Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Cataclysm: The Endless Hellfire XLI

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
Neferpitou
Moderators
Moderators
Neferpitou


จำนวนข้อความ : 552
Join date : 05/12/2012
Age : 28
ที่อยู่ : The Facility of Banned Organizer

Cataclysm: The Endless Hellfire XLI Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Cataclysm: The Endless Hellfire XLI   Cataclysm: The Endless Hellfire XLI EmptySun Mar 26, 2017 1:16 am

Cataclysm: Endless Hellfire
Act XLI

------------

   คลื่นซัดโหมกระหน่ำแห่งสายลมซัดสาดไปทั่วผืนแดน แต่ความแรงและความหนาวเหน็บของมันหาได้สะท้านกายาของนักสู้ทั้งสี่ที่เผชิญหน้ากันอยู่ พวกเขาแสดงท่าทาง ปฏิกริยาออกมาอย่างชัดเจนว่าจักต้องสังหารผู้เป็นปรปักษ์แห่งตนให้จงได้ หาได้มีวาจาอันใดที่จำเป็นต้องพูดอีก จึงบอกได้ว่านอกจากเสียงวายุแห่งหิมะเย็นแล้ว มันหาได้มีเสียงอื่นใดเปล่งออกมานอกจากเสียงหายใจเลย ส่วนชายหนุ่มเนลเรี่ยนผู้ซึ่งเป็นแกนหลักสำคัญในการต่อสู้นี้ทำได้เพียงแค่มองดูมิตรสหายของตนอยู่ข้างหลัง เบื้องบนปราสาทแห่งอาร์ชเดลโดยมิอาจจะทำอะไรได้เลยแม้แต่น้อย เขารู้ตัวว่าหากจะร่วมการต่อสู้ตัวเองก็สามารถกระโจนเข้าร่วมได้โดยง่าย แต่สำหรับคาร์เอลที่ไม่ต้องการให้ใครมาวุ่นวายกับการต่อสู่ของเขา มันคงไม่ใช่เรื่องที่ดีนักที่เนลเรี่ยนจะทำแบบนั้นไป เท่าที่หนุ่มผมทองพอจะได้ยินและเข้าถึงบทสนทนาของดาบยักษ์ล่าปีศาจและปีศาจแห่งบาปในร่างสตรีรูปงามนั้นก็พอจับใจความและเข้าใจได้ว่าคาร์เอลนั้นมีความแค้นต่อหญิงผู้นั้นขนาดไหน เช่นนั้นแล้วเนลเรี่ยนจึงไม่พยายามที่จะเข้าไปวุ่นวาย ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ กล่าวคือสิ่งเดียวที่เขาจะสามารถทำได้คือการภาวนาเท่านั้น หวังว่าพวกเขาคงจะได้รับชัยชนะมา

  เพียงชั่วพริบตาดาบแห่งเหล็กกล้าขนาดใหญ่ของชายร่างกำยำผู้ซึ่งถือนามล่าปีศาจได้กวัดแกว่งเพลงดาบของตนออกไป ใช้มือเพียงข้างเดียวซัดดาบราวกับเป็นแท่งไม้น้ำหนักเบา เป้าหมายของมันตรงไปยังหญิงสาวแต่งหน้าลัคนีย์ผู้นั้น เธอมองเห็นการโจมตีนั้นได้อย่างรวดเร็ว กระโดดหลบออกไปด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ ข้ามหัวของคาร์เอล ลอยตัวอยู่กลางอากาศ หญิงผู้นั้นสะบัดตะบองไม้ของตนหวังจะฟาดใส่กลางศีรษะของคาร์เอล แต่ชายหนุ่มก็พุ่งตัวหลบออกไปได้เช่นกัน แต่มันก็เป็นอะไรที่หวุดหวิดพอควร ใบหน้าของเขาเกือบโดนไม้นั่นกระแทกเข้าไป ที่น่าแปลกคือใบหน้าของหนุ่มผู้ใช้ปราณโลหะผู้นั้นกลับมีบาดแผลก่อขึ้นมาซะอย่างนั้น มันเป็นแผลไหม้คล้ายดั่งถูกถลอกโดยวัตถุที่มีความร้อน ซึ่งก็พอจะเดาได้ว่ามันมาจากพลังแห่งบาปที่เอ่อล้นทั่วทั้งอาวุธไม้ของสตรีตัวตลก ผู้กล้าไม่รีรอรีบแกว่งดาบของตนต่อไป แต่มันก็หาได้โดนเป้าหมายเบื้องหน้าเลย เธอหลบมันไปได้ทุกครั้งที่ดาบเหล็กนามคร่ามังกรนั้นเข้าใกล้ร่างของเธอ จึงถือได้ว่าความเร็วของลัคนีย์นั้นไม่เป็นรองใครเลย เพราะดาบที่ขนาดใหญ่ซะขนาดนั้นและถูกแกว่งอย่างรวดเร็วราวกับกระสุนปืน เธอยังสามารถหลบมันไปได้โดยง่าย

แต่เพลงดาบบ้าคลั่งนั่นหาได้หยุดหย่อน ชายหนุ่มปล่อยเพลงดาบไปเรื่อยราวกับเครื่องจักรสังหาร แรงแกว่งนั้นสร้างแรงลมกล้าคล้ายดั่งมีดวายุใกล้ตัวดาบ ด้วยการโจมตีที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยนั้นยังคงทำงานไปเรื่อย มันกลายเป็นการสร้างช่องโหว่ให้กับหญิงสาวผู้เป็นปรปักษ์แห่งคาร์เอล เช่นนั้นแล้วดาบเล่มนั้นจึงถูกซัดออกไป ตรงไปที่เอวซ้ายของหญิงผู้นั้น หากกระบวนท่านี้สำเร็จไร้ความผิดพลาด ร่างของลัคนีย์คงจะถูกสะบั้นออกเป็นสองท่อนในพริบตา

“เกร้งงงงงงงง!” เสียงของวัตถุมวลแข็งดั่งเหล็กกล้าได้กระแทกเข้าใส่กัน

  มันเป็นเสียงของตัวดาบของคาร์เอลที่กระทบใส่กับตะบองไม้ของลัคนีย์ มันสร้างความประหลาดใจให้กับชายหนุ่มผู้ใช้ดาบไม่น้อย เพราะเสียงที่มันดังออกมาราวกับเขาได้ฟาดมันใส่กับระฆังขนาดใหญ่ อีกทั้งตัวตะบองไม้นั้นหาได้ถูกตัดขาดออกไปเลยทั้งที่มันได้กระแทกใส่กับเหล็กคมขนาดใหญ่นั้น ปกติแล้วหากไม้ขนาดแค่นั้นถูกฟันเข้าโดยดาบก็สามารถแตกกระจุยได้โดยง่าย สิ่งที่ปรากฏอยู่นี้มันหาใช่แบบนั้นเลย ซ้ำตัวไม้นั้นกลับไม่มีรอยขีดข่วนแต่อย่างใด จนคาร์เอลรู้สึกได้โดยตนเองว่าเหมือนกับถูกค้อนฟาดกระทบกลับใส่ตัวดาบของตนซะอย่างนั้น แต่นั่นหาใช่ความรู้สึกทั้งหมดที่หนุ่มผู้นี้ได้รับ ด้วยความที่เขาฟาดมันเข้าอย่างจังกับอาวุธของลัคนีย์ซึ่งเป็นมวลแข็งกล้าที่สามารถล้มเยติแห่งอาร์ชเดลลงได้เพียงหวดเดียว จึงทำให้มือของคาร์เอลนั้นรู้สึกเจ็บ ราวกับว่ากระดูกของตนเองเคลื่อนออกไปจากรูปที่มันควรจะเป็น แรงสั่นไหวหลังจากการฟาดนั้นทำให้เขาแทบจะขยับตัวไม่ได้ แถมยังสั่นไปกับมันกลายเป็นเป้านิ่งให้แก่ศัตรูู เช่นนั้นแล้วมันจึงเป็นโอกาสให้แก่หญิงผู้ใช้พลังบาป เธอใช้ตะบองนั้นฟาดเข้าใส่กะบาลของหนุ่มผู้นั้น กายาร่างเหล็กถูกซัดออกไป ปลิวไปตามแรงกระแทก ลอยเหนือกลางอากาศ

แต่มันหาได้จบเพียงเท่านั้น...

  ในระหว่างที่นักล่าคร่าปีศาจล่องลอยเหนือผืนดิน ไร้ความรู้สึกถึงภัยร้ายที่กำลังเข้ามา อาวุธชิ้นที่สองได้ถูกควักขึ้นมาในมือของหญิงสาวตัวตลก มันเป็นอาวุธระยะไกล ปืนที่ดูคล้ายว่าจะเป็นลูกโม่ที่ถูกบรรจุกระสุนครบ รูปทรงของมันดูประหลาดจากอาวุธปืนของโลกแห่งโพรโตเนี่ยนราวกับว่าเธอได้รับมันมาจากแห่งหนอื่นที่ไม่ใช่ดาวดวงนี้ ไม่นานนักไกปืนจึงถูกกดลง ปล่อยกระสุนออกมาจากปากกระบอก พุ่งไปอย่างรวดเร็วโดยที่มีปราณแห่งบาปเอ่อล้นอยู่ทั่วตัวกระสุน หวังจะสังหารคาร์เอลด้วยพลังแห่งความตาย มันตรงเข้าไปยังจุดตายของชายหนุ่มซึ่งเป็นหัวใจ แต่กระสุนนั้นกลับถูกแยกออกเป็นสองเสี่ยง ไม่สามารถมองออกได้ว่ามันเกิดขึ้นจากอะไร แถมท่าทางของคาร์เอลยังดูต่างจากเมื่อครู่ เขาลืมตาขึ้นมา กำดาบไว้แน่น ก่อนที่จะดิ่งลงสู่ผืนดิน ที่ดาบของเขามีควันไหม้ที่เกิดขึ้นจากปราณแห่งบาป ซึ่งสามารถตีความได้ในทันทีว่ากระสุนเมื่อครู่นี้ได้เกิดขึ้นจากน้ำมือของเขาเอง

สิ่งที่ประจักษ์ต่อหน้าลัคนีย์แห่งบาปสร้างความประหลาดใจให้แก่เธอ คงเพราะความคิดในหัวได้คาดการณ์ไว้ว่าการโจมตีเมื่อครู่จะสามารถสังหารคาร์เอลผู้นี้ได้ ในเมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นหาได้เป็นตามความประสงค์ของหล่อน เธอเริ่มรวบรวมพลังเข้าทั่วกายของตัวเอง ดั่งว่ากำลังคิดที่จะเอาจริงเอาจัง

“กระบวนท่านั้นมิอาจจะได้ผลกับข้าเป็นครั้งที่สองหรอกนะ”

นักดาบคร่าปีศาจกล่าวมันออกไปอย่างมั่นใจ พลางยกดาบขึ้นในท่าตั้งรับ เขาสื่อออกมาราวกับว่าเธอเคยใช้กระบวนท่านี้เพื่อเอาชนะเขามาก่อน คงจะหมายถึงเมื่อครั้นอดีตที่ลัคนีย์พรากทุกอย่าง สังหารสหายของเขากระมัง

  วาจานั้นหาได้เป็นการทำให้หญิงสาวผู้นั้นเกิดความเกรงกลัวเลย กลับกันมันเป็นการสร้างความตื่นเต้นให้กับหล่อนเสียทั้งอย่างนั้น ท่าทางของเธอที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าไร้ความเกรงกลัว สีหน้าที่ยิ้มหวานออกมาก่อนที่จะเปล่งเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง จากหญิงใบหน้าอ่อนหวานผุดออกมาซึ่งมุมที่ดูน่ากลัวกลายเป็นดั่งปีศาจบ้าคลั่งที่กำลังเริงรมย์กับความบันเทิงเบื้องหน้าของตน หนึ่งบุคคลที่กำลังสนุกไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความโกรธาให้แก่ชายอีกคนซึ่งหงุดหงิดกับสิ่งที่เธอกำลังกระทำ เขารู้สึกราวกับว่าตนเองกำลังถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของตนอยู่ ดวงตาของหนุ่มผู้นั้นแสดงออกมาซึ่งความอาฆาตและนั่นก็ทำให้ลัคนีย์เองรู้สึกตัว เธอหยุดหัวเราะลง มองดูชายผู้นั้นด้วยความสงสัยราวกับคิดว่าเพราะเหตุอันใดกันเธอจึงต้องถูกมองด้วยความเป็นอคติเช่นนั้น เมื่อนั้นหล่อนจึงแสดงท่าอ้อนออกมา บิดปากลงโดยมุมปากทั้งสองดิ่งลงไปผืนดิน มันเป็นหน้าโศกเศร้าราวกับลูกสุนัขที่อ้อนต่อเจ้านายของตน

“เอ๋ที่รัก... ไม่จำเป็นที่จะต้องโกรธกันขนาดนั้นเลยนะคะ” เธอกล่าวมันออกมา ลากเสียงยาวพร้อมกับทำท่าอย่างกับสาวไร้เดียงสา
“ฉันก็แค่อยากจะสนุกก่อนที่จะฆ่าตัวเองก็เท่านั้นเอง”
“อย่างน้อยตัวเองก็จะได้มีความสุขไงตอนที่โดนเค้าสะบั้นหัวออกจากบ่า..”

“หุบปาก!”

  ชายหนุ่มผู้นั้นกล่าวสวนออกไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว น้ำเสียงที่ดูรุนแรงนั้นทำให้ลัคนีย์ตกใจจนลืมตัวว่าคาร์เอลได้แกว่งเพลงดาบเข้าหาตัวเธอ เพลงดาบนั้นถูกซัดขึ้นมาจากผืนดิน ราวกับเป็นกระบวนท่าสร้างคลื่นเพลงดาบ แต่มันก็หาได้กระทบถูกกายาของลัคนีย์ผู้นั้นเลยแม้แต่น้อย หล่อนหลบมันไปได้อย่างรวดเร็วก่อนจะยิงกระสุนปืนออกไปหวังว่าคาร์เอลคงจะเผลอ มิอาจจะป้องกันตัวได้ ความเร็วของลูกกระสุนสีเขียวนั้นพุ่งเข้าไป ในครั้งนี้มันตรงไปกลางกะโหลกของคาร์เอล แน่นอนว่านั่นก็เป็นจุดตายสำคัญเหมือนกัน มันกระทบใส่ผิวหนังภายนอกของหนุ่มผู้นั้นอย่างจัง แต่สีหน้าของผู้ยิงกระสุนนั้นออกไปหาได้บ่งบอกถึงความดีใจเลยแม้แต่น้อย มันกลับแสดงออกมาซึ่งความตกใจ เริ่มหวาดกลัวกับสิ่งที่ประจักษ์อยู่เบื้องหน้า เธอเริ่มถอยฉากออกไป ถอยฝีก้าวของตนพร้อมกับใบหน้าที่ตื่นตระหนก เพราะสิ่งที่ปรากฏคือคาร์เอลนั้นหาได้มีแผลอันใดปรากฏอยู่บนใบหน้าเลยแม้แต่น้อย ซึ่งในช่วงเวลาที่กระสุนเหล็กที่เต็มไปด้วยปราณแห่งความตายได้กระทบเข้ากลางใบหน้าของคาร์เอลนั้น มันได้เกิดสภาวะการเปลี่ยนโมเลกุล จากกายเนื้อที่ดูอ่อนนุ่มต่อกระสุนได้ปรับสภาพกลายเป็นเหล็กไหลในส่วนนั้น คล้ายดั่งเป็นหมวกเหล็กที่คลุมศีรษะของเขาเอาไว้ และสิ่งนั้นเองคือต้นเหตุที่ทำให้เขาไม่เกิดบาดแผล และดีดกระสุนออกไปจากทิศทาง

  เช่นเดียวกันนั้นเอง ลูกกระสุนขนาดเล็กนั้นกระเด็นกระดอน พุ่งกลับเข้าไปหาตัวผู้ปล่อยมันออกไปแต่แรกเริ่ม มันเฉือนใบหน้าของหญิงสาวผู้นั้นจนเกิดเป็นรอยแผล รอยแผลที่ไม่ค่อยแตกต่างจากที่คาร์เอลได้เริ่มเมื่อครั้งเริ่มการต่อสู้ เธอจับใบหน้าส่วนที่ได้รับบาดแผล มันหาได้มีโลหิตไหลหยดออกมาจากกายาแต่อย่างใด ด้วยความที่เป็นศพไร้เลือดเนื้อ จึงไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดอย่างผู้คนปกติ ทันใดนั้นร่างของคาร์เอลก็พุ่งเข้าหาหญิงผู้นั้นอย่างรวดเร็วจนเธอแทบจะไม่รู้สึกตัว เพราะยังคงตกใจกับสิ่งที่คาร์เอลนั้นเป็นอยู่ เช่นนั้นแล้วชายผู้นั้นจึงออกหมัดเหล็กไหลของตนเข้าไปกลางใบหน้าสาวผู้นั้น เธอถูกมันซัดเข้าอย่างแรงจนร่างปลิวออกไป ด้วยแรงลมอันมหาศาลมันจึงซัดร่างของหญิงสาวผู้นี้ไปตามทิศทางของพลังลมนั้นโดยที่เธอมิอาจจะควบคุมมันได้ เมื่อนั้นหนุ่มร่างกำยำจึงยกหัตถ์โลหะของตนขึ้น ชี้มันออกไปข้างหน้าก่อนที่จะยิงตะขอเหล็กออกจากหัตถ์เหล็กข้างนั้น ปรากฏเป็นโซ่ยาวกว่าเมตร มันพุ่งเข้าหาตัวหญิงสาวตัวตลกอย่างรวดเร็ว รัดคอของเธอจนแทบหายใจไม่ออก ลัคนีย์พยายามจะใช้แรงทั้งหมดเพื่อที่จะดึงตะขอนั้นออกแต่ก็มิเป็นผล

  จู่ๆ หญิงสาวผู้นั้นจึงรู้สึกว่าตัวเองนั้นขยับตัวอย่างรวดเร็ว แต่มันหาได้มาจากแรงขยับของตน เธอถูกเหวี่ยงด้วยแรงของชายผู้ใช้เหล็กไหล พลกำลังเหนือปีศาจอื่นทำให้ตัวเธอล่องลอยไปตามอากาศโดยหาใช่ความตั้งใจ ความเร็วของมันเพิ่มขึ้นสูง จนเธอต้านทานมันไม่ไหว กลายเป็นดั่งหุ่นเชิดที่ถูกเหวี่ยงโดยเด็กในยามที่บ้าคลั่งเพราะความซน เช่นนั้นแล้วคาร์เอลจึงฟาดร่างของปรปักษ์ผู้นั้นลงสู่ปฐพี ด้วยท่าจับโซ่เหล็กตะขอนั้นที่คล้ายคลึงกับค้อนในยามที่ตีลงเครื่องสั่นระฆังในงานสวนสนุก ศีรษะและร่างกายส่วนลำตัวของลัคนีย์ถูกกดลงไปกับพื้นเพราะแรงกระแทก ซ้ำมือทั้งสองที่ปล่อยอาวุธของตนออก แขนขาของเธอหย่อนลงอ่อนย้อยราวกับไร้สติที่จะควบคุมร่างกาย แต่นั่นหาได้ทำให้ชายมากกำลังผู้นั้นหยุดเลย เขาดึงร่างของเธอขึ้นมา ก่อนที่จะแกว่งร่างของหล่อนทวนทิศเข็มนาฬิกา ความยาวของโซ่นั้นทำให้ร่างของหญิงสาวกระแทกใส่กับภูเขาสูงชันทั้งหลาย แรงกระแทกได้ทลายภูผาลงอย่างง่ายดายแต่กายาแห่งบาปหาได้ทลายดั่งเช่นภูเขานั้น

และแล้วโซ่จึงถูกตวัดลงสู่ผืนดิน นำร่างเชิดของผู้ใช้พลังบาปดิ่งลงสู่พื้น เธอนอนราบลงไปโดยมิรู้ตัว แทบจะไม่รู้สึกว่ารอบข้างกำลังเกิดอะไรขึ้นเลยสักนิด ทันใดนั้นคาร์เอลจึงกระโดดขึ้นสู่ฟากฟ้า แกว่งเพลงดาบใหญ่ของตน ดิ่งตัวลงไปโดยที่ตัวดาบตั้งท่าอย่างกับเป็นกิโยตินประหารกลางเมือง คงจะปิดฉากการต่อสู้ด้วยกระบวนท่านี้เป็นแน่แท้

  ทว่าเขากลับหยุดกระบวนท่านั้นลงอย่างฉับพลัน โดยที่หนุ่มผู้นั้นได้ร่วงโรยจากผืนฟ้าราวกับนกที่ถูกพรานสอยเข้าด้วยปืน จากกระบวนท่าดาวตกสังหารกลายเป็นซากดาวที่ถูกตีออกไร้ทิศ กระแทกลงสู่ผืนดิน มิอาจจะขยับกายได้คล้ายดั่งถูกอะไรสักอย่างทำให้เขาอยู่ในสภาพอัมพาตชั่วขณะ เขาสั่นตัวเกร็งไปมาเหมือนกับถูกสายฟ้าช็อตเส้นประสาท ทำให้สมองช็อคไป ผลที่เกิดขึ้นทั้งหมดเนื่องมาจากลัคนีย์ได้ใช้มือของตนจับตะขอโซ่เหล็กเอาไว้ และปล่อยปราณอ่อนๆ ที่สามารถเข้าทะลุผิวหนังของร่างผ่านไปทางโซ่เหล็ก ตรงเข้าไปที่หัตถ์เหล็กไหลซึ่งเป็นตัวนำปราณเป็นอย่างดี จนเข้าไปทั่วทั้งร่างกายของคาร์เอลในยามที่เขากำลังจะใช้กระบวนท่ากิโยตินสังหาร บัดนี้ร่างของเขามิอาจจะขยับได้ตามที่ต้องการซึ่งในขณะเดียวกันนั้นเองศพเดินได้นามลัคนีย์ดึงตะขอออกจากคอของตน เกิดบาดแผลขนาดใหญ่เป็นรูบริเวณลำคอแต่หาได้มีโลหิต เธอใช้มือลูบบาดแผลนั้นราวกับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด ก่อนที่จะค่อยๆ จับโซ่นั้นไว้ที่มือ แกว่งมันไปวนรอบอย่างสนุกสนานราวกับเป็นเชือกใช้จับวัว

“ว๊าาาาา... แย่จังเลยนะคะที่รัก” เธอกล่าวขึ้น โค้งตัวไปข้างหน้า ก้มตัวลงไปมองคาร์เอลราวกับรู้สึกสมเพศต่อชายผู้นั้น
“อุตส่าห์ปล่อยให้ตายใจเสียตั้งนานนึกว่าจะสามารถทำได้ดีกว่านี้ซะอีก”
“แต่ต้องขอยอมรับเลยนะที่รักว่าคุณทำได้ดีกว่าที่...”

เธอกล่าววาจายั่วยวนต่อคาร์เอล ซึ่งหาได้ผลแต่เป็นการทำให้เขาโมโหเสียยิ่งกว่าเดิม ซึ่งในระหว่างที่เธอกำลังเปล่งประโยคสุดท้าย หล่อนก็ใช้นิ้วกดหน้าผากของคาร์เอลราวกับมองว่าเขาเป็นเด็กต่อเธอ

“ที่..” “ฉัน...” “คิด...” “ซะอีก!”

วาจาที่ถูกเปล่งออกมาเป็นจังหวะพลางมือที่กดลงไปในยามที่พูดคำนั้นๆ มันมีแต่ทำให้คาร์เอลรู้สึกหงุดหงิดเท่านั้น เขาพยายามจะขยับตัวต่อต้านเธอ แต่ร่างกายที่ไม่ยอมขยับได้ตามที่ประสงค์ มันก็ไม่ต่างอะไรเลยกับการที่ชายผู้นี้ถูกมัดแน่นกับเชือกและพยายามจะหลุดออกจากพันธนาการเท่านั้น

เมื่อนั้นเธอจึงยืดตัวยืนตรง ก่อนที่จะเดินถอยฉากออกจากตัวของคาร์เอล ตรงไปยังอาวุธทั้งสองที่วางอยู่บนผืนดินแดนหิมะ เธอหยิบมันขึ้นมา เหน็บปืนเขาไปในกางเกง ก่อนที่จับไม้ตีมือของตนพลางเดินไปหาคาร์เอลที่อยู่เป็นเป้านิ่ง

“เอาละที่รัก... พอดีเค้าละเป็นหญิงสาวที่ช๊อบชอบมองดูศัตรูก่อนที่มันจะตาย”
“ด้วยสายตาอันเคียดแค้นโดยที่ตนมิอาจจะทำอะไรได้”
“เค้าก็เลยคิดอะไรได้อย่างนึง กะจะทำกับตัวเองเป็นกาลเฉพาะเลยละนะ”
“เพราะอะไรน่ะหรอ? ก็เพราะว่าตัวเองคือชายหนุ่มรูปหล่อที่มีความคิดที่ดีที่มีต่อเค้าไงละ!”

ความคิดที่ดีที่มีต่อเธอ มันคงจะหมายถึงความเคียดแค้นของคาร์เอลละกระมัง เพราะนั่นคือสิ่งเดียวเท่านั้นที่ชายผู้นี้รู้สึกต่อเธอ

“งั้นเค้าจะบอกตัวเองนะว่าเค้าจะทำอะไร...”
“เค้า.. จะใช้.... ไม้นี้”
“ตีหัวแกแกให้ขาดสะบั้น!”

  วาจาท้ายบ่งบอกถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง มันคือความเดือดพาล ความโมโห ความพิโรธ มุมมองที่เธอยังไม่เคยได้แสดงมันออกมา มันคงจะเป็นอารมณ์อันดิบเถื่อนที่เธอมีอยู่ภายในจิตใจ ซึ่งนั่นคงจะเป็นเหตุผลที่ทำไมเธอจึงเป็นเหมือนหนึ่งในผู้ที่ไซอาลอทไว้วางใจเป็นพิเศษ เพราะความบ้าคลั่งแบบนั้น มันหาได้มีได้ทั่วไป... แม้นพลังบาปจะขับเคลื่อนให้คนบ้า แต่หากไม่มีจิตใต้สำนึกที่ระยำต่ำทรามจริง มันก็จะไม่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับความบาปอย่างแท้จริง และนั่นคือสิ่งที่เธอนั้นเป็น เมื่อวาจานั้นสิ้นสุดลง ตะบองไม้ของเธอฟาดเข้าที่ใบหน้าของคาร์เอล แรงฟาดนั้นทำให้หน้าของชายผู้นั้นหันไปด้านข้างตามแรง แต่ก็มิอาจจะสะบั้นคอของเหล็กไหลผู้ที่อึดเกินคนได้ในดอกเดียว เช่นนั้นเธอจึงฟาดมันต่อไป! ต่อไป! และต่อไปโดยที่ไม่มีคำว่าหยุด...

โลหิตแห่งชายกล้ากระอักออกมา ใบหน้าที่เต็มไปด้วยบาดแผลแต่สายตาหาได้มีความยอมแพ้ ท่าทาง จิตใจของเขายังคงแรงกล้า มันคือความหวังที่กะจะสังหารเธอให้ตายสิ้น! แต่สิ่งนั้นกลับเป็นการสร้างความบันเทิงให้แก่หญิงบ้านรกแตกผู้นี้เท่านั้น

ไม้มันจึงถูกหวดออกไป!

ฟาดเข้าไป!

กะจะฆ่า!

สะบั้นหัว!

กระอักโลหิต!

เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า!

...

แต่มันก็หยุดลง... เธอหยุดตีศีรษะของชายผู้นั้นพร้อมกับตัวเองที่หายใจออกมาทาง เหนื่อยหืดเพราะการกระทำเมื่อครู่ ไม้จำนวนนับสิบครั้งที่ฟาดใส่หัวของเขาหาได้ทำให้ชายผู้นี้สิ้นใจแต่อย่างใด ซึ่งนั่นก็ทำให้หล่อนค่อนข้างประหลาดใจพอควรว่าเพราะเหตุใดมันจึงเป็นเช่นนั้น ไม้ที่แข็งกล้าราวกับค้อนเทวทูตกลับมิอาจจะสังหารมนุษย์เพียงคนเดียวลงได้อย่างเด็ดขาด!

“ทำไม.... ทำไมแกไม่ตายวะ!” เธอเปล่งวาจาออกมาพร้อมกับความพิโรธด้วยอารมณ์ที่ไม่สามารถคาดเดาได้

“ว๊าาาาา....” คาร์เอลเปล่งเสียงออกมาเป็นการอุทาน “อุตส่าห์ปล่อยให้ตายใจเสียตั้งนาน”
“...นึกว่าจะสามารถทำได้ดีกว่านี้ซะอีก”

  สิ้นเสียงลมปากกลายเป็นการก่อเกิดซึ่งอีกหนึ่งเสียงที่ดังครึด มันเป็นโซ่ที่ไถลไปกับผืนดิน เสียดสีจนเกิดเป็นเสียงดังชวนให้เสียวฟัน หญิงสาวหันกลับไปมองเบื้องหลังซึ่งปรากฏเป็นโซ่ตัวนั้นที่กระโจนเข้าหาตัวเธอ รัดร่างของเธอไว้แน่นราวกับอสรพิษยามจับเหยื่อด้วยร่างกายของตน เขาโยนร่างของเธอขึ้น ร่างของหล่อนหลุดออกจากโซ่รัด ลอยไปตามอากาศ เช่นนั้นแล้วคาร์เอลจึงดึงตะขอโซ่กลับเข้าไปในแขน ยกหัตถ์โลหะสีแดงขึ้นเบื้องหน้า เล็งไปข้างหน้าก่อนที่ข้อนิ้วทั้งห้าจะถูกเปิดออกเป็นรูขนาดใหญ่ เมื่อนั้นแรงลมจึงถูกดีดออก เป็นกระสุนห่าฝนที่ตรงไปข้างหน้านับพัน กระสุนขนาดเล็กคล้ายดั่งเข็มได้พุ่งเข้าหาตัวของลัคนีย์ ชั่วพริบตาก่อนที่กระสุนเหล่านั้นจะเข้าถึงตัวหญิงผู้นั้น เธอได้จับปืนของเธอ เล็งไปยังทิศทางของกระสุนเข็มนั้น ก่อนที่จะลั่นไกปืนของตน กระสุนที่ใหญ่กว่าจากลูกโม่ทรงประหลาดนั้นถูกยิงรัวออกไป แม้นว่าจะยิงครบทั้งหกนัดตามตัวปืนสามารถบรรจุกระสุนได้ก็ตามที แต่หล่อนก็ยังคงยิงมันออกไปต่อโดยที่กระสุนที่ใช้แปรสภาพเป็นปราณแห่งบาปที่จับตัวเป็นก้อน

  กระสุนเพลิงแห่งบาปของลัคนีย์กระทบเข้ากับกระสุนเหล็กแห่งคาร์เอล มันเหมือนเป็นดั่งการต้านพลังปราณเข้าหากัน แต่ในสภาพของศาสตรวุทธในรูปกระสุนเท่านั้น แม้ว่าตัวของลัคนีย์จะอยู่กลางอากาศ ค่อยๆ ร่วงโรยสู่ผืนดิน มันก็หาได้ทำให้คาร์เอลหยุดลั่นไกปืนกลของตน เขาหันมือของไปตามทิศทางที่สาวผู้นั้นไป ร่างของหญิงสาวตัวตลกทาบลงสู่ผืนหญ้าทุ่งหิมะอย่างปลอดภัยโดยที่ตนเองยังไม่ได้รับอันตรายอะไรจากกระสุนห่าฝนแห่งคาร์เอลเลย เธอยกปืนต่อหน้าและยังคงลั่นไกปืนของตัวเองต่อไปพลางกับขาที่วิ่งตรงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว พุ่งตัวเข้าไปหาศัตรูของเธอโดยที่มืออีกข้างกำไม้ตะบองไว้แน่น เมื่อนั้นหล่อนจึงฟาดมันไปเต็มแรงพร้อมกับพลังปราณแห่งบาปที่รวมตัวเป็นมวลแน่นภายในตัวของผิวไม้ แต่มันก็มิสามารถเข้าถึงตัวของคาร์เอลได้ สิ่งที่อาวุธชิ้นนั้นสามารถกระทบได้มีเพียงแค่ดาบเหล็กแห่งคาร์เอลที่เขาได้ยกมันขึ้นมาด้วยมืออีกข้าง ตั้งมันเป็นเป็นแนวราบคล้ายดั่งใช้มันเป็นโล่กำบังภัย ในครั้งนี้คาร์เอลรับรู้ถึงอาวุธของลัคนีย์ว่ามันแกร่งดั่งเช่นค้อน เขาจึงเกร็งแรงทั้งหมดเข้าที่มือที่ถือดาบ รอตั้งรับ ทันใดที่ไม้นั่นกระแทกเข้าใส่กลับกลายเป็นร่างของหญิงสาวที่สั่นไหว กระดูกข้อนิ้วโป้งที่กดไม้ลงแตกหักละเอียดจนไม่สามารถจับตะบองไว้ได้ ซ้ำร่างของเธอยังคงเซออกไป

  แน่นอนว่านั่นคือช่องโหว่อันใหญ่หลวงที่เธอได้สร้างขึ้น กลายเป็นโอกาสให้คาร์เอลได้โจมตีทางกายภาพเข้าอย่างจัง เช่นนั้นแล้วหนุ่มผู้นั้นจึงยกดาบขึ้น ฟาดฟันใส่ร่างของหญิงสาวเข้า พยายามจะเลาะกระดูกเธอออกจากกายหยาบทั้งหมด คมดาบขนาดใหญ่ที่ฟันซ้ายหันขวาโดยที่ลัคนีย์มิอาจจะมองตามทันหรือต้านทานมันไว้ได้ คมดาบถูกฟันออกไปนับไม่ถ้วน แต่มันก็หาได้ทลายร่างของหญิงผู้นั้นจนแหลกเป็นผุยผงเลย ทุกส่วนกายาแห่งลัคนีย์ยังคงประติดประต่อกันครบ ซ้ำร่างของเธอยังค่อยๆ สมานแผลช้า อย่างกับเซลล์ทั้งหมดสามารถสร้างตัวได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งสิ่งนี้มันก็ดูไม่ต่างจากสิ่งที่ไซอาลอทเป็นเลย หรือนั่นเป็นเพราะทั้งสองคือซากศพเดินได้เหมือนกันซึ่งจิตวิญญาณอันแท้จริงคือปราณที่อยู่ภายในตัว ด้วยปราณมหาศาลนั้นสามารถทำให้พวกเขาไม่สามารถถูกฆ่าตายทางกายภาพได้งั้นหรือ? สิ่งที่เกิดขึ้นต่างสร้างความสงสัยให้แก่หนุ่มผู้นั้น แต่เขาก็ยังมิคงหยุดดาบของตน หวังว่าดาบคร่าปีศาจนี้จะสามารถสะบั้นร่างของเธอแยกออกจากกันได้

“โอ้... ไม่เอาน่าที่รัก..” เสียงอันหวานชวนน่าหลงไหลของสตรีลัคนีย์ได้ถูกเปล่งออกมาอีกครั้ง
“ไม่ว่าคุณจะพยายามเท่าไหร่มันก็คงไม่ได้ผลหรอกค่ะ”

  เหมือนกับหล่อนได้เข้าสู่อีกหนึ่งบุคลิกที่ตนเป็น หล่อนกล่าววาจานั้นออกมาอย่างใจเย็น ราวกับไม่รู้สึกเจ็บปวดอันใดกับบาดแผลอันมากมีที่ตนได้รับเลย คำพูดนั้นยิ่งเป็นการทำให้คาร์เอลโมโห จนลืมสติของตนไป เขาให้ความคลั่งครอบงำจิตใจ ปล่อยตัวไปตามอารมณ์และกวัดแกว่งเพลงดาบต่อไปอย่างไม่รู้จบ แต่นั่นกลับกลายเป็นจุดอ่อนของเขา เขาถูกลัคนีย์ปั่นป่วนจิตใจจนลืมตนไปเสียว่าเธอสามารถทำอะไรได้ ทันใดนั้นหญิงสาวผู้นั้นจึงยกมือของตนขึ้น ใช้มือข้างขวารับคมดาบที่เข้ามา มันทำให้การโจมตีของคาร์เอลหยุดชะงักในทันที ชายหนุ่มผมดำพยายามกดดาบลงไปแต่มันก็ไม่ได้ผล เขาไม่สามารถต้านกำลังของลัคนีย์ได้ เพราะเหตุอันใดกันมันถึงเป็นเช่นนั้น ทั้งที่ลัคนีย์น่าจะด้อยกว่าชายผู้นี้ด้านพลกำลัง แต่เธอกลับสามารถเอาชนะคาร์เอลผู้นี้ได้กับเรื่องที่เขาถนัดที่สุด

“คิดว่าเรื่องกำลังข้าจะด้อยกว่าหรอคะที่รัก?” เธอกล่าวต่อ
“หุบปาก..”
“อุ๊ยเสียมารยาทจัง” เธอสวนกลับไป “ทั้งที่ข้าพยายามพูดด้วยดีๆ แล้วแท้”
“แต่ก็นะ... ถ้าท่านอยากให้ข้าหยุดพูดจริงๆ ข้าจะช่วยให้ท่านสมหวังก็ได้”

  เธอดึงดาบแห่งคาร์เอลเข้าหาตัว โยนมันออกไปจากมือของชายผู้นั้นด้วยมือเพียงข้างเดียวราวกับว่ามันคือวัตถุอันแสนจะเบา ดาบคร่ามังกรร่วงลงวางระนาบทับกับทุ่งหิมะ ก่อนที่มันจะถูกลมหิมะซัดจนตัวดาบถูกกลบลงด้วยฝุ่นหนาวเหน็บสีขาวใส ก่อนที่ตัวของหญิงผู้นั้นจะดึงร่างของคาร์เอลเข้ามาอย่างรวดเร็ว ใช้ริมฝีปากของเธอกดเข้าบนริมฝีปากของคาร์เอล เธอชิงจูบชายผู้นั้นอย่างดูดดื่ม ด้วยเวทมนตร์และเสน่ห์ที่ลัคนีย์หว่านล้อมในพลังจูบนั้น มันทำให้ชายผู้นั้นหยุดนิ่งไป เขามิอาจจะต่อต้านอันใดได้แม้ว่าตนเองจะพยายามขนาดไหน เหมือนกับตนถูกมนต์สะกดใจ ร่างกายที่ตรึงเกร็งที่เกิดจากการต่อต้านเริ่มอ่อนแรงลง กล้ามเนื้อแต่ละส่วนเริ่มซูบลงไปช้าๆ ผิวหนังที่เริ่มซีด แห้งกร้านราวกับถูกดูดน้ำออกไปจากร่างกาย มันคือกระบวนท่าของลัคนีย์ที่จะควบคุมจิตใจของชายผู้นั้น ดึงปราณของเขาออกและใส่ปราณแห่งเธอเข้าไป มันจึงไม่ต่างกับว่าเธอกำลังจะสร้างคาร์เอลเป็นหุ่นเชิดข้ารับใช้ตนใหม่

  ไม่นานนักการต่อต้านจึงแปรผัน กลายเป็นการเข้าร่วม ท่าทางของหนุ่มผู้กล้าไร้ซึ่งการขัดขืนอีกต่อไป หากแท้ที่จริงเขากลับเป็นฝ่ายเริ่มตกอยู่ภายใต้ภวังค์แห่งเสน่ห์ เขาตอบรับการดูดดื่มนั้น ริมฝีปากทั้งสองขยับเสียดสีกันไปมา ลิ้นที่สอดเข้าหากัน เช่นนั้นลัคนีย์จึงเป็นฝ่ายถอยฉากออก น้ำลายของทั้งสองยืดออกก่อนที่มันจะหยาดลงผืนดิน ซึ่งเธอค่อนข้างประหลาดใจกับปฏิกริยาของคาร์เอลพอดู

“ข้าเป็นของท่านแล้ว... ลัคนีย์” คาร์เอลกล่าวขึ้นด้วยวาจาที่ดูแข็งราวกับหุ่น ไร้จิตใจ อารมณ์อันใด
“ข้าไม่เคยเจอใครที่แสดงปฏิกริยาการสวามิภักดิ์เช่นนี้มาก่อน”
“ถือว่าเป็นคนแรกเลยละนะที่ผสานเข้ากับพลังแห่งข้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ” เธอกล่าว

วิชาควบคุมจิตใจของหล่อน การขโมยจูบโดยสาวรูปงามถือว่าได้ผลมากกว่าที่หล่อนคาดการณ์เอาไว้ เช่นนั้นแล้วเธอจึงอ้าแขนออก เปิดกว้างเหมือนดั่งพยายามจะรับหุ่นเชิดตนใหม่ของตน คาร์เอลค่อยๆ เดินเข้าไปหาตัวเธอ โอบกอดเธอแน่น ทำให้หญิงสาวผู้นั้นรู้สึกดีใจที่ได้รับความอบอุ่นจากชายหนุ่มรูปงาม ศีรษะของคาร์เอลทาบอกของหญิงสาว คล้ายดั่งบุตรชายที่กำลังโอบกอดผู้เป็นมารดา เธอลูบผมคาร์เอลเบาๆ แสดงถึงความรักใครที่มีให้ โดยปกติแล้วเธอมักจะทำเช่นนี้ตลอดในยามที่สำเร็จกระบวนท่านี้ คงพยายามจะล้างสมองบุคคลที่เธอได้เชิดทั้งหลายให้กลายเป็นเครื่องจักรไร้จิตใจที่รับฟังแต่คำสั่งของสาวงามผู้เป็นนายเท่านั้น
ขึ้นไปข้างบน Go down
https://www.facebook.com/BillAlfenolf
Neferpitou
Moderators
Moderators
Neferpitou


จำนวนข้อความ : 552
Join date : 05/12/2012
Age : 28
ที่อยู่ : The Facility of Banned Organizer

Cataclysm: The Endless Hellfire XLI Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: Cataclysm: The Endless Hellfire XLI   Cataclysm: The Endless Hellfire XLI EmptySun Mar 26, 2017 1:16 am

“ใช่... ข้าผสานเข้ากับเจ้าได้”
“เพราะข้าเข้าใจหลักการใช้งานของกระบวนท่าเจ้าไงละ!”

นักดาบล่าปีศาจตะโกนขึ้นดังสนั่นพร้อมกับท่าทางที่่เปลี่ยนไป เขาดีดตัวถอยออกจากลัคนีย์พร้อมกับท่าทางที่ไม่ต่างจากเมื่อครู่ที่เขาเป็น มันเป็นอาการต่อต้านต่อเธอ อาการของนักสู้ที่หวังจะสังหารปรปักษ์ และที่มือจักรกลของเขาปล่อยโซ่ออกมาแต่ยามใดก็มิอาจจะทราบได้ คงจะเป็นตั้งแต่ในยามที่เขาได้หลอกล่อลัคนีย์ให้ตายใจว่าเธอสามารถควบคุมตัวเขาได้ ไม่นานนักเขาจึงกระชากโซ่นั้นกลับมาหาตัว สิ่งนั้นทำให้หญิงสาวเกิดความสงสัย หันกลับไปมองเบื้องหลังซึ่งเป็นบริเวณที่โซ่นั้น

“ฉึกกกกกกก!”

โซ่นั้นดึงดาบใหญ่แห่งคาร์เอลกลับเข้ามา มันแทงเข้าไปกลางอกของหญิงสาวผู้นั้น ทะลุร่างจนส่วนปลายดาบแหวกออกมาจากแผลขนาดใหญ่ เธอทรุดตัวล้มลงไปหลังจากถูกซัดเข้าด้วยดาบเล่มนั้นเข้าอย่างจัง ดูเหมือนว่ามันได้ทลายหัวใจของหญิงสาวผู้นี้จนแหลกละเอียดไปเสียแล้ว เธอเงยหน้าขึ้นมาคาร์เอลที่ค่อยๆ เดินเข้ามา หัวเราะคิกคักเบาๆ ราวกับไม่กลัวหรือไร้ความเจ็บปวด เสียงนั้นค่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ แต่นั่นหาได้ทำให้คาร์เอลแสดงอาการหงุดหงิดหรืออะไรออกมา

“มันจบแล้ว..” คาร์เอลกล่าว
“จบงั้นหรือคะที่รัก?” เธอกล่าวขึ้นถามเชิงประชด “ตัวเองไม่สามารถฆ่าเค้าได้นะ”
“เค้าคือสิ่งที่ไม่สามารถฆ่าตายได้..”
“ก็ไม่ได้กะจะฆ่านิ”

เมื่อนั้นคาร์เอลจึงปลดโซ่ออกมามือกลของตน นำโซ่เหล่านั้นรัดเข้าร่างของคู่ต่อสู้ของเธอที่ไม่สามารถขยับร่างกายได้

“อย่างนี้นี่เอง... คิดจะจับข้าละสิที่รัก”
“หรือว่าตัวเองจะหลงรักเค้าจนต้องจับเป็นของตัวเองงั้นหรือ?”

“ปั๊กกกกกก!” หมัดเหล็กพุ่งตรงเข้ากระแทกใส่ใบหน้าของหญิงสาวผู้นั้น เธอหมดสติไปทันทีหลังจากที่คาร์เอลออกหมัดต่อยเข้าไป ดูเหมือนนั่นจะเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เธอสามารถหุบปากได้ตามที่เขาต้องการ

ไม่นานนักขาทั้งสองของเขาก็มิอาจจะค้ำจุนร่างเอาไว้ได้ เขาทรุดตัวลงไป นอนแผ่ราบลงไปบนผืนหิมะเช่นเดียวกับลัคนีย์ ท่ามกลางสายลมอันหนาวเหน็บ เขาไม่อาจจะขยับร่างกายได้อีก ปราณของเขาแทบจะไม่เหลือที่จะพยุงร่างของตนขึ้นมา ทันใดที่ชายหนุ่มผมทองเห็นเช่นนั้น เขาจึงรีบรุดตัวกระโดดลงจากปราสาท วิ่งตรงเข้าไปหาคาร์เอลที่สลบไสล เขาไปถึงตัวของชายผู้นั้น ก้มลงดูอาการของเขา ชีพจรเต้นช้าผิดปกติ มันบ่งบอกว่าไม่ใช่เรื่องดี อาจจะเป็นเพราะชายหนุ่มผู้นี้ได้รับปราณแห่งความตายเข้ามาในร่างยามที่เขาถูกชิงจูบโดยหญิงสาวตัวตลก หรืออาจจะเป็นเพราะอย่างอื่นที่ไม่สามารถคาดเดาได้ในสถานการณ์แบบนี้

“ชีพจรเจ้าแผ่วเบาคาร์เอล...” เนลเรี่ยนกล่าวขึ้นเบาๆ “แข็งใจไว้คาร์เอล... อย่าเพิ่งสลบเด็ดขาด...”

คำพูดนั้นหาได้เข้าถึงตัวของชายผู้นั้น เขาแทบจะไม่มีสติเหลือพอที่จะได้ยินวาจานั้นแล้ว

“อดทนไว้อีกนิดเดียว... ข้าจะพาเจ้าไปยังที่ปลอดภัย”

เช่นนั้นแล้วหนุ่มเนลเรี่ยนจึงยกร่างของคาร์เอลขึ้นจากทุ่งหิมะ เขาหย่อนมืออีกข้างลงไปกับพื้น มือข้างนั้นปล่อยพลังปราณออกมาจำนวนหนึ่งซึ่งไหลรินลงไปยังผืนดิน มันก่อเกิดเป็นร่างของชายหนุ่มผมทองผุดขึ้นมาอีกคนหนึ่ง ดูเหมือนนั่นจะเป็นกระบวนท่าร่างแยกของเขา ร่างนั้นเป็นดั่งน้ำแข็งผลึกใสในรูปร่างมนุษย์ มันยกร่างของลัคนีย์ขึ้น ก่อนที่พวกเขาจะมุ่งตรงไปยังปราสาทแห่งอาร์ชเดล...
.
.
.
.
.






และในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง...

“อืม... ลัคนีย์พลาดท่างั้นหรือ?” เสียงของราธผู้ทรยศกล่าวในระหว่างที่กำลังต่อสู้กับชารอนอยู่
“ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่อย่างที่ท่านคาดการณ์ไว้นะคะ” หญิงสาวแวมไพร์กล่าวพลางหวดแส้ของตนไปเบื้องหน้า

ทั้งสองอยู่ยังคงต่อสู้กันอยู่โดยที่หาได้มีแผลฉกรรจ์อันใดเหมือนดั่งการต่อสู้ของคาร์เอลและลัคนีย์ คงจะเป็นเพราะทั้งสองนั้นมีปราณอันแกร่งกล้าที่สามารถป้องกันตัวจากภัยอันตรายได้ บัดนี้หญิงสาวแวมไพร์เป็นฝ่ายออกแรงโจมตีราธผู้นั้น โดยที่ชายผู้เป็นศัตรูของเธอพยายามถอยห่างตัวหล่อนอยู่ตลอดเหมือนดั่งตัวเองไม่มีกระจิตกระใจอยากจะสู้เลย ไม่ทันไรเขาก็หายตัวไป โผล่ขึ้นอยู่เหนือเนินเขาที่อยู่ไม่ค่อยสูงจากตัวของชารอนนัก แต่ระยะของมันก็ดูไกลเล็กน้อย กระนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากที่ชารอนจะพุ่งตัวไปหาชายผู้นั้นได้

“ท่านคิดจะไปแห่งหนใดกัน?!” ชารอนกล่าวตะคอกถาม
“ข้าจะไปไหน?” เขากล่าว “อืม... นั่นสิ!”
“ที่ข้ามาที่นี่นั้นเพราะว่าได้รับคำสั่งจากไซอาลอทเพื่อที่จะตามลัคนีย์มาเพื่อชิงตัวหนุ่มผู้มีปราณซินโดร่าเท่านั้น”
“แต่นายท่านไม่เคยบอกนิว่าข้าจำเป็นที่จะต้องเป็นคนพาตัวเขาไป..”
“อีกอย่าง... ข้ามาที่นี่เพื่อเช็คดูว่าลัคนีย์เหมาะสมที่จะร่วมอุดมการณ์ของเราไหมก็เท่านั้น”
“ซึ่งดูจากท่าทาง... เธอแพ้มนุษย์ธรรมดาแบบหมดรูปอย่างงี้”
“มันก็ไม่มีความจำเป็นที่ข้าจะต้องอยู่สู้กับเจ้าต่อไป”

“ท่านหาได้มีความกระหายที่จะต่อสู้... ตั้งแต่แรกอยู่แล้วงั้นรึ?” ชารอนกล่าวถาม

“แน่นอน... ข้าไม่เคยอยากที่จะมาต่อสู้เปลืองกำลัง”
“ยิ่งคู่ต่อสู้ของข้าเป็นยัยคลั่งบ้าพลังแบบเธอเนี่ย ยิ่งทำให้ข้าไม่อยากสู้ด้วยไปใหญ่”
“แต่อย่าเข้าใจผิดละ... ข้าไม่เคยกลัวเจ้า! ไม่เลย..”
“เจ้าอาจจะชนะข้าได้ครั้งนึงก็จริง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายถึงว่าครั้งนี้เจ้าจะสามารถโค่นข้าลงได้”
“ที่สำคัญ... ยังไงข้าก็รับรู้อยู่แล้วว่าผู้ใช้พลังแห่งซินโดร่าอยู่แห่งหนใด ก็ถือว่าภารกิจของข้าที่ได้รับมอบหมายมาลุล่วงละนะ!”

เช่นนั้นแล้วชารอนจึงรุดตัวขึ้นไปบนเนินเขานั้น แต่เบื้องบนของเธอกลับมีมิติที่ถูกสร้างขึ้นมา หล่อนเข้าไปภายในตัวมิตินั้น ก่อนที่จะถูกส่งกลับไปยังผืนดิน ร่วงลงกระแทกผืนหิมะด้วยความงุนงง

“ท่าทางเจ้าจะอยากสู้..” ราธกล่าว “งั้นข้าก็จะมอบมันให้เจ้า”
“แต่คนที่จะสู้กับเธอ.. มันไม่ใช่ข้าหรอกนะ!”

เมื่อนั้นที่เบื้องหน้าของชารอนได้เกิดการบิดเบือนของมิติ สร้างขึ้นมากลายเป็นประตูมิติที่ใหญ่พอสำหรับคนหนึ่งคนที่จะสามารถเข้าไปในนั้นโดยง่าย เมื่อนั้นจึงมีชายผู้หนึ่งเดินออกมา เขาเป็นชายสวมชุดสีทมิฬทั้งตัว พร้อมกับอาวุธเคียวแห่งจันทราที่ยาวเกือบเท่าตัวของผู้ใช้ สายตาของชายผู้นั้นดูเหมือนคนไร้จิตใจ เป็นดั่งเครื่องจักรสังหารที่ถูกล้างสมองมาช้านาน

“เชิญพบกับ... ผู้สังหารแห่งราชันย์! ผู้ฆ่าโครนอสแห่งรูเทอร์ฟอร์ด!”
“บุตรแห่งจันทรา! บุตรแห่งชายผู้ที่ตนสังหารด้วยน้ำมือ...”
“เครื่องจักรสังหารแห่งข้า!”
.
.




“ยูเรนัส!”
ขึ้นไปข้างบน Go down
https://www.facebook.com/BillAlfenolf
 
Cataclysm: The Endless Hellfire XLI
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1
 Similar topics
-
» Cataclysm: The Endless Hellfire IX
» Cataclysm: The Endless Hellfire XXV
» Cataclysm: The Endless Hellfire X
» Cataclysm: The Endless Hellfire XI
» Cataclysm: The Endless Hellfire XII

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: