Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Cataclysm: The Endless Hellfire XLVI

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
Neferpitou
Moderators
Moderators
Neferpitou


จำนวนข้อความ : 552
Join date : 05/12/2012
Age : 28
ที่อยู่ : The Facility of Banned Organizer

Cataclysm: The Endless Hellfire XLVI Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Cataclysm: The Endless Hellfire XLVI   Cataclysm: The Endless Hellfire XLVI EmptySat May 13, 2017 9:21 pm

Cataclysm: Endless Hellfire
Act XLVI

------------

“ท่านอัลทานิส!”

  เสียงของชายหนุ่มผมดำสวนแว่นผู้ใช้พลังปราณสีดำทมิฬรีบตรงเข้าไปหานักดาบเพลิงอัคคีที่ท่าทางไม่สู้ดีนัก กายาทั่วทั้งตัวของชายกล้าอัลทานิสถูกไหม้เกรียมด้วยเพลิงพิโรธแห่งไซอาลอท แม้แต่ส่วนหนึ่งแห่งเพลิงพิทักษ์เองก็มิอาจจะต้านทานต่อไฟแห่งความตายได้ เขานอนนิ่งสลบไสลไร้ความรู้สึกอยู่ไม่ไกลจากตัวของไซอาลอทนัก แต่ดูท่าว่าเพลิงพิโรธจะมัวแต่สนใจบาดแผลที่ตนเองได้รับจากลูเซียสเมื่อครู่นี้เสียมากกว่า จึงทำให้หนุ่มดูบาร์นพอจะมีเวลาเข้าไปดูอาการของสหายตนเอง เมื่อนั้นลูเซียสจึงจับตรวจเช็คดูชีพจรของอัลทานิส โชคดีที่มันยังเต้นอยู่ อาจจะแผ่วเบากว่าปกติเล็กน้อยแต่ไม่ถึงขั้นที่จะเป็นอันตรายอะไรมากนัก ซ้ำแผลไหม้ทั้งหมดทั่วกายาก็เริ่มรักษาตัวช้าๆ กระนั้นมันก็หาได้ดูรวดเร็วอย่างเช่นมารเพลิงสามารถทำได้แม้นว่าทั้งสองจะเคยเป็นหนึ่งเดียวหรือผู้พิทักษ์แห่งเพลิงก็ตามที แต่ดูเหมือนว่าไซอาลอทจะอยู่ในขั้นที่เหนือกว่าอัลทานิสเป็นไหนๆ ในด้านพลังปราณ บัดนี้แผลที่ไหม้เกรียมเริ่มหายเป็นปลิดทิ้ง และลมหายใจก็ถูกขับออกจากร่างของนักดาบผู้นั้น ได้สติตื่นจากการหลับไหลชั่วขณะ

“ไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยนะลูเซียส...” อัลทานิสกล่าวขึ้น “เจ้าควรจะหลบซ่อนตัวให้ห่างจากมารร้ายตนนี้”

วาจาถูกเปล่งออกมาจากปากของนักดาบแลดูไม่ค่อยพึงพอใจเสียเท่าไหร่ มันทำให้ตัวของลูเซียสผู้มีอายุอ่อนกว่าตนหันหน้าไปทางอื่นโดยที่ไม่สบตาเขา ราวกับว่าตนเองก็ไม่พอใจเช่นกันแต่ก็หงุดหงิดกับการที่อัลทานิสกล่าวออกมาเช่นนั้น

“ผมทนเห็นสหายของผมตายต่อหน้าตนเพื่อให้ตัวรอดไม่ได้หรอก!” เด็กหนุ่มกล่าวออกมา เงยหน้าไปมองอัลทานิส นักดาบผู้นั้นมองสายตานั้น มันเป็นดวงตาที่สื่อออกมาซึ่งความจริงจัง แน่นอนว่ามันก็คงจะเป็นการเสียมารยาทหากไม่ยอมรับในสิ่งที่ลูเซียสได้กระทำต่อเขา ยิ่งเป็นการช่วยชีวิตอีกต่างหากถึงอาจจะเป็นสักพักก็ตามที

“ขอบใจ...” อัลทานิสกล่าววาจาของตนขึ้น แสดงถึงการขอบคุณที่ลูเซียสได้ช่วยชีวิตของตนเอาไว้

  เมื่อนั้นผู้รู้จักรวาลจึงลุกขึ้นยืน ใช้มือจับดาบของตนเองที่หล่นอยู่ผืนดินขึ้นมา กำมันไว้แน่นบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าสงครามนี้หาได้จบลง สายตาจดจ้องเข้าไปหามารเพลิงที่เริ่มฟื้นฟูตนเองจากบาดแผลเมื่อครู่จนสมบูรณ์ มันเป็นสายตาที่มองดูด้วยความโกรธแต่ในขณะเดียวกันมันก็สื่อออกมาซึ่งความเกรงกลัวต่อไฟที่เหนือกว่าตนเอง เช่นเดียวกันกับลูเซียส เขาเคยสัมผัสพลังปราณของไซอาลอทมาด้วยตนเองแล้วทั้งด้านกายภาพและจิต จึงรู้ซึ้งดีว่ามารเพลิงตนนี้มีศักยภาพเช่นใด หากมองในด้านดีพวกเขาก็อาจจะมีหนทางที่จะเอาชนะมารเพลิงตนนี้ได้ เพราะพวกเขาทั้งสองรู้ดีที่สุดว่ามารเพลิงเป็นเช่นไร แต่หากจะมองในด้านลบละก็มันคงจะไม่มีโอกาสเลยที่พวกเขาจะสามารถโค่นล้มเพลิงพิโรธนี้ได้ จากสถานการณ์ในตอนนี้มันก็คงบอกไม่ได้ซะทีเดียวว่ามันควรจะมองในด้านดีหรือลบกันแน่ จริงอยู่ที่อัลทานิสจะสามารถสร้างความเสียหายด้านกายภาพได้ แต่การที่จะโจมตีไซอาลอทได้โดยตรงนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย บุคคลที่มีทักษะ ความเฉลียวฉลาดและสัญชาตญาณในการต่อสู้เช่นเพลิงพิโรธนั้น ต่อให้ผู้ใช้พลังปราณระดับสูงก็แทบจะแตะต้องตัวเขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ จึงไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายนักที่พวกเขาออกการโจมตีโดยตรงเข้าไปได้ ไหนจะทั้งเรื่องที่ไซอาลอทมีปราณไร้ขีดจำกัดสามารถสร้างม่านพลังคลุมกายได้อีกต่างหาก

  มารเพลิงที่ถูกสะบั้นศีรษะของตนไปเมื่อครู่สะบัดคอของตนไปมา ราวกับกำลังเช็คดูว่ามันมีสภาพพร้อมที่จะใช้งานแล้วหรือยัง ทั้งมีที่ลูบคลำไปมาบริเวณลำคอราวกับเกรงว่าจะเกิดแผลฉีกขึ้นมาอีก ไม่นานนักเขาจึงหันไปมองแก่ปรปักษ์ทั้งสองที่อยู่เบื้องหน้าของตน ท่าทางที่แสดงถึงความต่อต้านเช่นนั้นหาได้สร้างความเกรงกลัวต่อเพลิงพิโรธเลยแม้แต่น้อย เขารู้สึกยินดีด้วยซ้ำที่การต่อสู้นี้หาได้จบลงในทันที รอยยิ้มฉีกออกมาจากปากของตน แสยะยิ้มต่อนักสู้เหล่านั้น ใบหน้านั้นมีแต่เป็นการแสดงความน่ารังเกียจแก่ตัวของนักสู้ และมันก็เป็นการขู่ต่ออัลทานิสและลูเซียสในระดับหนึ่งเช่นกัน แน่นอนว่ารอยยิ้มนั้นทำให้นักสู้ทั้งสองขนลุก ตั้งท่าเตรียมสู้ แสดงถึงความเกรงกลัวต่อมารเพลิงออกมาอย่างชัดเจน เช่นนั้นแล้วไซอาลอทจึงกำดาบคาตานะที่ไม่ใช่ของตนเองไว้แน่น ตั้งท่าเตรียมพร้อมที่จะต่อกรเช่นกัน ท่าทีเช่นนั้นบวกกับจำนวนคู่ต่อสู้ที่เพิ่มขึ้นทำให้ข้ารับใช้แห่งเพลิง ราธ รู้สึกตัวว่าคงไม่ใช่เรื่องดีแน่หากตนเองยังคงนิ่งเฉยไม่เข้าไปช่วยต่อนายท่านแห่งตน เขารุดตัวไปข้างหน้าแต่ไม่กี่ฝีก้าวเท่านั้นตัวเขาก็หยุดลงในทันที นั่นเพราะไซอาลอทยกมืออีกข้างของตนขึ้น มันเป็นภาษามือของคำว่าห้าม อย่า หรือหยุด

“ให้ข้าจัดการสองคนนี้... เป็นกาลส่วนตัว” มารเพลิงกล่าวขึ้นโดยมิได้หันไปสบตาราธเลย

  เมื่อได้ยินคำกล่าวเช่นนั้น ข้ารับใช้ผู้จงรักภักดีผู้นี้ไร้การขัดแย้งอันใดต่อตัวของไซอาลอท แม้นว่าตนจะดูไม่ค่อยพอใจก็ตามทีที่มารเพลิงดื้อรั้นไม่ยอมรับการช่วยเหลือจากเขาเช่นนี้ แต่เขาก็มิอาจจะทำอะไรได้ นักดาบแห่งวอยด์ถอยฉากกลับไปแต่โดยดี ยืนนิ่งไร้ปฏิกริยาที่แสดงถึงภัยต่อนักสู้ผู้กล้าทั้งสองเลย เมื่อนั้นเพลิงพิโรธจึงหันกลับไปหาตัวของอัลทานิสและลูเซียส ก่อนที่ตัวดาบของอัลทานิสที่อยู่ในมือของไซอาลอทจะเกิดประกายเพลิงขึ้น และกลายเป็นดาบคมไฟไปโดยปริยาย สิ่งนั้นสร้างความประหลาดใจให้แก่เจ้าของดาบอย่างชัดเจน ซึ่งมันก็ไม่แปลกที่เขาจะคิดเช่นนั้น โดยปกติแล้วศาสตราวุธจะรับพลังปราณเฉพาะจากปราณธาตุเดียวกันและได้รับการยอมรับจากตัวอาวุธนั้นๆ เองเท่านั้น เพราะในหลักความเชื่อของผู้คนของดวงดาวแห่งนี้นั้น อาวุธก็เหมือนกับอุปกรณ์ช่วยเหลือ แต่ไม่ใช่แค่เจ้าของอาวุธจะเลือกมันเท่านั้น แต่ตัวของอาวุธนั้นๆ เองก็ต้องเลือกตัวผู้ใช้งานเช่นกัน มันจึงจะสามารถแสดงศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ จึงไม่ค่อยเห็นนักในวงการยุทธภพที่จะมีการใช้อาวุธที่ไม่ใช่ของตนเองเช่นนี้ แต่ในกรณีของไซอาลอทกระทำที่ประจักษ์ต่ออัลทานิสนั้นแตกต่างออกไป คงเป็นปราณของมารเพลิงที่แกร่งกล้าจนถึงขั้นทำให้อาวุธของนักดาบสยบต่อเพลิงร้ายได้

“ด้วยความที่พวกเจ้าคือสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยข้าเอง...”
“และความกล้าที่พวกเจ้ามีมากพอที่จะยืนต่อหน้าของข้า”
“ข้าก็ต้องจัดการพวกเจ้าเป็นกาลส่วนตัวด้วยน้ำมือข้าเอง..” มารเพลิงกล่าววาจาของตนเองขึ้น “ว่าไง... พร้อมที่จะเริ่มการต่อสู้แล้วรึยัง?”

แม้นวาจาบ่งบอกถึงความเพรียบพร้อมโดยมารร้ายถูกสื่อออกมาแล้วก็ตามที แต่ปรปักษ์ทั้งสองก็หาได้กล้าที่จะเข้าโจมตีโดยตรง ดูท่าว่านักสู้ทั้งสองจะตระหนักดีว่าหากรุดตัวไปอย่างโง่เขลาคงจะมีจุดจบที่ไม่สวยนัก ต้องมีการวางแผนเตรียมการอย่างชาญฉลาดและไม่ทำอะไรบู่มบ่ามจนเกินไป ลูเซียสเริ่มขยับตัวเข้าใกล้อัลทานิสผู้รู้จักรวาลเรื่อยๆ ราวกับว่าตนเองต้องการที่จะพูดอะไรต่อให้โดยให้แค่ชายผู้นั้นเพียงคนเดียวสามารถได้ยินวาจาตน

“หวังว่าท่านคงจะมีแผนการที่จะพอให้เราสามารถต่อกรกับมารเพลิงตนนี้ได้นะ..” เด็กหนุ่มสวมแว่นกล่าวถามขึ้น

มันหาได้มีการตอบรับอันใดจากอัลทานิสเลย ซึ่งก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกในตอนนี้หรอก

“...ไม่มี” นักดาบผู้นั้นกล่าวตอบอย่างตรงไปตรงมา “ท่าทางของเราทั้งสองตอนนี้แทบจะไม่มีโอกาสที่จะเอาชนะมารเพลิงได้เลย”
“ลำพังแค่การโจมตีของข้าไม่อาจจะโค่นมันลงได้อย่างเด็ดขาดแน่ๆ”
“จริงสิ.. รู้สึกว่าในทางทฤษฏีแล้วพลังธาตุเดียวกันจะสามารถหักล้างกันได้” ชายสวมแว่นกล่าวแทรกขึ้นมา
“ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ที่พลังแห่งบาปของผม ซึ่งก็แกร่งในระดับหนึ่ง... อาจจะพอที่จะทำอะไรมารร้ายก็ได้”

การบรรยายไปโดยหนุ่มมากรู้ผู้นั้นดูท่าจะเป็นการสร้างความสนใจให้แก่อัลทานิสพอควร นักดาบผู้นั้นหันไปมองลูเซียสด้วยสายตาที่ดูแปลก ราวกับไม่ค่อยเชื่อใจในสิ่งที่หนุ่มผู้นี้พูดออกไปเสียเท่าไหร่นัก

“ผมลองอ่านมาจากในหนังสืออ่ะครับ...” เด็กหนุ่มกล่าวพูดเชิงแก้ขัดให้ตัวเองดูไม่ขายหน้านัก
“มันก็มีความเป็นไปได้ละนะ” อัลทานิสกล่าวตอบรับ “ยังไงซะพวกเราก็ควรที่จะร่วมมือกันจัดการมารตนนี้”
“เห็นด้วย”

