ภาพของหญิงสาวหน้าตาสะสวย ที่เกิดจากลายเส้นของนักวาด กลายเป็นขวัญใจของหนุ่ม ๆ ยุคใหม่หลายคน นี่คือยุคสมัยที่ผู้ชายหันไปหาตัวการ์ตูน ที่อาจสะท้อนไปถึงความเปลี่ยนแปลงของสังคมบางอย่าง
ภาพตัวการ์ตูนสาว ๆ ที่เขียนขึ้นเลียนแบบภาพถ่ายนางแบบตัวจริง ชนิดที่แทบจะลอกลายเลียนแบบกันมา เป็นงานศิลปะแบบหนึ่งที่เหล่าศิลปินอิสระในชุมชุนออนไลน์สุดฮิตของญี่ปุ่น 2channel นิยมวาดกันออกมาด้วยการใช้ภาพจริงเป็นแบบ นอกจากจะเป็นการโชว์ฝีมือเหนือจินตนาการในการเปลี่ยนภาพสาวจริงให้กลายเป็นการ์ตูนสุดเซ็กซีแล้ว ก็ยังสะท้อนถึงความเป็นไปของสังคมญี่ปุ่นในยุคนี้ออกมาให้เห็นด้วย
ภาพมากมายหลายแบบ ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบระหว่างรูปของนางแบบสาวสุดเซ็กซี และภาพการ์ตูนซึ่งโพสต์ท่าแบบเดียวกัน ได้ทำให้เกิดหัวข้อสนทนาขึ้นมาบ่อย ๆ ว่าว่าระหว่าง “สาว 2D กับสาว 3D” คุณชอบอะไรมากกว่ากัน ซึ่งประเด็นดังกล่าวเป็นที่พูดถึงในสังคมญี่ปุ่นมาพักใหญ่แล้ว เมื่อหนุ่ม ๆ หลายคนเริ่มจะแสดงตัวกันมากขึ้นว่าพวกเขานิยมสาว 2D มากกว่าสาวจริง
Senki Zessho Symphogear เคยตั้งคำถามถึงเรื่องนี้กับหนุ่ม ๆ ชาวญี่ปุ่น ซึ่งเฉพาะเจาะจงไปถึงบรรดาแฟนคลับของการ์ตูนอนิเมะ, มังงะ และเกม ซึ่งอาจถูกเหมารวมเรียกว่าพวก “โอตาคุ” ซึ่งหมายถึงกลุ่มคนที่มีความสนใจในสิ่งที่ตนชอบ (มักหมายความถึงอะนิเมะ, มังงะ หรือเกม) อย่างเกินปกติ และมีความสามารถในการเข้าสังคมไม่สูง ว่าสาว ๆ แบบไหนที่พวกเขารู้สึกว่ามีเสน่ห์ที่สุด ระหว่าง 2D, 2.5D หรือว่า 3D
อธิบายอย่างง่าย ๆ สาว 3D ก็คือหญิงสาวในชีวิตจริง ส่วน 2.5D คือภาพสาวสวยที่สร้างขึ้นด้วยคอมพิวเตอร์กราฟฟิค ซึ่งจะดูมีมิติความตื่นลึก แต่ก็ยังมีชีวิตอยู่แค่ในจอภาพเท่านั้น
และสุดท้าย 2D ก็คือภาพของหญิงสาวที่เกิดจากลายเส้นไม่ว่าจะวาดด้วยมือ หรือคอมพิวเตอร์ก็ตาม เป็นความงามในแบบภาพวาดที่เขียนขึ้นด้วยอุดมคติ ประกอบไปด้วยทั้งรูปร่าง และเครื่องหน้าอันสมบูรณ์แบบ
ซึ่งผลสำรวจโอตาคุหนุ่มจำนวน 500 คน (แม้บางคนจะพยายามอธิบายว่าตัวเองไม่ใช่โอตาคุก็ตาม) ปรากฏออกมาว่าส่วนใหญ่ก็ยังคงเลือกสาว 3D หรือสาวตัวจริงตัวเป็น ๆ ที่มีจำนวนสูงถึง 66% ส่วนที่บอกว่าขอเลือก 2.5D นั้นมีอยู่ 9.6% และที่ยอมรับว่าตัวเองชอบสาว 2D ก็มีถึง 23% เลยทีเดียว
แม้จะไม่ได้ถึงกับเป็นจำนวนส่วนใหญ่ แต่กลุ่มหนุ่ม ๆ ที่เรียกตัวเองว่า “ผู้นิยม 2D” ก็ยังมีสัดส่วนที่มากอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อนำตัวเลขของผู้เลือก 2D และ 2.5D มาร่วมกันแล้วก็หมายความว่ามีคนหนุ่มถึง 32.6% ที่ไม่ขอเลือกหญิงสาวตัวเป็น ๆ คนจริง ๆ จับต้องได้
พฤติกรรมของคนหนุ่มเหล่านี้ยังได้รับความสนใจและปรากฏเป็นข่าวประเภทเรื่องพิสดารให้เห็นกันอยู่เป็นระยะ ทั้งประเด็นข่าวการจัดงานแต่งงานของโอตาคุหนุ่มกับตัวการ์ตูนที่เขารัก หรือปลอกหมอนข้างรูปวาดหญิงสาวขนาดเท่าตัวจริง
ดร. ชินยุ อิวะมุโระ แห่ง สมาคมเวชศาสตร์ชุมชนแห่งประเทศญี่ปุ่น ประจำ ศูนย์วิจัยเพื่อส่งเสริมสุขภาพได้แสดงความเห็นถึงปรากฏการณ์ที่เด็กหนุ่มรุ่นใหม่ยอมรับว่าตัวเองขอเลือกสาว 2D หรืออาจจะพูดได้ว่าหลงรักตัวการ์ตูน แทนที่จะเป็นสาวจริง ๆ ว่า เกิดขึ้นจากการใช้ชีวิตของคนหนุ่มรุ่นใหม่จำนวนหนึ่ง ที่แทบไม่ได้มีความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งในระดับใด ๆ กับเพศตรงข้ามเลย คนกลุ่มนี้มักจะวิตกกังวลกับการสานสัมพันธ์ต่อเพศตรงข้าม และกลัวที่จะต้องถูกทำให้ผิดหวัง เสียจนไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่นอกโลกของ 2D ได้เลย
การปฏิเสธสาว 3D ของหนุ่ม ๆ หลายคน จึงอาจเป็นการชิงปฏิเสธฝ่ายหญิงก่อน ที่พวกเขาจะโดนปฏิเสธเสียเอง
Yucasee Media ยังอ้างความเห็นของบรรดา “โอตาคุ” ที่เลือกสาว 2D ที่บางคนยอมรับว่าเขา “ไม่เคยคบกับสาวจริง ๆ มาก่อนเลย” หรือไม่ก็อ้างว่า “ไม่มีสาว 3D คนใดที่จะเป็นคู่ของพวกเขาได้" บางคนก็อ้างว่าตนเองไม่ชอบปฏิสัมพันธ์กับคนจริง ๆ และยังมีพวกที่บอกว่าสาว 2D พวกนี้ไม่มีวันแก่ และจะไม่เปลี่ยนแปลงไปใด ๆ สำหรับพวกเขาแล้ว 3D จึงไม่ใช่จริงจำเป็น
ส่วนพวกที่ชอบ 2.5D ก็ให้ความเห็นว่านี่คือส่วนผสมระหว่างความเพ้อฝัน และความสมจริง เขาจึงชอบและมีความรู้สึกให้กับสาวลักษณะนี้มากที่สุด ยังมี โอตาคุ จำนวนหนึ่งที่ยอมรับว่าแม้ตนเองจะชอบสาว 2D แต่ก็คิดว่าหากจะมีคู่จริง ๆ ก็คงต้องเลือก 3D เพราะสำหรับพวกเขาแล้ว 2D เป็นเพียงอุดมคติที่ไม่ได้มีอยู่จริงเท่านั้น และเชื่อว่าตัวเองสามารถชื่นชมความงามของสตรีเพศได้ทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็น 2D หรือ 3D
ผลของปรากฏการณ์ทางสังคมดังกล่าวยังแสดงหลักฐานออกมาให้เห็นชัดเจนในรูปอัตราการเกิดที่น้อยของญี่ปุ่น, จำนวนคนโสดที่เพิ่มมากขึ้น จนไปถึงยอดขายถุงยางอนามัยที่ลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ กลายเป็นปัญหาระดับชาติที่อาจจะสร้างปัญหาให้กับสังคมญี่ปุ่นขึ้นได้ในอนาคตอันใกล้
ภาพของหนุ่มชาวญี่ปุ่นรุ่นใหม่จึงค่อนข้างเปลี่ยนแปลงไปจากในอดีตไปไม่น้อย จากเดิมทีที่เป็นสังคมของเพศชาย เพราะตอนนี้ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มรุ่นใหม่จำนวนหนึ่งจะไม่ได้ต้องการเป็นผู้นำ หรือแสวงหาอุดมคติแบบ “ซามูไร” เหมือนชาวญี่ปุ่นดั้งเดิมกันอีกต่อไปแล้ว ส่วนใหญ่มีชีวิตที่หมกมุ่นกับเรื่องของตัวเอง ไม่ได้มีความทะเยอทะยานในเรื่องการงาน และเลือกที่จะทุ่มเวลา หรืออาจจะเป็นรายได้ที่หามาไปให้กับเรื่องส่วนตัว และงานอดิเรก แม้แต่หน้าที่สืบวงศ์ตระกูลก็ดูจะไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไรในชีวิตของพวกเขา
และแน่นอนว่าไม่ใช่แค่ผู้ชายชาวญี่ปุ่นรุ่นใหม่เท่านั้นที่เปลี่ยนแปลงไป ความรู้สึกของฝ่ายหญิงต่อกระแสความเปลี่ยนแปลงของหนุ่ม ๆ ในญี่ปุ่นก็แสดงออกมาอย่างชัดเจนเช่นเดียวกัน
บ่อยครั้งที่เพศหญิงเริ่มแสดงความรู้สึกเบื่อหน่ายต่อผู้ชายญี่ปุ่นยุคใหม่บางครั้งก็เรียกหนุ่ม ๆ ในยุคนี้ว่าเป็น “สัตว์กินพืช” ที่นุ่มนิ่มอ่อนแอ ไร้ซึ่งความเด็ดขาดความอหังการแบบ “สัตว์กินเนื้อ” ของชายชาวญี่ปุ่นในอดีตโดยสิ้นเชิง