Cataclysm: Endless Hellfire
Act XXI
------------
“ใช้จนได้สินะ...”
เสียงของบุรุษแห่งความตาย มารเพลิงได้กล่าวมันออกมาเมื่อประจักษ์ถึงพลังแห่งหญิงสาวผมสีทับทิมนามชารอนที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า ปราณสีเลือดหมูทะลักออกมาจากทั่วทั้ง ร่างของเธอเป็นสื่อถึงพลังแห่งเลือด หนึ่งในพลังที่หายากที่สุดในดาวดวงนี้ โดยมากพลังนี้ก็มีอยู่เพียงแค่เหล่าผู้พิเศษเท่านั้น หรือในอีกความหมายหนึ่งคือในโลกนี้แทบจะไม่มีใครใช้พลังนี้ได้นอกเสียงจากแวมไพร์เท่านั้น เพราะด้วยความที่ต้องผสานปราณระดับสูงสุดจนรวมเป็นหนึ่งกับโลหิต ทุกอณูส่วนของเลือดจะรวมตัวเป็นปราณโดยสมบูรณ์ พูดง่ายๆ คือพลังทุกครั้งที่ถูกใช้จึงไม่เพียงแต่ใช้ปราณเท่านั้น แต่เป็นเลือดด้วยเช่นกัน นั่นคือผู้ที่มีร่างกายไม่แข็งแกร่งพอหรือสามารถหมดแรงถึงตายด้วยเมื่อเสียเลือดไปส่วนนึงแม้จะเป็นส่วนเล็กก็ตามจะไม่สามารถใช้พลังนี้ได้เลย เฉพาะผู้ที่แข็งแกร่งเกินมนุษย์เท่านั้นที่จะสามารถใช้มันได้อย่างไร้ปัญหา ด้วยความที่พลังแห่งเลือดมันเป็นปราณที่สามารถคร่าชีวิตผู้ใช้ได้ มันจึงถูกห้ามใช้และสาบสูญไป แต่บัดนี้มันได้โผล่ขึ้นมาที่ต่อหน้าของหนุ่มนักปราชญ์และมารเพลิง พลังที่หายไปศตวรรษได้ฟื้นคืนมา
ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมโคลริมถึงเลือกชารอนให้รับทำหน้าที่นี้แทนเขาในช่วงยุคนี้ นั่นเพราะเธอมีพลังที่ดูแข็งแกร่งพอที่จะสามารถเอาชนะมารแห่งบาปและหยุดยั้งเรื่องราวทั้งหมดได้ แม้นหล่อนจะดูแข็งแกร่งขึ้นเป็นเท่าตัวและทุกคนก็สามารถสัมผัสถึงมันได้ มารเพลิงหาได้กลัวถึงสิ่งนั้นเลย กลับกันเขากลับแสยะยิ้มขึ้น พลางหัวเราะแลดูชอบใจในสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าของเขา แต่ผู้เป็นข้ารับใช้ของเขาหาได้คิดเช่นนั้นเลยสักนิด เขารู้ว่าเจ้านายแห่งตนสูญเสียพลังไปมากหลังจากที่ถูกผนึกตัวเป็นเวลานานแสนนาน จึงเกิดความกังวลว่ามารเพลิงอาจพ่ายต่อผู้พิทักษ์แห่งโพรโตเนี่ยนผู้นี้ อีกทั้งอย่างที่มารเพลิงเพิ่งกล่าวไปเมื่อตอนนั้น นั่นคือเมื่อเธอถูกครอบงำหรือใช้พลังโลหิตนี้ หล่อนจะเปลี่ยนบุคลิกเป็นคนละคนในทันที เท่ากับว่าหล่อนจะดุดันและโหดร้ายมากขึ้นเป็นเท่าตัว ในสภาพตอนนี้ไซอาลอทย่อมเสียเปรียบเป็นแน่แท้ แต่นายท่านของตนกลับมั่นใจซะได้
ความกังวลที่อยู่ในหัวของเบลล์นั้นถูกส่งผ่านทางความคิดที่เชื่อมโยงของพลังแห่งบาปเป็นเครือข่ายเดียว มันทำให้ไซอาลอทรู้ตัวว่าคนข้างกายของเขาที่ใช้พลังแห่งความตายเหมือนกันกำลังคิดอะไรอยู่ แน่นอนว่าความคิดด้านลบแบบนั้นต่อตัวเขาย่อมไม่เป็นที่พอใจสำหรับมารเพลิงแน่
“ความคิดนั่น... สลัดมันออกไปจากหัวซะ!” มารเพลิงกล่าว
“หากเจ้าอ้างว่าข้าไร้พลัง... ข้าจะสูบเลือดเนื้อเจ้าเป็นพลังงานด้วยหัตถ์แห่งข้า”
“จงลุกขึ้นและสู้กับศัตรูที่อยู่ต่อหน้าเจ้า และเด็ดหัวมันมาให้แก่ข้า”
เบลล์หาได้ตอบกลับอันใดหลังจากวาจาที่ดูดุดันถูกกล่าวออกไป แน่นอนว่าเขาไม่สามารถปฏิเสธนายท่านของตนได้ เขาเปล่งปราณแห่งความตายออกมาเพื่อที่จะสู้กับปรปักษ์ทั้งสองที่อยู่เบื้องหน้าตน เนลเรี่ยนสามารถสัมผัสถึงพลังของแต่ละคนที่อยู่รอบกายของเขา ความรู้สึกมันต่างออกไปจากทุกครั้งที่เขาเคยพบกับพลังที่แรงกล้าขนาดนี้ โดยปกติถ้าเมื่อเห็นด้วยตาหรือสัมผัสด้วยตัวเอง มักจะยินดีที่ได้สัมผัสถึงประสบการณ์พลังของผู้กล้าที่สามารถใช้เป็นความรู้ได้ แต่ครั้งนี้.. มันดูมากกว่านั้นมาก ราวกับว่าเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันกับคนพวกนี้เลย ถึงแม้ว่าเขาจะมีพลังพิเศษที่ไซอาลอทปรารถนาก็ตามที กระนั้นเขาก็จะถอยจากการต่อสู้ไม่ได้แล้วมีแต่ต้องยืนหยัด ต่อกรกับสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าเท่านั้น เขาแทบจะรู้สึกเลยว่าวาจาที่แสดงถึงความกล้าของเขาเมื่อครู่มันกลายเป็นเพียงแค่ลมปาก เพราะทันใดที่เขาสัมผัสพลังเหล่านี้ความกลัวมันก็เข้ามาสู่จิตใจ มากเกินกว่าที่จะแบกรับไว้ได้
“ท่านเนลเรี่ยน..” จู่ๆ หญิงสาวก็ทักชายหนุ่มขึ้นมา
“อย่าได้วอกแวกเป็นอันขาด ตอนนี้เรากำลังเจอกับของจริง”
“ตั้งสมาธิและปราณให้มั่น พวกนั้นคิดจะฆ่าพวกเราทิ้งแน่นอน”
ชายหนุ่มพยักหน้าตอบรับก่อนจะทำในสิ่งที่เธอแนะนำเขาไป เขาผสานปราณน้ำแข็งเข้าสู่กายาก่อนที่สร้างดาบตรงเล่มหนึ่ง มันแลดูจะแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าดาบที่ถูกตีด้วยช่างเหล็กบางชนิดเสียอีก เขากำมันไว้แน่นเตรียมที่จะสู้ ทั้งเนลเรี่ยนและชารอนหาได้ออกตัวโจมตีแต่อย่างใด พวกเขายืนรอมารเพลิงและข้ารับใช้ของเขาให้ออกตัวเสียก่อนเพื่อที่จะได้หาช่องโหว่ในการต่อสู้ด้วยง่ายๆ แต่กระนั้นไซอาลอทก็ยังคงนิ่งเฉย แตกต่างจากเบลล์ที่แสดงท่าทีที่ต่างออกไปจากเมื่อครู่มาก ความกลัวได้หายไปก่อนที่จะแสดงท่าทางแปลกๆ ลับล่อๆ เหมือนพยายามจะทำอะไรอยู่ มารสีมรกตเดินไปหลบจากสายตาของปรปักษ์ทั้งสองที่ภายหลังของมารเพลิงแห่งความตาย
“ข้ายอมรับในความกล้าของพวกเจ้าเสียจริงที่คิดจะต่อกรกับความตายเช่นข้า” ไซอาลอทกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง
“แต่มันคงจบลงเท่านี้ล่ะ!”
สิ้นวาจาของอสูรร้ายตนนั้นก็มีบอลเพลิงสีเขียวที่ดูแปลกตาผุดขึ้นมาจากภายหลังของไซอาลอท โค้งไปหาเนลเรี่ยนและชารอนทันที ทั้งสองใช้ปราณของตนตอบรับเพื่อป้องกันและหลีกเลี่ยงการโจมตีนั้น พวกเขาหนีจากอันตรายพวกนั้นได้อย่างหวุดหวิด ดูเหมือนว่าการโจมตีเมื่อครู่จะเป็นของเบลล์ที่พยายามจะใช้คาถาโดยที่ไม่ให้พวกเขารู้ตัว มิทันใดเนลเรี่ยนก็โต้ตอบโดยการปล่อยกระสุนน้ำแข็งนับพันสู่ศัตรูของเขา แต่ด้วยปราณของไซอาลอทร้อนระอุเฉกเช่นกับสุริยา เขาจึงยกหัตถ์ของตนเพียงแค่ชั่วครู่ เมื่อนั้นเหล่าน้ำแข็งที่พุ่งไปหวังจะสังหารก็สลายและระเหยไปกับอากาศ เนลเรี่ยนดูไม่แปลกใจนักกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะแกว่งดาบไปฟาดใส่ร่างของไซอาลอททันที แม้นว่าดาบน้ำแข็งจะไม่ละลายและสามารถทำให้มารเพลิงรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกนั้นได้ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเจ็บอันใดเลย ซ้ำยังจับดาบนั้นไว้แน่นก่อนที่จะบีบมันจะแตก เมื่อนักปราชญ์เห็นเช่นนั้นจึงไม่รอช้าที่จะถอยฉากออกไปเกรงจะได้รับอันตรายที่อาจจะมาหาเขาได้ ไซอาลอมที่เห็นเนลเรี่ยนถอยกลับก็หาได้กล่าววาจาอันใด เขาเพียงแค่ยิ้มตอบด้วยรอยยิ้มดูน่าหมั่นไส้ บวกกับท่าทางที่บ่งบอกว่าเขาไม่รู้สึกระคายเคืองใดๆ กับการโจมตีนั้นเลย
แน่นอนว่านั่นทำให้เนลเรี่ยนรู้สึกหงุดหงิดเอามากๆ แต่เขาก็ต้องคิดให้ดี หากคิดตื้นอะไรไปเขาก็อาจจะถูกมารเพลิงสังหารได้ในทันที เขาเปล่งปราณอ่อนๆ ที่ทั่วร่างของเขา หวังจะแผ่มันออกไปสู่อากาศเพื่อที่จะทำอะไรสักอย่าง ในขณะนั้นเองมารเพลิงก็ค่อยๆ ย่างกรายเข้าไปหาเนลเรี่ยนช้าๆ ดูไม่เหมือนกับคนที่จะเป็นภัยเลยสักนิด ไม่มีการผสานหรือเปล่งปราณออกมา ทั้งยังไม่มีท่าทางใดๆ ที่สื่อว่าจะทำร้าชายหนุ่มผู้นั้น มิทันไรที่บนอกของมารเพลิงก็ผุดขึ้นมาซึ่งสัญลักษณ์อะไรแปลกๆ ก่อนที่มันจะก่อตัวเป็นรูปทรง ผุดขึ้นมาเป็นหัวมังกรที่มีผิวหนังไม่แตกต่างจากกายาของอสูรเพลิงเสียเท่าไหร่ รอยแตกทั่วทั้งผิว เพลิงลาวาที่ส่องแสงออกมาจากรอยแตก แถมยังมีลาวาร้อนระอุหยาดลงสู่พื้นแลดูคล้ายกับเป็นโลหิตของมัน เมื่อนั้นปากของมังกรตนนั้นก็ง้างออกอย่างรวดเร็ว เห็นเป็นฟันแหลมคมดูน่ากลัวซึ่งสามารถกัดกินร่างของมนุษย์ให้ขาดเป็นเสี่ยงๆ ได้ในทันทีและลิ้นที่ยาวดูสยดสยองอีก ทันใดนั้นเนลเรี่ยนก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น มันเป็นการก่อปราณระดับแรงกล้าในเวลาอันสั้น มันดูกะทันหันเอามากๆ เพราะการที่จะรวบรวมปราณในระดับนั้นได้มันต้องใช้เวลา แต่มารตนนี้กลับใช้เวลาอันสั้นก็ก่อปราณเป็นบอลเพลิงขนาดยักษ์หวังจะทลายร่างของเนลเรี่ยน
“บรึ้มมมมมมมมมมมมม!” กระสุนเพลิงปืนใหญ่จากหัวมังกรถูกยิงออกไปอย่างแรง อานุภาคของมันสามารถแผดเผากายาคนให้หายไปในพริบตาได้
เนลเรี่ยนกระโดดหลบรัศมีมันออกไปได้อย่างหวุดหวิด แต่ชุดของเขาส่วนข้างที่อยู่ใกล้ชิดกับปราณเพลิงนั้นที่สุดก็ไหม้เกรียมมีควันลอยขึ้นมาและกลิ่นฟุ้ง ชายหนุ่มผมทองหันกลับไปหาตำแหน่งของมารเพลิงที่ควรจะอยู่ตรงนั้น แต่ว่าเขากลับหายไปอย่างรวดเร็ว ไปจากสายตาของเขาจนมิสามารถมองเห็นหรือจับทิศทางได้ว่าเขาอยู่แห่งหนใดกันแน่ แม้นหนุ่มผู้นี้จะมองไปโดยรอบ เขาก็หาได้เห็นวี่แววของมารเพลิงเลย เพียงชั่วพริบตานั้นเองมารแห่งความตายก็พุ่งเข้าหาเนลเรี่ยน ตั้งท่ามือของเขาดั่งจะควักหัวใจของชายหนุ่มที่กำลังต่อสู้ด้วยในจังหวะเดียว นักปราชญ์ผู้นั้นเห็นมันทันเวลาจึงสามารถก่อปราณน้ำแข็งขึ้นที่แขนของตน ก่อนจะยกแขนทั้งสองข้างขึ้นตั้งรับการโจมตีนั้นไว้ได้ ทันใดที่หัตถ์เพลิงข้างนั้นกระแทกสู่ร่างเกราะน้ำแข็งของเนลเรี่ยน มันก็ทำให้ชายหนุ่มผู้นั้นปลิวไปตามแรงโจมตีที่ได้รับมา เขาพุ่งไปกระแทกใส่กับหินยักษ์อย่างจัง เขารู้สึกเจ็บกับแรงกระแทกที่ได้รับมาก่อนที่พยายามจะลุกขึ้นแต่ก็ถูกมารเพลิงซัดเข้าด้วยลูกถีบอย่างแรงจนชนเข้ากับหินนั้นอีกครั้ง
ชายหนุ่มรุดตัวขึ้นมาพยายามจะออกหมัดความเย็นสวนเข้าไป แต่มารเพลิงก็หลบมันไปได้ด้วยความเร็วที่เหนือกว่าเป็นเท่าตัว เนลเรี่ยนยังไม่ยอมแพ้จึงออกหมัดของตนต่อไป แต่ไม่ว่าเขาจะโจมตีด้วยมือทั้งสองข้างนั้นเพียงเท่าไรมันก็ไม่ได้ผลเลยสักนิด เมื่อนั้นไซอาลอทจึงรับหมัดนั้นไว้ได้ก่อนที่จะจับเนลเรี่ยนเสยขึ้นเหนืออากาศ ฟาดลงสู่พื้นสร้างความเจ็บปวดให้แก่ชายผู้นั้น เมื่อชายผู้นั้นนอนครวญครางอยู่ที่ผืนดิน มารเพลิงก็มิรอช้ากระทืบเท้าของตนหวังจะทลายกระดูกซี่โครงของชายหนุ่มผู้นั้นในทันที เนลเรี่ยนสามารถหลบมันไปได้อย่างหวุดหวิดโดยที่จังหวะนั้นเองเขาปล่อยปราณเยือกแข็งสู่เท้าข้างนั้นของไซอาลอทจนเขามิอาจจะขยับขาของตนได้ เนลเรี่ยนเห็นจังหวะสำคัญนั้นของเขาก็มิรอช้าที่จะลุกขึ้นยืน รวบรวมพลังจนสร้างเป็นหอกน้ำแข็ง แทงลงสู่กลางอกทะลุหัวมังกรนั้นไปสู่แผ่นหลังของมารแห่งความตาย การโจมตีนั้นทำให้มารเพลิงกรีดร้องอย่างทรมาณ แต่ไม่ทันไรเขาก็ใช้มือของตนสะบัดใส่หอกน้ำแข็งจนแตกเป็นเสี่ยงๆ กระนั้นมารเพลิงก็ยังมิอาจจะหลุดจากพันธนาการที่เนลเรี่ยนก่อให้กับเขาได้
เมื่อหนุ่มผู้นั้นเห็นดังนั้นแล้วจึงมิรอช้า เขาสร้างปราณแห่งตนเป็นรูปทรงขนาดแหลมจำนวนมาก มันดูคล้ายกระสุนแต่ในครั้งนี้มันกลับมีขนาดที่ใหญ่กว่าเดิมเป็นหลายเท่า แลดูคล้ายกับหอกที่ยังทำไม่เสร็จสิ้น ทันใดนั้นเนลเรี่ยนจึงปล่อยพลังน้ำแข็งเหล่านั้นของเขาแทงเข้าสู่เป้าหมายนั่นคือมารแห่งความตาย เหล่าน้ำแข็งที่จับตัวเป็นก้อนทำตามคำสั่งของเจ้าของพลัง มันพุ่งไปหาร่างของไซอาลอทอย่างรวดเร็ว แทงเข้าอย่างแรงจนปักคาร่างของมารตนนั้น บ้างก็ทะลุผ่านร่างจนเป็นรูเหวอะดูสยอง เนลเรี่ยนยังมิหยุดที่จะจู่โจมด้วยกระบวนท่านั้น เขายังคงเปล่งปราณน้ำแข็งไปทั่วพื้นที่เพื่อสร้างน้ำแข็งเป็นคมแหลมเพื่อสังหารมารเพลิงไปเรื่อย กระสุนขนาดใหญ่นับร้อยทะลุผ่านร่างของมารเพลิง โดยแม้แต่มารร้ายตนนั้งเอง เมื่อถูกโจมตีไปเสียขนาดนั้น เขาก็นิ่งเฉยราวกับสิ้นใจ นักปราชญ์ที่เห็นเช่นนั้นจึงหยุดโจมตี ทั้งตัวที่มั่นใจว่าสามารถหยุดมารเพลิงได้และใช้พลังปราณมากเกินไปจนต้องหยุดพักนั่นคือเหตุผลที่เขาทำเช่นนั้น
“หึหึหึ...” เสียงหัวเราะอันแหบแห้งค่อยๆ ดังขึ้นมา
“เจ้าคิดว่าพลังเพียงเท่านั้นจะสามรถปราบคนเช่นข้าได้หรือ?”
วาจานั้นถูกกล่าวออกมาจากมารเพลิง ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่สิ้นใจอย่างที่เนลเรี่ยนคาดเดาเอาไว้ แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรกันล่ะ การโจมตีเมื่อครู่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นการทำลายอวัยวะภายในหลายส่วนเลยทีเดียว หากเป็นคนอื่นคงตายไปตั้งแต่ไม่กี่วินาทีหลังจากการโจมตีนั้นแล้ว แต่มารเพลิงกลับสามารถรอดได้อีกทั้งยังกล่าวเชิงดูถูกต่อเนลเรี่ยนอีกต่างหาก มันทำให้ชายหนุ่มรู้สึกช็อคกับสิ่งที่เขาได้ประจักษ์ เมื่อนั้นแล้วจึงไม่รอช้าที่จะเตรียมปราณอีกชุดเพื่อโจมตี แต่ที่แผลทุกส่วนของมารเพลิงก็ผุดขึ้นมาซึ่งลาวาที่จับตัวเป็นดั่งหนวดปลาหมึกนับสิบก่อนที่จะตรงเข้าไปชายหนุ่มผมทอง มันรัดร่างของเนลเรี่ยนซะจนเขามิอาจจะขยับได้ อีกทั้งเหล่าลาวาเพลิงนั้นก็สร้างความร้อนและเจ็บปวดให้แก่ชายผู้นั้นจนต้องร้องออกมาอย่างทรมาณ ผ่านไปสักพักน้ำแข็งที่ตรึงขาของมารเพลิงก็แตกออกพร้อมทั้งบาดแผลทั่วทั้งร่างก็ค่อยๆ สมานจนหายเป็นปกติกระนั้นเหล่าลาวาที่พุ่งออกมาจากรอยแผลเหล่านั้นก็สลายไป ก่อนที่เนลเรี่ยนพยายามตั้งตัว แต่เขาก็ถูกมารร้ายตนนั้นให้มือของมันจับใบหน้าของเนลเรี่ยนไว้แน่น ดันร่างของชายผู้นั้นกระแทกเข้ากับหินขนาดใหญ่จนมิอาจจะขยับร่างได้
แม้นเนลเรี่ยนพยายามจะสู้กำลังของไซอาลอทแต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย มารเพลิงหัวเราะเย้ยเนลเรี่ยนที่โอดโอยด้วยความทรมาณ
“ลิ้มรสซะสิเนลเรี่ยน... ความเจ็บปวด ทรมาณอย่างที่เจ้ามิเคยพบเจอ”
“หากไม่ใช่เพราะข้าต้องการพลังของเจ้า ตัวเจ้าได้ตายคามือของข้าไปแล้ว”
“เพราะงั้นข้าจะให้เจ้าเลือกอีกครั้งหนึ่ง ร่วมกับข้าหรือจะตายโดยที่ข้าสูบพลังเจ้าจนหมด!”
ชายหนุ่มผู้นั้นจับแขนที่ไซอาลอทให้จับใบหน้าของเขาก่อนที่จะแช่แข็งแขนข้างนั้นจนมารเพลิงมิอาจจะขยับแขนส่วนนั้นได้ เมื่อนั้นชายหนุ่มจึงใช้กำลังที่มีทุบแขนที่ถูกแช่จนแตกเป็นเสี่ยงๆ มันทำให้ไซอาลอทร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด กระนั้นแขนข้างนั้นก็งอกออกมาภายในเวลาอันสั้น เนลเรี่ยนหาได้ฟังคำชักชวนของมารเพลิงเลยสักนิด กลับกันสิ่งที่เขาทำคือการต่อต้าน แต่เขาก็รู้ว่าตัวเขามิอาจจะเอาชนะมารเพลิงนี้ได้แน่ สิ่งที่เขากำลังต่อสู้ด้วยมันฆ่าไม่ตายด้วยซ้ำ แม้จะทำอะไรถึงขนาดไหนก็ตามทีมันก็ยังกลับมาหายเป็นปกติได้ ราวกับปีศาจที่ไม่รู้จักความตาย ไม่สิ... เขาคือความตายต่างหาก มารเพลิงที่เห็นในสิ่งที่เนลเรี่ยนกระทำต่อตน แสดงการต่อต้าน หาได้สวามิภักดิ์ต่อความเมตตา มันทำให้ไซอาลอทไม่พอใจอยู่นิดหน่อย
“ให้ตายสิ..” มารเพลิงพูดพลางทำแสดงท่าทางผิดหวัง เขาเอากุมขมับของตนไว้
“ข้าพยายามจะหาทางที่ง่ายที่สุดให้กับเจ้าแล้วนะเนลเรี่ยน”
“แต่เจ้าก็ต่อต้านข้าจนถึงที่สุด.... น่าผิดหวังๆ” ไซอาลอทกล่าวต่อ
“หุบปากไปซะ!” จู่ๆ เนลเรี่ยนก็ตะโกนสวนขึ้นมา
มารเพลิงที่ได้ยินแบบนั้นก็แสยะยิ้มอีกครั้ง หาได้กลัวท่าทางของเนลเรี่ยนที่ดูโกรธจัดเลยสักนิด
“เจ้าคิดว่าข้าจะโง่พอที่จะให้เจ้าทำลายล้างดาวดวงนี้ยังงั้นหรือ?”
“หากเจ้าคิดว่าข้ากลัวความตายนักล่ะก็... นั่นคือเจ้ากำลังหยามนามแห่งข้า!”
“โอ้” ไซอาลอทสบถขึ้นในเชิงประหลาดใจ “ข้าขออภัยด้วยที่กำลังดูถูกเจ้าอยู่...”
“หาได้มีเจตนาร้าย อย่าเข้าใจผิดแล้วกัน” เขาพูดต่อ
คำพูดเหล่านั้นมันแลดูจะเป็นการกวนประสาทของเนลเรี่ยน และแน่นอนว่าชายผู้นั้นก็ตกอยู่ภายใต้กับดักนั้น ชายหนุ่มกำลังรู้สึกตัวว่าเขากำลังโดนเย้ยจึงมิอาจจะอยู่เฉยได้กับสิ่งนั้น เขาดูโมโหสุดขีดจากท่าทางของมารเพลิงที่แสดงออกมา
“แก.... คิดจะดูถูกข้าไปถึงไหน?!” ชายหนุ่มผู้นั้นหลุดปากตะโกนออกมา เป็นอารมณ์ที่เกรี้ยวกราดน่าดู
“หืม?” มารเพลิงเปล่งเสียงขึ้นมาเบาๆ ด้วยความสงสัย “ก็ได้”
เมื่อมารตนนั้นพูดจบลงร่างของเขาก็หายไปในพริบตาเฉกเช่นกับสายฟ้าที่พุ่งด้วยความเร็วสูง เนลเรี่ยนมิอาจจะมองเห็นอะไรเลย ไซอาลอทนั้นใช้ความเร็วของตนเข้าสู้อีกครั้งและเมื่อนั้นก็เหวี่ยงหมัดของตนกระแทกใส่หน้าของเนลเรี่ยนเข้าอย่างจัง ชายหนุ่มที่ถูกหมัดเพลิงนั้นกระแทกใส่อย่างรุนแรงปลิวไปตามอากาศแต่ก็มิปานถูกมารเพลิงเสยหมัดขึ้นฟ้าทำให้ร่างของเนลเรี่ยนถูกซัดขึ้นไปสู่เวหา ไซอาลอทมองร่างของเนลเรี่ยนที่กำลังร่วงหล่นลงมาสู่พื้นก็มิรอช้า สยายปืนของตนออกจากแผ่นหลัง บินขึ้นไปสู่ท้องฟ้า หาเป้าหมายนั้น อสูรเพลิงบีบคอของเนลเรี่ยนในทันทีพร้อมกับมืออีกข้างที่กำลังจะออกหมัดหวังจะทลายใบหน้าของเนลเรี่ยนเสีย แต่ชายผู้นั้นหาได้ยินยอมไม่ เขาใช้มือทั้งสองจับศีรษะของมารเพลิง เปล่งปราณอ่อนๆ ลงไปจนทำให้ร่างของไซอาลอทหยุดชะงักไปในทันที ดูเหมือนจะเป็นการทำให้ร่างของไซอาลอทเป็นอัมพาตไปชั่วคราวจนมิอาจจะขยับตัวได้ดั่งใจ เมื่อนั้นเนลเรี่ยนจึงจับร่างของมารเพลิง โดยใช้หัวของมารตนนั้นดิ่งลงไปสู่พื้น ตัวของเนลเรี่ยนได้สร้างหิมะระดับนึงไว้ใช้ป้องกันเขาจากแรงดิ่งที่ได้รับจากแรงโน้มถ่วง
“ตึงงงงงงงงงง!” ศีรษะของมารเพลิงกระแทกลงไปกับผืนดิน จนทะลุลงไปใต้แผ่นดินนั้น
ไซอาลอทหยุดนิ่งไปเลยหลังจากได้รับความเจ็บปวดนั้นเข้าไป เนลเรี่ยนที่หล่นลงใส่หิมะนุ่มๆ ของเขาก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมา เขารู้ตัวดีว่ามันยังมิอาจจะสังหารมารเพลิงได้แน่ ชายหนุ่มพยายามจะทำตัวให้รอบคอบที่สุด ชายหนุ่มกำมีดทั้งสองเล่ม ค่อยๆ ย่างกรายไปอย่างช้าๆ ให้มั่นใจที่สุดว่านั่นคือโอกาสเหมาะในการสังหารมารเพลิงตนนั้น ในระหว่างที่เขากำลังเดินไปนั้นจู่ๆ กายาของปีศาจตนนั้นก็ขยับอีกครั้ง ครานี้ไซอาลอทให้มือทั้งสองข้างของตนทาบลงกับพื้น มันดูเหมือนว่าเขาจะดันผืนดินเพื่อดึงศีรษะของตนขึ้นมา แขนทั้งสองข้างนั้นก่อปราณระดับสูงขึ้นอีกครั้ง เมื่อเนลเรี่ยนเห็นเช่นนั้นก็มองว่าคงท่าไม่ดีแน่ เขาจึงรีบอาศัยโอกาสนั้นโจมตีมารเพลิงที่กำลังรวบรวมปราณของตนในทันที ชายหนุ่มเหวี่ยงมีดของตนแต่แล้วที่ผืนดินก็เกิดไอร้อนขึ้นมา ชะงักการโจมตีของหนุ่มผมทอง เขารู้สึกร้อนอย่างผิดปกติที่ผืนดินจนมองลงไป แผ่นดินระยะรัศมีไม่กี่เมตรทางด้านระแวกนั้นกลายเป็นแผ่นดินสีแดงก่อนที่มันจะเกิดแผ่นดินไหว สั่นขึ้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่ามีอะไรกำลังจะมาในไม่ช้า
เนลเรี่ยนรีบวิ่งออกจากระแวกนั้นในทันที ไม่นานนักมันก็เกิดแผ่นดินไหวอย่างแรงจนทำให้ชายหนุ่มล้มลงจากแรงนั้น เมื่อนั้นชายหนุ่มจึงสร้างกำแพงน้ำแข็งขึ้นสูงโดยให้ตัวเองยืนอยู่บนยอดกำแพงนั้น เมื่อกำแพงน้นถูกสร้างขึ้นด้วยปราณเยือกเย็น เขากระโดดจากยอดกำแพง ออกไปนอกระยะแผ่นดินสะเทือน เขาสร้างหิมะข้างล่างเพื่อใช้เป็นการรองรับตัวของชายผู้นั้น เขาลงมาได้อย่างปลอดภัย
“บรึ้มมมมมมมมมม!” ในระแวกที่เกิดแผ่นดินไหวจากน้ำมือของมารเพลิงเกิดแรงระเบิดขึ้น
พื้นที่โดยรอบนั้นถูกแผดเผาด้วยปราณเพลิงพิโรธ ฝูงควันลอยฟุ้งไปตามอากาศเป็นผลจากสิ่งที่ไซอาลอททำไปเมื่อครู่ เบื้องหลังควันโขมงปรากฏซึ่งเงาของบุรุษผู้ที่สร้างแรงระเบิดเมื่อครู่ ดวงตาของเขาเปล่งแสงออกเป็นสีเดียวกับปราณแห่งความตายของตน มารเพลิงค่อยๆ เดินไปเรื่อยๆ ออกมาจากกลุ่มควันเหล่านั้น มองหน้าเนลเรี่ยนโดยไร้ความเกรงกลัวหรือใดๆ เลย ต่างจากทางของผู้ใช้ปราณน้ำแข็งที่พลังเริ่มถดถอยไปโดยมาก เขาใช้กำลังทั้งหมดที่มีในการต่อสู้กับปีศาจตนนี้ แต่ยิ่งสู้เท่าไหร่ตัวเขาต่างหากที่กลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบเสียเอง เหมือนกับกำลังสู้กับสิ่งที่ไม่สามารถฆ่าตายได้ ไม่สามารถลดทอนกำลังได้ พูดง่ายๆ คือไม่สามารถทำกาลอันใดต่อมารร้ายได้เลยสักนิด เนลเรี่ยนดูท่าจะเหนื่อยหอบน่าดูกับสิ่งที่เขาได้กระทำลงไปตั้งแต่เริ่มสู้ ทุกครั้งที่เขาใช้พลังหวังจะสังหารมารเพลิง กระบวนท่าทั้งหลายล้วนแล้วแต่ใช้ปราณระดับสูงทั้งนั้น มันจึงทำให้ร่างกายทุกส่วนของเขาเกิดความเหนื่อยล้าและแม้กระทั่งจะยืนด้วยสองขาตอนนี้ยังยากเลย
ในระหว่างนั้นเองมารเพลิงก็ค่อยๆ เดินเข้ามาหาชายหนุ่มนักปราชญ์โดยที่ไม่มีความเร่งรีบอันใด เขารู้ตัวว่าเนลเรี่ยนเสียสมดุลของพลังและอ่อนแอเกินกว่าที่จะต่อกรได้แล้ว จากสภาพในตอนนี้ที่นักปราชญ์ผู้นั้นเริ่มทรุดลงไปกับพื้น แม้นจะพยายามลุกขึ้นมาอีกครั้งแต่ขาทั้งสองก็สั่น ไม่สิ... ร่างกายทุกส่วนต่างหากที่เป็นเช่นนั้น กระนั้นหนุ่มผู้นั้นก็ยังคงแสดงท่าทางที่เป็นภัยต่อมารเพลิง เขากำหมัดไว้เผยสปีริตในตัวที่ยังไม่เคยคิดจะยอมแพ้
“เจ้าไม่ยอมแพ้?” มารเพลิงเอ่ยถาม
“แต่เจ้าควรจะรู้ไว้ว่าต่อให้ยกฟ้าลงมาถล่มข้า...”
ในระหว่างที่ไซอาลอทกำลังเปล่งวาจา ตัวของเนลเรี่ยนก็แสดงปฏิกริยาต่อต้านมารเพลิงอยู่ เมื่ออสูรตนนั้นเข้าไปใกล้ร่างของเนลเรี่ยน ชายผู้นั้นก็ตอบโต้ด้วยการแกว่งมีดสั้นของตน มันหาได้โดนแม้แต่เพลิงพิโรธใดๆ เลย เหล่าคมมีดพวกนั้นกระแทกซัดกับอากาศเกิดเป็นแรงลมเล็กน้อย มารเพลิงใช้หัตถ์ทั้งสองของตนฟาดใส่แขนของเนลเรี่ยนจนผู้ใช้มีดสั้นเกิดเสียงแรง ทำมีดที่ตนกำอยู่หล่นลงไปสู่ผืนดิน เมื่อนั้นอสูรร้ายจึงหยิบมีดของเนลเรี่ยนขึ้น ก่อนจะปักใส่กลางอกของผู้ใช้มัน ลึกเข้าไปจนแทบจะไปถึงหัวใจ หากขยับใบมีดเพียงเล็กน้อยก็อาจจะตัดเส้นเลือดใหญ่ที่ไปถึงหัวใจได้ ชายหนุ่มกรีดร้องด้วยความทรมาณหลังจากโดนมีดแห่งความเย็นนั้นแทงลึกลงไป เขารู้สึกทรมาณกับอาวุธตัวเอง ลิ้มรสถึงความเจ็บปวดที่ตนเคยใช้มันมาโดยที่ไม่เคยรู้ถึงความรู้สึกของมันแม้แต่น้อย ชายหนุ่มทรุดลงไปกับพื้นในขณะที่มารเพลิงกำมีดของเขาไว้แน่น กดมันลงไปในแผลนั้น แม้นเนลเรี่ยนจะพยายามต่อสู้กับมัน เขาก็มิอาจจะเอาชนะกำลังของมารเพลิงได้
หญิงสาวผมแดงที่ปกคลุมไปด้วยปราณแห่งเลือดเห็นในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นต่อชายหนุ่มผู้นั้น แต่เธอก็มิอาจจะเข้าช่วยชายผู้นั้นได้ แม้นหล่อนจะใช้พลังโลหิตนั้นก็ตาม แต่ก็ดูเหมือนว่าเธอจะยังมีสติอยู่ต่างจากครั้นที่เคยต่อกรกับเนลเรี่ยนเมื่อครานั้น เธออยากที่จะเข้าไปช่วยนักปราชญ์ผู้นั้นซะแทบใจขาด แต่ศัตรูเบื้องหน้าของตนที่หวังจะสังหารเธอ เบลล์ ผู้ที่ต้องการจะสะบั้นหัวของหล่อนเพื่อที่จะนำมันไปถวายแก่นายของจนมิอาจจะเปิดโอกาสให้เธอทำเช่นนั้นได้ หล่อนทำได้เพียงแค่ต่อสู้กับมารตนนั้น พยายามที่จะปิดฉากให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เบลล์ก็หาได้เป็นพวกด้อยกำลัง เขามีปราณที่แข็งแกร่งมากและสู้กับเธอได้อย่างสูสีจนแทบจะดูไม่ออกว่าใครกันที่จะเป็นฝ่ายกำชัยไปได้
ด้านมารเพลิงนั้นปล่อยมือของตนออกจากมีดทั้งสอง ความเจ็บปวดของเนลเรี่ยนที่โดนกดมีดสั้นทั้งสองลงไปกลางอกเขาได้จางหายไป ชายหนุ่มล้มลงสู่ผืนดิน โอดโอยด้วยความทรมาณโดยที่จอมมารจ้องมองเขาอยู่
“เอาสิ! ฆ่าข้าเลย! แกรออะไรอยู่ล่ะ?!” เนลเรี่ยนกล่าวท้าทายโดยไร้ความกลัวที่จะตาย
เมื่อมารเพลิงได้ยินเช่นนั้น เขาจึงยิ้มออกมา หาได้ตอบวาจาใดกลับไป เมื่อนั้นเขาจึงยกร่างของชายหนุ่มผมทองขึ้นด้วยแขนข้างเดียว เขาบีบคอเด็กหนุ่มผู้นั้นก่อนจะกางปีกของตน บินขึ้นไปเหนือน่านฟ้า เนลเรี่ยนพยายามจะดิ้นให้หลุดแต่เขาก็มิอาจจะทำได้ แรงเรี่ยวของชายผู้นี้ไม่เหลือแม้กระทั่งจะผสานปราณระดับต่ำเสียด้วยซ้ำ
“เนลเรี่ยน!” หญิงสาวผมสีแดงตะโกนเรียกนามชายผู้นั้นหวังจะเรียกสติของเขา แต่เหมือนว่ามันจะไม่ได้ผล
เธอคงรีรอไม่ได้แล้ว ตอนนี้หล่อนต้องรีบไปช่วยชายผู้นั้นให้เร็วที่สุด หล่อนถีบขาของตนใส่ผืนดินเพื่อที่จะพุ่งไปยังกลางอากาศ มีเป้าหมายที่จะช่วยเหลือสหายของเธอที่ถูกไซอาลอททำร้ายอยู่ แต่ทันใดนั้นเองมารร้ายเบลล์ก็ใช้ร่างกายกำยำนั้นพุ่งเข้ากระแทกใส่เธอในทันที จนหล่อนเสียการควบคุม ลอยไปกระแทกลงสู่พื้น เธอลุกขึ้นมาด้วยความโมโหจัด มองมารร้ายร่างสีเขียวด้วยสายตาอาฆาตเอามากๆ
“หากเจ้าคิดจะไปช่วยเด็กนั่นล่ะก็... คงจะยากหน่อยล่ะนะ” เบลล์กล่าว
“กัดไม่ปล่อยเลยนะเบลล์”
“ก็เหมือนอดีตครั้งนั้นล่ะ แต่ครั้งนี้ข้าจำเป็นที่จะต้องสังหารเจ้าเสีย”
เธอหาได้กล่าววาจาอันใดตอบกลับไปอีก แต่กลับเป็นฝ่ายบุกเข้าไปโจมตีใส่เบลล์แทน คงจะคาดการณ์ที่จะเผด็จศึกให้เร็วที่สุด ทางด้านของไซอาลอทเองยังคงทำในสิ่งเดิม เขาบินไปตามทางพร้อมกับร่างของเนลเรี่ยนที่อยู่ในกำมือของเขา ดูเหมือนว่าชายผู้นั้นจะบินไปที่ไหนสักแห่งไม่ไกลมากนัก ผืนล่างดูเหมือนจะเป็นมหาสมุทร เนลเรี่ยนเริ่มตั้งข้อสงสัยในหัวว่ามันกำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา เหตุไฉนมารเพลิงจึงนำตัวเขามาอยู่เหนือทะเลนี้ แต่ที่แน่ๆ มันย่อมมิใช่กาลอันดีอย่างแน่นอน
“เจ้าคิดจะทำบ้าอะไรกับข้า!?” ชายหนุ่มเอ่ยปากถามพร้อมกับขยับตัวเป็นการขัดขืน
“วาชิน! บิดาแห่งสมุทร... สหายเก่าแห่งข้า” จู่ๆ มารเพลิงก็กล่าวขึ้นในเชิงบ่น เหมือนกับพูดกับทะเลที่มีใครสักคนเป็นนายแห่งสมุทร
“จงฟังคำขอของข้า! บัดนี้ข้ามิอาจจะสังหารหนุ่มผู้นี้ลงได้”
“เช่นนั้นแล้ว... ข้าจึงจะขอฝากพลังนี้ไว้แก่เจ้า จนเมื่อถึงเวลา.. ข้าจะนำมันกลับคืน!”
ทันทีที่ชายผู้ใช้ปราณแห่งความตายกล่าววาจาแห่งตนจบ เขาก็ทิ้งเนลเรี่ยนลงสู่มหาสมุทรทันที ด้วยความที่เนลเรี่ยนมีปราณแห่งน้ำแข็งซึ่งเป็นสายแยกของปราณวารี มันจึงทำให้เขาสามารถหายใจในน้ำได้หากยังสามารถควบคุมปราณได้อย่างเสถียร แต่กระนั้นหนุ่มผู้นี้ก็แทบจะไม่มีแรงแม้แต่จะขยับกาย เขาดำดิ่งลงไปใต้ผิวน้ำ ไม่นานนัก ณ จุดที่ชายผู้นั้นดำอยู่ใต้ผืนน้ำ มันได้เกิดคลื่นอะไรสักอย่างก่อรวมเป็นตัวโอบกอดร่างของชายหนุ่มไว้จนหายไปในพริบตา ไซอาลอทมองแก่สิ่งที่เกิดขึ้นก็แสดงสีหน้าพอใจ ก่อนจะบินจากจุดนั้นไป ตรงไปยังที่ไหนสักแห่ง สถานที่ซึ่งเป็นเป้าหมายของเขา
“นี่ข้า... จะตายงั้นหรือ?” หนุ่มผมทองคิดภายในใจของตน ในขณะที่ดำดิ่งลงสู่น้ำลึก
“แล้วโลกนี้ล่ะ? มันจะเป็นเช่นไรต่อ...”
“ให้ตายสิ! ข้าทำอะไรมิได้เลย ข้าล้มเหลว!”
“ขออภัยด้วยองค์ราชา... ข้าทำให้ท่านต้อง..”
“...ผิดหวัง”
.
.
.
.
.
.
.
.
“พลังของข้า... ดูเหมือนมันจะอ่อนกว่าเมื่อครั้นที่ข้ายังเป็นใหญ่”
เสียงของมารเพลิงกล่าวขึ้นในขณะที่เขากำลังบินไปตามทางอยู่ เขามองดูมือทั้งสองข้างของตัวเองซึ่งมีปราณแห่งเพลิงเอ่อล้นออกมาตลอดเวลา แต่เขากลับรู้สึกว่ามันแตกต่างจากครั้งก่อนเอามาก พลังดูอ่อนแอหาได้เป็นอย่างที่เขาเคยเป็นเช่นเมื่อสองศตวรรษก่อน
“แต่ก็หาได้เป็นปัญหาอันใด” เขากล่าวขึ้นมาต่อ
“ทิ้งเบลล์ไว้จัดการยัยแวมไพร์นั่นก็แล้วกัน หากมันล้มเหลวและตายไป ก็หาได้เป็นปัญหาแก่ข้าเช่นกัน”
“ยังไงก็หาได้มีใครเทียบพลังแห่งข้าได้อยู่แล้ว..”
“ตอนนี้ข้ามีสิ่งที่อยากจะทำมากกว่า... ถือว่าเป็นการทดลองพลังก็แล้วกัน”
“ทำลายล้างสตอร์มโฮล์ม!”