Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Cataclysm: The Endless Hellfire XXIX

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
Neferpitou
Moderators
Moderators
Neferpitou


จำนวนข้อความ : 552
Join date : 05/12/2012
Age : 28
ที่อยู่ : The Facility of Banned Organizer

Cataclysm: The Endless Hellfire XXIX Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Cataclysm: The Endless Hellfire XXIX   Cataclysm: The Endless Hellfire XXIX EmptySun Jan 01, 2017 11:29 pm

Cataclysm: Endless Hellfire
Act XXIX

------------

  มันน่าจะเป็นวันธรรมดาวันหนึ่ง รุ่งอรุณแห่งแสงเจิดจรัสบนฟากฟ้า แต่ในวันนี้มันหาได้เป็นช่วงเวลาที่ผู้คนต้องการแสงเลย กลับกันพวกเขากลับเกลียดแสงสุริยันขึ้นใดเพราะมันทำให้พวกเขานึกถึงแสงหนึ่งเดียวที่เจิดจ้าอยู่ แสงแห่งความตาย เสียงนกกู่ร้องในยามเช้าตรู่ดั่งไม่รู้ถึงเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้น สภาพแวดล้อมในวันนี้เหมือนกับจะทำให้วันนี้กลายเป็นหนึ่งในวันที่มีความสุขที่สุดต่อมวลมนุษย์ แต่มันไม่ใช่แบบนั้นเลย... มันเป็นวันที่เลวร้ายที่สุดของพวกเขา ทั่วดินแดนแห่งสตอร์มโฮล์มตกอยู่ในความเงียบงันแตกต่างไปจากทุกวัน สภาพเมืองย่อยยับจากเงื้อมมือของมารเพลิง แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่แย่ที่สุดสำหรับพวกเขา ไม่เลย... เมื่อเทียบกับการจากไปขององค์ราชาอันเป็นที่รักของดินแดนแห่งนี้ มันก็เป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยเท่านั้น สิ่งที่เกิดขึ้นในคืนก่อนคงเป็นที่ทราบต่อทุกคนแล้ว แม้แต่เหล่าผู้คนที่อพยพหนีไปยังเมืองอื่นในช่วงเวลานั้นก็ตามที  

  เมื่อช่วงเช้าของวันได้มีการจัดพิธีอย่างสมเกียรติแก่ผู้กล้าที่จากไป เสียงเครื่องดนตรี เครื่องเป่าเครื่องตีดังกึ่งก้องทั่วปฐพี แต่มันหาได้ดังไปกว่าเสียงร่ำไห้ของพสกนิกรทั่วแดนเลย แม้นแต่เมืองใหญ่แห่งอื่นเอง เมื่อทราบข่าวก็ต่างไว้อาลัยแก่โครนอสกันอย่างไม่ขาดสาย ภายนอกของเมืองแห่งสตอร์มโฮล์มต่างมีผู้คนเข้าไปร่วมไว้อาลัยอันคับคั่ง ถือดอกไม้อยู่บนมือ วางไว้บนหน้าหลุมศพขององค์กษัตริย์ แม้กระทั่งเหล่านักฆ่ามือสังหารจอมโหด หรือนักสู้ผู้แข่งแกร่งจากทั่วหล้า ยังเดินทางมายังดินแดนแห่งนี้เพื่อร่วมงานนั้นเอง มันจึงเป็นสิ่งที่บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าตัวของโครนอส มาลเตลนั่นมีความสำคัญต่อดวงดาวแห่งนี้มากขนาดไหน

  ที่ห้องพักขององค์ราชามีชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ ถือดาบแห่งองค์ราชัยน์ไว้อยู่ในมือ กำมันแน่นโดยไม่คิดที่จะปล่อยมันไป เขามองไปยังแหลมหินที่พังทลายไปเมื่อคืนก่อน หินที่เคยเป็นเครื่องพันธนาการของมารแห่งความตายได้สิ้นลงไป เฉกเช่นเดียวกับชีวิตหนึ่งที่สำคัญมากที่สุดของเมืองแห่งนี้ ชายผู้นั้นคือแม่ทัพแห่งสตอร์มโฮล์ม ผู้ซึ่งเป็นชายที่เคารพต่อองค์กษัตริย์มากที่สุด โบล์ท... สิ่งที่เขาทำอยู่มีเพียงแค่มองหน้าต่างบานใหญ่ของห้องนั้น แต่หาได้สนใจวิวทิวทัศน์อื่นเลยนอกจากแหลมหินอันทรุดโทรมนั้น ไม่นานนักจึงมีเสียงฝีก้าวของใครสักคนดังตามขึ้นมา มันดังขึ้นอย่างชัดเจน ด้วยความที่ปราสาทเงียบงันราวกับเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ถูกทิ้งโดยผู้คน แม้นไฟสักดวงในตัวปราสาทยังไม่อาจจะเปิดขึ้นมาส่องสว่าง จึงทำให้เสียงใดก็ตามที่ดังขึ้นมานั้นกึกก้องกังวาลไปทั่วตัวปราสาทแห่งนี้ แต่ชายหนุ่มผมขาวผู้นี้หาได้สนใจไม่ สายตาของตัวเขายังคงจดจ้องกับสิ่งเดียวที่เขามองมัน ราวกับคนที่เหม่อลอยไป ปล่อยให้อารมณ์ควบคุมร่างกายจนไม่อาจจะคุมสติได้ เสียงฝีเท้าดังขึ้นมาตามชทางเรื่อยๆ ปรากฏเป็นชายแลดูมีอายุ เขาดูเป็นคนที่มีอายุมากเสียกว่าตัวของโครนอสเองซะด้วยซ้ำ เหมือนจะเป็นข้าเก่าของปราสาท

“ท่านโบล์ทขอรับ...” เสียงอันแหบแห้งของชายชรานั้นดังขึ้นมาเรียกตัวของหนุ่ม
“ท่านไฮล์ม..” โบล์มตอบกลับ หันหน้าไปหาชายเฒ่าผู้นั้นก่อนจะโค้งคำนับเล็กน้อย

โบล์ทแสดงมารยาทต่อชายเฒ่าก่อนที่จะหันไปยังหน้าต่างบานใหญ่นั้นอีกครั้ง

“ท่านโครนอสมักจะเล่าเรื่องนี้ข้าฟังตลอดเลย” จู่ๆ โบล์ทก็กล่าวมันขึ้นมา
“ข้าเคยปักหลักเชื่อใจว่าเราแค่สู้กับปีศาจธรรมดาไปวันๆ หวังสร้างความปลอดภัยให้แก่ประชาชนเท่านั้น”
“แทบจะไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดด้วยซ้ำ ว่ามันไม่ใช่แค่การต่อสู้กับปีศาจ”
“ข้าไม่เคยเชื่อว่าไซอาลอทมีตัวตน”
“จนเมื่อข้าเห็นด้วยตาเปล่า... ข้าจึงรู้ตัวว่าข้าคิดผิด”

เขาถอนหายใจออก พยายามจะให้ความเศร้าออกไปจากใจของตน แต่มันหนักเกินไปที่จะสามารถเอาออกไปได้

“และข้าก็ทำอะไรไม่ได้เลย...”

“ท่านได้ทำเต็มที่แล้วขอรับท่านโบล์ท” ไฮล์มกล่าว
“ในตอนนี้ไม่มีใครคิดที่จะโทษตัวท่านหรอก”
“แต่ไฮล์ม.. ข้าไม่อาจช่วยเขาได้เลย”
“ข้าทำได้แต่..”
“สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วเรามิอาจไปแก้มันได้หรอกขอรับ” ข้าเก่าผู้นั้นกล่าว

  ช่วงเวลาเดียวกับที่ไฮล์มกล่าววาจานั้น เขาเอามือตบไหล่ของโบล์ทเป็นการให้กำลังใจตัวของหนุ่มผู้นี้ ให้ตัวเขามิเอาความโศกเศร้ามาบดบังจนเสียความเป็นตัวเองไป เมื่อนั้นชายเฒ่าผู้นี้จึงค่อยๆ เดินไปยังโต๊ะตัวหนึ่งของห้อง ก่อนจะหยิบกระดาษอะไรสักอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อ มันถูกปิดผนึกด้วยตราราชสีห์ทองคำ มัดไว้อย่างแน่นราวกับเป็นสิ่งสำคัญมาก โบล์ทมองกระดาษม้วนนั้นด้วยความสงสัย ชายเฒ่านามไฮล์มค่อยๆ เปิดซองผนึกออก กางกระดาษแผ่นนั้นออกมา

“มันคืออะไรหรือท่านไฮล์ม” โบล์ทกล่าวถาม
“พินัยกรรมขอรับนายท่าน... ”ชายเฒ่าตอบ
“มันเป็นสิ่งที่ท่านโครนอสประสงค์ในยามที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น”
“ที่ตัวข้ามาที่นี่ในเวลานี้ก็เพื่อแจ้งให้ตัวท่านทราบขอรับ”

  โบล์ทสงสัยกับสิ่งที่เขาได้ยินจากปากของชายเฒ่า ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมถึงต้องมาแจ้งให้ตัวเขารับทราบ จริงอยู่ที่ว่าตัวเขาเป็นแม่ทัพคนสำคัญของสตอร์มโฮล์มแต่เรื่องแบบนี้มันน่าจะเป็นการแจ้งให้ญาติพี่น้อง บุตรหลานของตัวโครนอสเองให้รับทราบเป็นอันดับแรกมากกว่า และคนๆ นั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากลูเซียส ที่น่าแปลกคือตัวของเด็กหนุ่มผู้นั้นได้หายตัวไปตั้งแต่ตอนเช้าตรู่แล้ว และไม่มีใครเลยที่เห็นตัวของเด็กสวมแว่นผู้เป็นบุตรบุญธรรมหนึ่งเดียวของโครนอสเลย แต่ด้วยความที่ตัวของโครนอสเองนั้นหาได้มีญาติพี่น้องมากมายนัก ซ้ำครอบครัวแต่ละคนของเขาต่างก็สิ้นใจกันไปหมดแล้ว เหลือเพียงแค่บุตรชายแท้ๆ ที่ตกอยู่ภายใต้กำมือของผู้ทรยศ ผู้สังหารตัวของโครนอสเองเท่านั้น มันจึงกลายเป็นว่าโบล์ทกลายเป็นความสำคัญอันดับแรกในการรับฟังพินัยกรรมนั่นเอง ทั้งสองนั่งลงไปกับเก้าอี้ที่อยู่บริเวณนั้น แม่ทัพผมสีขาวนั่งรับฟังสิ่งที่เขากำลังจะได้เป็นพยาน

“ตัวข้าโครนอส มาลเตล... บุตรแห่งรูเทอร์ฟอร์ด องค์ราชาลำดับที่สิบเจ็ดแห่งสตอร์มโฮล์ม” ชายเฒ่าเริ่มอ่าน

“ด้วยตัวข้าที่เฝ้านึกถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า ข้ารู้ตัวดีว่าตัวข้าเองคงจะอยู่อีกไม่นานนัก บัดนี้ภัยพิบัติมันกำลังจะกลับมาและข้าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อที่จะหยุดยั้งมัน พายุเพลิงแห่งความตาย ทะเลอัคคีเปลวไฟจะแผดเผากัมปนาท ข้าจึงเตรียมการทุกอย่างเท่าที่มันจะเป็นไปได้เผื่อว่าตัวข้านั่นสิ้นใจด้วยเงื้อมมือของปีศาจร้าย แล้วถ้ามันเกิดขึ้นจริง...”

“ข้าขอฝากดาบแห่งเอลทวอร์น กระบี่แห่งกษัตริย์ผู้กล้าคนที่สิบหกของสตอร์มโฮล์มให้แก่ทหารกล้าที่ข้าเชื่อใจมากที่สุด โบล์ทาห์ เฮเมอร์สัน... ด้วยความที่พลังของดาบเล่มนี้มีความสัมพันธ์กับปราณแห่งสายฟ้าจนเข้ากันเป็นหนึ่งเดียว เด็กผู้นี้จึงเป็นผู้ที่สมควรที่สุดที่จะครอบครองมัน ข้าหวังว่าเด็กหนุ่มผู้นี้จะใช้มันอย่างเป็นประโยชน์มากที่สุดและหวังว่ามันจะช่วยตัวของเขาได้ในยามฉุกเฉิน พลังสายฟ้าแห่งแสงธรรม หากมันอยู่คู่กับแสงทองแห่งซินโดร่า ทั่วฟ้าทั่วหล้าก็มิอาจจะโค่นสายฟ้าแห่งเจ้าลงได้”

“สำหรับตัวของลูเซียสนั้น ข้าเสียใจที่มิอาจจะฝากสิ่งของอันล้ำค่าให้แก่เขาได้ ถึงแม้นว่าเขาจะไม่ใช่คนที่รักในความเริศหรูหรือใฝ่หาสิ่งใดก็ตามที สิ่งที่ข้าสามารถจะให้เขาได้มีเพียงแค่หนังสือทุกเล่มแห่งเมืองนี้เท่านั้น ข้าหวังว่าตัวของเด็กหนุ่ม ผู้เป็นบุตรของข้าจะศึกษามันอย่างถ่องแท้ หลีกหนีออกจากโลกทั้งหมดที่กดขี่ตัวเขา และพบความสุขกับตัวอักษร ข้าขอโทษเจ้าด้วยจริงๆ สิ่งที่ข้าให้เจ้าไปมันอาจจะไม่เพียงพอ แต่ข้าหวังว่าตัวอักษรเหล่านี้นั้นจะเอาชนะปีศาจในกายเจ้าได้”

“ที่จริงองค์ราชาได้มีความตั้งใจจะให้บุตรของท่านเป็นองค์ราชาคนต่อไป...” ไฮล์มก่ล่าวขึ้นมาต่อ
“และตัวของหนุ่มอีกสองคนตามลำดับก็หาได้อยู่ในตัวเมืองแห่งนี้”
“ด้วยความที่ท่านประสงค์ที่จะเฟ้นหาองค์ราชาให้เร็วที่สุด... เพื่อที่จะสร้างความหวังให้แก่ประชาชน”
“จึงเหลือเพียงตัวท่านเท่านั้นที่อยู่ในลำดับที่สี่ขอรับ” เขากล่าวมันต่อโบล์ท

“หมายความว่ายังไงหรือขอรับ?”

  โบล์ทกล่าวถามขึ้น ถึงในใจของเขาจะรู้ถึงสิ่งที่ไฮล์มสื่อแล้วก็ตาม แต่ในใจของหนุ่มผู้นี้นั้นไม่พร้อมที่จะไปอยู่บนตำแหน่งอันสูงส่งแบบนั้น อีกทั้งตัวเขาก็เปรียบดั่งเป็นคนนอกอีกต่างหาก หากบอกว่าบุคคลลำดับที่สองและสามนั้นหาได้อยู่ในตัวเมืองแล้วทำไมจึงจะรอไม่ได้ล่ะ หากคนเหล่านั้นกลับมาในช่วงเวลานี้พวกเขาก็เหมาะสมมากกว่าในการรับตำแหน่ง ทั้งยังไม่เป็นการค้านสายตาของใครทั้งสิ้นด้วย

“แล้วลำดับสองและสามท่านหมายถึงใครกันหรือขอรับ?” เขาถามขึ้นมาต่อ
“งั้นเดี๋ยวกระผมจะอ่านให้ท่านกระจ่างเองขอรับ..”

“ในช่วงเวลาแบบนี้ข้ารู้ดีว่ามันจะตกอยู่ในความเศร้าโศกอาลัยถึงการจากไปของข้า แต่ในยามนี้มันมีสิ่งสำคัญกว่าที่จะต้องลุล่วงมันไปให้ได้ ข้าต้องการที่จะมอบตำแหน่งราชาแห่งสตอร์มโฮล์มให้แก่ผู้ที่เหมาะสมอย่างแท้จริง ข้าอยากจะมอบตำแหน่งนี้ให้แก่แม่ทัพคนสำคัญของข้า โบล์ท.. ด้วยเหตุผลที่หนุ่มผู้นี้มีองค์ประกอบทุกอย่างที่เหมาะสมในการรับตำแหน่ง ทั้งความเป็นผู้นำ อายุ และบุคลิกนิสัย แต่ตามกฏทางสายเลือดแล้วผู้ที่เหมาะสมในกาลนี้จะเป็นบุตรแห่งข้าหรือบุตรแห่งองค์ราชัยน์คนก่อนเท่านั้น แต่ทั้งสองหาได้มีความประสงค์ที่จะรับตำแหน่งและจากนิสัยและอายุที่ยังน้อยแล้วพวกเขาจึงไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะเป็นผู้นำของเมืองในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดแห่งโพรโตเนี่ยนได้ บุตรบุญธรรมของข้าลูเซียส เขานั้นเป็นผู้รับตำแหน่งลำดับที่สาม แต่ด้วยของหนุ่มผู้นี้หาได้มีประสงค์ที่จะรับตำแหน่ง จึงถือว่าถูกตัดออกไป และลำดับที่สองเอง... ข้าไม่อยากจะให้ตัวเขาช็อคกับการรับตำแหน่งโดยกะทันหัน เพราะตัวเขามิเคยรับรู้ว่าตนมีสายเลือดแห่งราชัยน์มาก่อน ทั้งตัวเขาเองหาใช่ผู้ที่เหมาะสมในการเป็นผู้นำก็ตามที เนลเรี่ยน เพรสตัน... เขาคือลำดับสองที่จะรับตำแหน่งนี้ ส่วนตัวแล้วข้าอยากจะมอบมันให้แก่เขาเอง แต่ในยามนี้มันหาได้ถึงเวลานั้น”

“จึงเหลือเพียงคนเดียวที่ข้าหวังว่าจะให้เขาเป็นผู้นำเมืองนี้ นำกองทัพแห่งมวลมนุษย์ในการต่อกรกับปีศาจร้ายได้ นั่นคือตัวท่านไงขอรับท่านโบล์ท” ชายเฒ่ากล่าว

“ข้า... ข้าทำไม่ได้หรอกท่านไฮล์ม..”
“ตำแหน่งอันแสนใหญ่หลวงแบบนั้น คนอย่างข้าไม่สามารถรับมันได้หรอกขอรับ”
“แต่ในวิกาลเช่นนี้มีแต่ตัวท่านที่เหมาะสมที่สุดแล้วขอรับ” ไฮล์มตอบ
“พวกเราทุกคน ขุนนางทุกท่านต่างเห็นพร้อมว่าคุณคือคนที่เหมาะที่สุด”

“องค์ฝ่าบาทคนที่สิบแปดแห่งสตอร์มโฮล์ม... โบล์ท เฮเมอร์สัน”

------------

  เสียงของฝีเท้าดังขึ้นมาตลอดทาง เท้าทั้งสองเหยียบลงสู่ผืนหญ้าอย่างรวดเร็ว ถี่มากกว่าปกติดั่งเช่นว่ากำลังมีใครวิ่งอยู่ ณ จุดๆ นั้น หญิงสาวผมแดงนามชารอนอุ้มร่างของเด็กสาวมาเดียร่าที่หมดสติไปจากการถูกดูดพลังชีวิตจนแทบจะหมดตัว แวมไพร์สาวยังคงวิ่งไปเรื่อยไปยังจุดหมายที่ตนเองต้องการ พอเธอวิ่งไปได้สักพักผืนดินผืนหญ้าเริ่มมีโลหิตอยู่เต็มไปหมด สาดกระเซ็นไปทั่วปฐพีและศพปีศาจร้ายจำนวนมากดั่งกองทัพนอนตายเรียงตัวอยู่เต็มไปหมด ศพของพวกมันบางตัวอยู่ในสภาพขาดครึ่งบ้าง ชิ้นส่วนบางส่วนขาดบ้าง แต่ไม่มีศพไหนเลยที่ดูสวยดั่งว่ามันไม่ถูกอะไรกระทำใส่ ทุกศพต่างมีแผลเหวอะดูว่ากลัวทั้งนั้น เบื้องหน้าของชารอนปรากฏเป็นชายหนุ่มที่นั่งพิงต้นไม้ต้นหนึ่งอยู่ เขาถอนหายใจออกมาถี่อย่างกับว่าตนเองกำลังเหน็ดเหนื่อยจากกิจกรรมที่ได้ทำลงไป หนุ่มผู้นั้นมีดาบเหล็กไหลเล่มใหญ่และเขาวางมันลงไปกับผืนหญ้า คาร์เอล เรอุล.. นั่นคือนามของชายผู้นี้ เขาได้ต่อสู้กับปีศาจคนเดียวตามลำพังและให้ชารอนกับเนลเรี่ยนเข้าไปยังดินแดนมรกตเพื่อที่จะหยุดยั้งการคืนชีพของเพลิงแห่งความตาย ดูเหมือนว่าเขาจะกำจัดปีศาจทั้งหมดที่ถาโถมเข้ามาช่วงคืนก่อนนี้จนสิ้น แต่ก็ได้รับบาดแผลเล็กน้อยเช่นกัน

  ชายหนุ่มหันควับไปด้านขวาของตนทันทีที่ได้ยินเสียงฝีก้าวของหญิงสาวผู้นั้น จับด้ามดาบเอาไว้เตรียมจะฟาดฟันเพราะหลงคิดว่าเป็นฝีก้าวแห่งปรปักษ์ เมื่อตนเห็นว่ามันคือชารอนผู้เป็นมิตรของตน ชายผู้นี้จึงหยุดหวาดระแวงก่อนจะวางดาบลง ตัวของหญิงสาวผมแดงที่อุ้มร่างของเด็กสาวนามมาเดียร่าหยุดตัวลง หายใจหอบแสดงอาการเหนื่อยล้าไม่แพ้กับหนุ่มคาร์เอลผู้นั้น นักดาบใหญ่ที่นั่งอยู่มองเธอด้วยความสงสัย คงจะเพราะไม่รู้ว่าหญิงสาวที่เธออุ้มอยู่คือใครและทำไมถึงพาตัวมาที่แห่งนี้ และอีกอย่างเมื่อครั้นที่พวกเขาแยกตัวกันชายหนุ่มผมทองก็อยู่กับเธอ แต่ในครั้งนี้เนลเรี่ยนกลับหาได้ปรากฏอยู่ที่นี้

“แฟนของเธอไปไหนแล้วล่ะ?” คาร์เอลกล่าวถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจัง
“ท่านเนลเรี่ยนไม่ใช่แฟนของฉัน... และเขาก็ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วด้วย” เธอตอบกลับทั้งที่ยังเหนื่อยอยู่
“หมายความว่ายังไงกัน?”
“เกรงว่าตัวเขาจะถูกมารเพลิงทำอะไรสักอย่างจนหายลับไปแล้ว” ชารอนเอ่ยตอบ
“ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะว่าท่านเนลเรี่ยนจะยังคงมีชีวิตอยู่ไหม”
“งั้นหรอกหรือ....” คาร์เอลลากเสียงยาว

“แล้วหญิงผู้นั้นคือ?” เขาถามขึ้นมาอีก
“เธอเป็นพลังชีวิตที่ถูกเลือกในการทำพิธีคืนชีพของมารเพลิงน่ะค่ะ”
“โชคดีที่เธอยังมีชีวิตอยู่... แต่ข้าเกรงว่าอีกไม่นาน..”

  ระหว่างที่ชารอนกำลังกล่าววาจาของตนอยู่ คาร์เอลได้ลุกขึ้นมาจากผืนหญ้า ค่อยๆ เดินไปหาหญิงสาวผมแดงก่อนจะวางมือของตนทาบลงบนหัวของมาเดียร่า ดูเหมือนว่าเขากำลังทำอะไรสักอย่าง แต่สิ่งที่ชายผู้นี้กำลังกระทำสร้างความสงสัยให้กับชารอนเช่นกัน ไม่นานนักหนุ่มผู้นี้ก็ยกมือของตนขึ้น

“เธอถูกสูบพลังชีวิตเพื่อเป็นพลังงานแก่มารเพลิงสินะ...”
“ใช่ค่ะ” ชารอนตอบ “แม้นว่าจะถูกสูบพลังไปจนเกือบหมดตัวแต่ด้วยความที่หล่อนเป็นผู้พิเศษอยู่”
“พลังชีวิตของเธออันน้อยนิดจึงยื้อชีวิตหล่อนไว้ได้สักพัก..”
“แต่หากเราไม่ทำอะไรล่ะก็..”
“ข้ารู้” คาร์เอลแทรกขึ้น “เธอจะตาย..”

สิ้นวาจานั้นเขาจึงหันหน้าไปอีกฝั่งหนึ่งก่อนจะเริ่มเดินไปตามทาง

“ข้าพอจะรู้จักคนๆ หนึ่งที่พอจะช่วยเพื่อนของเจ้าได้” ชายผู้นั้นกล่าวขึ้นต่อหญิงสาว
“แต่เราจำเป็นต้องออกเดินทางตอนนี้”
“ตามข้ามาสิ...”

  เมื่อนั้นชายผู้มีดาบและหัตถ์แห่งเหล็กไหลจึงเริ่มเดินไปตามทาง จับดาบของเขาขึ้นมา พาดมันไว้กลางหลังก่อนจะเดินนำทางไป หญิงสาวที่ยังคงงุนงงกับคำพูดของชายผู้นั้นดูท่าจะไม่มีทางเลือกนอกจากเดินตามหนุ่มผู้นี้ไป คาร์เอลเดินเข้าไปยังปากถ้ำเดียวกันกับที่พวกเขาใช้ในการเดินทางมายังดินแดนทับทิมเมื่อคืนก่อน ทั้งสองเดินเข้าไปในถ้ำอันมืดมิดนั้น เดินไปตามทาง ดูเหมือนในตอนนี้นักดาบใหญ่ผู้นี้กำลังนำทางหญิงสาวไปยังสถานที่แห่งหนึ่งที่อยู่ไกลจากดินแดนทับทิมมากโดยผ่านทางอุโมงค์แห่งมิติที่สามารถเดินทางไปยังถิ่นฐานแห่งในก็ได้ในทวีปหากว่าที่แห่งนั้นมีปากถ้ำเป็นประตูอยู่ ทั้งคู่เดินเข้าไปสู่มิติแห่งอีกโลก หาได้กล่าววาจาอันใดแก่กัน มันได้สร้างความรู้สึกแปลกๆ ให้กับชารอนเล็กน้อยเมื่อไม่มีเนลเรี่ยนอยู่ข้างกายเธอ มันดูเงียบผิดปกติและแทบไม่มีอะไรจะพูดหรือฟังเลยสักนิด แน่นอนว่าผู้ชายที่กำลังนำทางเธอดูเหมือนไม่ค่อยเป็นชายที่จะชอบพูดจากับใครเสียเท่าไหร่ จากน้ำเสียงวาจาและการกระทำของเขา คล้ายว่าเขาชอบที่จะอยู่คนเดียวตามลำพังเสียมากกว่า

  ทั้งคู่เดินไปสักพักภายใต้ความมืดมินและเงียบงัน เสียงที่พวกเขาทั้งคู่สามารถได้ยินมีเพียงแค่ฝีก้าวของพวกเขาเองและลมหายใจของสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในตัวถ้ำเท่านั้น ในช่วงเวลานี้ทั้งชารอนและคาร์เอลต่างเดินไปในตัวถ้ำเป็นเวลาสักพักแล้ว มันดูนานเสียยิ่งกว่าเมื่อครั้นที่พวกเขาเดินจากป่าไวด์ฟิลด์ไปยังดินแดนทับทิมเสียอีก มันคงอาจจะเป็นเพราะป่าแห่งนั้นและดินแดนแห่งเลือดอยู่ติดกันจึงสามารถเดินทางได้อย่างรวดเร็ว แม้นว่าชารอนไม่มีอะไรที่อยากจะพูดกล่าวกับชายผู้นี้ก็ตามที แต่ในหัวของเธอกลับมีคำถามอยู่เต็มไปหมด ทั้งเขาจะพาไปที่แห่งใดกัน และคนที่เขาได้กล่าวว่าสามารถช่วยมาเดียร่าได้นั้นคือใคร หากพูดในทางทฤษฏีวิชาปราณแล้วมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสามารถช่วยคนที่มีพลังชีวิตและปราณอันน้อยนิดเช่นนี้ หากทว่าบุคคลคนนั้นจะเป็นผู้ใช้ปราณระดับสูงและเข้าขั้นจุติแล้วเท่านั้น อีกทั้งผู้นั้นจะต้องมีสมองระดับอัจฉริยะเพื่อที่จะทำการรักษาอีกต่างหาก ถ้าเช่นนั้นแล้ว หากคนที่คาร์เอลกล่าวถึงนั้นมีอยู่จริงนั่นก็เท่ากับว่าเขาอาจจะเป็นผู้แข็งแกร่งอันดับต้นๆ ของโพรโตเนี่ยนเลยก็ได้

แต่มันก็ทำให้เธออดสงสัยไม่ได้เสียทีว่าบุคคลคนนั้นเป็นใครกันแน่

“จะว่าไป... ท่านจะพาข้าไปที่ไหนกันหรือคะ?” ชารอนกล่าวถาม หันหน้าไปมองคาร์เอล
“ซันดาซัส” เขาตอบกลับแต่หาได้หันหน้ากลับมาหาเธอ
“ไปหาชายผู้หนึ่งที่รู้ศาสตร์แห่งพลังธาตุและประวัติศาสตร์เกี่ยวกับดาวดวงนี้มากที่สุดคนนึง”
“เขาคือผู้ที่สอนข้าเกี่ยวกับข้อมูลของหมอผีปีศาจและพลังแห่งความตาย”
“รวมถึงปีศาจทั้งหลายแหล่อีกด้วย” เขาตอบ

“ฟังดูเหมือนว่าเขาจะเคยเป็นนักสู้ต่อต้านเคียงบ่าเคียงไหล่กับท่านโคลริมในอดีตกาลสินะคะ” เธอเอ่ยขึ้นมา
“เปล่า... เขาไม่ได้เป็น” นักดาบใหญ่สวนกลับไป
“ชายผู้นั้นไม่ได้บอกอะไรข้าไว้มากหรอก แต่ข้าพอจะรู้ว่าเขาไม่เคยเป็นนักสู้ล่าปีศาจ”
“ดั่งเช่นเธอ...” เมื่อวาจานั้นถูกเปล่งออก เขาจึงหันหน้าไปหาชารอน

คำพูดเหล่านั้นยิ่งทำให้ตัวของหญิงสาวเกิดความสงสัยมากขึ้นไปอีก ดั่งว่าเขารู้เลยว่าเธอเป็นใคร แต่ตัวเธอกลับไม่รู้จักนักดาบผู้โด่งดังผู้นี้ได้

“ท่านรู้จักตัวข้างั้นหรือ?” เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“แน่นอน” เขาตอบกลับ “ตัวเธอไม่ใช่ผู้ที่จะปิดชื่อเสียงตัวเองได้ง่ายๆ หรอกนะ..”
“มือขวาแห่งผู้พิทักษ์ล่าปีศาจ... มีพลังที่เหนือกว่าคนผู้ใดบนดาวดวงนี้”
“ตัวเธอน่ะเป็นเหมือนดั่งสัญลักษณ์เลยนะ... สัญลักษณ์ที่เป็นเครื่องหมายต่อกรกับปีศาจ”
“แต่นั่นคือสิ่งที่ชายผู้นั้นกล่าวเอาไว้กับข้า และการที่ข้ามาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเจ้าจนถึงบัดนี้”
“นั่นเพราะชายผู้นั้นต้องการให้ฉันช่วยเหลือเธอ”

“ฟังดูเหมือนเขารู้ทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นยังไงยังงั้นล่ะ..” ชารอนกล่าว

“ใช่” หนุ่มผู้นั้นเอ่ยตอบรับ “เขารู้ทุกอย่าง...”
“ใครๆ ต่างก็เรียกเขาว่าผู้รู้ทั่วจักรวาล”
“ดั่งว่าชายผู้นั้นอยู่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างด้วยตาตัวเอง”

“แล้วชายผู้นั้นมีนามว่าอันใดกันหรือคะ?”

  คำถามนั้นถูกกล่าวออกมาแต่ไร้ซึ่งคำตอบที่จะได้รับ ดาบใหญ่ล่าปีศาจเงียบตัวไปทันทีหลังที่เธอเอ่ยถามนามของบุคคลคนนั้น แน่นอนว่าการที่ถูกเมินคำพูดแบบนี้มันทำให้รู้สึกหงุดหงิดเหมือนกัน แต่เธอก็มิอาจจะทำอะไรได้ นั่นเพราะในสถานการณ์ตอนนี้เขายังเป็นที่พึ่งและเป็นมิตรกับตัวของเธออยู่ ถึงแม้นว่าหล่อนจะรู้สึกว่าชายผู้นี้กระทำตัวน่าหมั่นไส้ก็ตามที มันต่างจากชายหนุ่มผมทองเนลเรี่ยนที่ทำตัวหมั่นไส้ ชายผู้นั้นแม้นจะชอบก่อกวนหรือใช้คำพูดที่ดูไม่เหมาะสมก็ตามที แต่เขาก็หาได้เมินวาจาของเธอเลยสักครั้งเดียว แต่ท่าทีที่ทำเหมือนไม่สนใจอะไรของคาร์เอลมันทำให้ชารอนหงุดหงิด สิ่งที่เธอจะสามารถทำได้ในตอนนี้ก็มีเพียงแค่ตามเขาไปเท่านั้น ไม่นานนักตัวเธอก็เห็นแสงจ้าอยู่เบื้องหน้า ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นปากถ้ำทางออกจากที่แห่งนี้ แสงสว่างไสวนั้นบ่งบอกว่ามันเป็นเวลาเช้าของวันแล้ว

  ทั้งสองไม่รอช้าที่จะเดินออกไปจากถ้ำแห่งนี้ เสียงฝีก้าวนั้นเปลี่ยนไปทันทีเมื่อทั้งคู่เดินออกจากถ้ำ มันหาได้มีเสียงกึกก้องดังขึ้นมาอีกต่อไปแล้วและเสียงฝีเท้ามันกลับเบาลง ดั่งว่าพวกเขากำลังเหยียบทรายอยู่ ใช่แล้ว... ชารอนและคาร์เอลปรากฏตัวอยู่ทะเลทรายอันกว้างใหญ่แห่งหนึ่ง หากพวกเขายังคงอยู่ในทวีปแห่งเอสซิโอนิคอยู่ สถานที่แห่งนี้คงจะเป็นไลท์ไมล์ทางตะวันตกเป็นแน่แท้ และเมื่อครู่นักดาบล่าปีศาจได้กล่าวว่าเขาจะพาตัวเธอไปยังซันดาซัส นั่นจึงเป็นหลักฐานที่พิสูจน์ว่าพวกเขาได้เดินทางมายังไลท์ไมล์แล้ว ด้วยสภาพอากาศอันร้อนระอุบวกกับชุดของชารอนที่ไม่ได้ปกปิดแสงตะวันนั้น มันจึงทำให้ตัวของเธอชุ่มเหงื่อของตนในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้ชุดที่เธอใส่อยู่นั้นเปียกตามไปด้วยจนสามารถเห็นกายาภายใต้ผ้าผืนที่เธอคลุมมันอยู่ แต่มันหาได้ทำให้ชายหนุ่มผู้ใช้ดาบเหล็กไหลสนใจเลยแม้แต่น้อย เขาเริ่มเดินนำเธอไปตามทางซึ่งปรากฏเป็นเมืองใหญ่แห่งหนึ่งอยู่เบื้องหน้า ดูเหมือนว่าที่แห่งนั้นจะเป็นสถานที่ปลายทางของพวกเขา เมืองแห่งซันดาซัส มันอยู่ไม่ไกลจากระยะของทั้งสองนัก พวกเขาจึงเดินไปตามทางเรื่อยๆ

  ผ่านไปได้สักพักพวกเขาก็ได้เข้าไปยังเมืองแห่งนั้น สำหรับเมืองซันดาซัสนั้นถือว่าเป็นเมืองใหญ่อีกแห่งหนึ่งที่มีการค้าขายและเศรษฐกิจที่ดีเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ถึงแม้นว่าจะไม่เท่ากับสตอร์มโฮล์มก็ตามที แต่นั่นเป็นเพราะทำเลของสตอร์มโฮล์มนั้นได้เปรียบกว่าซันดาซัสมาก ด้วยความที่เมืองหลวงแห่งนั้นอยู่ติดกับทะเลส่วนซันดาซัสกลับอยู่ใจกลางของทะเลทราย มันจึงทำให้ธุรกิจการค้าขายและอะไรต่างๆ ของสตอร์มโฮล์มเหนือกว่า แต่วันนี้มันกลับแปลกออกไป มันหาได้คึกคักเช่นกับทุกๆ วันเลย ด้วยความที่ซันดาซัสอยู่ภายใต้การปกครองของสตอร์ม ครูเซเดอร์หรือรัฐบาลแห่งสตอร์มโฮล์มก็ตามที อันที่จริงต้องกล่าวว่าทวีปแห่งนี้นั้นพื้นที่โดยมากต่างถูกปกครองโดยสตอร์มโฮล์มทั้งสิ้น ด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนก่อนนั่นคือการจากไปขององค์กษัตริย์โครนอส มันจึงมีผลกระทบกับเมืองแห่งหนึ่งและทั่วทั้งทวีป ชารอนเองก็หาได้รู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น หล่อนจึงงุนงงกับความเงียบงันอันผิดปกติของเมืองนี้ ไม่ต่างจากคาร์เอลที่ดูสงสัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าเช่นกัน บ้างพวกเขาก็เห็นประชาชนร้องไห้เป็นกลุ่ม ครอบครัวดั่งว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นมา แต่ทั้งสองหาได้สนใจหรือคิดที่จะไปถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น

“ข้าว่ามันเงียบผิดปกติไปนะ” ชารอนกล่าวขึ้น
“นั่นสิ” คาร์เอลกล่าวขึ้นตอบ “มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย..”
“แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะ พวกเราใกล้จะถึงปลายทางแล้ว”

  คำพูดของคาร์เอลที่สื่อว่ายังมีอะไรที่สำคัญกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้อยู่ มันได้สลัดความคิดของความผิดปกติของเมืองออกไปจากหัวของทั้งสอง คาร์เอลเดินนำทางหญิงสาวแวมไพร์ไปยังช่องตึกข้างถนนแห่งนึง มันไม่มีใครหรืออะไรอยู่ในระแวกนั้นสักเท่าไหร่ ภายในช่องแถวอาคารเรือนนี้ดูเงียบงัน เงาของสิ่งก่อสร้างได้บดบังแดดยังร้อนระอุ คลายความร้อนให้แก่หญิงสาวในระดับหนึ่ง เมื่อนั้นผู้ใช้ดาบใหญ่จึงเดินไปยังประตูบ้านหลังหนึ่งที่ถูกก่อสร้างขึ้นด้วยอิฐแข็งกล้า ประตูนั้นถูกสร้างขึ้นด้วยไม้ชั้นดี แกะสลักสวยงามดั่งว่าเป็นบ้านของคนมีฐานะ น่าแปลกที่ประตูบานนี้จะมาอยู่ในช่องตึกแบบนี้ คาร์เอลเคาะประตูบานนั้นทันทีจนเกิดเป็นเสียงดัง แต่หาได้มีใครตอบรับเลย ดูเหมือนจะไม่มีใครอยู่ในบ้านหลังนี้หรือยังไงกัน นักดาบล่าปีศาจจึงเคาะประตูอีกครั้งด้วยน้ำหนักที่มากกว่าเดิม และผลที่ออกมาก็เป็นดั่งเช่นครั้งแรกนั้น มันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยก่อนที่ชายผู้นี้จะเอื้อมมือไปบิดกลอนประตู มันกลับสามารถบิดได้ ดูเหมือนจะไม่มีใครล็อคมันไว้ ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็มันก็น่าจะมีใครสักคนอยู่ในบ้านหลังนี้สิ แต่ภายในบ้านกลับมืดสนิท ไม่มีแสงอันใดส่องผ่านนอกจากแสงที่ผ่านจากบานประตูเท่านั้น

“แปลกแฮะ..” ชายหนุ่มสบถขึ้น

เขากล่าวมันขึ้นมาก่อนจะเดินเข้าไปในห้องๆ นั้นจนกระทั่งจู่ๆ ก็เกิดเปลวไฟส่องสว่างขึ้นภายในบ้านหลังนั้น มันพุ่งเข้าไปหาชายหนุ่มผู้นั้นในทันที แต่เขาสามารถรับมันได้เมื่อนั้นลูกไฟนั้นก็ดับลงไป

“ข้าว่าท่านกำลังระแวงอะไรเกินไปนะ” ชายหนุ่มผู้นั้นกล่าว
“โอ้ว..” เสียงของบุคคลปริศนาผู้ปล่อยพลังเพลิงกล่าวขึ้นมา “ข้าขอโทษด้วยคาร์เอล.. พอดีมันมีความคิดบางอย่างไหลเข้ามาในหัวข้าน่ะ”
“จะว่าไป.. เจ้าพาใครมาด้วยล่ะนั่น”
“หญิงสาวที่ท่านบอกให้ข้าไปตามหาครับ” คาร์เอลตอบกลับ
“โอ้ ดีเลยๆ” บุรุษผู้นั้นตอบกลับ

เขาเดินออกมาจากจุดๆ นั้นก่อนตะเกียงที่มีอยู่ทั้งหมดในห้องจะส่องสว่างขึ้นอย่างอัตโนมัติปรากฏเป็นชายหนุ่มอายุราวยี่สิบต้นๆ ยืนอยู่ เป็นหนุ่มผมสั้นมีหน้าตาที่ดูคม หล่อเหลา เขาค่อยๆ เดินเข้าไปหาหญิงสาวนามชารอนก่อนที่จะยื่นมือไปหาเธอเป็นการทักทาย แสดงถึงมารยาทอันเป็นประเพณีของบุคคลทั่วไป

“ข้ารอท่านมาเป็นเวลานานแล้วล่ะ” เขากล่าวขึ้นโดยที่ยื่นมือออกไป
“ตัวข้ามีนามว่าอัลทานิส ฮิลโมนิทท์...”
ขึ้นไปข้างบน Go down
https://www.facebook.com/BillAlfenolf
 
Cataclysm: The Endless Hellfire XXIX
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1
 Similar topics
-
» Cataclysm: The Endless Hellfire III
» Cataclysm: The Endless Hellfire XX
» Cataclysm: The Endless Hellfire IV
» Cataclysm: The Endless Hellfire XXI
» Cataclysm: The Endless Hellfire V

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: