คาสซานดร้านั่งอยู่บนบัลลังค์ของเธอ เคียงข้างเธอนั้นก็ยังคงเป็นแฟลมม่าและบิลลี่ เหล่าทหารจำนวนมากนั้นยืนตลอดข้างทางพรมสีแดง ทหารเหล่านั้นนิ่งราวกับพวกเขานั้นเป็นหุ่น ห่างจากบัลลังค์ไปไม่มาก มีวาริสที่นั่งอยู่บนเก้าอี้พร้อมกับเตรียมจดอะไรบางอย่างลงกระดาษแผ่นไม่ใหญ่มากที่วางอยู่บนโต๊ะ บนพรมสีแดงนั้นมีชายผิวแทนคุกเข่าอยู่ ชายผิวสีแทนหรือเวตาล่ายังคงอยู่ในชุดสีสดแบบเช่นเคย เขาก้มมองลงบนพื้น ในขณะเดียวกันเหล่าราชวงศ์นั้นจับจ้องไปยังเวตาล่าที่คุกเข่าอยู่บนพื้น
“เวตาล่า เจ้าช่วยเล้าให้ข้าฟังได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง?” บิลลี่พูดขึ้นมาก่อน
“พะยะค่ะ ตอนนั้นกระหม่อมกับเรซอร์เดินอยู่ในตลาด และในขณะที่กระหม่อมเดินอยู่พวกเราก็ถูกล้อมโดยชายฉกรรจ์พวกนั้น” เวตาล่าเล่าให้ฟัง
“ทำไมชายพวกนั้นถึงล้อมพวกเจ้าล่ะ คนรู้จักหรือ?” บิลลี่ถามต่อ
“ย้อนไปหลายวันก่อน ชายพวกนี้เคยรังแกเรซอร์ และข้าก็ช่วยเขาไว้ นั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาโกรธแค้นกระหม่อม” ชายผิวแทนเล่าต่อ
“ตอนนี้พวกเจ้าถูกชายพวกนั้นล้อมไว้ แล้วยังไงต่อ?” ชายผมบลอนด์ถามต่อด้วยสีหน้าจริงจัง
“คนพวกนั้นพยายามทำร้ายกระหม่อม แต่กระหม่อมหลบการโจมตีไปเรื่อยๆ”
“จนกระทั้งเรซอร์ ถูกชายคนหนึ่งล็อคตัวไว้”
วาริสจดสิ่งที่เวตาล่าพูดลงบนกระดาษที่ทำจากหนังสัตว์ คาสซานดร้านั่งนิ่ง แม้เธอจะไม่ได้พูดอะไร แต่ดวงตาของเธอนั้นจดจ้องอยู่กับเวตาล่า เธอฟังคำพูดที่ออกมาจากปากของชายผิวแทนอย่างตั้งใจ
“ในตอนนั้นกระหม่อมหันกลับไปและลังเลว่ากระหม่อมควรจะใช้ดาบไหม”
“และเมื่อกระหม่อมรู้ตัวกระหม่อมก็ถูกอะไรบางอย่างตีเข้า และกระหม่อมก็ล้มลงไป”
“ตอนนั้นคนพวกนั้นรุมทำร้ายกระหม่อม” เวตาล่าเล่าต่อ
“ตอนนั้นกระหม่อมไม่เห็นอะไรเลย แต่กระหม่อมได้ยินเสียงของเรซอร์ตะโกนบอกให้หยุด”
“เมื่อกระหม่อมรู้ตัวอีกที เหล่าราชสีห์ก็ออกมากัดกินร่างของพวกนั้นแล้ว”
“ทั้งหมดก็เท่านี้แหละ พระองค์” เวตาล่าเล่าจบ
“แปลว่านี่คือการป้องกันตัวซินะ?” บิลลี่พูดพร้อมหันไปถามคาสซานดร้า
“ไปเรียกตัวของเรซอร์มา เราจะปล่อ-“
“พระองค์!!” โซรันเปิดประตูมาและขัดจังหวะการพูดของคาสซานดร้า
ใบหน้าของหญิงผมขาวคนนั้นดูตื่นตกใจ ใบหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ เธอหยุดและหายใจเพื่อสูดอากาศเข้าไปลึกๆ
“มีอะไรหรือโซรัน?” คาสซานดร้าเอ่ยปากถาม
“ประชาชนของเรากำลังก่อประท้วงที่น่าราชวังพะยะค่ะ” โซรันรายงาน
คำพูดประโยคนี้รีบทำให้คาสซานดร้ารีบลุกออกจากบัลลังค์ของตัวเอง หญิงผมดำรีบเดินด้วยความเร็วและตรงออกไปยังระเบียงของเธอ บิลลี่และแฟลมม่าตามเธอไปด้วย ในขณะเดียวเวตาล่ายังคงอยู่ที่เดิม คาสซานดร้าออกมายืนตรงระเบียงของราชวัง เธอก้มลงไปก่อนจะเห็นประชากรจำนวนมากตะโกนโหวกเหวกโวยวาย เหล่าทหารแห่งอาณาจักราเดลต่างยืนเฝ้าประตูราชวังไว้ ไม่ให้คนเหล่านี้หลุดเข้ามาถึงในตัวของราชวัง ใบหน้าของเขาคนเหล่านั้นเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว เมื่อพวกเขาเห็นองค์ราชินียืนอยู่ตรงระเบียง เหล่าผู้คนที่อยู่ข้างล่างก็ตะโกนดังขึ้น เสียงตะโกนของคนพวกนั้นตีกันมั่วไปหมด จนหญิงผมดำก็ยังไม่สามารถจับคำได้
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” คาสซานดร้าหันไปถามโซรันที่เดินตามมา
“ดูเหมือนคนนี้อยากให้เราประหารเรซอร์พะยะค่ะ” โซรันรายงานให้ฟัง
“ทำไมล่ะ?” หญิงผมดำมองด้วยสายตาสงสัย
“ฆ่ามันซะ เราไม่อยากอยู่ร่วมกับปีศาจ!!” เสียงของใครบางคนตะโกนขึ้นมา
นี่เป็นประโยคแรกที่คาสซานดร้าได้ยินจากประชาชนของเธอ บิลลี่กับแฟลลม่าเดินตามคาสซานดร้ามา หญิงผมดำหันไปหาที่ปรึกษาทั้งสองของตัวเองด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“เกิดอะไรขึ้นหรือพระองค์?” บิลลี่เอ่ยปากถาม
“ประชาชนต้องการให้เราประหารเรซอร์” คาสซานดร้าตอบคำถามของพี่ชายตัวเอง
“แต่เราจะประหารเขาก็ไม่ได้นะ เขาบริสุทธิ์นี่ ถ้าเราประหารเขา ผู้คนส่วนหนึ่งก็คงไม่พอใจเหมือนกัน” แฟลมม่าแสดงความเห็น
“แต่ถ้าเราไม่ประหาร คนพวกนั้นก็ไม่พอใจเหมือนกัน” บิลลี่พูดพลางเหลือบตามองไปยังฝูงชน
“ถ้างั้นขังเรซอร์ไว้ก่อน เดี๋ยวเราค่อยว่ากันอีกที” คาสซานดร้าออกคำสั่ง
=====
เรซอร์นั่งหลังพิงกำแพงห้องขัง ในมือของเขาถือหนังสือเล่มหนึ่ง ไม่นานมานี้มาร์ตี้มาเยี่ยมและมอบหนังสือเล่มนี้เพื่อให้เรซอร์มีอะไรทำฆ่าเวลา ชายผมขาวใช้นิ้วพลิกหน้ากระดาษไปทีละหน้า มันเป็นเรื่องของกลุ่มอัศวินกลุ่มหนึ่งที่ร่วมมือกันเพื่อออกไปสังหารมังกรยักษ์ และระหว่างทางนั้นพวกเขาต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆมากมาย รวมถึงยังมีปัญหากันเองในบางครั้ง เพราะความโกรธ ความโลภ ความริษยา มันเป็นหนังสือที่สนุกและเรซอร์ก็ไม่ได้วางหนังสือเล่มนี้มาพักใหญ่ๆแล้ว ในขณะที่ดวงตาสีเทาของหนุ่มผมขาวกำลังจับจ้องตัวอักษรที่อยู่บนหน้ากระดาษ เขาเหลือบตาขึ้นมามองและเห็นเจโน่กำลังจ้องมองเจ้าอยู่
“เจ้าจะอ่านไหม?” เรซอร์เอ่ยปากถามหญิงผมดำที่อยู่กรงตรงข้ามกับตัวเอง
“ไม่เป็นไรข้าไม่อ่าน” เจโน่ปฏิเสธ
“แต่สายตาของเจ้าเมื่อกี้ของเจ้า ดูเหมือนเจ้าสนใจหนังสือเล่มนี้มากเลยนะ”
“ข้าแค่มองไปเรื่อยเปื่อยน่า ไม่ได้สนใจหนังสือเล่มนั้นหรอก” เจโน่ยังคงปฏิเสธ
ชายผมขาวขั้นและปิดหนังสือเล่มนี้ก่อนจะคลานไปใกล้กับลูกกรงของฝั่งตัวเอง เขาชูหน้าปกของหนังสือเล่มนี้ขึ้นก่อนจะพูดกับเจโน่
“เจ้าช่วยอ่านชื่อปกของหนังสือเล่มนี้ให้ข้าฟังได้ไหม?” เรซอร์ถาม
เจโน่หันมามอง เธออ้ำๆอึ้งๆ ไม่นานนักเธอก็ยอมแพ้ก่อนจะพูดขึ้นมา
“ก็ได้ข้ายอมรับก็ได้ ข้าอ่านหนังสือไม่ออก เอาเลย หัวเราะเยาะข้าเลย” เจโน่พูดด้วยน้ำเสียงโมโห
“ข้าจะหัวเราะเจ้าทำไม เจ้าอ่านหนังสือไม่ออกก็ไม่ใช่เรื่องผิดซักหน่อย” เรซอร์ตอบเจโน่กลับ
“เอางี้ไหม เดี๋ยวข้าอ่านให้ฟัง” ชายผมขาวเสนอ
“เอ๊ะ จะดีหรอ? แบบนั้นไม่เป็นการรบกวนเจ้าไปหรือ?” เจโน่ถามอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ
“ยังไงข้าไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ได้รบกวนหรอก” เรซอร์ยิ้มกลับ
เรซอร์พลิกกระดาษกลับไปยังหน้าแรก เขาเริ่มเปล่งเสียงตามที่ตัวอักษรถูกเขียนไว้บนหน้ากระดาษ ชายผมสีขาวทำเสียงต่างกันเมื่อตัวละครแต่ละตัวนั้นพูด ในขณะที่เรซอร์กำลังเล่าเรื่องจากหนังสือเล่มนี้ หญิงผมดำก็ตั้งตาฟัง เธอหัวเราะและยิ้มไปเป็นระยะๆ เรซอร์นั้นก็สนุกไปกับการเล่าเรื่องเหมือนกัน เวลาผ่านไป แสงที่เล็ดลอดผ่านทางช่องเล็กนั้นน้อยลงเรื่อยๆและเมื่อทั้งคู่อีกตัวก็เริ่มเย็นแล้ว
“อ๊ะ เวลาผ่านไปขนาดนี้แล้วหรือ?” เรซอร์พูดพลางหันไปมองช่องเล็กๆ
“จริงด้วย” เจโน่เห็นด้วย
ชายผมขาวปิดสมุดก่อนจะวางไว้ใกล้ๆกับกำแพง
“ถ้างั้นค่อยต่อพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” เรซอร์พูดกับเจโน่
“อืม” เจโน่พยักหน้า
“จะว่าไปนี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นเจ้ายิ้มนะ” ชายผมขาวพูด
“แล้ว?” เจโน่ตั้งคำถามต่อ
“เอ...เอ่อ คือข้าว่าเจ้าควรจะยิ้มมากกว่านี้นะ ข้าว่าเวลาเจ้ายิ้ม เจ้าดูน่ารักดี” เรซอร์เอ่ยปากชมด้วยอารมณ์เขินเล็กน้อย
เจโน่ได้ยินคำพูดของเรซอร์นั้นก็ไม่ได้พูดอะไร เธอทิ้งตัวลงไปบนกองฟางก่อนจะหลบสายตาของเรซอร์
“ตาบ้า” เธอพูดเบาๆ
“เจ้าพูดอะไรนะ?” เรซอร์ที่ยืนอีกกรงเอ่ยปากถาม
“เปล่า ไม่มีอะไร” เจโน่ปฏิเสธ
=====
คาสซานดร้านั่งอยู่บนเตียงของห้องนอนตัวเอง เธอสวมชุดเดรสสีขาวและชุดตัวนี้ยาวเลยหัวเข่าของเธอ ในห้องของเธอนั้นนอกจากเตียงที่ดูใหญ่และนุ่มสบายแล้ว มันก็ไม่ได้เป็นห้องที่โดดเด่นอะไรมากนัก ทุกอย่างนั้นดูเป็นเครื่องเรือนธรรมดาๆ ไม่ได้ทำจากวัสดุอะไรที่หรูหรา หญิงผมดำยาวสลวยผู้นี้ถอนหายใจฟอดใหญ่ก่อนจะลุกขึ้นและเดินไปยังหน้าต่างห้องของเธอ ข้างนอกนั้นมืดมิด หน้าต่างบานที่เธอยืนอยู่นั้นไม่เห็นอะไรนอกจากความมืดมิด แววตาของเธอนั้นดูเหม่อลอย หัวของเธอนั้นคิดเรื่องอะไรมากมาย ในขณะที่เธอยืนมองเงาสะท้องของตัวเองบนกระจกแล้ว เธอก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น คาสซานดร้าหันกลับไปยันประตูห้อง
“ข้าเอง” เสียงของบิลลี่ดังขึ้นหลังประตู
“ท่านพี่เข้ามาได้เลย” คาสซานดร้าตอบกลับ
ประตูถูกเปิดออกช้าๆ บิลลี่ที่อยู่ในเสื้อยืดและกางเกงขายาวเดินเข้ามาในห้อง สำหรับหลายๆคนมันอาจจะเป็นภาพแปลกตาสำหรับหลายๆคน แต่สำหรับพี่น้องคู่นี้คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนัก บิลลี่เดินเข้ามาก่อนจะเดินตรงไปนั่งยังเก้าอี้สีแดงที่วางอยู่ตรงมุมห้อง คาสซานดร้ากลับไปนั่งบนเตียงของตนเอง เมื่อร่างของเธอสัมผัสกับเตียง คาสซานดร้าก็หันไปพูดกับพี่ชายของเธอ
“ท่านพี่มีอะไรหรือ?” ผู้เป็นน้องถาม
“ข้าขอถามอะไรอย่างหนึ่งได้ไหม?” บิลลี่ถามกลับ
“ได้ซิท่านพี่มีอะไรหรือ?”
“เจ้าตัดสินใจไม่ถูกใช่ไหมว่าเจ้าควรจะประหารตัวของเรซอร์ดีหรือปล่อยตัวเขาดี” บิลลี่ถาม
“ค่ะ ข้าตัดสินใจไม่ถูกจริงๆ ข้าคิดว่าไม่ว่าข้าจะตัดสินใจแบบไหน ก็จะมีแต่ผลเสียตามมา” หญิงผมดำตอบคำถามของพี่ชายตัวเอง
“แค่นั้นเองอ่ะนะ?” บิลลี่ถามขึ้น
“แค่นั้นเอง?” คาสซานดร้าทวนด้วยสีหน้าสงสัย
“เจ้าชอบเรซอร์รึเปล่า?” ชายผมสีบลอนด์ถามขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“ห๊ะ?” หญิงผมดำอุทานออกมาพร้อมกับสีหน้าของเธอที่แดงก่ำ
“ข้ากะไว้แล้วจริงๆด้วย ข้าดูหน้าเจ้าก็รู้แล้วว่าเจ้าชอบเขา” บิลลี่พูดพร้อมหัวเราะ
“เดี๋ยว ข้ายังไม่ได้บอกเลยนะว่าข้าชอบเรซอร์” คาสซานดร้าพูดกับพี่ชายตัวเองด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
บิลลี่ลุกขึ้นมาจากที่เก้าอี้ของตัวเองก่อนจะเดินออกไปจากห้อง แต่ก่อนจะออกจากห้องเขาหันมาก่อนจะพูดกับน้องสาวอีกครั้ง
“ข้าไม่มีปัญหาหรอกว่าเจ้าจะตัดสินใจแบบไหน แต่ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ให้ความรู้สึกเจ้ามามีผลนะ”
บิลลี่พูดจบก็เดินออกจากห้องทิ้งให้คาสซานดร้านั่งอยู่คนเดียว
“หรือจริงๆเราชอบเรซอร์นะ?” คาสซานดร้าพึมพำกับตัวเอง