  ทั้งอัลทานิสและลูเซียสแลดูจะตกลงกันได้ พวกเขาเตรียมปราณและอาวุธของตน เพรียบพร้อมที่จะต่อกรกับเพลิงแห่งความตายเบื้องหน้า ปราณสีทมิฬของเด็กหนุ่มสวมแว่นก่อเกิดขึ้นมาทั่วแขนทั้งสองข้างของตนเอง กลายเป็นหัตถ์แห่งอสูรขนาดใหญ่ที่สามารถขย้ำร่างของคนธรรมดาให้ขาดสะบั้นได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว เช่นเดียวกับอัลทานิสที่ฝังปราณลงไปในดาบของตนเอง แต่มันหาได้เกิดเพลิงไหม้เฉกเช่นเดียวกับที่ไซอาลอทได้กระทำ มันเป็นการเสริมความแกร่งของดาบให้คมและแข็งแรงมากยิ่งขึ้น ทันใดที่ไซอาลอทเห็นเช่นนั้นก็แสดงท่าทางอย่างพึงพอใจ ค่อยๆ เดินเข้าไปหาทั้งสองคน แกว่งดาบของศัตรูไปมา มันดูเชื่องช้ายิ่งกว่าไม้พายเรือ แต่พลังปราณกลับหาได้เป็นเช่นนั้น มันดูหนักแน่นน่ากลัว แต่แล้วจู่ๆ มารเพลิงก็หยุดขยับตัวลง พร้อมกับสีหน้าที่แสดงออกมาราวกับตนเองได้ลืมอะไรสักอย่างไปก่อนที่จะหันไปมองแขนของตนเองที่ถูกตัดขาดออกไปโดยคมดาบแห่งอัลทานิส บาดแผลที่ยังลุกไหม้โดยเพลิงรุ่งอรุณ เพลิงที่คอยเผาไหม้เซลล์ชีวิตที่ฟื้นฟูไซอาลอทอยู่ตลอดเวลา

“เกือบลืมไป...”

  มารเพลิงกล่าววาจาดูพิกลออกมา จู่ๆ เขาจะปักดาบแห่งเพลิงของอัลทานิสลงบนพื้นปฐพีก่อนที่มารร้ายตนนั้นจะใช้มือข้างเดียวที่ยังเหลืออยู่ปัดเพลิงสีส้มอ่อนออกไปจากบาดแผลที่อยู่บนบาดแผลนั้น น่าแปลกคือไซอาลอทกล่าวออกไปด้วยตัวเองว่าเพลิงนี้มิอาจจะมอบดับได้แม้แต่ว่าตนเองจะใช้วิธีใดก็ตาม แต่สิ่งที่ปรากฏกลับกลายเป็นว่าเขากำลังพยายามที่จะดับเพลิงนี้ลง และมันก็เริ่มเป็นไปตามที่มารร้ายคาดหวัง... อัคคีแห่งดวงตะวันมอบดับลงด้วยน้ำมือของมารเพลิง ก่อนที่ไซอาลอทจะใช้มือข้างเดิมของตนเองลูบไปตามบาดแผลทุกส่วนที่ลุกไหม้ด้วยเพลิง และเพลิงเหล่านั้นก็หายไปจนสิ้น ไม่เหลือแม้แต่แสงอันริบหรี่ เช่นนั้นแล้วใบหน้าของมารเพลิงจึงแปดเปื้อนไปด้วยรอยแสยะยิ้มอันพึงพอใจ ราวกับว่ามันกำลังเป็นไปตามที่ตนคาดการณ์เอาไว้แทบทุกอย่าง สิ่งนั้นยิ่งเป็นการทำให้อัลทานิสหวาดกลัวเสียยิ่งกว่าเดิม และไม่เชื่อในสายตากับสิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า

“ฮ่าฮ่าฮ่า” มารเพลิงระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “เจ้าคิดงั้นหรือว่าเพลิงที่เย็นเฉียบเช่นนี้จะทำอะไรคนอย่างข้าได้?!”
“ข้าเพียงแค่หยอกล้อให้เจ้าตายใจเท่านั้น.. เพื่อที่จะให้เห็นความสิ้นหวังของเจ้า”
“และใบหน้าที่กำลังแสดงอยู่นั้น... ช่างเป็นอะไรที่พึงพอใจข้าเสียจริง”

  ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นการจัดฉากเสียทั้งหมด ไซอาลอทได้คาดการณ์ถึงเรื่องเพลิงแห่งอัลทานิสมาแล้วแต่แรกเริ่ม มันกลายเป็นว่าทุกการโจมตีที่อัลทานิสได้ออกโจมตีไปนั้นไร้ผลไปโดยปริยาย ระหว่างที่ไซอาลอทกล่าววาจาของตนนั้นบาดแผลทุกส่วนก็เริ่มสมานเข้า ฟื้นฟูอย่างที่เคยเป็นตามปกติราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย แผลฉีกขาดที่เกิดขึ้นจากคมดาบแห่งอัลทานิสปิดตัวลงสนิท และแขนข้างซ้ายที่ถูกตัดขาดสะบั้นก็เริ่มมีกระดูกงอกออกมาโดยเร็ว ก่อนที่เนื้อเยื่อจะค่อยๆ รวมตัวจนกลายเป็นอวัยวะ กลายเป็นการรักษาแขนของตนโดยสมบูรณ์แบบ เมื่อนั้นมารร้ายจึงยกแขนข้างนั้นของตนขึ้นดู บิดแขนไปมาดูมันราวกับตนได้ของใหม่ เมื่อนั้นตนจึงใช้มือข้างใหม่นั้นหยิบดาบแห่งเพลิงไว้ พลางเดินไปหานักสู้ผู้กล้าทั้งสองช้าๆ โดยไร้ความเกรงกลัว เสียงฝีก้าวที่ใกล้ตัวเรื่อยๆ เพลิงที่ฝ่าเท้าร้อนระอุขึ้นเรื่อย

  ไม่รีรอชักช้าเหล่านักสู้พุ่งตรงเข้าหามารเพลิงอย่างรวดเร็ว ลูเซียสยกแขนของตนขึ้น เหวี่ยงเข้าหามารเพลิงทันใด กงเล็บสีดำดูน่ากลัวเข้าใกล้ร่างของมารร้ายแต่มันกลับถูกชะงักลงด้วยคมดาบคาตานะอัคคี อีกด้านหนึ่งอัลทานิสที่วิ่งเข้าไปหาไซอาลอทอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนทิศทางตรงไปข้างหลังของมารเพลิง ก่อนจะแกว่งคมดาบของตนไปด้วยความเร็วสูง ปลายดาบเข้าแทงใส่กลางหลังของไซอาลอท ตัวดาบฝังลึกลงไปเกือบครึ่งตัวดาบ เป้าหมายการแทงนั้นตรงเข้าสู่หัวใจ ปักลึกราวกับคมดาบได้ถูกบรรเลงออกไปโดยนักฆ่าฉกาจฝีมือ หากเป็นคนธรรมดาหรือต่อให้เป็นผู้มีปราณระดับสูงถูกคมดาบเพลิงเช่นนี้โจมตีเข้าไปยังจุดสำคัญ ร่างคงจะมอดไหม้ไปตามความร้อนระอุไปแล้ว แต่นั่นมิอาจจะโค่นมารเพลิงลงได้ ซ้ำยังเป็นการโจมตีตอบโต้โดยมารเพลิง แผลที่อัลทานิสได้สร้างขึ้นก่อให้เกิดโลหิตเพลิงลาวาพุ่งออกมา ก่อตัวเป็นโครงสร้างเป็นดั่งหนวดปลาหมึกจำนวนมาก มันเข้าจู่โจมใส่อัลทานิสทันใด ชายหนุ่มจึงรีบดึงดาบของตนออกมา ก่อนจะรับการโจมตีอันมากมายเหล่านั้นด้วยดาบเพียงเล่มเดียว ด้วยความเป็นยอดนักดาบมากฝีมือ ดาบเพียงเล่มเดียวจึงเพียงพอที่จะตั้งรับได้ ไม่ต่างจากการใช้โล่ขนาดยักษ์กำบังกายาจากภัยทั้งปวล

  ในระหว่างเดียวกันนั้นเองไซอาลอทใช้ขาของตนถีบร่างของเด็กหนุ่มผู้เป็นบุตรของตนออกไป ร่างของเด็กหนุ่มกลิ้งเกลือกตามแรงกระแทก เขาลุกขึ้นทันใดแต่ไม่ทันความว่องไวของมารเพลิง ปีศาจร้ายใช้มือของตนบีบเข้ากลางลำคอของเด็กหนุ่ม สร้างความเจ็บปวดทรมาณให้แก่บุตรของตน มือแห่งเพลิงแผดเผาผิวหนังอย่างไร้ปราณีโดยที่ลูเซียสมิอาจจะต่อกรกลับได้ เพียงชั่วพริบตานั้นเองอัลทานิสกระโจนตัวเข้าไปหาไซอาลอทอย่างรวดเร็ว ใช้เท้าเตะเข้าไปกลางอกของมารเพลิง ดูเหมือนว่านักดาบเพลิงผู้นี้จะจัดการกับโลหิตลาวาไปจนหมดสิ้นแล้ว แรงเตะนั้นทำให้เด็กสวมแว่นผมสั้นสีดำหลุดจากการจับกุมของเพลิงพิโรธอีกทั้งมารเพลิงที่ปลิวออกไปโดยไม่ทันได้ตั้งตัว เช่นนั้นแล้วทั้งสองจึงออกแรงโจมตีใส่มารเพลิงเข้าเต็มแรง ดาบคมไฟฟาดฟันใส่อกของมารร้ายจนเปิดแผลกว้าง ผู้ใช้ปราณดำจึงเปลี่ยนรูปร่างของดูบาร์นกลายเป็นหอกขนาดใหญ่แทงเข้าไปใส่ร่างของเพลิงพิโรธ มันหาได้ทะลุร่างของไซอาลอทแต่ดูบาร์นเหล่านั้นติดเข้าไปในร่างของมารเพลิง ผนึกเข้าไปในร่างแห่งเพลิง

  ดูบาร์นเริ่มซึมตัวเข้าไปภายในกายาแห่งเทพอัคคี กัดกินเนื้อเยื่อของปีศาจร้ายช้าๆ ดูเหมือนมันจะเป็นไปตามที่เด็กหนุ่มมผู้นี้คาดการณ์ไว้ สสารธาตุเดียวกันสามารถหักล้างกันได้ และทฤษฏีการใช้งานของศพเดินได้แห่งไซอาลอทก็เป็นวิชาแห่งบาป มันจึงมีปฏิกิริยาอย่างแรงต่อร่างของมารเพลิง พลังเมือกสีดำกลืนกินเซลล์ใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นโดยพลังของไซอาลอท ทำให้เขามิอาจจะฟื้นฟูร่างกายได้ตามต้องการ มารร้ายกรีดร้องอย่างทรมาณกับการโจมตีที่ตนได้รับเข้ามาโดยที่ตัวของผู้ใช้ดูบาร์นกดแขนที่คลุมไปด้วยเมือกหนาเข้าไปในบาดแผลลึกลงไปเสียยิ่งกว่าเดิม คงคิดจะแพร่กระจายละอองปราณทั้งหมดเพื่อกัดกินเซลล์ภายในร่างกายจนสิ้น ฟังดูเหมือนจะได้เปรียบแต่มันหาใช่แบบนั้นซะทีเดียว เมือกสีดำคลุมแขนของชายหนุ่มเริ่มเปลี่ยนสีไปเรื่อย กลายเป็นสีส้มเรืองแสงคล้ายดั่งเหล็กไหลที่กระทบกับไอร้อนเป็นเวลานาน หากปล่อยไว้เช่นนี้คนที่จะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบคงจะเป็นตัวของลูเซียสเสียเอง เขาพยายามที่จะดึงมือของตนเองออกจากแผลใหญ่นั้น แต่มันก็ไม่ได้ผล เหมือนกับถูกบีบรัดไว้โดยโลหิตที่จับตัว พันธนาการแขนของลูเซียสจากภายในกายาแห่งเพลิง ทันใดนั้นไซอาลอทผสานปราณเข้าร่างของตน สร้างไอร้อนระดับสูงขึ้น หากไม่รีบดึงแขนออกมาโดยเร็ว แขนของลูเซียสรวมไปถึงร่างกายทั้งหมดคงละลายไปกับความร้อนระอุเป็นแน่

“ท่านอัลทานิส!” ลูเซียสตะโกนเรียกทันใด “ตัดแขนของข้า!”
“อะไรนะ?!”
“ตัดแขนของข้า! เร็วเข้า!”

  เช่นนั้นแล้วอัลทานิสจึงทำตามในสิ่งที่ลูเซียสร้องขอ ดาบอัศวินแห่งคมเพลิงฟาดฟันเข้าไปใส่กงเล็บแห่งดูบาร์น สะบั้นแขนของลูเซียสออกจากร่าง เมื่อนั้นแล้วชายหนุ่มจึงรีบถอยฉากออกไป จับแขนของตนที่โลหิตไหลรินออกจากบาดแผลขนาดใหญ่ เช่นเดียวกับอัลทานิสที่ถอยฉากออกตามเพราะความร้อนที่เกิดขึ้นจากกายาของมารเพลิงนั้นรุนแรงเกินกว่ากายหยาบของตนจะรับได้ ชิ้นส่วนอวัยวะที่ถูกตัดขาดออกไปหลอมละลาย สลายไปกลายไปกับอากาศด้วยเพลิงลาวาก่อนที่บาดแผลขนาดใหญ่ใจกลางอกของมารเพลิงจะค่อยๆ คืนสภาพกลับเป็นปกติ เพียงชั่วพริบตาความเร็วอันน่าเหลือเชื่อประจักษ์แก่ชายหนุ่มนักสู้ทั้งสอง อัลทานิสถูกคมดาบที่ไซอาลอทมีอยู่ในกำมือเหวี่ยงเข้าไปอย่างจัง โชคดีที่เขาสามารถมองการเคลื่อนไหวนั้นทันและรับคมดาบไว้ได้โดยไม่เป็นอันตรายอันใด แน่นอนว่าแรงเหวี่ยงที่ไซอาลอทได้กระทำรุนแรงกว่าเดิมเป็นเท่าตัว แต่อัลทานิสหยั่งถึงสิ่งนั้นดีจึงต้านทานมันไว้ได้โดยที่ไม่ได้รับอันตราย คมดามดึงกลับเข้าหาตัวก่อนที่มันจะบรรเลงวิชาเพลง ความเร็วมันดูผิดปกติแตกต่างจากที่มารเพลิงมักจะกระทำ มันหาใช่ความเชื่องช้าดั่งไม้พายกลางสมุทรอีกแล้ว มันรวดเร็วราวกับกำลังจะสร้างร้อยกรีดสลาตันอย่างใดอย่างนั้น

  แรงเหวี่ยงอันรวดเร็วสร้างคลื่นวายุร้อนระอุ พัดร่างของอัลทานิสกระทบไปมาตามแรงลมโดยที่ลูเซียสมิอาจจะเข้าไปช่วยได้ เด็กหนุ่มสวมแว่นรวบรวมปราณทั้งหมดเข้าที่แขนที่ถูกตัดออกไปเมื่อครู่ ดูบาร์นผุดออกจากบาดแผลปรับเปลี่ยนโครงสร้างจนก่อตัวเป็นสภาพคล้ายอวัยวะแขน ไม่ต่างจากแขนปกติของลูเซียสเสียเท่าไหร่นัก ยกเว้นเพียงแค่มันดูเป็นสีดำทมิฬคล้ายกับโลหะ หมัดเหล็กไหลแห่งดูบาร์นพุ่งตรงเข้าไปหาไซอาลอทด้วยความเร็วที่เทียบเท่ากับกระสุนปืน แต่มันก็หยุดชะงักลงด้วยคมดาบไฟที่มารเพลิงใช้ ในจังหวะนั้นเองอัลทานิสจึงรีบออกเพลงดาบฟันเข้าใส่ขาของมารเพลิง การโจมตีนั้นทำให้ไซอาลอททรุดตัวลงในทันที คงจะเป็นเพราะบริเวณที่ถูกตัดออกไปเป็นเส้นเอ็น แม้นจะมีกระบวนการรักษาตัวแต่ก็คงใช้เวลาสักพักจนกว่าที่จะตั้งตัวได้ การโจมตีนั้นทำให้มารเพลิงตื่นตัว ตกใจจนเสียจังหวะ ทำให้หมัดของลูเซียสซัดเข้าใส่ดาบคาตานะเพลิง ทำให้ดาบเล่มนั้นหลุดออกจากมือของมารร้าย ในช่วงเวลาที่คมดาบกำลังลอยไปตามอากาศ อัลทานิสไม่ชักช้ารีรอรีบหยิบดาบเล่มนั้นกลางอากาศ เมื่อนักดาบคู่ผู้นี้มีดาบทั้งสองเล่มอยู่ในมือ จึงบรรเลงเพลงกระบวนท่าคมดาบซัดเข้าใส่มารเพลิงนับพัน พันดาบเพลิงวายุถูกขับออกโดยดาบทั้งสองเล่ม เร็วจนเหลือเชื่อ

  ในระหว่างที่เพลิงพิโรธถูกคมดาบมากมายเหล่านั้นฟันเข้าใส่ร่างกาย ลูเซียสกระโดดถอยตัวกลับไปข้างหลัง นั่งคุกเข่าลงก่อนที่จะปักมือทั้งสองลงผืนดิน ปล่อยพลังปราณสีดำออกไปตามพื้นจนสร้างบริเวณรอบๆ นั้นให้กลายเป็นเมือกตมดิ่งร่างของผู้ที่อยู่ใกล้บริเวณนั้นให้จมลงไป อัลทานิสเริ่มรู้สึกถึงผืนดินที่นุ่มลงจนแทบจะเป็นน้ำ เขารีบกระโดดออกจากบริเวณดังกล่าว ทิ้งให้มารเพลิงจมลง ไซอาลอทพยายามจะดิ้นตัว ใช้มือกดผืนดินเพื่อให้ตัวเองหลุดออกจากบ่อพันธนาการที่ลูเซียสได้สร้างขึ้น แต่การทำงานของบ่อดูบาร์นนี้ก็เหมือนดั่งทรายดูด ยิ่งขยับตัวมากเท่าไหร่ร่างก็ยิ่งจมลงไปมากเท่านั้น จนท้ายที่สุดกายาทุกส่วนถูกบ่อแห่งดูบาร์นกลืนกินเข้าไป เหลือเพียงแค่มือที่ยื่นออกมาจากโคลนตมสีดำที่มิอาจจะขยับได้ มันค่อยๆ จมลงไปตามร่างของไซอาลอท จนท้ายที่สุดก็หายไปในพริบตา ทางด้านของผู้ใช้วิชาปราณนี้ดึงมือที่ปักใต้ผืนดินขึ้น ก่อนที่จะผสานพลังเข้าที่มือทั้งสองและตบลงไปกับพื้น ทันใดที่ปราณถูกขับออกสู่ผืนดินมันให้พันธนาการแห่งดูบาร์นแข็งตัวในทันที กลายเป็นวิชาผนึก สุสานดูบาร์น...

อัลทานิสรอบไปโดยรอบ มันเป็นท่าทางของคนที่ยังคงระแวงอยู่ อย่างกับกำลังมองหาอะไรสักอย่างที่ตนสามารถรู้สึก แต่ไม่อาจจะมองเห็นด้วยตาเปล่า ท่าทีเช่นนั้นสร้างความสงสัยให้แก่ลูเซียส แต่เขาก็เหนื่อยเกินกว่าที่จะถามมันออกไป เด็กหนุ่มผู้นี้ใช้ปราณไปมากกว่าครึ่งส่วนของร่างกาย เหลือเพียงแค่ปราณโดยมากที่ใช้เป็นตัวช่วยในการทำงานของร่างกายเท่านั้น

“ข้ายังคงรู้สึกถึงไอปราณของมัน...” อัลทานิสกล่าว
“ผมก็รู้สึกเช่นกันครับ แต่.. มันจะไม่ใช่ปราณที่เอ่อล้นออกมาจากกายาของไซอาลอทหรอกหรือ?”
“เป็นไปได้” อัลทานิสกล่าว “แต่มันขยับไปมาผิดธรรมชาติเกินกว่าที่จะเป็นปราณที่ล้น”
“ระวังตัวให้ดี!”

คำเตือนของอัลทานิสสร้างความสนใจให้แก่ลูเซียส เขาค่อยๆ ลุกขึ้นมา ผสานดูบาร์นเข้าทั่วทั้งกายาให้กลายเป็นดั่งโลหะคลุมกาย วิชาป้องกันชนิดหนึ่งที่ลูเซียสจะพอทำได้ ทั้งสองมองไปรอบข้างโดยที่ไม่อาจจะคาดเดาได้ว่าไซอาลอทจะทำอะไร หรือโจมตีตอบโต้พวกเขาด้วยวิธีอันใด แม้เวลาจะล่วงเลยกว่าหลายนาทีแล้ว แต่ความคาใจ ระแวงก็หาไม่ที่จะถูกสลัดออกไปจากจิตใจของนักสู้ทั้งสอง คนระดับอย่างไซอาลอทเองก็คงไม่ใช่พวกที่จะถูกจัดการได้ง่ายเพียงนี้อยู่แล้ว

“ครืดดดด!”

