทั้งสองมองขึ้นไปบนฟ้าและเห็นสิ่งมีชีวิตที่ดูเป็นสัตว์ปีก มันดูเหมือนดั่งค้างคาวที่กลายพันธุ์จากพลังความชั่วร้ายอะไรสักอย่าง มันบินวนอยู่เหนือทั้งสองคนราวกับว่ากำลังรอจังหวะในการโจมตี อีกทั้งเสียงทางพื้นที่ดังขึ้นมา ดูเหมือนจะเป็นสัตว์ใหญ่อยู่เหมือนกัน มันไม่ใช่เรื่องดีสำหรับพวกเขาแน่ที่จะต้องมาต่อสู้กับอสูรกายจำนวนมากขนาดนี้ ถึงแม้ว่าจะปราณสูงขนาดไหนแต่ก็อาจจะสามารถบาดเจ็บได้

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?” เธอกล่าวถามในเชิงพูดบ่น
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เหมือนพวกปีศาจเหล่านี้จะป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้ได้สักระยะแล้ว”
“ข้าเห็นศพของพวกมันอยู่ใกล้ๆ นี้เอง” เนลเรี่ยนตอบกลับ
“เท่าที่ข้าเคยอ่านหนังสือมา... เหมือนพวกนี้จะเป็นปีศาจที่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้ใช้พลังบาป”
“ใช่! ในช่วงสงครามข้าเคยสู้กับมันมามากพอควร” เธอกล่าว
“แล้วถ้าเยอะขนาดนี้... เราสองคนพอจะไหวไหม?” ชายหนุ่มถามไป

เธอหันมามองเนลเรี่ยนพร้อมกับยิ้มมุมปาก

“ถ้าข้ากับท่านก็คงจัดการพวกมันได้สบายๆ ล่ะ.. อยู่ที่ว่าท่านจะไหวหรือเปล่าล่ะ”
“ไปเอาความมั่นใจแบบนั้นมาจากไหนล่ะแม่คุณ... ข้าเพิ่งช่วยเจ้าไปเองนะ”
“เมื่อครู่ข้าแค่มีปัญหานิดหน่อยเท่านั้นเอง” เธอแก้ขัดตัวเอง
“นั่นสินะ.. ผู้หญิงน่ะมีปัญหาตลอดนั่นล่ะ?”
“นี่ท่านมีปัญหาอันใดกับข้าหรือ?”
“ป๊าวววว.. เปล่า! ก็แค่คิดว่าหน้าอกของเธอมันไปล่อกองทัพพวกมันมาก็เท่านั้นล่ะ”

“นี่ท่าน!” เธอตะโกนขึ้น
“แหม่! ถ้าพูดกันตามตรงเธอก็ดูสวยเหมือนกันนะ.. คงจะเพราะกลิ่นหอมโชยของเธอนั่นล่ะที่เรียกมันมา” เนลเรี่ยนยังไม่พูดที่จะพูดอะไรตลกๆ ในสถานการณ์แบบนี้
“ให้ตายเหอะ! ข้าไม่น่าพาท่านมาด้วยเลย...”
“โอ้ววว~ ข้าแค่พูดเล่นเท่านั้นล่ะ ทำเป็นงอนไปได้”
“หุบปากไปเลยคะ!”

  สิ้นวาจานั้นเนลเรี่ยนก็ยิ้มขึ้น ในตอนนี้พวกเขาเห็นเหล่ากองทัพปีศาจที่อยู่รอบทิศแล้ว ดูเหมือนจะมีประมาณสิบกว่าตัวเห็นจะได้ถ้าไม่นับเหล่าพวกค้างคาวร่างยักษ์พวกนั้น ทันใดนั้นชารอนก็เปล่งปราณลมของเธอออกมา มันทำให้รอบข้างของตัวหล่อนคลื่นวายุหมุนวนราวกับเป็นพายุขนาดใหญ่ซึ่งมีตาพายุเป็นจุดที่ทั้งสองชายหญิงกำลังยืนประจำอยู่ ทางด้านของเนลเรี่ยนเองก็เริ่มสร้างดาบปราณน้ำแข็งขึ้น เหล่าปราณความเย็นพวกนั้นทำให้พายุของชารอนเริ่มเย็นเฉียบกลายเป็นอาวุธอีกระดับหนึ่งที่รอจะสังหารปีศาจที่คิดจะพุ่งเข้ามาหาพวกเขา

  ทันใดนั้นก็มีเงาอะไรสักอย่างกระโดดออกมาจากจุดใดจุดหนึ่งที่ไม่อาจเดาทิศทางได้ มันเป็นเงาของร่างมนุษย์ที่ถือดาบขนาดใหญ่เป็นดาบเหล็กกล้า เงาจันทราสาดส่องให้เห็นหัตถ์ของชายผู้นั้นที่ข้างหนึ่งเป็นสีแดงคล้ายกับเหล็กไหล ทันใดนั้นร่างเงาตนนั้นก็จับแขนเหล็กของตนด้วยมืออีกข้างแล้วก็ยิงโซ่ตะขอใส่ร่างของค้างคาวตัวนึงทันที สัตว์ร้ายตัวนั้นร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนที่ร่างเงาจะพุ่งไปตามแรงดึงของโซ่และสะบั้นร่างของค้างคาวจนขาดเป็นสองเสี่ยงด้วยดาบใหญ่ของเขา ทั้งชายหญิงที่เห็นแบบนั้นก็มองดูด้วยความสงสัย ทางด้านของเนลเรี่ยนก็เหมือนจะคิดอะไรได้ ดาบนั้น... กับซากศพที่เขาเห็นเมื่อครู่.. หรือว่านั่นจะเป็นฝีมือของชายผู้นั้นกัน จากที่เห็นอยู่ ดูเหมือนว่าบุคคลคนนั้นมีประสงค์ที่จะสังหารปีศาจทั้งหมดที่อยู่ในระแวกนี้ให้สิ้น ในใจของชายนักปราชญ์ได้เกิดคำถามขึ้น คำถามที่สงสัยในตัวของชายผู้นั้น คำถามที่ต้องการที่จะรู้คำตอบ..

“คนผู้นั้น... เขาเป็นใครกัน?”
ขึ้นไปข้างบน Go down
https://www.facebook.com/BillAlfenolf
 
Cataclysm: The Endless Hellfire XV
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: