ท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่ง กรุงปักกิ่ง , ประเทศจีน
“หนีเห่า ไชน่าาาาาาาา!” เสียงเด็กหนุ่มผมหยักศกสีน้ำตาลเข้มดังขึ้นทันทีที่เขาก้าวออกมาจากเครื่องบิน เขากางมืออกพลางสูดหายใจเข้าลึกๆ เป็นท่าประกอบ เขาเดินลงจากบันไดอย่างเร่งรีบด้วยความตื่นเต้น เขาเดินไปดูซ้ายทีขวาที ราวกับเด็กที่เพิ่งพ้นโทษออกมาดูโลกกว้างเป็นครั้งแรก
กลุ่มชายฉกรรจ์ในชุดสูทสีดำ ไทด์สีทองค่อยๆ เดินตามมา นำโดยชายแก่นาม “วิตต์ แซนเดอร์ส” ที่กำลังมองเด็กหนุ่มผมหยักศก ด้วยอารมณ์ขัน เขากลั้นมันเอาไว้ ก่อนจะกลับไปดึงหน้าเครียดตามเดิม เสียงตะโกนมาจากด้านหลัง
“เฮ้ย! แกรี่ เฮ้ย! กลับมานี่ซะ สำรวมหน่อย แกไม่ควรเดินนำหน้าผู้จัดการทีม โดยเฉพาะไอท่าวิ่งกระโดดโลดเต้นแบบนั้น!” เสียงของ เจย์ กอร์ดอน กัปตันทีม เขาตำหนิ แกรี่ ริคเกอร์ ดาวรุ่งประจำทีมด้วยสีหน้ากลั้นขำ
“คะ…ครับ! ขอโทษด้วยครับ” แกรี่สะดุ้งโหย่ง เหมือนเขารู้แล้วว่าทำอะไรลงไป เขารีบเดินกลับมาเข้าแถว ก่อนที่สโมสร กรอสเวเนอร์ ทาวน์ จะเริ่มเดินเข้าเหยียบแดนมังกรอย่างเป็นทางการ…
“นายนี่จริงๆ เลย ทำอย่างกับคนไม่เคยไปเที่ยวไหนไกลๆ ให้ตายสิ” เควิน มอนทาน่า หันมาบอกกับแกรี่
“ก็ผมแทบไม่ค่อยได้ออกจากอังกฤษเลยนี่ครับ อย่างมากไกลสุดก็แค่ในบริติช นั่งเครื่องนับครั้งได้เลย” แกรี่อธิบายพลางหัวเราะแห้งๆ
“ฉันเข้าใจนายนะแกรี่ ฉันเองก็ครั้งแรกเหมือนกัน ที่ได้มาจีน ไม่สิ ครั้งแรกเลยที่ได้ออกมานอกยุโรป” รอย เดอ เฮิร์ก เอามือตบหลังพลางบอกกับแกรี่ สีหน้าของเขาดูตื่นเต้นไม่แพ้กัน
“หึ เจ้าพวกบ้า บ้านนอกจริงๆ” เบน เคิร์กส์ รองกัปตันทีมแซะสองดาวรุ่งด้วยเสียงที่เบาพอไม่ให้กัปตันกอร์ดอนและโค้ชแซนเดอร์สได้ยิน ก่อนจะเดินแซงหน้าพวกเขาไป แกรี่ กับ เบน ได้แต่มองแผ่นหลังของโกล์มือหนึ่งประจำทีมโดยไม่ได้พูดอะไร เขาดูหยิ่งยะโส โอหัง และทระนงในความสามารถของตัวเอง
------------------------------------------------------------
กรุงลอนดอน , ประเทศอังกฤษ
โรงยิม แชดเวลล์ ฮีธ สนามซ้อมของสโมสรฟุตบอล เวสต์แฮม ยูไนเต็ด
ชายหนุ่มอิตาเลี่ยนในทรงผมสกินเฮด กำลังนอนพักอยู่บนม้านั่งยักน้ำหนัก เขาดูเหนื่อยอ่อน ดวงตาทั้งคู่ของเขาจ้องมองเพดาน มือก่ายหน้าผาก เขาดูเหม่อลอยเหมือนกำลังคิดอะไรซักอย่าง
“การรับมือกับฟุตบอลของเขามันไม่ได้สนุกเหมือนตอนที่คุณดูเขาผ่านจอทีวี หรือยูทิวป์หรอกนะ ดีโน่”
“ฟุตบอลของคุณยอดเยี่ยม แน่นอนว่าเพื่อนร่วมทีมของคุณก็เช่นกัน แต่สำหรับเขา ไม่มีใครในลีกนี้ยอดเยี่ยมพอสำหรับเขาหรอกนะ อาจรวมไปถึงพวกเราด้วย เป็นแมทช์ที่ดีนะ ดีโน่ มาซโซลินี่”
ชายหนุ่มคิดถึงคำพูดของ แอชลี่ย์ เบรดี้ ปราการเหล็กดาวรุ่งของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่พูดกับเขา ตอนแลกเสื้อหลังจบเกมที่ทั้งคู่เจอกันในแมทช์กระชับมิตร เขากัดฟันกรอด ก่อนจะเอื้อมสองมือไปจับดัมเบลที่วางอยู่ข้างๆ มายกขึ้นลง สายตาของเขาดูเกรี้ยวกราด
“ฉันจะต้องชนะแกให้ได้ บิคตอร์…เรือใบของแก ฉันคนนี้จะทุบมันให้จมให้หมด!”
------------------------------------------------------------
เซา เปาโล , บราซิล
“ครับผม ได้ครับผม รับทราบครับ ขอบคุณครับ” เด็กหนุ่มผิวขาว ผมสีแดงเพลิง ค่อยๆ วางหูจากสายโทรศัพท์ช้าๆ มือของเขาดูสั่นไม่หยุด เขาลุกขึ้นจากโซฟา ที่นี่ดูเหมือนเป็นห้องนั่งเล่นในบ้านของเขา
“ปะ…เป็นยังไงบ้างลูก” ชายอายุประมาณ 40 ปี ถามขึ้น ข้างๆ เขาคือผู้หญิงในวัยไล่เลี่ยกัน เธอกำลังกุมสองมือประกบกัน ทั้งที่คู่ที่ดูเหมือนจะเป็นพ่อและแม่ของเด็กหนุ่มเมื่อครู่กำลังดูตื่นเต้นราวกับรออะไรบางอย่าง
เด็กหนุ่มผมแดงหันกลับมา สีหน้าของเขาดูนิ่งเฉย ก่อนที่จะเปลี่ยนไปเป็นรอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยความสุข
“ยุโรป! อังกฤษ! ลอนดอน! พรีเมียร์ลีก ล่ะครับ พ่อ! แม่! ผมกำลังจะได้ไปเล่นใน พรีเมียร์ ลีก กับ กรอสเวเนอร์ ทาวน์ พวกเขาตกลงค่าตัวของผมได้แล้ว”
เด็กหนุ่มโผเข้าไปกอดพ่อและแม่ของเขา ทั้งสามกระโดดดีใจเป็นการฉลอง โทรศัพท์เมื่อครู่มาจากเอเยนต์ของเด็กหนุ่มรายนี้ เขาคือศูนย์หน้าดาวรุ่งเลือดผสม ดาวยิงเยาวชนทีมชาติบราซิลของพัลไมรัส ที่กำลังจะได้ย้ายไปเป็นสมาชิกใหม่ของทัพม้ามืด น้องใหม่บนเวทีสูงสุดของสังเวียนแข้งเมืองผู้ดี เขาคนนี้จะเป็นอีกหนึ่งในคีย์แมนคนสำคัญของ กรอสเวเนอร์ ทาวน์ ในเทพนิยายบทนี้ “จิอันลุยจิ ลุยซ์ อมิลก้า โลเปซ”
------------------------------------------------------------
ขณะเดียวกัน ท่าอากาศยานนานาชาติโตเกียว กรุงโตเกียว , ญี่ปุ่น
“สู้เขานะ! เคย์อิจิคุง!”
“เคย์อิจิซัง ไฟโตะ!”
“เคย์อิจิ ฮานะ! เคย์อิจิ ฮานะ! เคย์อิจิ ฮานะ!”
เสียงตะโกนเรียกชื่อ เสียงเชียร์ และป้ายผ้าที่เขียนชื่อของ “เคย์อิจิ ฮานะ” ปรากฏขึ้น ชายหนุ่มผมเกรียนสกินเฮด ผิวสีแทน มองป้ายและคนกลุ่มนั้นไม่ละสายตา ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงอาการเขินและประหม่าอย่างชัดเจน
เด็กหนุ่มผมทรงสกินเฮด นั่นแหละเขา เคย์อิจิ ฮานะ ดาวรุ่งที่กำลังเป็นที่พูดถึงตามหน้าหนังสือพิมพ์กีฬาของญี่ปุ่นในตอนนี้ เขาคือมิดฟิลด์ดีกรีเยาวชนทีมชาติญี่ปุ่นของทีมเยาวชนคาวาซากิ
“ตุ้บ!” ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือก หลังโดนมือของใครบางคนตบลงบนบ่า สติของเขากลับมาเข้าที่เข้าทาง
“คนที่หมู่บ้าน ครอบครัว พวกแฟนบอล อ้อ! แล้วพวกเพื่อนนายที่คาวาซากิก็มาส่งด้วยนี่ ทำไม แค่นี้ทำให้นายเขินเลยหรือไง ฮานะ?” คนที่พูดคือ เคย์อิจิ เซระ เธอคือลูกพี่ลูกน้องของของฮานะวัย 23 ปี ผมสีดำขลับยาวสลวย ผิวขาว ดูน่ารักราวกับพวกสมาชิกวงเกิร์ลกรุ๊ปยังไงยังงั้น เธอคือผู้ที่จะทำหน้าที่เป็นเอเยนต์และล่ามส่วนตัวให้ฮานะในอาชีพการค้าแข้งของเขา
“ปะ…เปล่า! ผมเปล่าเขินซักหน่อยนี่” เด็กหนุ่มที่ถูกเรียกว่าฮานะ โบกมือพลางส่ายหน้า
“เห….ไม่ซื่อสมเป็นนายเลยน้า… หรือว่าแค่พ่อกับแม่ไม่ได้มาส่งถึงกับหงอยไปเลยหรือไง นายไม่ใช่เด็กขี้แยซักหน่อย” เซระหยอกล้อกับฮานะ
“ผมสั่งลากับพวกท่านเรียบร้อยแล้ว พวกท่านมีงานต้องทำ ทุกอย่างเพื่อผม คราวนี้แหละ เป็นโอกาสที่ผมจะได้ตอบแทนบ้างแล้ว” ฮานะตอบพร้อมรอยยิ้มที่ดูมั่นใจ
“เซระจางงงงง”
“คุณพี่สาวของฮานะ วู้วววว”
เสียงตะโกนโหวกเหวกมาจากกลุ่มเพื่อนร่วมทีมของฮานะที่คาวาซากิ ในขณะที่เซระโบกมือทักทายเพื่อนของฮานะอย่างเป็นมิตร
“หนอยยย เจ้าพวกบ้า หยุดเลยนะ” ฮานะชี้นิ้วหยอกล้อกับเพื่อนของเขาอย่างสนุกสนาน
“เจ้าบ้า! ดีนะที่แกไม่ใช่ซิสค่อน ไปอยู่ที่นู่นอย่าลืมคิดถึงพวกเราละ พวกเราก็จะไม่ยอมแพ้แกหรอก!” เหล่าเพื่อนของฮานะตะโกนกลับมา คำสั่งลาของพวกเขาบ่งบอกความสนิทสนมของฮานะและคนกลุ่มนั้นได้เป็นอย่างดี ฮานะยิ้มให้พวกเขา ก่อนที่เซระเอามือมาแตะบ่าลูกพี่ลูกน้องของเธอ
“งั้นเราไปกันเลยไหมฮานะ…ก้าวแรกสู่เวทีพรีเมียร์ลีกของนายไง” เซระพูดกับฮานะ
“ครับผม!” เสียงคำตอบที่สั้น ดัง ฟังชัด บ่งบอกถึงความมั่นใจของเจ้าหนูนาม เคย์อิจิ ฮานะ เป็นอย่างดี ทั้งคู่เดินเข้าไปยังโถงสำหรับผู้โดยสารที่รอขึ้นเครื่อง ฮานะหันมาโบกมือให้กับทุกคนที่มารอส่งเขาเป็นการสั่งลา
------------------------------------------------------------
หงโค่ว สเตเดี้ยม เซี่ยงไฮ้ , ประเทศจีน
สนามซ้อมเก็บตัวพรีซีซั่น ไอเอฟเค โกเธนเบิร์ก
“กัปตัน! โค้ชบอกว่า กรอสเวเนอร์ กับ ยูเวนตุส มาถึงจีนแล้วนะ” เสียงตะโกนจากข้างสนามดังขึ้น
“งั้นเหรอ…ช้าเสียจริงพวกทีมใหญ่เนี่ย …..มาก่อน ซ้อมก่อน ปรับตัวได้ก่อน ถึงจะได้เปรียบ” ชายร่างยักษ์ผมสีน้ำตาลแดงพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะบัญชาแผงเกมรับแบ็คโฟว์ทั้ง 4 ที่ยืนอยู่หน้าเขาให้คุมโซน ในขณะที่ให้มิดฟิลด์ตัวรับของทีมเข้าเพรสซิ่งผู้ที่ครอบครองบอลฝั่งตรงข้าม
“แต่ก็นะ …ให้มาถึงก่อนสักสัปดาห์ พวกนั้นก็ไม่มีทางเจาะเกมรับของเราได้หรอก” แนวรุกของฝ่ายตรงข้ามเคาะบอลหาช่องเจาะเข้าไปในเขตโทษไม่ได้ จนโดนมิดฟิลด์ตัวรับของทีมกัปตันแย่งไปได้ในที่สุด ก่อนจะส่งคืนหลังให้กัปตันของพวกเขา โค้ชเป่านกหวีดจบเซสชั่นการซ้อมในทันทีที่บอลกลับมาอยู่ในการควบคุม
“นัดแรกพวกเราจะเจอกับ ยูเวนตุส ของ “เอดิญโญ่” สินะ ตามด้วย กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ และปิดด้วย กรอสเวเนอร์ ทาวน์” กัปตันทีมงัดบอลด้วยเท้าก่อนจะคว้ามันเอาไว้ด้วยสองมือ
“เจคอป เทิร์นควิชส์ คนนี้ชักอดใจรอเหล่าทีมชื่อดังทั้งหลายไม่ไหวแล้วสิ” เขามองลูกบอลพร้อมพูด แววตาของเขาดูเป็นประกาย เต็มไปด้วยความมั่นใจและตื่นเต้นอย่างเต็มเปี่ยม
------------------------------------------------------------
1 วันต่อมา ณ โกลเด้น รีซอร์ส ชอปปิ้ง มอลล์ กรุงปักกิ่ง , ประเทศจีน
นี่คือห้างสรรพสินค้า โกลเด้น รีซอร์ส ห้องสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในจีน และเป็นอันดับ 9 ของโลก วันนี้เป็นวันที่มีคนเยอะเป็นพิเศษ เพราะวันนี้ทีมน้องใหม่ของพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ที่น่าจับตามองอย่าง กรอสเวเนอร์ ทาวน์ จะทำการเปิดตัวชุดแข่งสำหรับซีซั่น 2016/2017 เพื่อลุยศึกพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร บางคนที่มา บ้างก็ใส่เสื้อทีมชาติจีน เสื้อของกรอสเวเนอร์เมื่อซีซั่นก่อน จนถึงขนาดเสื้อของทีมลิเวอร์พูลที่กสรีนชื่อของ เบน เคิร์กส์ ไว้รอแล้วก็มี
ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า กรอสเวเนอร์ ทาวน์ กลุ่มชายฉกรรจ์ 20 คนเศษกำลังนั่งอยู่บนที่นั่งล็อกเกอร์เพื่อแต่งตัวในชุดเครื่องแบบใหม่เอี่ยมของทีม เสื้อ , กางเกงและถุงเท้าสีดำทมิฬดูน่าเกรงขาม ปกเสื้อ ชื่อ เบอร์ และตราเครื่องหมายไนกี้ ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนหลักของชุดแข่งล้วนเป็นสีทองอร่ามทั้งสิ้น ส่วนชุดเยือนมาในเครื่องแบบสีฟ้าครามสวยงาม เสื้อผีรักษาประตูทีมเหย้าสีส้มถูกใส่โดย เบน เคิร์กส์ ส่วนเยือนสีขาวเรียบง่ายสวมใส่โดน รอย เดอ เฮิร์ก
แกรี่ ริคเกอร์ นั่งอยู่กับ แฟรงค์ แมตต์ และ มาเธียส ฟอน ชไนเดอร์ ที่นั่งขนาบข้างซ้ายขวาของเขา แกรี่ดูตื่นเต้นและเห่อเสื้อแข่งใหม่ไม่น้อย
“มันสวยจริงๆ เลยนะผมว่า สีทองตัดกับสีดำ เท่ดีชะมัด” แกรี่พูดพลาดดึงเสื้อของตัวเองเพื่อดูลายและสัมผัสเนื้อผ้า
“นายดูตื่นเต้นนะ แกรี่ สงบใจหน่อยสิ ไม่มีใครเขาอยากเห็นหน้านายตอนเหวอหรอกนะ” แฟรงค์ อ่านมังงะพร้อมพูดกับแกรี่ เขาดูผ่อนคลายต่างจาก แกรี่ ริคเกอร์ สิ้นเชิง
“ขอโทษด้วยครับ ผมตื่นเต้นไปหน่อย คุณแมตต์เคยทำเรื่องแบบนี้มาบ่อยแล้วสินะครับ เวลาเปิดตัวชุดแข่งของสก็อตแลนด์ ให้ตายสิ ผมละอิจฉาจริงๆ”
“นั้นรวมถึงคุณด้วยนะ มาเธียส 2-3 ซีซั่นหลังมานี้ผมเห็นคุณในงานเปิดตัวชุดแข่งของดอร์ทมุน คุณดูเท่มากๆ เลย”
“ใจเย็นน่า แกรี่…สงบเข้าไว้ นายนะกำลังจะเป็นสตาร์พรีเมียร์ลีกนะ ยืดหน่อยสิ” มาเธียสบอกกับแกรี่
เจ้าหน้าที่ส่งสัญญาณให้เหล่านักเตะออกไปเตรียมตัวขึ้นเวที เบน เคิร์กส์ เดินผ่านเจ้าหนูแกรี่ เขาแซะแกรี่เบาๆ อีกครั้ง
“ทำตัวอย่างกับพวกบ้านนอก เด็กบ้าเอ้ย” แกรี่ไม่ได้ตอบอะไร เขาก้มลงไปผูกเชือกรองเท้า ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินตามเพื่อนร่วมทีมไป
------------------------------------------------------------
งานเปิดตัวชุดใหญ่ผ่านไปได้ด้วยดี ถ้าไม่นับสีหน้าที่ตื่นเต้นและท่าทางแสนประหม่าของแกรี่แล้ว ขณะนี้ยังคงอยู่ในช่วงท้ายของงาน ที่เปิดโอกาสให้เหล่านักเตะลงมาทักทายแฟนบอล แจกลายเซ็นและให้สัมภาษณ์กับพวกผู้สื่อข่าว
แกรี่ยืนอยู่กับเหล่าเพื่อนร่วมทีมของเขา ทั้ง เจย์ กอร์ดอน , แฟรงค์ แมตต์ , เควิน มอนทาน่า , รอย เดอ และ เฮิร์ก มาเธียส ฟอน ชไนเดอร์ พวกเขากำลังเซ็นเสื้อให้กับแฟนบอล แน่นอนว่าแกรี่ก็เนื้อหอมไม่เบา คนจำเขาได้จากนัดชิงชนะเลิศเพลย์ออฟครั้งที่แล้ว ขณะที่อีกฟากหนึ่ง เสียงของเหล่าผู้สื่อข่าวลุกฮือขึ้น
“ช่วยพูดถึงขอเสนอจากลิเวอร์พูลหน่อยครับ ดีลของคุณกับลิเวอร์พูล 8 ล้านปอนด์บวก โจเซ่ บอม นี่เป็นข่าวจริงหรือเปล่าครับ” นักข่าวระดมยิงคำถามใส่ เบน เคิร์กส์ ผู้รักษาประตู รองกัปตันทีม
“ผมจะไม่ไปไหนแน่นอนครับ ผมรักทีมนี้ ทั้ง วิตต์ แซนเดอร์ส แฟนบอล และทีมๆ นี้มีความหมายกับผมมาก ถ้าไม่มีพวกเขาก็ไม่มีผม ผมจะไม่ทิ้งทีมไปแน่นอนครับ ทั้งหมดมันเป็นเรื่องไร้สาระ” เบน เคิร์กส์ กล่าว ก่อนจะเดินออกมาจากฝูงนักข่าว
เขาเดินสวนกับพวกแกรี่พอดิบพอดี แฟรงค์ เป็นคนแรกที่ออกปากถามด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ทำเอาเบนหยุดชะงัก
“นายควรจะบอกความจริงกับพวกเขา หรือไม่ก็เลี่ยงโดยการไม่พูดอะไรเลย ไม่ใช่โกหกแบบนี้ พวกเขารักและเชื่อใจนายนะ เบน”
“ฉันว่าพักหลังนายเริ่มทำตัวเยอะวะ ยุ่งเรื่องคนนั้นคนนี้ นายเป็นกัปตันทีมหรือไง? รองก็ไม่ใช่! ที่ฉันพูดแบบนั้นเพราะให้เกียรติกับว่าที่อดีตทีมทีมนี้นะ ทำไม กลัวฉันจะทำคะแนนนิยมทิ้งห่างแกไปไกลกว่าเดิมหรือไง” เบนตอบแบบไม่สบอารมณ์
“พูดให้มันถูกไปเลยเถอะเบน นายนะแค่กลัวคะแนนนิยมตก ฉันว่าเรื่องนั้นมันไร้สาระจะตาย” แฟรงค์พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบเช่นเคย ท่าทางแบบนั้นทำให้เบนรู้สึกโมโห
“แกจะพูดอะไรก็พูดไปเถอะ ฉันเล่นฟุตบอลเพื่อเงินและความสำเร็จ ฉันไม่ได้อยากจะอยู่ทีมที่ดูไร้อนาคตแบบนี้หรอกนะ ขายนักเตะซีเนียร์ที่พาทีมขึ้นชั้นออกจากทีม เอาพวกไก่อ่อนไร้ประสบการณ์เข้ามา ใครจะอยู่ให้ตกชั้นจนต้องเสียประวัติละ? ฉันคนนึงละที่ไม่ แกไปเอาไอตัวฟรีนั่นมาเฝ้าเสาสิ แล้วไอตัวเศษเหลือจากลิเวอร์พูลมายืนหลังให้ แล้วที่นี้ก็ตกชั้นกลับแชมเปี้ยนชิพไปเลยนะ”
“พวกนักข่าวที่นี่มันก็แค่สื่อเล็กๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก เจ้างั่ง”
เบน พูดก่อนจะเดินจากไปด้วยความหัวเสีย แฟรงค์มองเบนด้วยสีหน้าไม่พอใจนิดๆ แกรี่มองตามหลัง
“เมื่อก่อนเขาเคยเป็นคนดีกว่านี้” แฟรงค์กล่าว
“ฟอร์มที่ดี ทีมชาติ ชื่อเสียง และเงิน นั่นแหละที่ทำลายตัวของหมอนั่น” เควินขยายความคำพูดของแฟรงค์
เจย์ ตัดสินใจหันไปหาเหล่าเด็กใหม่ทั้งสาม ก่อนที่เขาจะเริ่มร่ายยาว
“จริงๆ เขาเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่ ม.ค. แล้ว ช่วงที่เริ่มติดธงทีมชาติใหม่ๆ แล้วมีแมวมองจากลิเวอร์พูลส่งคนมาดูฟอร์ม วิตต์ แซนเดอร์ส รู้สถานการณ์ดี เลยพยายามส่งแมวมองไปหาผู้รักษาประตูคนใหม่ เฝ้าดูเขาคนนั้นซ้อมมานานหลายเดือน”
“มีข้อเสนอเข้ามาก่อนยูโรจะเริ่มขึ้น แต่เราไม่ได้บอกเบน เพราะต้องการให้เขามีเวลากับการแข่งขัน เราจึงชะลอดีลนี้ไว้ อีกเหตุผลนึงก็เพื่อหาผู้รักษาประตูคนใหม่มาแทนเบน” ทั้งแกรี่และมาเธียส หันหลังกลับไปมองรอย
“รอย เดอ เฮิร์ก จริงๆ แล้ว วิตต์ แซนเดอร์ส ไม่ได้เห็นแค่ว่านายเป็นฟรีเอเยนต์แล้วจะเซ็นมาเป็นอะไหล่หรอกนะ”
รอยตาเบิกโพลงทันทีที่ได้ยินคำพูดของกัปตัน ราวกับเขารู้ว่าคำพูดต่อไปของกัปตันคืออะไร
“วิตต์ แซนเดอร์ส ตั้งใจจะให้นายมารับช่วงต่อมือหนึ่งแทนเบนต่าหาก!!”
จากผู้รักษาประตูสำรอง อ่อนประสบการณ์ ที่ไม่สามารถเบียดตัวจริงในเวที เดอะ แชมเปี้ยนชิพได้
ความกดดันที่ยิ่งกว่าคลื่นทั้งมหาสมุทรได้ถาโถมเข้าหารอยแล้ว!!