วาริสพยายามออกแรงวิ่งเพื่อแจ้งข่าวให้กับบิลลี่และแฟลมม่า แต่ร่างกายของเขานั้นปวดร้าว แรงกระแทกของแผ่นหลังเขากับกำแพงยังคงไหลเวียนอยู่ในร่างของเขา เอลฟ์ผมดำยืนไหล่พิงกับกำแพง เพื่อพิงร่างของเขาไม่ให้เขาล้มลงกับพื้น ทุกก้าวที่เท้าของวาริสเหยียบลงพื้น ความเจ็บปวดก็จะผุดขึ้นมา ด้วยสภาพร่างกายแบบนี้ของวาริสมันไม่ง่ายเลยที่จะก้าวเท้าไปข้างหน้า เขาอยากจะหยุด เขาอยากจะลงไปนั่งพิงกับพื้น แต่เขาไม่สามารถทำได้ วาริสมีงานต้องทำ เขาพยุงร่างที่เต็มไปด้วยความเสียหายและก้าวไปข้างหน้า ในขณะที่เขาเดินอยู่นั้นเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนอยู่ข้างหลังเขา วาริสเหลือบหันกลับไปก่อนจะเห็นทหารของคิโดร่าสองสามคนกำลังตรงมายังเขา
“ให้ตายซิ ทำไมข้าต้องมาเจอหน้าพวกเจ้าตอนนี้ด้วย” วาริสบ่นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
ทหารของคิโดร่าไม่ได้ตอบอะไร แต่พวกเขาตรงดิ่งเข้ามาพร้อมกับอาวุธในมือ วาริสยื่นมือไปข้างหน้าท่องคาถาเล็กน้อย คลื่นพลังสีเขียวโผล่ออกมาก่อนจะทะลุร่างของศัตรูที่พยายามจะฆ่าเขา ชายในชุดเกราะสีแดงพวกนั้นล้มลงไปกับพื้น เลือดนั้นไหลนองบนพื้นของราชวัง การใช้คาถาเมื่อครู่นี้เหมือนกับเป็นการพลังชีวิตของเขาออกไป สายตาของเขาพร่ามัว วาริสพยายามก้าวเท้าต่อไปข้างหน้าอีก แต่ร่างของเขาล้มลงกับพื้น เอลฟ์ผมดำพยายามใช้แขนของตัวเองดันร่างออกจากพื้น แต่เขาทำไม่ได้ วาริสลงไปนอนกับพื้น
“เจ้าเป็นอะไรไหม?” เสียงของชายปริศนาดังขึ้นมา
สายตาของวาริสพร่ามัว แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังหันไปตามเสียง เขาเห็นภาพรางๆของชายคนหนึ่ง ผิวสีแทน และผมสั้นสีดำ หากดูไม่ผิดชุดของเขาเป็นสีชมพู วาริสรู้จักคนนี้และเขาก็ขานชื่อของชายคนนี้ขึ้นมา
“เวตาล่า?”
=====
“ย๊าก” คาสซานดร้าคำรามพร้อมกับแกว่งดาบของเธอไปข้างหน้า
ดาบของคาสซานดร้าตัดอากาศเพราะกระโดดถอยหลังเพื่อหลบเพลงดาบขององค์ราชินีแห่งอาณาจักรกราเดล อีฟหยิบกระสุนอะไรบางอย่างออกมาก่อนจะบรรจุเข้าไปในกระบอกของเธอ อีฟยกปืนก่อนจะเล็งลงพื้นและลั่นไก คาสซานดร้าที่เห็นอีฟยิงลงพื้นนั้นก็ทำหน้าฉงน ไม่นานนักพื้นก็เริ่มสั่น มันสั่นไม่รุนแรงมาก แต่มันก็ทำให้เธอไม่สามารถทรงตัวได้ องค์ราชินีมองไปที่อีฟที่ดูเหมือนจะไม่มีผลกระทบอะไรเลย หญิงทรงทวินเทลบรรจุกระสุนก่อนจะเล็งมาที่คาสซานดร้า อีฟลั่นไก คาสซานดร้ารีบทิ้งตัวเองไปบนพื้น กระสุนนั้นลอยผ่านตัวเธอก่อนจะผังเข้ากับกำแพงของราชวัง แผ่นดินนั้นหยุดสั่นลง องค์ราชินีพยายามจะลุกขึ้นมา แต่ไม่ทันที่เธอจะลุก เธอก็ถูกอีฟเตะเข้าใส่กลางหน้าท้องเต็มๆ
“อั๊ก” คาสซานดร้าร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
ร่างของเธอกลิ้งออกไปเล็กน้อย คาสซานดร้าพยุงตัวขึ้นมา คราวนี้เธอเจออีฟพุ่งมาพร้อมกับกระโดดยกเท้าสูง แต่คาสซานดร้าจับขาของเธอก่อนจะฟาดเธอลงไปกับพื้น แรงกระแทกนั้นทำให้อีฟร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด คาสซานดร้ายกดาบและจะใช้ดาบเล่มนี้เสียบใบหน้าของอีฟ แต่หญิงในชุดเดรสสีแดงหยิบปืนมารับดาบของเธอไว้ได้ คาสซานดร้าพยายามจะปัดปืนกระบอกนี้ แต่อีฟใช้เท้าทั้งสองข้างถีบเข้าไปที่หน้าท้องของคาสซานดร้า แรงผลักจากเท้าของอีฟทำให้คาสซานดร้าถอยออกไป อีฟถอยออกไปพร้อมกับมองหน้าของคาสซานดร้าที่กุมหน้าท้องของตัวเอง
“ดูเหมือนข้าจำเป็นต้องใช้เครื่องทุ่นแรงแล้วล่ะมั้ง” อีฟพูดกับคาสซานดร้า
ประโยคนี้ทำให้คาสซานดร้าทำหน้าฉงนเล็กน้อย อีฟยกมือขึ้นก่อนจะดีดนิ้ว เสียงดีดนิ้วดังขึ้นในฮอลล์ที่ว่างเปล่า หลังจากที่สิ้นเสียงดีดนิ้วแล้วทุกอย่างนั้นเงียบสงัด แต่ความเงียบนั้นไม่นานก็ถูกทำลายลง เสียงของฝีเท้าของใครบางคนดังขึ้นมา มันเป็นเสียงฝีเท้าที่หนักแน่น เพียงแค่เสียงฝีเท้านั้นคาสซานดร้าก็รู้แล้วว่าสิ่งที่กำลังตรงมาหาเธอนั้นไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่ธรรมดาๆ เสียงฝีเท้ามันดังขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่เจ้าของฝีเท้าจะปรากฏตัวขึ้นมา มันเป็นชายร่างสูงที่ร่างกายถูกปกคลุมไปด้วยเกราะสีเงิน แม้เกราะจะเป็นสีเงิน แต่บนคราบเลือดนั้นติดอยู่บนเกราะมากมาย จนทำให้เกราะสีเงินนั้นเหมือนเป็นเกราะสีแดง มือของมันนั้นถือดาบเล่มใหญ่
“นี่มันตัวอะไร?” คาสซานดร้ามองสิ่งมีชีวิตตัวนี้ด้วยสายตาหวาดกลัว
เจ้าสิ่งมีชีวิตในชุดเกราะคำราม ดาบของมันนั้นกลายเป็นเปลวเพลิง มันคำรามก่อนจะตรงเข้ามาหาคาสซานดร้าด้วยความบ้าคลั่ง มันแกว่งดาบของมัน คาสซานดร้าตัดสินใจหลบ เพราะเธอรู้ว่าหากเธอใช้ดาบรับ ดาบในมือของเธอคงหักเป็นสองท่อนอย่างแน่แท้ ดาบของชายชุดเกราะฟาดลงกับพื้น ในขณะเดียวกันหูของคาสซานดร้าก็ได้ยินเสียงของใครบรรจุกระสุน คาสซานดร้าหันกลับไปก่อนจะเห็นอีฟยกปืนขึ้นก่อนจะลั่นไก กระสุนนั้นลอยออกมาก่อนจะเจาะเข้าไปยังหน้าท้องของคาสซานดร้า องค์ราชินีทรุดลงไป เลือดนั้นไหลออกจากหน้าท้องของเธอ ของเหลวสีแดงข้นที่นอนอยู่
“ฆ่านังนั่นซะ” อีฟพูดกับชายในชุดเกราะที่ยืนนิ่งรอรับคำสั่งของอีฟ
ชายในชุดเกราะลากคอร่างของคาสซานดร้าขึ้นมา เลือดนั้นไหลออกจากบาดแผลและหยดลงพื้น ปีศาจตนนี้บีบคอของคาสซานดร้า หญิงผมดำพยายามจะแกะมือของชายในชุดเกราะคนนี้ออก แต่แรงด้วยอ่อนแรงและบาดแผลทำให้คาสซานดร้าไม่สามารถทำได้ ดวงตาของเธอเริ่มพร่ามัว
“ขอโทษนะ...” เธอพูดกับตัวเองเบาๆ
“ย๊ากกก” เสียงของใครบางคนตะโกนสุดเสียง
ชายผมขาววิ่งกระแทกเข้ากับชายในชุดเกราะ แต่แรงกระแทกของเรซอร์นั้นล้มลงไปนั่งกับพื้น มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนกับเขาวิ่งชนกับกำแพง ชายในชุดเกราะปล่อยมือของตัวเองออกจากคอของคาสซานดร้า ร่างของหญิงผมดำนั้นหลุดออกมาจากมือของอสูรกายตัวนี้ ชายในชุดเกราะหันกลับมาหาเรซอร์ที่นั่งอยู่บนพื้นด้วยความกลัว มันกระชากคอเสื้อของเรซอร์ขึ้นมา ร่างของชายผมขาวถูกยกขึ้น ชายร่างบางพยายามดิ้น แต่เขาไม่สามารถดิ้นหลุดออกมาได้ ดวงตาของชายสวมชุดเกราะนั้นมองดวงตาของเรซอร์ที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ตาย!!” ปีศาจตนนี้คำรามใส่หน้า
มันพูดก่อนจะจับร่างของเรซอร์กระแทกกับพื้นกระเบื้อง เมื่อร่างของเรซอร์กระแทกกับพื้น มันก็ทำให้พื้นกระเบื้องนั้นแตกออกมา แรงกระแทกนี้ทำให้เรซอร์รู้สึกเหมือนกับร่างของเขาหักออกเป็นสองท่อน
“ใจเย็นๆก่อนพี่บึ้ม เราไม่ได้มาฆ่าไอ้พวกกระจอกแบบนี้ เป้าหมายของเราคือองค์ราชินีต่างหาก” อีฟปรามๆไว้
แต่ถึงกระนั้นนักรบอเวจีตัวนี้ก็ไม่ได้ฟังคำพูดของอีฟเลยแม้แต่น้อย มันยังคงตรงมาหาเรซอร์ที่นอนอยู่บนพื้น ชายผมขาวยังไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ เท้าของชายชุดเกราะคนนี้ก็เหยียบร่างของเรซอร์ไว้ มันมองเรซอร์ด้วยสายตาที่โกรธแค้นและความเกลียดชัง เรซอร์เริ่มขาดอากาศหาย ชายผมขาวพยายามยกเท้าของชายคนนี้ออก แต่ด้วยพละกำลังที่ต่างกัน มันก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กที่พยายามจะยกตัวของผู้ใหญ่ออก
“ปัง”
เสียงปืนนั้นดังขึ้นมา ชายที่เหยียบร่างของเรซอร์ถูกกระสุนเจาะชุดเกราะเข้าไป มันถอยออกจากร่างเรซอร์ แต่ถึงกระนั้นมันไม่ล้ม เพียงแค่ทรุดลงไป เรซอร์รวบรวมแรงอันน้อยนิดยืนขึ้นมา เขาหันไปทางเสียงปืนก่อนจะเห็นเจโน่ที่ถือปืนของเธออยู่ในมือ ปากกระบอกปืนนั้นมีควันลอยออกมา
“เจโน่” ทั้งเรซอร์และอีฟอุทานออกมาพร้อมกันแต่ด้วยอิริยาบถที่ต่างกัน
เจโน่รีบวิ่งมาข้างๆของเรซอร์ เธอยังยกปืนของเธอขึ้นและเล็งไปยังอีฟและอสูรกายตัวนั้น ดวงตาของอีฟนั้นไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็น ใบหน้าของอีฟเต็มไปด้วยความตกใจและความไม่เชื่อ
“เจโน เจ้ายิงพลาดหรือ?” อีฟตั้งคำถามกับเจโน่
“อีฟ...เจ้าก็รู้ว่าด้วยระยะแค่นี้ ข้ายิงไม่พลาดหรอก” เจโน่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
“ทำไม? เจ้าทำแบบนี้ไปทำไม?” สตรีในชุดสีแดงตะโกนถามเจโน่ที่ยกกระบอกปืนเล็งมาทางเธอ
“ข้าเจอคนที่ข้าอยากจะรับใช้กว่าแล้ว” เจโน่ตอบกลับ
“ใครหรือ? คนๆนี้แข็งแกร่งกว่าท่านเคนอีกหรือ?” อีฟถามต่อ
เจโน่ไม่ได้ตอบทันที แต่เธอหันมามองเรซอร์ที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอ
“คนนี้ไม่ได้แข็งแกร่งกว่าท่านเคน ไม่ซิ เรียกว่าคนๆนี้อ่อนแอเลยน่าจะดีกว่า”
“แต่คนๆนี้ทำให้ข้ารู้สึกเหมือนมนุษย์ และข้าก็อยากจะปกป้องเขา”
คำตอบของเจโน่นั้นทำให้อีฟกัดริมฝีปากของตัวเอง เธอกรีดร้องออกมาพร้อมกับวิ่งตรงมายังเจโน่
“เจ้าต้องเล่าเรื่องของอัศวินเหล่านั้นให้ข้าฟังต่อด้วยนะ” เจโน่หันมาพูดกับเรซอร์
เจโน่พุ่งตัวออกไปเหมือนกัน ในขณะที่เรซอร์กำลังยืนด้วยความสับสนนั้น เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอันหนักแน่นอยู่ข้างหลังเขา ชายผมขาวหันกลับไปช้าๆ เรซอร์เห็นชายในชุดเกราะคนเดิมยืนอยู่ข้างหลังเขา ดูเหมือนมันจะพื้นตัวจากกระสุนนัดนั้นแล้ว มันยังคงมองเรซอร์อยู่ด้วยสายตาแบบเดิม เรซอร์พยายามนึกให้ออกว่าชายคนนี้เป็นใคร แต่เขาก็นึกไม่ออก เขาจำไม่ได้เลยว่าชายคนนี้เป็นใคร เขาไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดชายคนนี้ถึงดูโกรธแค้นตัวของเขาเหลือเกิน ชายผมขาวรวบรวมไปข้างหน้าก่อนจะยื่นมือไปข้างหน้า ในหัวของเขาพยายามนึกถึงวินาทีที่เขาอัญเชิญเหล่าอสูรเพื่อมาช่วยเหลือเขา แต่เขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังอะไรเลย
“ตึง” เสียงของฝีเท้านักรบตัวนี้ดังขึ้น
มันก้าวเท้าเข้ามาใกล้กับเรซอร์ ชายผมขาวถอยออกไปเรื่อยๆ แม้ว่าเรซอร์จะถอยออกไปไกลขนาดไหน แต่มันก็ยังคงเดินตามมาเรื่อยๆหลังของเรซอร์สัมผัสเข้ากับกำแพง เขาถึงทางตันแล้ว เจ้าอสูรตัวนี้มองพร้อมกับยกดาบของมันที่ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงขึ้น
“เพื่อบ้านของข้า” มันพูดกับเรซอร์
มันยกดาบขึ้น แต่แล้วดาบอีกเล่มก็เสียบทะลุหน้าท้องของมัน ไม่นานนักดาบที่เสียบหน้าท้องของมันก็ถูกดึงออกมา ปีศาจในชุดเกราะตัวนี้หันไปก่อนจะเห็นคาสซานดร้า ปลายดาบของคาสซานดร้านั้นเปื้อนไปด้วยเลือดของมัน แต่ถึงดาบนั้นจะเสียบทะลุร่างของนักรบอเวจีผู้นี้แล้ว แต่ดูเหมือนมันไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดหรืออะไรเลย
“คู่ต่อสู้ของเจ้าอยู่ตรงนี้ต่างหาก”