  เสียงการไหวตัวของผืนปฐพีดังขึ้น ก่อนที่จะแหวกออกกลายเป็นรูขนาดที่ใหญ่พอที่จะให้ชายร่างสมส่วนไปใหญ่สามารถรอดผ่านได้ ไซอาลอทผุดตัวขึ้นมาจากช่องผ่านนั้นโดยไว มันอยู่เบื้องหลังของชายหนุ่มนักดาบ อัลทานิสหันกลับไปหามารเพลิงแต่ไม่ทันกาล ถูกไซอาลอทใช้หัตถ์ของตนบีบคอของเขาไว้ก่อนที่จะเหวี่ยงออกไปโดยเร็วด้วยกำลังมหาศาล ร่างของอัลทานิสพุ่งเข้ากระแทกใส่กับอาคารเรือนหลายช่วงตึก ทะลุผ่านตึกเหล่านั้นจนทำให้อาคารเหล่านั้นพังทลายจนสิ้น ลูเซียสพยายามตอบโต้ด้วยแขนเทียมของตน พุ่งหมัดตรงไปหาไซอาลอทแต่กลับถูกจับไว้ได้อย่างรวดเร็ว เขาสู้พลกำลังที่เหนือกว่าตนหลายเท่าไม่ได้ จึงไม่อาจจะดึงหมัดนั้นกลับเข้าหาตัวได้ มืออีกข้างของมารเพลิงยกขึ้นที่เบื้องหน้าของบุตรชายแห่งตน รวมรวบพลังมหาศาลไว้ราวกับจะยิงมันออกไปด้วยพลังทำลายล้างระดับสูง ผู้ใช้ปราณดูบาร์นพยายามจะปลีกตัวออกแต่ไม่เป็นผล สิ่งเดียวที่ตนมองเห็นเบื้องหลังแสงเพลิงแห่งปราณมีเพียงใบหน้า รอยแสยะยิ้มอย่างมีความสุขของมารร้ายเท่านั้น จนเมื่อเขารู้สึกตัวอีกทีอานุภาพพลังการทำลายล้างมหาศาลนั้นก็กระทบใส่ร่างกายของตนแล้ว

“บรึมมมมมมม!” คลื่นพลังปราณขนาดใหญ่ซัดเข้าใส่ร่างของลูเซียส มันสร้างแรงทำลายล้างจนทำให้ทุกอย่างเบื้องหน้าที่ถูกกระทบด้วยปราณเหล่านั้นแหลกเป็นผุยผง

โชคดีที่ลูเซียสพอจะตระหนักถึงความรุนแรงของพลังปราณ จึงใช้ปราณดูบาร์นคลุมกายไว้ให้ตนพ้นจากอันตราย แต่ก็พอได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยและปลิวออกไปตามแรงที่ซัดเข้าใส่ ชายหนุ่มพยายามตั้งหลักแต่ปรปักษ์แห่งตนหาได้ยอมให้เป็นเช่นนั้น ไซอาลอทพุ่งตัวเข้าหาลูเซียสโดยไว กำหมัดก่อนที่จะซัดเข้าใส่ท้องของเด็กหนุ่ม มันทำให้ร่างผู้ใช้ปราณดูบาร์นปลิวออกไปไกล มารเพลิงทำซ้ำเช่นนี้ไปเรื่อยโดยที่หัวเราะอย่างเริงร่า รู้สึกสนุกสนานกับสิ่งที่ตนกำลังกระทำ ลูเซียสไม่มีโอกาสที่จะสามารถตั้งรับการโจมตีที่ไวยิ่งกว่ากระสุนปืนได้ เขาถูกหมัดเหล่านั้นซัดซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนร่างลอยไปตามอากาศอย่างไร้สิ้นสุด

  ชั่วพริบตานั้นเองนักดาบฟื้นสติ กระโจนตัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว ตั้งดาบทั้งสองเล่มหน้าฉากขนานเบื้องหน้าของตน พุ่งเข้าชนใส่ไซอาลอทด้วยความเร็วสูงอย่างกับปืนใหญ่เพลิงที่ถูกขับออกจากปากกระบอกปืน มันซัดร่างของมารเพลิงลอยขึ้นไปเหนืออากาศ ปลิวไปไกลจากตัวของอัลทานิส นักดาบผู้นั้นหยุดตัวลงทันใดก่อนที่จะเก็บดาบทั้งสองเข้าฝัก รวมปราณเข้าที่มือและเสกอาวุธปืนคู่ที่มือทั้งสองข้าง เมื่อนั้นกระสุนจึงถูกขับออกไป ลั่นไกปืนรัวออกราวกับกระสุนปืนหาได้มีคำว่าสิ้นสุด ห่าฝนเพลิงขนาดเล็กพุ่งเข้าใส่ไซอาลอท ก่อนที่บอลเพลิงเหล่านั้นจะเข้าใกล้ตัวของมารร้ายได้ ไซอาลอทได้หยุดตัวลงกลางอากาศ ลอยอยู่เหนือผืนดินราวกับผู้วิเศษ ทันใดนั้นหน้าอกของเขาจึงเปล่งแสงขึ้น แปรสภาพกลายเป็นหัวมังกรที่ผุดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง มันยิงกระสุนบอลเพลิงตอบโต้ใส่กับพลังปราณที่อัลทานิสขับออกมา กลายเป็นคลื่นพลังซัดใส่กัน ต้านพลังกันโดยที่ทั้งคู่หาได้หยุดกระบวนท่าเลย ราวกับว่าจะวัดดวงกับการโจมตีนี้ซึ่งผู้ใดที่มีปราณเหนือกว่าก็ย่อมมีความได้เปรียบหลายเท่าอยู่แล้ว และผู้ที่ได้เปรียบก็คือไซอาลอท ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ บอลเพลิงสีส้มเข้มแห่งความตายเริ่มทำลายล้างกระสุนปราณแห่งรุ่งอรุณมากขึ้นและมากขึ้นเท่านั้น

“ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปท่านอัลทานิสคงรับกาารโจมตีเหล่านั้นไม่ไหวแน่...”
“ต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว”

  เด็กหนุ่มลูเซียสพร่ำบ่นขณะที่ตนกำลังมองการต่อสู้อันดุเดือดของผู้พิทักษ์แห่งเพลิงอยู่ เขาก้มลงไปมองดูพลังดูบาร์นของตนที่เริ่มกรีดร้อง มันเป็นท่าทางที่แม้แต่ตัวของลูเซียสก็ไม่เคยประสบพบเจอมาก่อน มันหาใช่ความกลัวที่มีต่อไซอาลอทแต่มันเหมือนกำลังพยายามสื่อสารอะไรสักอย่างกับลูเซียส ราวกับมันมีความคิดเป็นของตนเอง เด็กหนุ่มหาได้พูดกล่าววาจาอะไรตอบ แต่ปฏิกริยาของเขาก็คงเป็นคำตอบที่มากพอว่าเขาคิดจะทำอะไร เมื่อนั้นพลังปราณแห่งดูบาร์นทั้งหมดจึงเริ่มคลุมร่างของเด็กหนุ่มทั่วทั้งกายา กลายเป็นชุดเกราะแห่งดูบาร์นที่มีสภาพคล้ายดั่งปีศาจร้ายแห่งเงามืด กลายเป็นหนึ่งเดียวกับพลังแห่งบาป หนึ่งเดียวกับดูบาร์น ผสานชีวิตเข้าจนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตใหม่ที่เหนือกว่าสิ่งที่เขาเคยเป็นมาโดยตลอด ปีศาจบ้าคลั่งแห่งดูบาร์น
ขึ้นไปข้างบน Go down
https://www.facebook.com/BillAlfenolf
Neferpitou
Moderators
Moderators
Neferpitou


จำนวนข้อความ : 552
Join date : 05/12/2012
Age : 28
ที่อยู่ : The Facility of Banned Organizer

Cataclysm: The Endless Hellfire XLVI Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: Cataclysm: The Endless Hellfire XLVI   Cataclysm: The Endless Hellfire XLVI EmptySat May 13, 2017 9:21 pm

เมื่อนั้นร่างปีศาจจึงตรงเข้าไปหาไซอาลอทอย่างรวดเร็ว มือของมันเปลี่ยนสภาพกลายเป็นกงเล็บขนาดใหญ่รัวฟันเข้าใส่มารเพลิงโดยที่เพลิงพิโรธไม่ทันได้ตั้งตัว มันทำให้กระบวนท่าบอลเพลิงรัวหยุดชะงักลงแล้วถูกโจมตีโดยปีศาจคลั่ง การโจมตีที่เร็วผิดมนุษย์ และดูบาร์นที่งอกออกจากร่างปีศาจลูเซียสมีสภาพคล้ายกับอาวุธหลากชนิดเข้าจู่โจมใส่มารเพลิง ดูบาร์นส่วนหนึ่งแปรสภาพเป็นค้อนขนาดยักษ์ทุบเข้าใส่หัวของเทพอัคคี ดิ่งร่างของไซอาลอทจมลงสู่ผืนดิน มันพุ่งตัวตามไซอาลอทลงไปโดยที่ดิ่งมือทั้งสองข้างลง ขายื่นเหนือหัว และดูบาร์นก็ก่อตัวขึ้นเปลี่ยนสภาพทั่วทั้งกายาของลูเซียสให้กลายเป็นหอกขนาดยักษ์พุ่งเข้าใส่ตัวของมารเพลิงเข้าอย่างแรง

“ตูมมมมมมม!”

  แรงระเบิดขยายตัวออกเป็นวงกว้าง ฝุ่นควันตลบอบอวนไปทั่วบริเวณ มันขยายตัวออกอย่างรวดเร็ว อัลทานิสยกมือของตนขึ้นบังหน้าเพื่อไม่ให้ฝุ่นควันเหล่านั้นเคืองตา เขาแทบจะมองอะไรไม่เห็นจากข้างหน้าเลย แถมลมจากแรงระเบิดก็มากเกินกว่าที่จะทำให้เขาลืมตาขึ้นมาได้ ไม่นานนักทุกอย่างก็หยุดลง ฝุ่นควันเริ่มสลายหายไป สภาพตกอยู่ในความเงียบงัน ยกเว้นที่เบื้องหน้าของชายหนุ่มผู้นั้นปรากฏซึ่งไซอาลอทที่ถูกตรึงร่างเอาไว้โดยดูบาร์นและตัวของลูเซียสเองที่จับร่างของมารเพลิงไว้แน่น ดูบาร์นเริ่มสลายตัวไปช้าๆ ซ้ำมันเริ่มทำให้ชุดเกราะสีดำของลููเซียสที่ถูกสร้างขึ้นโดยดูบาร์นสลายตัวลงไปช้าๆ ปรากฏเห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มสวมแว่นที่ตกอยู่ในสัญชาตญาณคลั่งแห่งปีศาจ เขามองไปหาอัลทานิสในทันที

“ท่านอัลทานิส! ปิดฉากซะ!” เสียงของลูเซียสที่ปนไปได้น้ำเสียงของปีศาจถูกเปล่งออกมา
“แต่เจ้า...”
“เร็วเข้า! ใช้กระบวนท่าสูงสุดของท่านจัดการมันเดี๋ยวนี้!”

  นักดาบไม่กล่าววาจาอะไรซ้ำซากอีก ตนทิ้งปืนทั้งสองกระบอกลงสู่พื้น ยื่นมือทั้งสองไปเบื้องหน้า ผสานมือทั้งสองเป็นรูปสามเหลี่ยมโดยที่ในตัวสามเหลี่ยมเป็นร่างของไซอาลอทและลูเซียส มันดูเหมือนเป็นการเล็งเป้าหมาย ทันใดนั้นเองจึงเกิดพลังปราณระดับสูงขึ้นเบื้องหน้าของชายหนุ่มอัลทานิส เป็นก้อนพลังใหญ่คล้ายกับอุกกาบาตแห่งเพลิง จากอานุภาพและขนาดที่ปรากฏอยู่ในตอนนี้มันมีความเป็นไปได้ที่พลังนี้จะสามารถทลายเมืองให้แหลกเป็นจุลก็ได้ แต่สภาพในตอนนี้เมืองหลวงแห่งนี้ก็หาได้มีความสำคัญแล้ว มันมีสภาพกลายเป็นซากไปแต่เนิ่นแล้ว น่าแปลกที่ว่าอัลทานิสกำลังออกกระบวนท่าทำลายล้างสูงคล้ายดั่งไม้ตายสุดยอด แต่ตัวของราธเองก็หาได้มีท่าทีที่จะเข้าไปยุ่งหรือหยุดการโจมตีนั้นเลย เขายังคงนิ่งเฉย มองดูการต่อสู้นั้นราวกับยังคงไม่คิดจะขัดคำสั่งของไซอาลอท

  และแล้วมันก็ถูกยิงออกไป บอลเพลิงขนาดยักษ์ทำลายล้างทุกอย่างที่อยู่เบื้องหน้า แผดเผาทุกสิ่งให้แหลกเหลว ไม่มีอะไรสามารถหยุดการโจมตีนั้นได้เลย อานุภาพการทำลายล้างทำให้เกิดรอยแหวกแห่งแผ่นดินแผ่ออกเป็นวงกว้าง แล้วมันก็หยุดลงโดยที่ไม่มีอะไรอยู่เบื้องหน้าของอัลทานิสสักอย่างยกเว้นกลุ่มควันโขมงเท่านั้น เขาพอที่จะมองเห็นเศษดูบาร์นที่ถูกเผาไหม้ มันแยกออกเป็นส่วนๆ หลายส่วน กรีดร้องด้วยความทรมาณที่เพลิงแห่งรุ่งอรุณแผดเผามันจนสลายหายไป แต่เหมือนจะไม่มีสิ่งมีชีวิตใดรอดไปจากการโจมตีเมื่อครู่นี้เลย นักดาบแห่งเพลิงที่ใช้กระบวนท่าไปจนเสร็จสิ้นทรุดตัวลงไปกับความเหน็ดเหนื่อย ปราณของตัวเองแทบจะไม่เหลือพอที่จะทำให้ตัวเองลุกขึ้นยืนได้ด้วยซ้ำ ไม่นานนักที่เบื้องหน้าปรากฏเป็นเงาของใครสักคน สภาพดูคล้ายกับปีศาจ แต่มันเหมือนมีแสงไฟผุดออกมา อัลทานิสเห็นเช่นนั้นจึงยกดาบขึ้นตั้งรับ เกรงว่าสิ่งที่ตนทำไปเมื่อครู่อาจจะไม่สำเร็จก็เป็นได้ เสียงฝีเท้าดังขึ้นเรื่อย มันดังขึ้นช้าๆ และร่างของบุรุษก็ผุดออกมาจากกลุ่มควันไหม้...

มันเป็นลูเซียส! เขารอดจากการโจมตีเมื่อครู่นี้ แต่สภาพดูไม่ค่อยสู้ดีเสียเท่าไหร่นัก ดูบาร์นที่เกาะตัวเขาเป็นเกราะแห่งปีศาจเริ่มไหลรินลงสู่ผืนดิน สลายตัวไปช้าๆ เพลิงของอัลทานิสยังคงเผาไหม้ร่างของหนุ่มผู้นี้อยู่ด้วย ร่างของเขามีบาดแผลไหม้เกรียมอยู่หลายจน ทรงผมที่เสียทรงและถูกแผดเผาเล็กน้อยจากปราณเพลิง และเลนส์ของแว่นตัวโปรดของลูเซียสทั้งสองแตกออกเป็นรอย ถึงยังไงก็ตามเขาก็โชคดีที่รอดมาจากการโจมตีนั้นได้ และไร้วี่แววของไซอาลอท

เด็กหนุ่มเดินเข้าไปหาอัลทานิสด้วยแรงทั้งหมดที่มี ก่อนที่จะทรุดตัวนั่งลงต่อหน้าของหนุ่มนักดาบ พวกเขาหันไปมองกลุ่มควันที่เกิดขึ้นจากการโจมตีของผู้รู้จักรวาล พลางหายใจออกมาช้าๆ อย่างเหน็ดเหนื่อย และท่าทีที่ดูโล่งอกจากผลที่ออกมา

“สำเร็จแล้วงั้นหรือ?” อัลทานิสพูดพลางออกมา
“ดะ... ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นครับ” เด็กหนุ่มลูเซียสตอบกลับ

แต่...

  มันกลับเกิดประกายเพลิงเบื้องหลังกลุ่มควันเหล่านั้น ปรากฏเป็นกายาที่ดูคล้ายไซอาลอทไม่มีผิดเพี้ยน แสงไฟที่ส่องสว่างดูน่ากลัวนั้นเจิดจ้าเสียยิ่งกว่าครั้นก่อนๆ เสียอีก ราวกับว่าในตอนนี้มารเพลิงแข็งแกร่งขึ้นเป็นเท่าตัวจากการโจมตีเมื่อกี้ หรือเพราะเขางัดเอาพลังที่แท้จริงของตนมาใช้ก็มิอาจจะคาดเดาได้ และมันก็เป็นอย่างที่ทั้งสองคาดไม่ถึง เท้าแห่งเพลิงเดินออกมาจากกลุ่มควันราวกับว่าตัวเองไม่ได้รับอันตรายอันใดเลย ถึงแม้ว่าร่างของเขาจะมีสภาพสะบักสะบอมไปไม่ต่างจากลูเซียส ควันโขมงและเพลิงรุ่งอรุณยังคงลอยติดอยู่บนร่างของมารร้าย แต่กระนั้นสีหน้าของไซอาลอทหาได้สื่อออกมาซึ่งความเจ็บปวด ทรมาณหรือด้านลบอันใดสิ้น มีเพียงแค่รอยยิ้มอย่างพึงพอใจ มันทำให้ทั้งอัลทานิสและลูเซียสตื่นตระหนก ตกใจอย่างสุดขีด เพราะบัดนี้ทั้งคู่ไม่มีพลังปราณมากพอที่จะต่อกรกับชายผู้นี้แล้ว เมื่อนั้นไซอาลอทจึงหยุดตัวลงเบื้องหน้าของนักสู้ผู้กล้าทั้งสอง มองดูรอบๆ กายาของตนเองที่กำลังรักษาตัวราวกับกำลังเยาะเย้ยนักสู้เหล่านั้น แผลขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นจากอุกกาบาตเพลิงแห่งอัลทานิสสมานเข้าจนหายเป็นปลิดทิ้ง เมื่อนั้นไซอาลอทจึงบิดเนื้อตัวไปมา ยืดเส้นยืดสายอย่างพึงพอใจ

“เจ้าใช้เพลิงสู้กับข้าอัลทานิส... มีแต่เพลิงที่เหนือกว่าเท่านั้นที่จะสยบเพลิงอีกหนึ่ง”
“และกลืนกินเพลิงที่กล้าต่อกร”
“สำหรับพวกเจ้าทั้งสอง... ต่างถูกสร้างขึ้นโดยข้า! โดยพลังแห่งข้า!”
“คิดงั้นหรือว่ากระบวนท่าทุกอย่างของพวกเจ้าจะระคายเคืองข้าได้”
“นั่นคือความพ่ายแพ้แต่แรกเริ่มที่พวกเขากล้าคิดจะสู้กับข้าแล้ว”
“เพราะข้าคือผู้สร้างแห่งเจ้าและพวกเจ้าคือเบี้ยชั้นต่ำ อย่าได้คิดจะเทียบทัดกับพระเจ้า!”

ไซอาลอทกล่าววาจาของตนออกมา ก่อนที่จะยกมือทั้งสองขึ้น เมื่อนั้นเพลิงจึงถูกเสกขึ้นมาจากหัตถ์แห่งความตาย จ้องมองไปยังนักสู้ทั้งสอง

“และบัดนี้... เรื่องราวแฟนตาซีของพวกเจ้าจะจบลง... ด้ว...”

  เพลิงพิโรธยังไม่ทันได้กล่าววาจาจนจบ เขาก็หยุดคำพูดของตนเองลงทันใด มองไปเบื้องหน้าด้วยสีหน้าที่ดูตกใจ และตื่นตระหนก ไม่ต่างจากลูเซียสและอัลทานิส นักสู้ทั้งสองต่างแสดงสีหน้าเช่นเดียวกันกับมารเพลิงออกมา เพราะสิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าคือชุดคลุมสีน้ำตาล กระโปรงที่ถูกตกแต่งด้วยผ้าริ้วสวยงามยาวเกือบถึงเท้า ปนกับผ้าสีขวาที่ประดับอย่างสวยงามทั่วทั้งเครื่องแต่งกาย มันเป็นสตรีผมสีน้ำตาลอายุราวกับลูเซียส เดินมาอยู่เบื้องหน้าของอัลทานิสและลูเซียสราวกับกำลังเป็นโล่กำบังแก่หนุ่มทั้งสอง และนั่นก็เป็นการทำให้เพลิงที่ลุกไหม้ที่หัตถ์ของมารร้ายทั้งสองข้างมอดดับลงด้วยน้ำมือของผู้ใช้พลังเพลิงเอง เขาแทบไม่เชื่อสายตาในสิ่งที่เห็นเช่นเดียวกับลูเซียส... เขาไม่คิดว่าหญิงผู้นี้จะสามารถลุกขึ้นยืนได้เสียด้วยซ้ำ เพราะสภาพของเธอนั้นแทบจะเป็นเหมือนกับเจ้าหญิงนิทราที่รอความตายเบื้องหน้าเท่านั้น แต่สิ่งที่ปรากฏมันกลับหาได้เป็นเช่นนั้นแล้ว เธอดูแข็งแรงแถมปราณแห่งชีวิตเอ่อล้นออกมาผิดจากที่หล่อนเคยเป็นมาโดยตลอด มันเป็นพลังธรรมชาติที่แข็งแกร่งมาก แกร่งจนแทบจะอยํู่ในระดับที่เทียบทัดกับอัลทานิสเลยด้วยซ้ำ

“ไม่จริง....”

“มาเดียร่า...” “วิเลียร่า...”
ขึ้นไปข้างบน Go down
https://www.facebook.com/BillAlfenolf
 
Cataclysm: The Endless Hellfire XLVI
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: