“ตัดได้สวยเควิน! คืนหลังไปก่อน เพลย์เซฟไว้” คำสั่งของกัปตัน เจย์ กอร์ดอน ดังขึ้นในสนามซ้อม ขณะนี้เป็นเซสชั่นการซ้อมแข่ง จังหวะที่ เควิน มอนทาน่า หยุดความสุดยอดของ มาเธียส ฟอน ชไนเดอร์ ไว้ได้อย่างหวุดหวิด ก่อนที่ดาวยิงป้ายได้จะได้ลุ้นหลุดไปใส่สกอร์ เควินคืนบอลไปไปให้ผู้รักษาประตูตามคำสั่งของกัปตันเพื่อดึงเกมช้าและเพลย์เซฟ
“รอย! รอย เฮ้ย! รอย เดอ เฮิร์ก” เควินตะโกนบอกผู้รักษาประตูฝั่งของเขา มันสามารถดึงสติของ รอย เดอ เฮิร์ก ที่ดูเหม่อลอยกลับมาได้ทัน เขาออกไปเตะบอลทิ้งขึ้นหน้าไปได้อย่างเฉียดฉิว ก่อนที่มาเธียสที่ชึ้นมาบีบจะฉกมันไปได้เพียงไม่กี่อึดใจ
“มีสมาธิหน่อยสิ คัม ออน!” มาเธียสเอามือมาตบบ่ารอย คู่หูป้ายแดงคู่นี้ซี้กันมาก เห็นปฏิกิริยาของรอยเพียงแปปเดียวทำให้มาเธียสรู้สึกได้ทันทีว่าเขากำลังคิดเรื่องอื่นนอกจากฟุตบอล
การฝึกซ้อมเล่นทีมวันนี้ผ่านไป รอยเหมือนจะทำได้ดีในบางจังหวะ แต่เขายังดูประหม่าอยู่พอสมควร ในขณะที่อีกฝั่งหนึ่งของสนาม เบน เคิร์กส์ กำลังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ตาข่ายในฝั่งของเขานั่นไม่ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว เจาดูเหมือนเสือร้ายที่ยืนแยกเขี้ยวอยู่หน้าถ้ำ ไม่ยอมให้อะไรผ่านเข้าไป แม้กระทั่งแมลงวันซักตัว ในขณะที่คนอื่นๆ ต่างผลัดกันโชว์ผลงานเพื่อให้เข้าตา วิตต์ แซนเดอร์ส
ทั้งหมดนี้ เพราะเกมแรกของพรีซีซั่นที่พวกเขาจะเจอกับ กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ ในรายการฟุตบอลอุ่นเครื่อง “ดราก้อน อินเตอร์เนชั่นแนล คัพ หรือ DIC กำลังจะเริ่มขึ้น โดยรายการนี้จะมีทีมเข้าร่วมทั้งหมด 8 ทีม โดยรอบแรกจะเป็นรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม เพื่อหาอันดับ 1 ของกลุ่มเข้ารอบชิงชนะเลิศ โดย กรอสเวเนอร์ ทาวน์ อยู่กลุ่มเดียวกับ กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ , ไอเอฟเค โกเธนเบิร์ก และยูเวนตุส
“เล่นได้ดี แกรี่ จ่ายได้สวย” แฟรงค์ แมตต์ เดินมาแตะมือกับรุ่นน้องอย่าง แกรี่ ริคเกอร์ ที่กำลังนั่งพักอยู่ที่ห้องล็อคเกอร์หลังซ้อมเสร็จ
แกรี่ทำได้ดีในวันนี้ เขาทำแอสซิสต์สวยๆ ให้กับ แฟรงค์ ได้ซัดผ่านมือ รอย เดอ เฮิร์ก เข้าไป แต่มันไม่ใช่วันที่ดีเท่าไหร่สำหรับรอย ที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆ แกรี่ เขาดูซึมๆ แกรี่มองรอยด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะเอ่ยปากถาม
“เป็นอะไรหรือเปล่ารอย นายดูแปลกๆ นะ”
“ฉันแค่…คิดเรื่องเมื่อวานมากไปหน่อยเท่านั้นเอง” คำพูดของกัปตันกอร์ดอนเมื่อวานนี้ สร้างแรงกดดันมหาศาลให้กับรอย
สำหรับผู้รักษาประตูแล้ว การต่อสู้แย่งตำแหน่งมือหนึ่งภายในทีมถือเป็นเรื่องธรรมดา รอยเองก็เช่นกัน นับตั้งแต่วันที่เขาเซ็นสัญญาเข้ามา เขาคิดเสมอว่าเขาคือผู้รักษาประตูมือสองที่พร้อมต่อสู้แย่งตำแหน่งมือหนึ่ง แต่ในตอนนี้สถาการณ์มันต่างออกไป เขากำลังจะกลายเป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่งพาทีมลุยลีกที่โหดหินที่สุดในโลก เขาคือคนที่จะมาปิดช่องโหว่ของ เบน เคิร์กส์ ทั้งๆ ที่ซีซั่นที่แล้วเขายังแทบหาโอกาสลงเล่นใน เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แรงกดดันที่แปลกประหลาดนี้จู่โจมเขาโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว
“เอ่อ…คือ ไม่รู้นะ ฉันก็ไม่ใช่คนที่เก่งหรือมีประสบการณ์มากมายหรอก แต่ถ้าถามฉัน ในฐานะเพื่อน นายไม่ควรให้อะไรมารบกวนสมาธิตอนเล่นฟุตบอลนะ” รอยหันมาหาแกรี่ หลงจากที่เขาเริ่มพูด
“ทะ..ที่ฉันหมายถึงคือ มันเป็นเรื่องดีแล้วไม่ใช่หรือไง ผู้จัดการทีม และคนอื่นๆ เขาเชื่อมั่นในตัวนายนะ”
“ฉันเองก็ไม่ต่างจากนายหรอก ฉนั้นไม่ต้องไปเก็บมันมาคิดหรอกว่าซีซั่นที่แล้ว นายจะได้ลงเล่นเท่าไหร่ หรือเป็นตัวสำรองของใคร แค่ตอนนี้รู้ไว้ว่านายคือกำลังสำคัญของพวกเรานะ”
“นายนะเท่าเทียม และกำลังจะไปได้สูงกว่าเบน ไม่ได้กำลังตามหลังเขาหรอกนะ”
“อย่าทำหน้าเครียดงั้นสิ ฟุตบอลนะสนุกนะ แค่ได้เล่นบอลก็พอ…แค่! เล่น! ฟุต! บอล!” แกรี่พูดพลางเอามามาร่างเป็นวงกลมขนาดเท่าฟุตบอล เขาพูดมันด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันไปเห็นรอยที่กำลังตั้งใจฟัง
“เอ้อ! โทษทีๆ นี่ฉันพูดอะไรออกไปเนี่ย อย่าไปคิดมากเลยนะ มันดูอวดดีมากเลยใช่ไหม ฮ่าๆ” แกรี่เอามือลูบหัวตัวเองพร้อมพูด
รอยมองแกรี่ด้วยสายตางุนงงเล็กน้อย ก็ที่เขาจะหัวเราะเบาๆ ออกมา
“ไม่หรอกแกรี่ ขอบใจมากนะ รู้สึกโอเคขึ้นแล้วละ” รอยตอบแกรี่พร้อมรอยยิ้ม เขาดูมั่นใจขึ้นมาก แกรี่ยิ้มตอบอย่างจริงใจ พวกเขาดูซี้กันมากขึ้น อาจจะเพราะอายุที่เท่ากัน ช่วงเวลาที่เข้าร่วมทีม หรือเพราะนิสัยการเข้ากับคนอื่นได้ง่ายของ แกรี่ ริคเกอร์ ก็สามารถคิดได้
------------------------------------------------------
Breaking News : ปาดหน้ายักษ์ใหญ่! กรอสเวเนอร์คว้าสองวันเดอร์คิดร่วมทัพสัญญา 3 ปี ลุยพรีเมียร์ลีก
“ม้ามืดมหากาฬ” กรอสเวเนอร์ ทาวน์ ทีมน้องใหม่แห่งศึก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ จัดการปิดดีลเซ็นสองดาวรุ่งนอก EU อย่าง จิอันลุยจิ อมิลก้า และ เคย์อิจิ ฮานะ มาร่วมทีมเป็นรายที่ 3 และ 4 ต่อจาก มาเธียส ฟอน ชไนเดอร์ และ รอย เดอ เฮิร์กในช่วงซัมเมอร์นี้
สำหรับ อมิลก้า วัย 18 ปี แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในทีมชุดใหญ่ของพัลไมรัสในซีซั่นล่าสุด หลังซัดไป 2 ประตูตั้งแต่ซีซั่นแรกที่ถูกดันขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ โดยเจ้าตัวได้เข้าทดสอบฝีเท้ากับยูเวนตุสเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา และยังได้รับความสนใจจากเบนฟิก้า ยอดทีมจากลีกฝอยทอง แต่สุดท้ายเป็น กรอสเวอร์ ทาวน์ที่ได้ลายเซ็นของศูนย์หน้าดาวรุ่งรายนี้มาร่วมทีม
“ผมรู้สึกดีใจที่ดีลนี้มันเกิดขึ้น ผมนั่งฟังความเคลื่อนไหวอยู่ที่บราซิลกับครอบครัวทุกวัน การได้ไปร่วมซ้อมกับยูเวนตุสถือเป็นประสบการณ์ที่ดี และผมคิดว่าผมพร้อมแล้วสำหรับยุโรป ผมเลือกมาเล่นที่อังกฤษ ซึ่งเป็นประเทศของปู่ของผม ผมตื่นเต้นที่จะได้พรีซีซั่นกับทีมจนอดใจไม่ไหวแล้ว” อดีตเยาวชนทีมชาติบราซิลกล่าว
อีกหนึ่งรายคือ เคย์อิจิ ฮานะ มิดฟิลด์พลังไดนาโมวัย 19 ปี ที่สร้างความฮือฮาในการเล่นให้ทีมชาติญี่ปุ่นชุด U-21 จนได้รับความสนใจจากหลายทีมใน บุนเดสลีกา เยอรมนี ก่อนที่เจ้าตัวจะตัดสินใจเลือกเซ็นสัญญากับ กรอสเวเนอร์ ทาวน์ ในท้ายที่สุด
“ผมคิดว่าในบุนเดสลีกามีผู้เล่นญี่ปุ่นหลายคนที่ไปแจ้งเกิดและประสบความสำเร็จมากมาย แต่ในขณะเดียวกัน ในพรีเมียร์ลีก ไม่ใช่แค่ผู้เล่นญี่ปุ่น แต่รวมไปถึงผู้เล่นเอเชียที่จะมาประสบความสำเร็จที่นี่น้อยจนนับคนได้ ผมจึงมองว่ามันเป็นความท้าทาย และโอกาสที่จะสร้างชื่อเสียงให้ญี่ปุ่น ผมได้คุยเรื่องนี้กับ ริเสะ พี่สาวของผมซึ่งเป็นเอเยนต์ จึงตัดสินใจเลือกกรอสเวเนอร์ แน่นอนว่าผมมองไปถึงโอกาสการได้ลงเล่นและพิสูจน์ตัวเองในพรีเมียร์ลีก ลีกที่ดีที่สุดในโลก และเป็นที่แจ้งเกิดของดาวรุ่งมากมาย ผมเองก็หวังว่าจะเป็นหนึ่งในนั้น โครงการของกรอสเวเนอร์น่าสนใจมาก พวกเขามีแผนพัฒนาผู้เล่นดาวรุ่งให้เป็นกำลังหลักของทีม มันทำให้ผมแทบไม่ต้องคิดมากเลยในการเซ็นสัญญากับพวกเขา”
เคย์อิจิกล่าว
โดยทั้งคู่จะเข้าร่วมแคมป์ฝึกซ้อมพรีซีซั่นกับทีมที่กรุ่งปักกิ่ง ประเทศจีน เพื่อเตรียมลงแข่งในรายการ DIC ต่อไป
------------------------------------------------------
ห้องประชุมโรมแรม ริทซ์ คาร์ลตัน กรุงปักกิ่ง , ประเทศจีน
“ก็อย่างที่กล่าวมา คงไม่ให้ต้องพูดซ้ำสองนะ ตอนนี้ทั้ง เคย์อิจิ ฮานะ และ จิอันลุยจิ อมิลก้า ต่างเป็นพวกพ้องของเรา ธรรมเนียมเดิมของทีม ฉันไม่ชออะไรมาก ช่วยให้เพื่อนปรับตัวให้ได้ ทีมเวิร์คที่ดีมาจากการสนิทสนมและรู้ใจกัน สำหรับการประชุมทีมวันนี้จบแค่นี้ พรุ่งนี้เช้า 6.45 หน้าโรงแรม ใครสายวิ่งตามรถบัสไปสนามซ้อมเองนะ เลิกได้” สิ้นเสียงคำพูดแนะนำสองผู้เล่นใหม่ของ วิตต์ แซนเดอร์ ผู้เล่นของกรอสเวนเนอร์ ทาวน์ ปรบมือหนึ่งครั้งก่อนจะพูดขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน
“กรอสเวเนอร์…ไฟต์!! โอ้วววว! ผู้เล่นของกรอสเวเนอร์ชูมือขึ้นต่อยลม วิตต์ แซนเดอร์ส และผู้เล่นหลายรายพากันแยกย้ายไปพักผ่อน ในขณะที่ เจย์ กอร์ดอน และ แฟรงค์ แมตต์ เข้าไปจับมือทักทายกับ อมิลก้า และ เคย์อิจิ รวมไปถึง ริเสะ พี่สาวของเคย์อิจิอย่างเป็นอบอุ่น โดยมีพวกแกรี่ยืนยิ้มอยู่ด้านหลัง
“ยินดีที่ได้รู้จักคุณอมิลก้าและคุณฮานะ ยินดีต้อนรับเข้าสู้คลับ” เจย์ยิ้มทักทายของเป็นกันเอง ในขณะที่แฟรงค์ก็ยิ้มให้กับสองผู้เล่นใหม่ที่ดูประหม่าแปลกๆ
พวกแกรี่ , เควิน , รอย และ มาเธียส เข้ามาร่วมทักทาย บทสนทนาส่วนใหญ่ อมิลก้าจะเป็นผู้ตอบ เพราะเคย์อิจิยังไม่แข็งแรงเรื่องภาษาอังกฤษเท่าไหร่ เขาพยายามทำความเข้าใจโดยมีพี่สาวคอยแปลให้ฟัง แฟรงค์เข้าไปสนทนากับเคย์อิจิ บทสนทนาดูลื่นไหน แฟรงค์สามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้พอตัว เขาเรียนู้มันจากมังงะและอนิเมะ มันทำให้เคย์อิจิคลายความกดดันไปพอสมควร แกรี่มองในความสุดยอดของแฟรงค์ เขารู้ว่าจอมทัพของทีมคนนี้ไม่ใช่พวกชอบพูดมาก แต่มันคล้ายกับวันที่เขาถูกดันขึ้นทีมชุดใหญ่ครั้งแรก แฟรงค์คือคนกลุ่มแรกๆ ที่เข้ามาให้คำแนะนำกับเขา แม้ทั้งคู่จะเป็นคู่แข่งในการแย่งตำแหน่งกันในแดนกลาง แต่นั้นทำให้แกรี่นับถือแฟรงค์เหมือนพี่ชายคนหนึ่ง
ช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปรวดเร็ว ครั้งนี้ก็เช่นกัน เมื่อเสียงของปีศาจ เบน เคิร์กส์ ดังขึ้น
“ดาวรุ่ง! อ่อนหัด! ไร้ประสบการณ์ ผลาญเงินกันเข้าไป! จะเปิดมหาวิทยาลัยฟุตบอลกันหรือไงวะ เสียงเด็กงอแงมันน่ารำคาญโว้ยยย เพราะจัดการดีลไอพวกนี้นะเหรอ ดีลของฉันถึงช้านัก” คำพูดของเบนทำให้ทั้งกลุ่มสนทนาหันขวับ เขาหันหลังพูดกับเพื่อนร่วมทีมซีเนียร์ของเขา แต่การตะโกนเสียงดังเหมือนเป็นการแซะ เคย์อิจิ และ อมิลก้า อย่างชัดเจน เควินสวนขึ้น
“แกว่าอะไรนะ เบน!” สิ้นเสียงของเควิน เบนหันมาพร้อมเข้ามาหาเควินด้วยสีหน้าเอาเรื่อง
“ให้มันน้อยๆ หน่อยเควิน ไอเด็กเมื่อวานซือที่เคยให้ฉันสอนเรื่องการยืนตำแหน่ง พอฟอร์มดีก็ทำห้าวเลยงั้นหรอวะ!” เบนขึ้นเสียง
“ฟอร์มดีก็ทำห้าวงั้นเหรอ? แกกล้าเอาคำนี้ไปด่าคนอื่นงั้นเหรอ?” เควินยิ้มเยาะ สายตาของเขาไม่ได้เกรงกลัวเบนเลยแม้แต่น้อย”
เบนเอื้อมมือไปหวังจะกระชากคอเสื้อของเควิน แต่มือของแฟรงค์คว้าเอาไว้ได้ทัน
“พอได้แล้วน่า เบน คราวนี้แกเริ่มก่อนนะพอได้แล้ว” แฟรงค์ยังไม่ทันพูดจบ เบนก็ปัดมือของเขาทิ้ง อมิลก้าและสองพี่น้องฮานะงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจย์ยังนิ่งดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เบนเหลือไปมองสองผู้เล่นใหม่ เขาเดินผ่านหน้าอมิลก้าไปหาฮานะ
“นี่แก แกดูมีแววว่ะ อยากได้เทคนิคการเล่นเกมรับเพิ่มใหม่ มากับฉันสิ เรียนรู้กับทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่อย่างฉัน ดีกว่าขลุกกับไอพวกนั้น ฉันเชื่อว่าแกกับฉันเราเข้ากันได้” เบนพูดพลางเหลือบไปมอง ริเสะด้วยสายตาเจ้าชู้ มือของเขาแตะที่ปลายคางพี่สาวของเคย์อิจิ เธอจับมือของเบนพยายามจะดึงออก แต่เขาเกร็งมันไว้
“ทะ…ทำอะไรนะ ปล่อยมือจากพี่สาวของผมนะ!!” เคย์อิจิตะโกนออกมาเป็นภาษาญี่ปุ่น เบนทำเมินเหมือนไม่ได้ยิน อันที่จริงเขาไม่น่าจะเข้าใจความหมายของมันด้วยซ้ำ จนกระทั่งเสียงของ เจย์ กอร์ดอน ดังขึ้น
“นั่นมันเกินไปแล้ว เบน ปล่อยมือจากเธอซะ นายมีครอบครัวแล้วนะ! หยุดทำตัวบ้าๆ ซักที แค่กริ๊งเดียว ถึงเมียนาย กริ๊งที่สองถึงวิตต์ คิดเอาเองละกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับการย้ายไปลิเวอร์พูลที่นายฝันนักฝันหนานะ!” เบนหันมามองหน้าของกัปตันทีมหรอสเวเนอร์ เหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ เขาไม่ได้มีความเกรงกลัวหรือเคารพในตัวของเจย์อีกต่อไป แต่คำขู่ของเจย์คือของจริง เบนตัดสินใจเดินออกจากตรงไหน ก่อนจะออกจากห้อง เขาตะโกนขึ้นลอยๆ อีกครั้ง
“เฮ้ออออ เบื่อระบบลูกรักจริงโว้ย! ไอพวกเด็กเส้นฝีเท้าตั้งแต่ทีมยังอยู่นอกลีก มาก่อนฉันไม่กี่ปีละทำห้าว ห่วย!”
เจย์หันมายิ้มเหมือนขอโทษในสิ่งที่เกิดขึ้นกับเหล่าผู้เล่นใหม่และพี่สาวของเคย์อิจิ แกรี่เข้าไปกอดคอเคย์อิจิและอมิลก้า
“ซุปตาร์หยิ่งยะโสแต่ดันกลัวเมีย ไม่ต้องไปสนใจหรอกเนอะ”
พวกดาวรุ่งของกรอสเวเนอร์ หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน โดยเจย์กับแฟรงค์ยืนมองเด็กๆ ในทีมค่อยๆ สร้างความสนิทสนมกัน
------------------------------------------------------
ค่ายเก็บตัวพรีซีซั่นของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สนามฟุตบอล แยงกี้ นิว ยอร์ก , สหรัฐอเมริกา
ขณะนี้เป็นเวลาเย็นแล้ว ผู้เล่นในเครื่องแบบสีฟ้ากรมต่างกลับบ้านหลังเสร็จสิ้นจากการฝึกซ้อมประจำวัน เว้นแต่สองผู้เล่นดาวรุ่งของทีมเรือใบสีฟ้า “แอชลี่ย์ เบรดี้” ปราการหลังดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษกำลังติวเข้มให้ใครบอกคนนอกเวลาซ้อม พวกเขาดูสนิทกัน ชายคนนั้นร่างกายกำยำ ผมตั้งเสยขึ้นสีน้ำตาลทองดูสวยงาม เขาคือ “มิคาเอล ตอร์เรส” ดาวรุ่งป้ายแดงของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
“ต้องดีกว่านี้อีก ไมค์ อ่านการเคลื่อนไหวของฉันก่อนจะเล่นกับฟุตบอลสิ เอาแบบ ดีโน่ มาซโซลินี่ ตอนเลี้ยงผ่านฉันก็ได้ ไม่ต้องรน ไม่ต้องรีบร้อน สปีดเกมเร็วก็จริง แต่ถ้านายอ่านได้ มันไม่มีอะไรยากหรอก” แอชลี่ย์บอกกับมิคาเอล
“เหมือนดีโน่นะเหรอ? อย่างฉันเนี่ยนะ อะ…อื้ม ขอฉันลองอีกนะ แอชลี่ย์ ขอโทษจริงๆ ที่ต้องรบกวนนาย” มิคาเอล ชายที่ถูกเรียกว่าไมค์ตอบ
“เรื่องเล็กน้อยน่า นายคืออาวุธลัพธ์ของเราในซีซั่นนี้นะ นายยังปรับตัวกับแทคติคของเรายังไม่ได้เลยนี่ บอลจากคุณบิคตอร์นะสุดยอดขนาดไหนนายก็เห็นแล้วนี่ คงไม่อยากเป็นตัวถ่วงให้เขาใช่ไหมละ? มีเทพคิลเลอร์พาสอยู่กับเราแล้ว โอกาสนี้แหละที่นายจะแจ้งเกิด เอาหน่อยเพื่อน!!” แอชลี่ย์ส่งบอลกลับไปให้มิคาเอล แล้วการฝึกพิเศษของทั้งคู่ก็ดำเนินต่อไป…
------------------------------------------------------
4 วันต่อมา
ชายหนุ่มในทรงผมโมฮอว์คนั่งอยู่บนโซฟา ที่นี่คือห้องนั่งเล่นในบ้านของ โจเซ่ บอม ว่าที่แข้งใหม่ กรอสเวเนอร์ ทาวน์ เขากำลังเลื่อนช่องทีวีเพื่อหาอะไรบางอย่าง จนในที่สุดก็หยุดอยู่ที่ช่องถ่ายทอดสดฟุตบอลที่ส่งตรงจากเมืองจีน
“สวัสดีครับผู้ชมทุกท่าน วันนี้พาทุกท่านมาชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีซีซั่นในรายการ ดราก้อน อินเตอร์เนชั่นแนล คัพ สดจากกรุงปักกิ่งครับ วันนี้เป็นการพบกันระหว่าง กรอสเวเนอร์ ทาวน์ น้องใหม่จากศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ พบกับ กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ ยอดทีมจาก ไชนีส ซูเปอร์ลีก ครับ” เสียงของผู้บรรยาดังขึ้น สายตาของโจเซ่จ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นในหน้าจอโทรทัศน์อย่างตั้งอกตั้งใจ เขานั่งอยู่ในท่ากอดเข่าสองข้าง เสียงพร่ำเพ้อเบาๆ ดังขึ้น
“ขอดูหน่อยเถอะ กรอสเวเนอร์ ทาวน์ และฝีมือของนาย…เบน เคิร์กส์”
------------------------------------------------------
ในขณะเดียวกัน ที่อีกฟากของเมืองจีน
อุโมงค์ทางเข้าสนามฟุตบอล มีผู้เล่นแถวละ 11 คนยืนอยู่ แถวนึงอยู่ในเครื่องแบบสีฟ้า ส่วนอีกแถวอยู่ในเครื่องแบบสีขาวดำดุจม้าลาย
นี่คือเกมระหว่าง ไอเอฟเค โกเธนเบิร์ก และ ยูเวนตุส กัปตันทีมผมสีน้ำตาลของโกเธนเบิร์กในชุดฟ้าขาว “เจคอป เทิร์นควิชส์” ยืนอยู่หน้าสุด เขาดูนิ่งสงบ และน่าเกรงขาม
เขาเหล่ไปมองเด็กหนุ่มของทีมยูเวนตุสที่ยืนอยู่ด้านหลังของแถวตรงข้าม เขาคือเจ้าหนูหมายเลข 10 ของทีมม้าลาย รูปร่างสูงใหญ่ ผิวสีแทน ทรงผมแอฟโฟร ดูดีมีสไตล์ ที่กำลังหยอกล้อกับเด็กๆ อย่างสนุกสนาน เจคอปหันกลับมา สายตาของเขามีสมาธิรอเกมการแข่งขันตามเดิม
“สุดยอดเกมรับของสวีดิช ที่คาเตนัชโช่ของอิตาลียังต้องอาย คอยดูให้ดี เอดิญโญ่!”
ศึกลูกหนังพรีซีซั่น DIC ระเบิดศึกขึ้นแล้ว!!