(ตรงนั้น!)
ถึงแม้จะไม่มีทั้งเสียงและร่องรอยของฮายาโตะ แต่สำหรับมีดสั้นที่ปามานั้นไม่ใช่
เมื่อมีดถูกปาออกมาด้วยความเร็วสูง ก็ย่อมมีเสียงแหวกอากาศเกิดขึ้น
บรรยากาศภายในปราสาทก็ค่อนข้างเงียบงัน เพราะฉะนั้นจึงจับเสียงเหล่านั้นได้ไม่ยากเย็นเท่าไหร่นัก
นั่นเป็นร่องรอยเดียวที่อาสึนะสามารถสัมผัสได้ในตอนนี้
เขาจึงสามารถฟันมีดอาบยาพิษของฮายาโตะ แล้วเบี่ยงวิถีออกไปให้พ้นอันตรายได้อีกครั้ง
แต่ยังไงอาสึนะก็ไม่สามารถสัมผัสได้ว่าฮายาโตะอยู่ตรงไหนได้อยู่ดี
แม้โดยหลักการแล้ว จะสามารถใช้วิธีตามเสียงและทิศทางของมีดสั้นเหล่านั้นไป เพื่อค้นหาตำแหน่งของตัวฮายาโตะได้ก็จริง แต่ตัวเขาก็ไม่น่าจะโง่จนถึงขนาดยืนอยู่กับที่นิ่งๆเมื่อปามันออกไปแล้ว
ฮายาโตะย่อมเปลี่ยนตำแหน่งของตัวเองไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้ศัตรูสามารถค้นหาตำแหน่งของตัวเองได้
และนั่นคือปัญหาของอาสึนะ
ต่อให้สามารถป้องกันการโจมตีได้ แต่หากโจมตีสวนกลับไปไม่ได้ ทุกอย่างก็ไร้ประโยชน์
“ปัดได้สวยนะครับเนี่ย”
เสียงของฮายาโตะดังขึ้นภายในอากาศที่ว่างเปล่า ตามมาด้วยมีดสั้นที่ถูกปาออกมาอีกครั้ง อาสึนะย่อตัวลอดใต้โต๊ะอาหารกลางห้องแล้วออกแรงผลักโต๊ะจนพลิกขึ้นมาตั้งฉาก เสียงกระทบกันระหว่างวัตถุสองสิ่งดังขึ้นสามครั้งติดกัน เมื่อเหลือบไปมองก็พบกับมีดสั้นตามเล่มปักอยู่บนโต๊ะ
“นี่ก็พลิกสถานการณ์ได้เยี่ยม”
มีดสั้นพุ่งเข้ามาอีกครั้ง อาสึนะปัดออกไปได้เช่นเคย แต่คราวนี้มันเบี่ยงทิศไปหยุดอยู่กลางอากาศอย่างผิดธรรมชาติ
โดยไม่ต้องสืบหาสาเหตุว่าทำไมเป็นแบบนั้น คำตอบก็ปรากฏออกมาทันที
มีดที่ลอยค้างอยู่บนอากาศ ค่อยๆปรากฏเป็นมือของมนุษย์ที่จับมีดเล่มนั้นอยู่ ก่อนที่อวัยวะส่วนต่างๆจะค่อยๆปรากฏออกมาตามลำดับ จนกลายเป็นร่างของฮายาโตะ
ดูเหมือนว่ามีดจะถูกเบี่ยงกลับไปหาตัวผู้ใช้โดยบังเอิญนั่นเอง
“อุ๊ปส์”
เขาแกล้งอุทานพร้อมควงมีดแล้วปากลับไปทางอาสึนะ แน่นอนว่าเพราะเห็นกันจะๆแบบนี้ อาสึนะจึงใช้ดาบปัดมีดทิ้งไปได้อย่างสบายๆ แต่ฮายาโตะก็ไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะปาให้มันโดนคู่ต่อสู้แต่แรกอยู่แล้ว
“ตีกลับได้สวย น่าจะไปโคชิเอ็งได้ ถ้างั้นก็ต่อเลยนะครับ คราวนี้ ตีให้โดนล่ะ”
ฮายาโตะใช้ความสามารถในการซ่อนตัวจนหายไปอีกครั้ง
อาสึนะรู้สึกว่าคำพูดในครั้งนี้ของฮายาโตะแฝงไปด้วยจิตสังหารที่รุนแรง
แต่เขาก็ไม่ใส่ใจ และพยายามตั้งสมาธิ เงี่ยหูฟังเสียงของอาวุธสังหารที่จะพุ่งเข้ามา จากนั้นก็-
“...อะ”
จู่ๆก็มีอะไรบางอย่างสร้างบาดแผลเข้าที่ขาขวาของอาสึนะ
เพราะมันเกิดขึ้นเร็วมากบวกกับตัวอาสึนะยังตกอยู่ในสภาพสับสน เขาจึงยังไม่เกิดความรู้สึกเจ็บปวดใดๆ
จนกระทั่งอะไรบางอย่างที่ว่าค่อยๆปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า
(มะ มีดสั้น!)
โดนแล้ว
โดนเข้าให้แล้ว มีดสั้นอาบยาพิษของฮายาโตะ
“สไตรค์!”
เมื่อรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร อาสึนะก็รีบดึงมีดสั้นเล่มนั้นออกจากปากแผล
โดยที่ในใจยังพอมีความหวังลมๆแล้งๆว่าพิษจะยังไม่เข้าสู่ร่างกาย
แต่ที่สำคัญยิ่งกว่า เพราะอะไรทำไมเขาถึงไม่รู้สึกถึงร่องรอยของอาวุธสังหารในครั้งนี้ได้เลย
คำอธิบายของเรื่องนั้น สามารถคาดเดาง่ายนิดเดียว
“คราวนี้ผมใช้พลังเวทที่เข้มข้นกว่าเก่า และซ่อนตัวตนของมีดสั้นที่ถูกปาออกไปด้วยยังไงล่ะครับ เพราะฉะนั้น คุณคันซากิจะไม่สามารถมองเห็นและได้ยินเสียงมีดสั้นที่ผมปาออกไปได้อีกแล้ว”
และนั่นคือเหตุผล
อาสึนะทรุดลงไปกับพื้นทันที แม้บาดแผลจะไม่ได้สาหัสถึงขนาดนั้น
มันเหมือนกับได้ตระหนักแล้วว่าตนเองหมดหนทางสู้อย่างสิ้นเชิง ลำพังแค่ตัวศัตรูอย่างเดียวที่หายตัวได้ก็เกินพอแล้ว และตอนนี้ยังโดนพิษเข้าไปเป็นที่เรียบร้อยอีก
แต่ยังไงก็ตาม ตอนนี้เขายังไหว
เพราะฉะนั้น
(ยังยอมแพ้ไม่ได้!)
เมื่อคิดได้ดังนั้น อาสึนะก็ลุกขึ้น
“เอ๋?”
เขาอุทานขึ้นมาเมื่อเห็นฮายาโตะยืนอยู่ตรงหน้า
แม้จะมีคำถามอยู่เต็มไปหมด ว่าทำไมฮายาโตะที่น่าจะอยู่ในสภาพพรางตัวถึงปรากฏตัวให้เห็นได้ แต่ในเมื่อศัตรูอยู่ตรงหน้าแบบนี้ โดยสัญชาตญาณแล้ว ไม่ว่ายังไงก็ต้องโจมตีไปก่อน
อาสึนะจึงฟันดาบคาตานะในมือเข้าที่ร่างของฮายาโตะทันที
...แต่ร่างนั้นกลับอันตรธานหายไปทันทีเมื่อคมดาบนั้นสัมผัสโดน
“!?”
ความสับสนยิ่งเพิ่มมากขึ้นเมื่อได้เห็นภาพนั้น อาสึนะหันมองไปรอบกายอย่างหวาดระแวง ก็พบฮายาโตะยืนอยู่ที่อีกจุดหนึ่งของห้อง เขาจึงไม่รอช้าใช้ดาบฟันเข้าที่ร่างของศัตรูอีกครั้ง
และร่างนั้นก็หายไปอีก
ก่อนที่รอบตัวของอาสึนะจะปรากฏร่างของฮายาโตะขึ้นมาอีกนับสิบร่าง
อาสึนะจึงกวัดแกว่งดาบมั่วซั่วอย่างไร้ท่วงท่าและทิศทาง คมดาบที่บังเอิญไปสัมผัสกับร่างของฮายาโตะมันก็แค่ทำให้ร่างๆนั้นหายไปเท่านั้น ก่อนที่จะปรากฏขึ้นมาใหม่อย่างไร้สิ้นสุด เขาแกว่งดาบจนกระทั่งหมดแรงและทรุดลงไปอีกครั้ง
“โอ้... ฟันดาบมั่วซั่วแบบนี้ ท่าทางจะเจอพิษของดอกลิลลี่ภูเขาเข้าแล้วล่ะนะครับ มันทำให้ผู้ได้รับพิษมีอาการเห็นภาพหลอนน่ะ”
มันคือฤทธิ์ของ
เบลดออฟโวเล่มแรก ที่อาสึนะพลาดโดนในตอนแรก
ไม่รู้จะเรียกว่าโชคดีหรือไม่ที่ไม่ใช่พิษในระดับถึงตาย
แต่แค่นี้ก็ทำให้อาสึนะปั่นป่วนไปมากแล้ว
“เอาล่ะ มาลุ้นกันต่อดีกว่านะครับ ว่ามีดเล่มต่อไป จะได้รับพิษแบบไหน”
ฮายโตะพูดน้ำเสียงล้อเลียนพิธีกรตามรายการเกมโชว์
แล้วมีดเล่มที่สอง ก็พุ่งเข้ามาปักที่หัวไหล่ข้างขวาของอาสึนะที่กำลังลุกขึ้น โดยที่เขาไม่สามารถป้องกันตัวได้เลย
ทันทีที่มีดปักลงไป อาสึนะซึ่งกำลังจะดึงมีดเล่มนั้นออกจากหัวไหล่ก็ทรุดตัวลงไปกองกับพื้นทันที
จู่ๆร่างกายเกือบทุกส่วนก็เกิดขยับไม่ได้ มือข้างที่ถือดาบคลายออกจนดาบหลุดจากมือ เขาไม่สามารถบังคับร่างกายตัวเองได้ ไร้ความรู้สึกราวกับว่านี่ไม่ใช่ร่างกายของตัวเอง
อาสึนะพยายามตะเกียกตะกายด้วยอวัยวะที่ยังสามารถขยับได้แม้ว่าจะน้อยเต็มทน และพยายามยันตัวขึ้นมาอย่างทุลักทุเล แต่สุดท้ายเขาก็ทรุดลงไปกองอีกครั้ง
“โอ๊ะ มีดเล่มนี้มีพิษที่ถูกสกัดจากรากของดอกเบลลาดอนน่า ทำให้ผู้ได้รับพิษเป็นอัมพาตน่ะครับ”
คราวนี้ฮายาโตะพูดพร้อมปรากฏตัวออกมาจากความว่างเปล่าให้อาสึนะได้เห็น คงเพราะเขารู้ว่าอาสึนะที่ตกอยู่ในสภาพนี้ไม่น่าจะมีพิษสงอะไรอีกแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องพรางตัวอีกต่อไป
“แต่จะว่าไปแล้ว คุณก็โชคดีใช่เล่น ที่เจอแต่พิษที่ทำให้ไม่ถึงตาย”
ฮายาโตะใช้ปลายเท้าเกยคางของอาสึนะที่ก้มหน้าอยู่ให้เงยขึ้น ใบหน้าที่อาสึนะเคยมองว่าไม่มีพิษภัยของบิชอปหนุ่มตรงหน้าบัดนี้กลายเป็นใบหน้าของปีศาจร้ายไปแล้ว
“ตอนที่ได้รู้ว่า สภานักเรียนเริ่มมีการเคลื่อนไหว ฉันก็ไม่คิดว่าเดี๋ยวนี้เจ้าพวกนั้นจะตกต่ำถึงขนาดให้พอนอย่างแกมาสืบเรื่องฉัน พอเห็นว่าเป็นแกฉันเลยเสนอหน้ามาเจอแกแบบโง่ๆ เพราะอยากรู้จริงๆว่าคนอย่างแกมันมีอะไรดีนักหนา
เหอะ กับอีแค่ชนะประธานนักเรียนได้ครั้งเดียว ตั้งฉายาให้ซะยิ่งใหญ่ว่าเป็น
ควีนสเลเยอร์ จะตื่นเต้นอะไรกันนักหนา พอนก็ยังเป็นพอนวันยังค่ำ จะไปผงาดขึ้นมายิ่งใหญ่ได้ยังไงกัน แถมยังสอบเข้ามาด้วยคะแนนต่ำสุดในโรงเรียน ยังกล้าเสนอหน้ามาเรียนที่นี่อีก ไม่สิ ต้องบอกว่าปล่อยให้เข้ามาเรียนได้ยังไงกันมากกว่า
ทั้งๆที่ฉัน สอบเข้ามาเป็นคิงอย่างถูกต้อง ตัวเลขคะแนนมันไม่ได้โกหก แต่ทำไมพวกมัน ไม่ว่าจะเป็นไอ้ชินเซกิ หรือไอ้พวกคิงหัวขวดทั้งหลาย กลับมองฉันเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้ เพราะอะไร เพราะฉันมาจากครอบครัวมีปัญหางั้นหรอ? ทั้งๆพวกมันมาหาเรื่องฉันก่อน พวกมันนั่นแหละที่ผิด แต่ฉันกลับถูกตัดคะแนนข้อหาทะเลาะวิวาทจนถูกลดตำแหน่งอยู่คนเดียว ทำไมกันวะ? แต่สุดท้ายไอ้ชินเซกิก็สอบตกจนโดนลดไปเป็นพอน เหอะ สมน้ำหน้ามัน ตอนมันเป็นพอนเจอตัวทีทำหน้าเป็นหมาหงอย ท่าทีอวดดีหายไปไหนหมดละวะ? ไหนว่ายิ่งใหญ่นักไม่ใช่หรอ?
ฉันต่างหากคือผู้ยิ่งใหญ่ ฉันคือคิง ฉันคือราชา นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันสมควรได้รับ ฉันควรได้คำสรรเสริญไม่ใช่คำด่าทอ พวกที่ทำให้ฉันต้องตกมาอยู่ในสภาพนี้ มันจะต้องถูกกำจัด รวมทั้งคนที่มันมาขัดขวางการแก้แค้นของฉันเช่นแก มันก็ต้องโดนกำจัดเช่นกัน”
ฮายาโตะเอ่ยคำพูดออกมาราวกับพ่นไฟ ทุกคำต่างเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเกลียดชังและเคียดแค้น เมื่อพูดจบเขาก็หอบหายใจเล็กน้อย พลางเสยผมและกลับมาวางมาดสุภาพเหมือนอย่างเดิม
“จนถึงตอนนี้ คุณน่าจะรู้ถึงความหมายของดอกคาร์เนชันสีเหลือง
1ที่ผมให้คุณไปแล้วสินะครับ”
เมื่อพูดจบ ฮายาโตะก็ชักปลายเท้าที่เกยคางของอาสึนะกลับ ทำให้ใบหน้าของเขาร่วงลงไปแนบพื้นอีกครั้งอย่างไร้ทางฝืน เพราะเขาไม่สามารถบังคับร่างกายของตัวเองได้
ทว่าระหว่างนั้นอาสึนะกลับรู้สึกเหมือนมองเห็นทางสว่าง
แม้รู้ตัวดีว่าสภาพที่ไม่ต่างจากซากศพแบบนี้จะไม่มีทางไปสู้อะไรได้ แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ตัวเขาเองคิดว่าน่าจะทำได้
เพราะความจริงเป้าหมายที่แท้จริงของอาสึนะก็ไม่ใช่การเอาชนะตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ในเมื่อตอนนี้เขารู้ความจริงทั้งหมดแล้ว เขารู้แรงจูงใจและสาเหตุในการกระทำของฮายาโตะแล้ว สิ่งที่เขาต้องทำก็มีเพียงแค่...
(ต้องบอกประธาน...)
สิ่งที่อาสึนะต้องทำมีเพียงแค่ใช้วิทยุสื่อสารติดต่อไปทางสภานักเรียน
แต่เรื่องง่ายๆแบบนั้นมันกลับกลายเป็นเรื่องที่ยากเย็นเมื่อตกอยู่ในสภาวะอัมพาต
‘อาสึนะ? ได้ยินแล้วตอบด้วย’
ปรากฏว่าทางประธานยูกิเป็นฝ่ายติดต่อมาก่อนแทน คงเพราะอาสึนะไม่ได้รายงานสถานการณ์เป็นระยะเวลานานจนผิดปกติ เขาพยายามที่จะตอบกลับไป แต่ทว่าสภาวะอัมพาตนั้นรุนแรงจนอาสึนะกลับทำไม่ได้แม้แต่ขยับปากพูด เขาจึงได้แต่ฟังเสียงยูกิที่เรียกชื่อเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าผ่านทางวิทยุสื่อสารเท่านั้น
“
ดาร์กเนส เซอร์ราวดิ้ง (ราตรีแห่งความหวาดกลัว)”
ระหว่างนั้น แผ่นหลังของฮายาโตะก็มีของเหลวสีดำข้นคล้ายน้ำมันก่อตัวขึ้นเป็นรูปร่าง จนมีลักษณะคล้ายกับปีกของแมลง
“ไม่ต้องกังวลไปนะครับ ต่อจากนี้ คุณจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น”
จากนั้นของเหลวสีดำที่เคลือบอยู่บนปีกก็ค่อยๆไหลลงมาเหมือนถูกน้ำชำระล้าง ปรากฏกลายเป็นปีกของผีเสื้อกลางคืน ก่อนที่ปีกนั้นจะถูกกางออก เกิดแรงลมมหาศาลจนถึงกับทำให้กำแพงและเพดานของปราสาทพังทลายและมองเห็นสภาพแวดล้อมภายนอก ร่างของฮายาโตะลอยขึ้นฟ้า โบยบินอยู่ท่ามกลางพระจันทร์เต็มดวง
ฮายาโตะใช้พลังเวทบังคับให้อาสึนะเงยหน้าขึ้นมามองเขา อาสึนะสบตาเข้ากับดวงตาสีดำสนิทอันเย็นชาบนปีกผีเสื้อที่จ้องมองมา ราวกับสายตาของจอมมารร้ายที่ตั้งใจจะกัดกินวิญญาณของเขา
“จมดิ่งอยู่กับความหวาดกลัวซะเถอะ
อันเดอร์ด็อก”
----------------------------------------------------
ตุ๊บ!
“เฮือก!”
อาสึนะสะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อรู้สึกว่าตัวเองตกจากอะไรบางอย่างลงมากระแทกพื้น
“อูย เจ็บชะมัด เอ๋?”
เขาชะงักเล็กน้อยเมื่อพบว่าตัวเองอยู่ในห้องนอนที่ไม่คุ้นเคย
(อา... นั่นสินะ)
แต่ไม่นานเขาก็เข้าใจอะไรๆได้อย่างง่ายดายทันที
(ฝันเพ้อเจ้อไปได้นะเรา สอบได้คะแนนต่ำขนาดนั้นจะไปเข้าเรียนได้ยังไง)
ใช่แล้ว เขาไม่สามารถสอบเข้าโรงเรียนมิไรเคียวได้เนื่องจากคะแนนต่ำเกินไป
เพราะฉะนั้น ที่นี่ก็คือห้องนอนที่บ้านของเขานั่นเอง
ไม่มีการต่อสู้ของพอนที่ถูกเรียกขานว่า
อันเดอร์ด็อกหรือ
ควีนสเลเยอร์ เขาก็แค่ฝันเพ้อเจ้อไปเองเท่านั้น
(ให้ตายสิ นี่เราอยากเข้าเรียนที่นั่นขนาดนั้นเชียว?)
แต่ยังไงก็ตาม อาสึนะก็ได้ใช้ชีวิตในแบบนักเรียนธรรมดาคนหนึ่งอย่างที่ตัวเองต้องการแล้ว
ไม่มีอะไรให้ต้องคิดมาก
อาสึนะจึงเดินลงบันไดไปที่ห้องทานข้าวชั้นล่าง
คุณพ่อและคุณแม่ของเขานั่งทานข้าวเช้าอยู่บนโต๊ะตามปกติ เขาจึงกล่าวทักทาย
“อรุณสวัสดิ์ครับ”
“...”
ทั้งคู่ไม่ได้ตอบอะไรอาสึนะกลับ เขารู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที
“เอ่อ? คุณพ่อครับ? คุณแม่ครับ? เกิดอะไร-”
“วันนี้คนที่ว่าจะมาเช่าห้องจะมาอยู่วันนี้ใช่ไหม?”
“ใช่จ้ะพ่อ เดี๋ยวก็คงมาแล้ว”
“เช่าห้อง? เช่าห้องอะไรกันครับ?”
ทั้งสองยังคงเมินอาสึนะเช่นเคย ราวกับว่าเขาไม่มีตัวตน มันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา จึงเอื้อมมือทั้งสองไปเพื่อที่จะแตะไหล่ของทั้งคู่
“อ๊ะ?”
แต่สิ่งที่เขาสัมผัสได้กลับเป็นความว่างเปล่า
ไม่สิ... ต้องบอกว่าเขาไม่สามารถสัมผัสทั้งสองได้มากกว่า
มือทั้งสองข้างที่เอื้อมไปสัมผัสไหล่พ่อแม่ของเขา ทะลุผ่านไปราวกับว่าเขาเป็นวิญญาณ
นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เขาตายแล้วงั้นหรือ?
ในระหว่างที่อาสึนะกำลังสับสนอย่างรุนแรง เสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้น
คุณแม่ของอาสึนะเดินผ่านร่างของอาสึนะไปเปิดประตู ในระหว่างนั้นเขาก็หันมองตามไปด้วย
“เชิญเลยจ้า เชิญเลย”
บุคคลที่เข้ามาภายในบ้านทำให้อาสึนะแทบจะเข่าทรุดไปเลยตรงนั้น
“นี่จ้ะพ่อ คนนี้แหละที่จะมาเช่าห้องชั้นบนอยู่ หนูชื่ออะไรนะ?”
“...ฟุจิซากิ ฮายาโตะครับ”
เด็กหนุ่มร่างบางผมสีมรกตกล่าวแนะนำตัวพร้อมส่งยิ้มให้
อาสึนะตาเบิกโพลงและขยับปากอันสั่นเทาอย่างยากลำบาก
“นี่มัน บ้าอะไร... นายมาทำอะไรที่นี่?”
คำพูดของอาสึนะกลายเป็นดั่งอากาศเหมือนเช่นเคย ไม่มีใครได้ยิน และไม่มีใครสนใจ
ในหัวของอาสึนะต้องเรียกได้ว่ายุ่งเหยิงจนจับต้นจนปลายอะไรไม่ถูก สรุปแล้วอะไรคือความจริง อะไรคือความฝัน ตอนนี้เขากำลังอยู่ที่ไหน ทำไมฮายาโตะถึงมาปรากฏตัวที่นี่ ทำไมไม่มีใครเห็นและได้ยินเขา เขาตายไปแล้วงั้นหรือ ไม่มีใครสามารถตอบคำถามนั้นให้กับอาสึนะได้เลย
เมื่อเห็นว่าคุณแม่ของเขาพาฮายาโตะขึ้นไปที่ชั้นบน อาสึนะก็รีบวิ่งตามขึ้นไปทันที
“ห้องนี้แหละจ้ะ”
ทั้งสองหยุดยืนที่หน้าห้องของอาสึนะ เมื่อเขาเห็นดังนั้นจึงขยับตัวไปขวางประตูไว้
“ไม่! นี่มันห้องของฉัน”
แน่นอนว่าไม่มีใครสนใจคำพูดห้ามปรามนั้น คุณแม่ของอาสึนะยื่นมือผ่านร่างของเขาแล้วเปิดประตูเข้าไปทันที อาสึนะหันหลังกลับไปมองห้องตัวเอง แล้วก็ต้องตกตะลึงอีกครั้ง
ห้องนอนที่เมื่อสักครู่มันยังเป็นห้องนอนของเขา จู่ๆก็กลายเป็นห้องนอนว่างเปล่า ข้าวของเครื่องใช้ของอาสึนะที่ก่อนหน้านี้มันยังอยู่กลับหายไปทั้งหมด
“ห้องนี้ไม่มีคนอยู่น่ะจ้ะ เชิญใช้ตามสบายเลยนะฟุจิซากิคุง”
“ไม่ใช่ ห้องของผมต่างหาก! เกิดอะไรขึ้นกับห้องของผม!”
อาสึนะยังคงพูดต่อไปแม้รู้ว่าไม่มีใครได้ยิน
ฮายาโตะเดินผ่านร่างของอาสึนะเข้าไปอีกคน และมองไปรอบๆห้องอย่างชื่นชม
“นี่มันบ้าอะไรกัน!? ทำไมไม่มีใครเห็นผม? ทำไมไม่มีใครได้ยินผม? ผมอยู่นี่! ได้ยินไหม! ผมอยู่ตรงนี้!”
อาสึนะตะโกนจนเสียงแหบพร่า จู่ๆเขาก็รู้สึกว่าโลกทั้งใบหมุนคว้างจนไม่สามารถทรงตัวได้อยู่ และล้มคว่ำไปบนพื้นตรงนั้น จากนั้นเขาก็มองไม่เห็นอะไรอีกเลย
ก่อนที่ภาพทั้งหมดจะมืดดับลง อาสึนะเห็นฮายาโตะหันกลับมายิ้มมุมปากให้กับเขา
----------------------------------------------------
ฟุจิซากิ ฮายาโตะ ถอดอุปกรณ์ VR ออกจากศีรษะหลังเกมจบ
ทางด้านตรงข้ามของเขาคือ คันซากิ อาสึนะ ที่ยังคงไม่รู้สึกตัวอยู่
ฮายาโตะเป่าปากเหมือนกับว่ากำลังโล่งใจ แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้
“บางทีก็น่าเห็นใจนะครับ ผมเข้าใจว่าคุณก็แค่ทำตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมาย แต่ว่าคุณมาขวางทางผม ผมก็จำเป็นต้องกำจัดคุณทิ้ง”
บิชอปหนุ่มค่อยๆเดินไปที่ร่างอันหมดสติของอาสึนะอย่างไม่รีบร้อน แล้วส่งสายตาแห่งความเห็นใจแบบปลอมๆให้กับเขา
“เอาเถอะครับ ยังไงคุณก็จะลืมเรื่องราวในวันนี้ไปทั้งหมดอยู่แล้ว แต่จากการต่อสู้กับคุณแล้ว บอกตรงๆผมต้องยอมรับเลยนะครับ ว่าคุณน่ะเป็นคู่ต่อสู้ที่ไม่เหมือนคนอื่น”
“ใช่ครับ ผมไม่เหมือนคนอื่น”
ฮายาโตะสะดุ้งสุดตัวจนเกือบจะล้มลง เมื่ออาสึนะที่เขาคิดว่าน่าจะหมดสติไปแล้วกลับพูดขึ้น และคว้าข้อมือของเขาที่กำลังจะเอื้อมไปกระชากเข็มกลัดพอนที่หน้าอก
“และผมก็จะไม่ตกเป็นเหยื่อของคุณเหมือนกับคู่ต่อสู้คนอื่นๆเช่นกัน”
อาสึนะถอดอุปกรณ์ VR ออกจากศีรษะ พร้อมกันกับที่ประตูสนามฝึกซ้อมที่แปดถูกเปิดออก และการปรากฏตัวขึ้นของสมาชิกสภานักเรียน
“ทำได้ดีมาก อาสึนะ”
ประธานยูกิเอ่ยขึ้น อาสึนะปล่อยข้อมือของฮายาโตะออก เขาจึงรีบถอยห่างออกมา สีหน้าของฮายาโตะยังคงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก แต่เขาก็พยายามกลับมาวางมาดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“อ้าว สวัสดีครับ สภานักเรียนมีธุระอะไรกับผมหรือเปล่า?”
“ถูกจับได้คาหนังคาเขาแบบนี้ยังมาทำไขสืออีกนะ”
“ผมทำอะไรหรอครับ?”
ฮายาโตะถามหน้าตาย ยูกิจึงส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
“เลิกไร้สาระได้แล้ว คดีขโมยเข็มกลัดที่เกิดขึ้น ทั้งหมดเป็นฝีมือของนายจริงๆด้วยสินะ”
“พูดอะไรน่ะครับ พวกคุณมีหลักฐานงั้นหรอว่าผมเป็นคนทำ? ผมรู้ตัวว่าผมเคยถูกคาดโทษ แต่อย่าใช้อคติส่วนตัวในการตัดสินสิครับ”
ฮายาโตะพยายามพูดเพื่อให้ตัวเองกลับมาถือไพ่เหนือกว่า แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ผล
“คนอย่างนายคงจะไม่ยอมรับจนกว่าจะจำนนต่อหลักฐานจริงๆสินะ?”
เมื่อยูกิพูดจบ เธอก็หันไปทางคิโยชิ เขาพยักหน้า พร้อมส่งโทรศัพท์สมาร์ทโฟนให้กับเธอ ยูกิถือมันไว้ ก่อนที่คิโยชิจะสอดการ์ดความจำขนาดเล็กเข้าไปในสมาร์ทโฟนเครื่องนั้น
หลังจากที่ยูกิสัมผัสบนหน้าจอสมาร์ทโฟน ฮายาโตะก็พูดอะไรต่อไม่ออก
เมื่อเสียงบันทึกคำพูดของฮายาโตะที่พูดกับอาสึนะในระหว่างที่อยู่ในโลกเสมือนจริงดังขึ้นจากสมาร์ทโฟนเครื่องนั้น
เสียงคำพูดที่บ่งบอกถึงสาเหตุและแรงจูงใจทั้งหมดของฮายาโตะในการก่อเหตุครั้งนี้
“ความจริงนายเป็นคนสารภาพออกมาเองทั้งหมดแท้ๆนะ ยังจะไม่ยอมรับอีกหรอ?”
“ทะ ทำไมถึง...”
“อะแฮ่ม! ผมขออธิบายเองครับประธาน คันซากิใช้วิทยุสื่อสารแบบพิเศษที่ฉันเป็นคนคิดค้นขึ้นมาน่ะ ฟังก์ชันหลักๆก็คือสามารถสื่อสารกันระหว่างโลกความจริงและโลกของเกมได้ และในขณะเดียวกันฉันก็เพิ่มฟังก์ชันในการบันทึกเสียงลงไปด้วย โดยมันจะทำงานโดยอัตโนมัติน่ะ เพราะฉันรู้ดีว่าคนอย่างนายคงไม่ยอมรับง่ายๆแน่ๆ เลยต้องบันทึกเสียงเป็นหลักฐานแบบนี้”
คิโยชิเสนอหน้าขึ้นมาอธิบาย พลางยืดอกอย่างภาคภูมิใจ ยูกิแอบเหลือบมองนิดๆ ก่อนที่จะพูดต่อ
“นอกจากจะขโมยเข็มกลัดแล้วยังทำให้เหยื่อสูญเสียความทรงจำอีกด้วย แต่น่าเสียดายที่นายไม่สามารถทำให้อาสึนะสูญเสียความทรงจำไปได้ ถ้างั้นจะรับฟังคำให้การของอาสึนะเพิ่มเติมด้วยดีไหมล่ะ?”
“...เป็นไปไม่ได้ เป็นไม่ได้ ทำไมแกถึงยังมีสติอยู่ได้!? ไม่มีใครสามารถหนีรอดจากความหวาดกลัวที่ฉันสร้างขึ้นมาได้ เพราะอะไรกัน? แกเป็นใครกันแน่?”
เมื่อหมดหนทางรอดเพราะจำนนต่อหลักฐาน ฮายาโตะก็โวยวายลั่นอย่างคนเสียสติ
“เห็นดูถูกอาสึนะไว้ขนาดนั้น ก็ไม่แปลกใจนักหรอกที่นายจะไม่รู้ กับความน่ากลัวของ ‘การเลียนแบบตัวตน’ ของอาสึนะน่ะ”
“ละ เลียนแบบตัวตน?”
ใช่แล้ว ที่เป็นเช่นนั้นเพราะอาสึนะใช้ความสามารถ
ก็อปปี้แคท ในการลอกเลียนแบบตัวตนของฮายาโตะนั่นเอง
ดาร์กเนส เซอร์ราวดิ้งของฮายาโตะนั้น มีความสามารถในการ ‘ทำให้คู่ต่อสู้ตกอยู่ในความหวาดกลัว’
เหยื่อแต่ละรายนั้นต่างถูกฮายาโตะเล่นงานและทำให้ตกอยู่ในห้วงแห่งความหวาดกลัวจนหมดสติ จึงเกิดผลกระทบทำให้ความทรงจำขาดช่วงไป และไม่สามารถจดจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เมื่ออาสึนะสามารถเลียนแบบเป็นฮายาโตะได้อย่างสมบูรณ์ การที่จะเข้าใจกลไกการทำงานของ ‘การสร้างความหวาดกลัว’ ได้นั้น จึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย
เพราะฮายาโตะนั้นสร้าง ‘ความหวาดกลัวแบบปลอมๆ’ ให้กับเหยื่อ ก็เพียงแค่ประคองสติและตระหนักว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความจริงก็เพียงพอแล้ว
ทำให้อาสึนะสามารถครองสติมาได้จนถึงตอนนี้
“ฟุจิซากิ ฮายาโตะ นอกจากนายจะก่อเรื่องแล้วยังบ่ายเบี่ยงไม่ยอมรับกับสิ่งที่ตัวเองทำไป บทลงโทษของนายคือถูกพักการเรียนหนึ่งปีเต็ม... ว่ากันง่ายๆก็ซ้ำชั้นปีนึงนั่นแหละนะ”
เป็นอันว่าคดีชิงเข็มกลัดก็ได้ถูกปิดฉากลงอย่างสมบูรณ์และสวยงามด้วยประการละฉะนี้
----------------------------------------------------
หลายวันผ่านมาหลังจบคดีของฟุจิซากิ ฮายาโตะ
อาสึนะได้รับคำชื่นชมอย่างมากจากทุกคนในสภานักเรียน หลังมีส่วนสำคัญในการปิดคดีของฮายาโตะได้อย่างงดงาม แต่ถึงกระนั้น สภานักเรียนได้ตัดสินใจที่จะปกปิดข้อมูลทุกอย่างไว้เป็นความลับ โดยไม่ได้ประกาศให้ทุกคนในโรงเรียนรับรู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของฮายาโตะ เพื่อป้องกันไม่ให้มีปัญหายุ่งยากตามมา
ยกเว้นทาง คุเรไน ชินยะ เพื่อนของอาสึนะซึ่งเป็นคนนอกที่รับรู้เรื่องคดีนี้อยู่เพียงคนเดียว แต่ทางสภานักเรียนก็ได้ตกลงกับเขาให้ปิดปากเงียบเกี่ยวกับคดีนี้ไปแล้ว
ทำให้เป็นที่น่าเสียดายที่ผู้เสียสละอย่างอาสึนะ ไม่ได้รับคำยกย่องสรรเสริญหรือเสียงปรบมือใดๆจากคนอื่นๆเลย แต่เขาก็ไม่ได้อยากที่จะเป็นจุดสนใจอยู่แล้วจึงไม่ใส่ใจอะไร แถมออกจะชอบที่เป็นแบบนั้นเสียด้วย
เนื่องจากเพิ่งผ่านศึกใหญ่กับฮายาโตะมาอย่างหนักหน่วง ประธานยูกิจึงไม่เรียกตัวเขาอยู่หลายวัน แถมยังสั่งห้ามแบบกลายๆว่าถ้าไม่มีธุระอะไรอย่ามาที่ห้องสภานักเรียนอีกต่างหาก
บางทีอาจจะเป็นการบอกอ้อมๆของยูกิเพื่อให้อาสึนะได้พักผ่อนก็ได้ ช่วงนี้เขาจึงแทบไม่ได้ไปเยือนที่นั่นเลย
เมื่อไม่ได้ไปที่ห้องสภานักเรียนนานๆ อาสึนะก็บอกไม่ถูกว่าจะเรียกสงบสุขหรือเงียบเหงาดี
แต่วันนี้ ประธานยูกิได้เรียกตัวเขาไปที่ห้องสภานักเรียนอีกครั้งแล้ว
ในขณะที่ในใจคิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก พอไปถึงกลับพบสมาชิกสภานักเรียนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา รวมทั้ง อุสึโนมิยะ ริเอะ ด้วย
ที่สำคัญคือบนโต๊ะน้ำชานั้นเต็มไปด้วยขนมและเครื่องดื่ม ราวกับกำลังมีงานปาร์ตี้อะไรสักอย่าง
“เอ่อ... มีงานอะไรกันหรอครับ?”
“ทำเป็นงงไปได้ ปาร์ตี้ของนายไงคันซากิ นายมีส่วนสำคัญในการคลี่คลายคดีฮายาโตะนะ ถึงจริงๆแล้วมันเป็นเพราะอุปกรณ์ของฉันก็เถอะ”
“ใช่แล้วอาสึนะ พวกเราช่วยกันจัดปาร์ตี้ให้กับนายไงล่ะ”
“ถ้าคันซากิคุงอยากจะดื่มน้ำชาก็บอกได้นะจ๊ะ เดี๋ยวฉันไปชงมาให้”
“เรย์ฟังมาจากทุกคนแล้วล่ะ คุณคันซากิเท่ม๊ากมากเลย”
ทุกคนในสภานักเรียนต่างกล่าวต้อนรับและชื่นชมอาสึนะกันอย่างคึกคัก ยกเว้นเพียงแต่ประธานยูกิที่นั่งอยู่เงียบๆบนโต๊ะของตัวเองคนเดียว อาสึนะจึงค้อมศีรษะรับคำต้อนรับและคำชื่นชมเหล่านั้นก่อนที่จะเอ่ยถามขึ้น
“เอ่อ ปะ ประธานครับ? ไม่มาปาร์ตี้กันหน่อยหรอครับ?”
“อ้าวโธ่ ประธานนี่ล่ะก็ ไปนั่งทำไมตรงนั้น มีของจะให้คันซากิคุงไม่ใช่หรอคะ?”
“หือ? ของให้ผม?”
เรย์มุเป็นคนไปจูงมือประธานยูกิที่นั่งอยู่บนโต๊ะให้ลุกขึ้นมา ในขณะที่อาสึนะนั้นไม่เข้าใจว่ากำลังพูดเรื่องอะไรกันอยู่
ยูกิดูไม่อยากจะลุกขึ้นมาจากโต๊ะเท่าไหร่ จนรองประธานอายูมิต้องไปช่วยจูงมือเธอมาอีกคน พร้อมผลักเธอจนไปยืนอยู่ตรงหน้าอาสึนะที่ยังคงมีสีหน้าสงสัยไม่หาย
“อะ เอ้านี่ ฉันให้”
ยูกิยืนเงียบอยู่พักใหญ่เลยทีเดียว กว่าที่จะพูดคำนั้นออกมาได้ แล้วยื่นกล่องของขวัญให้กับเขา
“ให้ผม?”
“ปะ เปิดดูสิ”
แม้จะงงอยู่ แต่อาสึนะก็เปิดกล่องของขวัญกล่องนั้นออกมา พบว่ามันเป็นผ้าพันคอ
“ยูกิน่ะตั้งใจถักมาให้นายเลยนะ ที่ไม่ให้นายมาที่ห้องสภานักเรียนก็เพราะจะแอบถักมาเซอร์ไพรส์วันนี้นี่แหละ”
“เดี๋ยวเถอะ! ฉันให้เผื่ออาสึนะไว้ใช้ตอนอากาศหนาวต่างหากเล่า”
“แต่เดี๋ยวก็จะถึงหน้าร้อนแล้วนะ”
“งะ เงียบน่า ถ้าเธอพูดอีกล่ะก็ฉันตบจริงๆด้วย”
ยูกิกับอายูมิหยอกกันไปมา ทุกคนต่างหัวเราะคิกคัก รวมทั้งอาสึนะที่แม้จะงงเอามากๆจนถึงตอนนี้ก็ตามที แต่เขาก็ยิ้มให้กับประธานยูกิแล้วกล่าวขอบคุณ
“ขอบคุณครับ ผมจะเก็บไว้อย่างดีเลย”
“อะ อือ”
แม้สีหน้าของยูกิจะนิ่งเฉย แต่หน้าเธอแดงจนเกือบถึงหูแล้ว
ราชินีไร้หัวใจอย่างเธอก็มีด้านนี้อยู่บ้างเหมือนกัน
“ถ้างั้นก็ เริ่มปาร์ตี้ได้!”
คิโยชิเป็นผู้กล่าวเปิดงานปาร์ตี้อย่างเป็นทางการพร้อมยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นฟ้า
ถึงจะแสวงหาความธรรมดาในชีวิตวัยเรียนมาตลอด
แต่มีสีสันบ้างสักครั้งก็ไม่เลวเหมือนกัน
อาสึนะคิดเช่นนั้น
----------------------------------------------------
1ดอกคาร์เนชันสีเหลืองแสดงถึงความดูถูกเหยียดหยามของผู้ให้ที่มีต่อผู้รับ