“เฮ้ย! หยุดเดี๋ยวนี้นะเฟ้ย!!”
เสียงตะโกนนั้นไล่หลังผมมา
ผมเหลียวหลังกลับไป มันเป็นเสียงของนักเรียน... ไม่สิ ขอเรียกว่านักเลงดีกว่า ถึงพวกนั้นจะใส่ชุดนักเรียนก็เถอะ แต่คงไม่มีนักเรียนที่ไหนถือมีดถือไม้เดินไปเดินมาแน่ๆ
เจ้าพวกนั้นวิ่งไล่ตามผม จำนวนนั้นไม่ทราบแต่เยอะชัวร์ๆ ดังนั้นผมไม่หยุดให้โง่หรอก
ขอเท้าความก่อนว่าทำไมผมถึงตกอยู่ในสภาพนี้ได้
ผมเคยมีเรื่องกับหนึ่งในนักเลงที่วิ่งไล่ตามผมมา จะว่ามีเรื่องก็คงไม่ถูกซะทีเดียว เพราะผมเห็นเจ้าหมอนั่นรีดไถเงินจากเด็ก ม.ต้นอยู่ ผมเลยเข้าไปช่วยและอัดสั่งสอนเจ้าหมอนั่นไปนิดหน่อย ใครจะคิดว่ามันจะพาพวกมาเยอะขนาดนี้
พวกกระจอกก็ทำได้แต่หมาหมู่แหละนะ
นี่ผมไม่ได้คุยนะ แต่เรื่องการต่อสู้ผมไม่แพ้ใครหน้าไหน ผมรักการต่อสู้ ผมมีเรื่องกับคนอื่นมานับไม่ถ้วน อัดคนมาเยอะ โดนเขาอัดมาก็เยอะ วิถีของลูกผู้ชายมันต้องบู๊แหลกแบบนี้แหละ
บอกตรงๆผมอัดเจ้าพวกกระจอกที่ตามมาเรียงตัวได้เลย ถ้าไม่ติดว่ามันมีอาวุธล่ะก็นะ ผมไม่เสี่ยงที่จะไปให้โดนมีดจิ้มพุงหรอก
ผมวิ่งหนีด้วยสปีดที่เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ระหว่างวิ่งหนีผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างเหลียวมอง พวกมันยังวิ่งตามมาอยู่ ไม่รู้จักเหนื่อยเลยหรือไง ผมก็เริ่มจะเหนื่อยแล้ว จะร้องให้คนช่วยก็ดูไม่แมน ว่าแต่ทำไมไม่มีใครคิดจะแจ้งตำรวจหรืออะไรแบบนั้นบ้างเลยเรอะ? เห็นคนโดนวิ่งไล่ฆ่าแบบนี้น่ะ ให้ตายเถอะ
ผมพยายามเน้นวิ่งเข้าไปในตรอกซอกซอยแคบๆเพื่อหวังจะถ่วงเวลา รู้สึกว่าพวกนั้นเริ่มจะจำนวนน้อยลง คงจะตามมาไม่ทันล่ะมั้ง ไม่สิ หรือพวกมันจะเริ่มแยกกันไปดักตรงนู้นตรงนี้กันนะ
“เจอตัวแล้ว!”
นั่นไง พูดไม่ทันขาดคำ
หนึ่งในนักเลงกลุ่มนั้นดักอยู่ตรงปากซอย ตัวมันสูงใหญ่กว่าผมพอสมควร มันยืนจังก้าเหมือนตั้งท่าจับนกที่บินหนีจากกรง ผมมองปราดเดียวก็เห็นทางหนี ผมวิ่งเข้าใส่มันตรงๆ มันทำหน้างงๆเหมือนคิดว่าผมจะฆ่าตัวตายหรืออย่างไร ใช่ซะที่ไหนกันล่ะ ผมไม่ได้โง่สักหน่อย
เมื่อได้ระยะห่างที่พอเหมาะ ผมก็สไลด์ลอดใต้หว่างขาของเจ้ายักษ์นั่นทันที
เมื่อผ่านมาได้ เจ้ายักษ์นั่นก็ทำหน้ามึนปนเจ็บใจ ผมหันไปเยาะเย้ยมันนิดหน่อยแล้ววิ่งต่อ แต่ก็ยังไม่ปลอดภัย เจ้าพวกนั้นส่วนหนึ่งก็ยังคงตามมาไม่หยุด
“เวรล่ะ!!”
ผมอุทานเมื่อเจอซอยตัน บ้าชะมัด ไม่สิ มันต้องมีทางหนีสิ ผมมองซ้ายมองขวา เจ้าพวกกระจอกที่วิ่งมาเริ่มชะลอฝีเท้า คงเห็นผมจนมุมเลยไม่รีบร้อน แต่ละคนหอบแดกกันทั้งนั้น ไม่ต่างจากผมสักเท่าไหร่
ผมตั้งการ์ดตามสัญชาตญาณนักสู้ พวกมันขำกันใหญ่ คงคิดว่าผมตัวคนเดียวคงสู้พวกมันไม่ไหว อย่างที่ผมบอกตั้งแต่แรก ผมซัดพวกมันหมอบเรียงตัวได้ถ้าพวกมันไม่มีอาวุธ ถึงผมจะตั้งการ์ดแต่ก็ไม่ได้คิดจะไปบวกกับพวกมันแน่ ผมจะใช้วิธีนั้นเป็นวิธีสุดท้ายถ้าไม่มีทางอื่นแล้วจริงๆ
แล้วผมก็เห็นทางหนีจนได้ แต่ผมยังคงจ้องตาพวกมันไม่กะพริบ พยายามทำเหมือนกับว่าไม่เห็นอะไรพวกมันจะได้ไม่ไหวตัวทัน เมื่อหาจังหวะได้ผมก็รีบเปิดประตูที่อยู่ใกล้ๆเข้าไปทันที พวกนั้นหน้าตาตื่นกันใหญ่ ผมปิดประตูแล้วรีบล็อคอย่างรวดเร็ว เพียงเสี้ยววินาทีที่ผมกดกลอนล็อค ประตูก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ท่าทางพวกมันกำลังจะพังประตูเข้ามา ผมยังไม่วางใจว่าจะปลอดภัย แต่ก็น่าจะช่วยถ่วงเวลาได้พอสมควร
สถานที่ที่ผมอยู่เหมือนจะเป็นตึกที่กำลังสร้าง มีอุปกรณ์สำหรับต่อเติมซ่อมแซมอาคารมากมายวางอยู่ แต่ไม่มีใครอยู่เลยสักคน สงสัยคงเป็นเวลาพักของพวกคนงานล่ะมั้ง ช่างเถอะเรื่องนั้นไม่ได้สำคัญ ผมเดินขึ้นไปชั้นบนเพราะหวังว่าจะมีพวกบันไดหนีไฟอะไรแบบนั้น เสียงของพวกกระจอกที่จะพังประตูเข้ามาเงียบไปแล้ว แต่ผมว่าพวกมันน่าจะกำลังหาทางอื่นเพื่อที่จะเข้ามาซะมากกว่า
ผมวิ่งไปเจอประตูหนีไฟพอดิบพอดี แต่ผมก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อเจ้าพวกนั้นเปิดประตูหนีไฟแล้วกรูเข้ามาหาผม อย่างที่ผมคิดไว้จริงๆว่าพวกมันคงไม่ปล่อยผมไปง่ายๆ ผมวิ่งหนีหน้าตั้งอีกครั้ง ขึ้นบันไดไปจนถึงชั้นบนสุด เหมือนโชคไม่เข้าข้างผมอีกแล้วเมื่อผมจะเปิดประตูออกไปที่ดาดฟ้าแต่เปิดไม่ออก ผมได้ยินเสียงเจ้าพวกนั้นกรูขึ้นบันไดมาแต่ไกล ผมพลันเหลือบไปเห็นหน้าต่างที่เปิดอยู่ใกล้ๆ ตรงข้ามกันนั้นมีหน้าต่างของตึกอีกตึกเปิดอยู่ ระยะห่างไม่มากนักผมน่าจะปีนไปถึง ผมจึงไม่รอช้าปีนข้ามไปทันทีเพราะมันไม่มีทางเลือกให้ผมมากนัก
พรืด!
“เอ๊ะ!?”
ทันใดนั้นผมก็หล่นลงมาจากหน้าต่าง
เหมือนว่าขอบหน้าต่างมันลื่นเล็กน้อยจึงทำให้ผมเสียหลัก ผมรู้สึกเหมือนกำลังเล่นบันจี้จัมป์ แต่ต่างกันตรงที่ข้อเท้าของผมไม่ได้ผูกสลิงไว้ นั่นก็หมายความว่าผมจะต้องตกลงไปกระแทกกับพื้นข้างล่าง
คงเพราะผมกำลังอยู่ในสภาวะตกตะลึง ผมจึงไม่ได้ร้องออกมา ในขณะที่ผมกำลังจะอ้าปากร้องเพราะเริ่มรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ร่างของผมก็ตกลงกระแทกพื้นอย่างแรง
พลั่ก!!
เจ็บ... ไม่ใช่เจ็บธรรมดา มันเจ็บมาก เจ็บไปทั่วทั้งร่างกาย เจ็บยิ่งกว่าตอนที่เคยโดนอัดเสียอีก ผมได้ยินเสียงกระดูกหัก เหมือนกระดูกแต่ละส่วนของผมจะหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ผมรู้สึกได้ถึงคาวเลือดที่อยู่ในปากและลำคอ คงจะเหมือนในหนังล่ะมั้งที่คนใกล้ตายจะกระอักเลือดออกมา
อวัยวะทุกส่วนของผมขยับไม่ได้อีกต่อไป แต่สมองของผมยังคงทำงานอยู่ ผมเริ่มคิดอะไรหลายๆอย่าง ภาพต่างๆไหลเวียนเข้ามาในหัว ผมคิดถึงคนที่ผมรู้จัก พวกเขาจะรู้สึกยังไงกันนะถ้ารู้ว่าผมอยู่ในสภาพนี้ ยังมีเรื่องอะไรอีกหลายอย่างที่ผมยังไม่ได้ทำ ผมจะจบชีวิตลงตรงนี้จริงๆหรอ?
แม้ผมจะไม่ได้เห็นตัวเองในตอนนี้ว่าสภาพเป็นยังไง แต่คงศพไม่สวยแน่นอน ให้ตายสิ... จะตายทั้งทีขอแบบดีๆหน่อยได้ไหม
ก่อนที่สติผมจะดับวูบ ผมตระหนักได้ว่าการยอมโดนมีดจิ้มพุงคงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายสักเท่าไหร่