Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Cataclysm: The Endless Hellfire XLVII

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
Neferpitou
Moderators
Moderators
Neferpitou


จำนวนข้อความ : 552
Join date : 05/12/2012
Age : 28
ที่อยู่ : The Facility of Banned Organizer

Cataclysm: The Endless Hellfire XLVII Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Cataclysm: The Endless Hellfire XLVII   Cataclysm: The Endless Hellfire XLVII EmptySat May 20, 2017 8:58 pm

Cataclysm: Endless Hellfire
Act XLVII

------------

  เสียงกล่าวเอ่ยนามถึงหญิงสาวร่างเล็กผมสีน้ำตาลที่อยู่เบื้องหน้าถูกเปล่งออกมาจากปากของพวกเขา เพียงแต่ทั้งสองปรปักษ์ต่างเรียกนามของหล่อนเป็นคนละอย่างกัน ถึงแม้นว่าจะเอ่ยชื่อคนละชื่อก็ตามที แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้นักสู้เหล่านั้นสลัดความสงสัยที่มีอยู่ได้เลยถึงการปรากฏตัวของเธอ ที่น่าแปลกใจเสียมากกว่าคงจะเป็นฝ่ายของสหายของหญิงสาวผู้นี้ อาการบาดเจ็บเจียนตายเช่นนั้นจนกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราแต่กลับลุกขึ้นยืนได้ดั่งว่าตนเองหาได้เป็นอะไรเลย ซ้ำทั้งลูเซียสและอัลทานิสสามารถสัมผัสพลังภายในกายของหล่อน มันเป็นพลังที่แตกต่างออกไปจนเกินความเป็นมนุษย์ไปแล้ว พลังอันแกร่งกล้าในระดับที่ทัดเทียมกับอัลทานิสได้สบายๆ กระนั้นเองมันก็หาใช่พลังที่ใช้ในการทำลายล้างแต่เป็นพลังที่สื่อถึงความมีชีวิต พลังธรรมชาติ ราวกับมันได้มาจากผืนป่าดินแดงแห่งเทวาเอง แต่นั่นไม่ใช่ข้อสงสัยทั้งหมดที่ลูเซียสมีต่อเธอผู้นี้ อีกคำถามที่คาใจของเขาคือเพราะเหตุใดเธอจึงเลือกที่จะออกมาเผชิญหน้ากับเพลิงแห่งความตายในสถานการณ์แบบนี้ สำหรับตัวของมาเดียร่าแล้วเธอแทบจะไม่รู้ถึงเรื่องราวอันใดเลย นั่นเพราะไม่เคยมีใครบอกกล่าวต่อตัวเองแม้กระทั่งลูเซียสก็ไม่ที่จะปริปากบอกต่อเธอไป

  สีหน้าที่แสดงถึงความตกใจยังปรากฏออกมาบนใบหน้าของเพลิงพิโรธเช่นกัน ท่าทางของเขาดูตื่นตกใจเสียยิ่งกว่าที่อัลทานิสและลูเซียสเป็นเสียอีก ราวกับว่าเขาได้เห็นผีฟื้นขึ้นมาประจักษ์เบื้องหน้ายังไงยังงั้น ท่าทางที่ดูตกใจและลดมือลงหยุดใช้พลังปราณสังหาร ราวกับยั้งมือตัวเองไม่พยายามที่จะทำร้ายเด็กหญิงยืนขวางเขา มารเพลิงหาได้มีท่าทีที่ดูเป็นภัยต่อมาเดียร่าเลยสักนิด เขายืนนิ่ง แข็งทื่อราวกับถูกสาปให้กลายเป็นหินเพราะความตกตะลึง ไซอาลอทค่อยๆ ถอยฉากออกไปทีละก้าวช้าๆ พลางสลัดหัวและพร่ำบ่นอะไรสักอย่าง คล้ายดั่งจะไม่พยายามคล้อยตามกับสิ่งที่ตนประสบพบเจอ ณ ตอนนี้ แต่ยิ่งมารเพลิงทำเช่นนั้นเท่าไหร่ มันยิ่งกลับกลายเป็นว่าความคิดที่จะเชื่อถึงสิ่งนั้นยิ่งมีเพิ่มพูลขึ้น มากขึ้นและมากขึ้นเท่านั้น ดวงตาที่แดงฉานจากเพลิงแห่งความโกรธแห่งไซอาลอทเริ่มเปลี่ยนสี จางหายจนหมดสิ้นซึ่งแสงสว่าง เหลือเพียงแค่เนตรคู่นัยน์ตาสีฟ้าแลดูสวยงามดั่งมหาสมุทร มันเป็นดวงตาของมนุษย์หาใช่มารที่กำลังจดจ้องหญิงสาวผมสีน้ำตาลอยู่

  แต่สิ่งที่มารเพลิงเห็นนั้นแตกต่างออกไปจากลูเซียสและอัลทานิส เขามองเห็นอะไรอย่างอื่น อะไรที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง... มันเป็นร่างของสิ่งมีชีวิตโครงสร้างมนุษย์ ผิวพรรณสีม่วงอ่อนแลดูสวยงามอยู่ในชุดเสื้อผ้าสีขาวสะอาด ผมสีเขียวเข้มยาวสลวยที่สื่อถึงใบไม้ธรรมชาติแห่งโลกาเป็นร่มเงา ดวงตาของเธอเปล่งเป็นสีฟ้าอ่อนแสดงถึงออร่าอันล้นฟ้าเหนือกว่าผู้กล้าอื่นใด หากแต่ว่าร่างของหล่อนหาได้เป็นร่างอันแท้จริง แต่ดูคล้ายเป็นแก่นสารพลังปราณระดับสูงที่รวบรวมจนเป็นหนึ่ง สร้างร่างอวตารดั่งเทพารักษ์ เธอยืนต่อหน้าไซอาลอทด้วยสีหน้าที่ไร้ความกลัวต่อเพลิงแห่งความตาย มันเป็นสีหน้าที่น้อยคนนักจะกล้ากระทำต่อตัวของเทพอัคคีผู้นี้ และสีหน้าที่ตอบรับโดยไซอาลอทนั้นก็ไร้ซึ่งความอาฆาตแค้น ความโกรธ หรือความชิงชังแต่น้อย เมื่อนั้นร่างของหญิงสาวผู้นั้นจึงย่างกรายเข้าไปหามารเพลิงโดยที่ไซอาลอทหาได้กระทำกาลอันใดเป็นการตอบโต้เลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นสิ่งที่เพลิงพิโรธเท่านั้นที่มองเห็นและสัมผัสได้ สำหรับผู้อื่นที่อยู่ในเหตุการณ์ ไม่ว่าจะลูเซียส อัลทานิสและราธเองเห็นเพียงแค่ร่างของมาเดียร่าที่ยืนต่อหน้าเทพอัคคีเท่านั้น

“ไซอาลอท...” เสียงของหญิงสาวกล่าวเรียกมารเพลิงเปล่งออกมาจากลมปาก

  มันเป็นน้ำเสียงที่ดูนุ่มนวล อ่อนหวานชวนฟังที่ทำให้แม้กระทั่งมารร้ายตนนี้ลุ่มหลงในเสน่ห์ ระหว่างนั้นเองเธอยกมือข้างขวาของตนขึ้นลูบใบหน้าไร้ชีวิตอันร้อนระอุของไซอาลอท ถึงแม้มันจะเป็นเพียงแค่ออร่าที่จับตัวเป็นรูปร่าง แต่ไซอาลอทกลับหาได้รู้สึกเช่นนั้นเลย เขารู้สึกราวกับว่าได้มีมือสตรีอันนุ่มนวลสัมผัสบนใบหน้าของเขา ถึงแม้หญิงสาวผู้นั้นจะกระทำต่อเขาเช่นนั้น มารเพลิงก็ยังไม่ตอบโต้เลยสักนิดเดียว ไม่นานนักเธอจึงดึงมือของตนกลับเข้าหาตัว แต่เพียงชั่วพริบตานั้นเองไซอาลอทจึงขยับกายาของตนโดยเร็วพลัน จับมือข้างนั้นของเธอเอาไว้ก่อนที่จะค่อยๆ ดึงมือข้างนั้นของเธอกลับมา ประทับมันลงบนใบหน้าเพลิงอัคคี เขากดมือข้างนั้นเอาไว้แน่นราวกับไม่ยอมที่จะปล่อยมันกลับไป มันเป็นความรู้สึกของเขาที่อยากจะให้หญิงผู้นี้สัมผัสเขาตลอดไป ไม่นานนักไซอาลอทจึงใช้มืออีกข้างของเขาสัมผัสใบหน้าร่างอวาตารนั้น เธอผู้นั้นก็หาได้มีทีท่าที่จะรังเกียจจงชังมารผู้นี้เหมือนกับคนอื่น

“วีเลียร่า...” น้ำเสียงที่หาได้มีความเกลียดชัง ความกลัวเปล่งออกมาจากตัวของมารเพลิงผู้นั้น มันเป็นวาจาที่หาได้เป็นดั่งปีศาจออกคำกล่าว หากแต่เป็นมนุษย์ธรรมดาคนนหนึ่งกำลังพูดคุยต่อเธอ

และสิ่งที่วิเลียร่าผู้นี้เห็นหาใช่ร่างของศพเดินได้ที่เป็นที่สิงสถิตของมารเพลิง มันหาได้เป็นศพอันเน่าเปื่อยของเทพแห่งวารีวาชิน หากแต่เป็นร่างอันแท้จริงของไซอาลอทเอง... ร่างแห่งอัลทานิส มันคือร่างที่มารเพลิงเคยเป็นเมื่อกาลก่อน

“ข้า...” มารเพลิงค่อยๆ พูดกล่าววาจาของตน มันดูสั่นแต่เต็มไปด้วยความปลาบปลื้ม
“.. ข้าไม่เคยคิดเลยว่าข้าจะได้พบเจ้าอีก...”

  มันเป็นวาจาที่รู้สึกแปลกไปในทันทีที่มันออกมาจากปากของมารเพลิง วาจาที่เต็มไปด้วยความหวัง ความเชื่อที่จะได้พบเจอกับสิ่งที่ตนเองรักมาตลอด ทั้งที่ได้ตั้งตนเองเป็นความสิ้นหวังแห่งโลกา แต่แม้แต่ความตายเองก็มิอาจจะปิดกั้นหัวใจที่ตนมีต่อเธอผู้นี้ได้ หากลองมองในแง่นึงแล้ว ไซอาลอทผู้ซึ่งเป็นตัวแทนแห่งความตายและวิเลียร่า ตัวแทนแห่งชีวิต มันคือสิ่งที่ต้องอยู่คู่ขนานกันตลอดเวลา มันคือสิ่งที่จำเป็นต้องอยู่ร่วมกัน จึงไม่สามารถปฏิเสธได้ที่ไซอาลอทจะรู้สึกแบบนั้น ดวงตามนุษย์ของมารเพลิงผู้นั้นเริ่มไหลรินออกมาซึ่งน้ำตา หยาดลงจากนัยน์ตา ไหลลงไปตามผืนใบหน้าของมารร้ายตนนั้น เขาดึงมือที่ใช้จับมือของวิเลียร่าไปที่ดวงตาคู่นั้น ก่อนที่จะใช้มือข้างนั้นเช็ดน้ำตาราวกับไม่พยายามที่จะให้หญิงผู้นี้เห็นด้านอ่อนแอหนึ่งเดียวที่เขาคืออยู่ ซึ่งนั่นก็คือความรักที่เขามีให้แก่เธอ แต่ทั้งหมดนั้นต่างเกิดขึ้นภายในจิตใจของมารเพลิงเท่านั้น ภายนอกยังคงปรากฏเป็นไซอาลอทที่ยืนนิ่งเฉยโดยที่ไม่มีปฏิกริยาอันใดอยู่

  ทั้งลูเซียสและอัลทานิสค่อยๆ ลุกขึ้นมาด้วยขาทั้งสอง ค้ำจุนด้วยแรงทั้งหมดที่มีเหลืออยู่ พวกเขาค่อยๆ เดินไปหาหญิงสาวมาเดียร่าผมสีน้ำตาลที่ซึ่งยืนนิ่งเหมือนกับไซอาลอท คงจะเป็นเพราะส่วนจิตแห่งพลังชีวิตนั้นอยู่ในมิติเดียวกันกับมารเพลิง ณ เวลานี้ กระนั้นเองสหายทั้งสองก็หาได้รู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย เมื่อเป็นเช่นนั้น มันจึงน่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับนักสู้สองคนนี้ที่จะจู่โจมไซอาลอท หากแต่ว่าพวกเขามิอาจจะเอาชนะผู้สร้างแห่งตนได้ แต่สายตาก็ยังจดจ้องไปที่มารเพลิงด้วยความสงสัยว่าเพราะเหตุใดไซอาลอทจึงไม่ตอบโต้อะไรกลับตั้งแต่เมื่อหญิงสาวมาเดียร่าปรากฏ อัลทานิสหยิบดาบทั้งสองเล่มของตนขึ้น เผื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันจะได้ตั้งรับได้ทัน เช่นเดียวกับลูเซียสที่เตรียมตัวจะใช้พลังของตนเองอีกครั้ง ทั้งคู่ยังคงอยู่เบื้องหลังของมาเดียร่าอยู่ตามเคย ก่อนที่ลูเซียสจะรีบรุดตัวดูท่าทางของมาเดียร่าจากเบื้องหน้า แต่ด้วยความรู้สึกอะไรสักอย่าง มันทำให้เขาหยุดที่จะทำเช่นนั้น

“พลังแบบนี้... มันอะไรกัน?” เด็กหนุ่มสวมแว่นกล่าวขึ้นมา หันไปมองอัลทานิสด้วยควมสงสัย
“เจ้าจำได้ไหมที่ข้าเคยบอกถึงพลังที่อยู่ในตัวของมาเดียร่าน่ะ?” อัลทานิสถามกลับ
“พอจำได้ครับ มันมีอะไรเกี่ยวโยงกันงั้นหรือ?”
“เศษส่วนพลังแห่งชีวิตสถิตในกายาของเธอ พลังแห่งวิเลียร่า ไบร์ทวินด์ ผู้พิทักษ์แห่งลม เธอเป็นเหมือนกับฉัน”
“หมายความว่ายังไงหรือครับ?” ลูเซียสถามด้วยความสงสัย

“ดูเหมือนข้าจะพอเข้าใจแล้ว” จู่ๆ อัลทานิสก็แทรกขึ้นมา

“ที่หญิงสาวผู้นี้ลุกขึ้นมาในช่วงเวลาเช่นนี้นั้น เธอหาได้ลุกขึ้นมาด้วยนามของมาเดียร่า”
“แต่พลังในกายเธอปลุกให้เธอตื่นขึ้นมา เศษเสี้ยวพลังที่วิเลียร่าเคยแบ่งออกมาเพื่อปกปักษ์รักษาโลกนี้ทำให้ร่างทรงตื่นขึ้น”
“เพื่อที่จะเผชิญหน้ากับมารเพลิง”
“เพื่อกาลใดหรือครับ?” ลูเซึยสถามต่อ
“ข้าไม่รู้... แต่พลังที่เจ้ารู้สึกเมื่อครู่นี้ มันเหมือนจะเป็นม่านพลังที่ถูกสร้างขึ้นโดนพลังชีวิตของมาเดียร่า”
“เดาว่าเพื่อที่จะปกป้องเราจากมารเพลิง แต่น่าแปลกที่ว่าทำไมในตอนนี้ไซอาลอทกลับนิ่งเฉยไปเสียทั้งอย่างนั้น พร้อมกับท่าทางที่แสดงออกมาครั้นที่มาเดียร่าปรากฏ”
“มันแปลกๆ...”

“เราทั้งคู่คงทำอะไรไม่ได้ในตอนนี้.. คงต้องปล่อยให้มาเดียร่าจัดการกับมารเพลิง”

  คำกล่าวเช่นนั้นทำให้ลูเซียสไม่ค่อยพอใจเสียเท่าไหร่ แต่มันก็ถูกของอัลทานิส พวกเขามิอาจะทำอะไรไซอาลอทได้เลยแม้แต่น้อยต่อให้จะใช้พลังทั้งหมดที่มี จากเมื่อครู่ที่ทั้งคู่งัดเอาไม้ตายของตนเองมาใช้เพื่อที่จะลบล้างเพลิงแห่งความตายออกจากโพรโตเนี่ยนมันก็ไม่ได้ผล นั่นเพราะไซอาลอทคือผู้สร้างทั้งสอง ไซอาลอทรู้ซึ้งถึงทุกอย่างที่ทั้งคู่ได้เตรียมการและจะใช้งานต่อมารเพลิงผู้นั้น เขาจึงสามารถต้านทานทุกการโจมตีของทั้งสองได้ แต่ในกรณีของมาเดียร่านั้นต่างออกไป ถ้าหากจุดประสงค์ของเธอนั้นถูกตื่นขึ้นมาเพื่อที่จะจัดการอันใดสักอย่างกับไซอาลอทเอง มันก็พอมีความเป็นไปได้ที่เธอจะสามารถเปลี่ยนสถานการณ์ในตอนนี้ได้ ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง ถ้าเธอคือส่วนหนึ่งแห่งพลังผู้พิทักษ์จริงอย่างที่อัลทานิสได้กล่าวออกมา นั่นก็เท่ากับว่าเธอนั้นแข็งแกร่งในระดับที่ทัดเทียมกับผู้รู้จักรวาล นักดาบเพลิงผู้นี้เสียด้วยซ้ำ คงต้องปล่อยให้พลังแห่งมาเดียร่าจัดการ

ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง ภายในมิติแห่งผู้พิทักษ์ฺ สถานที่ซึ่งไซอาลอทและเทพแห่งวายุวิเลียร่าสถิตอยู่ บัดนี้มารเพลิงดึงมือที่สัมผัสบนใบหน้าของร่างอวตารออร่าแห่งวิเลียร่ากลับคืนหาตัว ยืนนิ่งโดยไร้วาจาจะบอกกล่าว ราวกับว่าให้เพียงความรู้สึกเท่านั้นสื่อเป็นการสื่อสาร อารมณ์ต่อวิเลียร่า

“นานมากแล้วนะ... ที่เราทั้งคู่ไม่ได้พบกันต่อหน้าเช่นนี้” วีเลียร่ากล่าวต่อไซอาลอท
“ใช่...” เขากล่าวตอบ “ข้าคิดถึงเจ้ามากเลยนะรู้ไหม?”

หญิงสาวผู้นั้นยิ้มตอบรับวาจานั้น ไม่ตอบอะไรกลับแต่อย่างใด บัดนี้มันตกอยู่ในความเงียบงัน ดูแปลกพิลึก คงจะเป็นเพราะสองคนนี้ไม่รู้ที่จะกล่าววาจาอะไรออกไปหลังจากที่ไม่ได้พบเจอกันมานับกว่าทศวรรษ ซ้ำไซอาลอทก็ยังดูเขินอายเสียด้วยซ้ำ

“ไซอาลอท...” จู่ๆ วิเลียร่าก็กล่าวขึ้นมาเอ่ยนามของเขา “สิ่งที่เจ้ากำลังทำลงไปน่ะ..”
“เจ้าแน่ใจแล้วงั้นหรือว่ามันคือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว?”

มารเพลิงเงียบไปในทันทีที่คำถามนั้นถูกกล่าวออกมา

“ข้าเข้าใจถึงความรู้สึกของเจ้านะ” เธอกล่าวขึ้นมาต่อ “แต่เจ้าจะให้ความพิโรธและเคียดแค้นนำพาซึ่งการตัดสินใจที่ผิดไม่ได้หรอกนะ”
“ข้ารู้...” มารเพลิงกล่าวตอบกลับ “แต่ข้าเดินมาไกลเกินกว่าที่จะถอยกลับแล้ว..”
“แล้วเจ้าทำมันไปเพื่ออะไรงั้นหรือ?” วีเลียร่ากล่าวถามกลับอย่างสุขุม
“เพื่อเจ้าไง...” ไซอาลอทตอบ “เจ้าลองมองดูรอบตัวสิวิเลียร่า...”
“เราเคยทำทุกอย่างเพื่อที่จะปกป้องมนุษย์เหล่านั้น ปกป้องพวกมันและสิ่งที่มันตอบแทนเราคือการที่มันปล่อย...”

เขายังไม่ทันได้กล่าววาจาจนจบ แต่ก็เงียบไปในทันที สีหน้าที่แสดงออกมามันบ่งบอกว่าตัวเขาไม่อยากที่จะเอ่ยมันออกมาจากปากของตนเองเลยแม้แต่น้อย ไซอาลอทกัดฟันด้วยความทรมาณภายในใจที่จะพูดคำๆ นั้น แต่มันก็จำเป็นที่จะต้องเอ่ยมันออกไป

“...ปล่อยให้เจ้าตาย”

“มันไม่สำคัญนิไซอาลอท” เธอกล่าวขึ้น “ข้าตายในหน้าที่... นั่นคือสิ่งที่เราควรจะภูมิใจที่สุดแล้วมิใช่หรือ?”
“หน้าที่ของเราทั้งหมดคือผู้พิทักษ์ และบัดนี้ข้าก็ได้หลุดพ้นจากมันแล้ว”
“และตัวเจ้าเอง... ก็ควรจะหลุดพ้นจากมันนะ”

“เจ้าจะบอกให้ข้าตามเจ้าไปยังงั้นหรือ?” ไซอาลอทกล่าว
“ที่ข้ากำลังจะบอกเจ้าคือหน้าที่ของสองเรา... หน้าที่แห่งผู้พิทักษฺ์มันได้หมดลงไปแต่เนิ่นนานแล้ว”
“บัดนี้เจ้าก็ควรที่จะปล่อยตัว ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างคุ้มค่าเสีย...”

  เธอพยายามที่จะโน้นน้าวไซอาลอท ให้หยุดความคิดที่มารเพลิงประสงค์ต้องการ ความปรารถนาที่จะทำลายดวงดาวโพรโตเนี่ยนด้วยความเคียดแค้น ทันใดที่วาจาเหล่านั้นพูดจนจบแล้วมิติแห่งนั้นก็ตกอยู่ในความเงียบงันอีกครั้ง ไซอาลอทไม่ยอมที่จะกระทั่งสบตาวิเลียร่าเลยราวกับว่าตนเองไม่สามารถที่จะพูดกล่าวอันใดคล้อยตามเธอได้ ใจหนึ่งที่ประสงค์จะทำทุกอย่างเพื่อเธอ แต่อีกใจที่มีแต่ความโกรธแค้นก็มิอาจจะล้มล้างมันออกไปได้ บัดนี้เขาอยู่ในไกลเกินกว่าที่จะสามารถถอยกลับไปง่ายๆ แล้ว เขามิอาจจะใช้ชีวิตอย่างปกติสุขด้วยสภาพที่เป็นมารร้ายเช่นนี้ เขาไม่สามารถอยู่ได้เมื่อทั้งโลกต่างเกลียดในตัวเขา และที่สำคัญ... เขาไม่อาจจะอยู่ได้โดยไม่มีเธอผู้นี้ อวตารแห่งวิเลียร่ารุดตัวเข้าใกล้มารเพลิงอวตารร่างแห่งอัลทานิส กุมมือทั้งสองข้างของชายผู้นั้นเอาไว้ เธอมองดูมือทั้งสองข้างนั้น สัมผัสที่หล่อนสามารถรู้สึกได้จากเพลิงอัคคีดูอบอุ่นไม่นานนักดวงตาทั้งสองจึงจดจ้องเข้าไปนัยต์ตาแห่งไซอาลอท มองดูราวกับว่าเป็นการรอคำตอบจากชายผู้นั้น

  และในที่สุดเพลิงพิโรธจึงยอมที่จะยอมเข้าไปในดวงตาของเธอ ดวงตาแห่งชีวิตที่มีแต่เขาเท่านั้นที่จะสามารถรู้สึกถึงมันได้ ร่างอวตารชีวิตยิ้มให้แก่เขา มันเป็นรอยยิ้มหวานที่ดูน่าหลงไหล แต่ตัวของไซอาลอทกลับหาได้ยิ้มตอบกลับแก่เธอ กลับกันสีหน้าของเขากลับดูเศร้า เมื่อสีหน้านั้นถูกแสดงออกมาให้วีเลียร่าได้เห็น รอยยิ้มนั้นจึงเริ่มจางหายไป เธอเริ่มที่จะเกิดความสงสัยและมีใบหน้าที่เศร้าหมองไปไม่ต่างจากไซอาลอท เมื่อนั้นเธอจึงก้มลงดูที่มือทั้งสองที่หล่อนกุมมือคู่นั้นของมารเพลิงไว้ เธอรู้สึกถึงแรงจับ แรงบีบจากมือทั้งสองของชายผู้นี้ มันบีบรัดแน่นราวกับเขากำลังรู้สึกทรมาณ น้ำตาที่หยาดลงใส่มือทั้งสองของวิเลียร่าจนทำให้เธอรู้สึกเย็นเฉียบ มันไม่เหมือนกับน้ำเดือดร้อนระอุที่ควรจะออกมาจากไซอาลอทเลยแม้แต่น้อย

“ขอโทษด้วยนะวิเลียร่า...” ไซอาลอทกล่าวออกมาด้วยเสียงสั่น “แต่ข้ามิอาจจะทำได้”
“ข้าไม่อาจที่จะทำตามที่เจ้าร้องขอได้” เขากล่าวทั้งน้ำตา
“ข้าไม่อาจที่จะหยุดลงได้แล้ว...”

  ระหว่างที่เขากำลังเปล่งวาจาด้วยความเศร้าอยู่นั้น ร่างกายของไซอาลอทภายในมิติก็เริ่มแผดเผา เปล่งออร่ามหาศาลออกมา กายาอันแสนสวยงามที่เป็นร่างเมื่อกาลก่อนของเขาเริ่มแปรสภาพ ผิวหนังที่ดูนุ่มละมุนเริ่มแข็งกร้าน ผิวพรรณเริ่มแตกเป็นรอย ดั่งว่าร่างของเขากำลังไหม้ให้กลายเป็นอะไรอย่างอื่น สีผิวขาวอันสดใสดั่งสุริยันกลายเป็นผิวซีดเผือกที่มีรอยแตกเพลิงลาวาเต็มไปหมดทั้งตัว ดวงตาผุดออกมาซึ่งเพลิงพิโรธ มันกลับกลายเป็นร่างปัจจุบันแห่งอัคคีที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าของวิเลียร่า เธอแลดูตกใจน่าดูกับสิ่งที่ปรากฏอยู่ แต่มันไร้ซึ่งความกลัวที่มีต่อไซอาลอทผู้นี้ กลับกันเธอกลับรู้สึกถึงอะไรอย่างอื่น ความเจ็บปวด... ความสงสารและไร้ซึ่งความหวังที่อยู่ภายในใจของไซอาลอท ความรู้สึกที่มารเพลิงผู้นี้ไม่เคยแสดงให้ใครอื่นได้เห็น เมื่อร่างของเขาเปลี่ยนสภาพกลายเป็นมารร้ายเต็มตัวแล้ว เขาจึงใช้ดวงตาอันแสนน่ากลัวนั้นมองเข้าไปหาหญิงที่ตนเองรัก แต่สายตานั้นไม่มีพิษภัยดั่งที่เขาใช้จ้องมองมนุษย์ผู้อื่น

“ข้าคือมารร้าย...” มารเพลิงกล่าวขึ้นต่อ “และข้าจำเป็นต้องทำสิ่งที่ข้าต้องการให้เสร็จสิ้น”

มันเป็นน้ำเสียงที่ดูนุ่มนวลต่างจากทุกครั้ง แม้ว่าเขาจะเป็นมารร้ายแล้วก็ตามที มันยังคงเป็นน้ำเสียงของผู้รูปงามเมื่อคราวก่อนอยู่

“แต่ข้าให้สัญญา... เมื่อทุกอย่างจบลง ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง”
“ข้าจะรีบไปหาเจ้าโดยเร็วพลัน”
“สัญญากับข้าได้ไหม... ว่าเจ้าจะรอข้าที่ประตูทางเดินสู่โลกหน้าของเรา?”

  คำถามที่เต็มไปด้วยความคาดหวังถูกกล่าวออกไป แต่มันกลับหาได้มาซึ่งคำตอบ เธอเงียบไปทันทีหลังจากที่ไซอาลอทพูดจบลง หล่อนปล่อยมือของมารเพลิงในทันทีก่อนที่จะค่อยๆ ถอยฉากเดินถอยหลังไปช้าๆ ทั้งที่ยังมองไซอาลอทอยู่ สายตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวังบวกกับความเศร้าออกมาจากตัวของอวตารแห่งชีวิต ทุกย่างกรายที่เธอเดินออกไป มารเพลิงรู้สึกถึงได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดในหัวใจ ฝีเท้าที่ดังขึ้นเป็นจังหวะเดียวกันกับหัวใจแห่งเพลิงที่ยังคงเต้นอยู่ เหมือนกับว่าแม้ร่างของอสูรเพลิงผู้นี้จะกลายเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจแต่จิตใจของเขาก็ยังเป็นเช่นเดิม ยังคงเป็นหัวใจของผู้กล้าที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย แต่วันนี้มันหาได้เป็นเช่นนั้นแล้วเพราะสิ่งที่วิเลียร่ากำลังกระทำต่อเขาอยู่ การที่เธอไม่ยอมให้คำตอบของเขากลับกลายเป็นการฆ่าตัวไซอาลอทเสียเอง เหมือนเธอกำลังทลายความเป็นมนุษย์ หัวใจสุดท้ายที่ไซอาลอทเหลืออยู่ มันเหลือเพียงน้อยนิดเท่านั้นและบัดนี้มันก็กำลังจะสลายไป ผ่านไปได้สักพักเธอจึงหยุดฝีก้าวลงและจ้องมองไซอาลอทเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อนั้นร่างของเธอจึงเริ่มจางหายไป พลางถูกแผดเผาด้วยเพลิงที่ดูคล้ายจะเป็นเพลิงของไซอาลอทเองทั้งที่มารตนนี้หาได้ประสงค์ที่จะทำเช่นนั้น และเธอก็เริ่มหายไป...

หายไปต่อหน้าต่อตาของเขา...

“ทำไม?! ทำไมละวิเลียร่า?! ทำไมเจ้าถึงไม่ตอบข้า!”

น้ำเสียงที่เริ่มรุนแรงขึ้น วาจาที่เริ่มเปลี่ยนไป เสียงของเขาเริ่มที่จะกลายเป็นอสูรขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่ใช้อารมณ์ในการเปล่งคำพูดจนในที่สุดเขาก็ได้กลายเป็นอสูรเต็มตัว

“ทำไม?! ทำไม?!!! ทำไมเจ้าจึงจากข้าไป!!!”
“ทำไม!!!!!!!!!!!!!”

“บรึ้มมมมมมมมม!” เสียงระเบิดดังปะทุออกมาจากกายาหยาบในโลกแห่งความจริง

  ไซอาลอทระเบิดพลังออกมาด้วยความโกรธแค้นจากมิติจนหลุดออกมาสู่โลกแห่งความจริง บัดนี้เขาได้ตื่นขึ้นจากการหลับไหลและจิตของเขาได้กลับเข้าสู่ร่างนี้เข้าเต็มตัวอีกครั้ง แรงระเบิดที่เกิดขึ้นสร้างแรงผลักมหาศาลเข้าสู่ทุกคนที่อยู่บริเวณรอบข้าง ราธเซออกไปเล็กน้อยทันใดที่ได้รับแรงระเบิดนั้นแต่ตัวของนักสู้ผู้กล้านั้นปลอดภัยดีจากม่านพลังที่ถูกสร้างขึ้นโดยมาเดียร่า ไม่นานนักหญิงสาวผมสีน้ำตาลจึงลืมตาขึ้น เธอได้กลับเข้าสู่โลกแห่งความจริงอีกแต่ดูเหมือนว่าหล่อนจะกลับเข้าสู่ความเป็นมาเดียร่าเองหาใช่ถูกควบคุมโดยพลังแห่งชีวิตของวีเลียร่า ทันใดที่ไซอาลอทมองเห็นหญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าที่หาใช่หญิงสาวที่ตนรักอีกต่อไป กลายเป็นแค่ร่างทรงกักเก็บพลัง ด้วยความโกรธปีศาจตนนี้จึงรวมปราณเข้าที่ฝ่ามือทั้งสองก่อนที่จะยิงออกไปเป็นเพลิงบอลรัวเข้าใส่มาเดียร่าในทันที แต่ด้วยม่านพลังอันแข็งแกร่งของมาเดียร่าและพลังแห่งชีวิต มันจึงปกป้องเธอจากภัยอันตรายนั้น แต่พลังใดเล่าจะสู้เพลิงพิโรธแห่งไซอาลอทได้ ถึงแม้ว่ามันจะป้องกันได้แต่ก็คงไม่นานนัก ทั้งอัลทานิสและลูเซียสเริ่มมองเห็นว่าบาเรียปราณนั้นเริ่มเสื่อมสภาพลงเรื่อยๆ ทุกๆ การโจมตีที่มารเพลิงกระทำ บวกกับท่าทางของมาเดียร่าที่ตั้งรับม่านพลังเหล่านั้นด้วยพลังทั้งหมดที่มี

“เราต้องสนับสนุนมาเดียร่าด้วยทุกอย่างที่มีแล้ว...” อัลทานิสกล่าว
“แล้วเราจะทำยังไงหรอครับ?” ลูเซียสถามกลับ
“หยุดการโจมตีของไซอาลอท.. เดี๋ยวนี้!”

“ยัยเด็กนี่! กล้าดียังไงถึงได้เอาวิเลียร่าเข้ามาป่วนสมองข้า!”

ไซอาลอทตะโกนกล่าวราวกับตัวเองไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดภายในจิตของเขานั้นหาได้เป็นจุดประสงค์ของมาเดียร่า หากแต่เป็นพลังจิตแห่งวิเลียร่าที่อยู่ภายในตัวของหญิงสาวผมสีน้ำตาลเองที่ทำเช่นนั้น กระนั้นถึงจะพร่ำบ่นออกไปแต่ไซอาลอทหาได้หยุดที่จะทำลายล้างเธอให้สิ้นซาก

“ในเมื่อเจ้ากล้าที่จะใช้วิเลียร่าทำลายข้านักล่ะก็เจ้าก็ตายไปพร้อมกับพวกมันซะ!”

  ในระหว่างนั้นเองทั้งอัลทานิสและลุเซียสรีบกระโจนเข้าหาไซอาลอทโดยเร็ว จดจ้องมารเพลิงก่อนที่จะเตรียมพลังปราณทั้งหมดที่มีจู่โจมใส่มารตนนั้น แต่ทันใดนั้นเองไซอาลอทจึงหยุดยิงปราณใส่มาเดียร่า ด้วยสัญชาตญาณที่บ่งบอกถึงภัยที่กำลังเข้ามาหาตัวเขา ชายผู้นี้จึงยกแขนทั้งสองไปยังเป้าหมายที่เข้าใกล้ตัวเขา ด้วยพลังและความเร็วของไซอาลอทนั้นเขาได้หยุดทั้งอัลทานิสและลูเซียสได้อยู่หมัด มือทั้งสองบีบคอของนักสู้ผู้กล้าเหล่านั้น ด้วยปราณที่เหลือเพียงน้อยนิดของพวกเขาทั้งสอง จึงไม่อาจที่จะสู่พลังอันล้นฟ้าของอสูรเพลิงนี้ได้ พวกเขาถูกบีบรัดลำคอไว้แน่นจนไม่สามารถที่จะหลุดพ้น ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเองตัวของมาเดียร่าจึงเริ่มรวมรวบพลังปราณเข้าที่ตัวเองโดยอัตโนมัติอย่างที่เธอไม่ได้ตั้งใจ ก่อนที่รากไม้ ต้นไม้ขนาดใหญ่จะค่อยๆ ผุดขึ้น กลืนกินเธออย่างรวดเร็ว หล่อนหมดสติก่อนที่จิตใต้สำนึกจากพลังชีวิตจะเข้าควบคุมแทน มันกลายเป็นพลังของวิเลียร่าที่มีอิทธิพลอีกครั้ง เช่นนั้นแล้วต้นไม้ขนาดใหญ่นั้นจึงออกกระบวนท่า สร้างรากไม้ขึ้นมาจากผืนดิน ผุดขึ้นจากใต้เท้าของไซอาลอท ทันใดที่มารเพลิงเห็นเช่นนั้น เขาจึงปล่อยร่างของนักสู้ทั้งสองออก ก่อนจะผลักออกไปอย่างแรง

ไซอาลอทใช้มือทั้งสองที่ว่างอยู่จับกิ่งไม้ที่กำลังพันร่างของเขา ใช้พลังปราณเพลิงปล่อยออกไปเพื่อแผดเผาพันธนาการนั้นเสีย แต่เหมือนพลังแห่งชีวิตนี้จะซึมซับปราณเข้าพอควรกลายเป็นการทำให้มันแกร่งขึ้นเท่านั้น

“แบบนี้นี่เอง... ยัยนี่เป็นเศษเสี้ยวแห่งผู้พิทักษ์ เหมือนกับอัลทานิส”
“แต่มีพลังของวีเลียร่า...”

เขาพร่ำบ่นออกมาและรีบหันไปหาข้ารับใช้พลังแห่งวอยด์ของตนทันที

“ราธ!” เขาตะโกนเรียกชายผู้นั้นราวกับเป็นการขอความช่วยเหลือ เป็นการสื่อถึงคำสั่งห้ามที่ถูกยกเลิก

  ทันใดนั้นเองตัวของราธจึงรีบทาบหัตถ์ทั้งสองลงสู่ผืนดิน ก่อนที่ใต้ผืนไม้เหล่านั้นจะก่อเกิดซึ่งพลังแห่งวอยด์ มันดูดกลืนทุกสิ่งเข้าไปภายในนั้นจนหายสิ้นไร้ซึ่งกระทั่งกายาของมารเพลิง ไม่นานนักใกล้ตัวของต้นไม้แห่งพลังปรากฏออกเป็นประตูมิติ ทันใดนั้นไซอาลอทจึงรีบรุดตัวออกมาจากประตูนั้น ดึงรากไม้ที่ยังคงพันติดตัวออกทั้งหมด กำมือข้างขวาไว้แน่นก่อนที่จะพุ่งมันออกไปสุดกำลังต่อยเข้าใส่ต้นไม้แห่งชีวิต หมัดนัั้นทะลุเข้าใส่ต้นไม้ เมื่อนั้นพลังแห่งชีวิตที่จับตัวทั้งหมดจึงระเบิดตัวออกจากปราณแห่งเพลิงที่ฝังเข้าไปภายใน ต้นไม้ใหญ่นั้นถูกแผดเผาเหลือเพียงแค่เศษขี้เถ้า เว้นเพียงแค่ร่างของมาเดียร่ายังคงดูปลอดภัยดีแต่เธออยู่ในกำมือของมารเพลิงเสียแล้ว เขาใช้มือข้างขวานั้นบีบรัดคอเธอแน่น หากเขาลงกำลังมากกว่านี้เธอก็อาจสิ้นใจได้ในทันที เขารีบฟาดร่างของเธอลงใส่ผืนดิน ยกมืออีกข้างขึ้นเตรียมจะสังหาร ด้านของมาเดียร่าที่ถูกสิงโดยจิตสำนึกแห่งพลังชีวิตเริ่มคืนสติกลับมาเป็นตัวเอง เธอประจักษ์เห็นมารเพลิงที่กำลังจะสังหารหล่อน ใบหน้าอันโหดร้ายที่แสดงออกมา ปราณเพลิงและมือที่แตะต้องตัวของหญิงสาวผู้นั้นทำให้เธอรู้สึกทรมาณ หล่อนเริ่มรู้สึกกลัวแต่ไม่อาจจะกรีดร้องได้

ทันใดที่ลูเซียสและอัลทานิสเห็นเช่นนั้น พวกเขารีบพุ่งตรงไปอย่างรวดเร็วหวังจะช่วยเด็กสาวผู้นั้น พวกเขาอยู่ห่างเพียงไม่กี่ก้าวเท้าแต่ทันใดนั้นกายาก็มิอาจจะขยับต่อไปได้ ทั้งคู่ถูกกระบวนท่าคลื่นมิติของราธทำให้ร่างหยุดนิ่ง ด้วยคำสั่งที่ถูกยกเลิก มันจึงทำให้ราธสามารถสนับสนุนไซอาลอทได้อย่างเต็มรูปแบบ

ทั้งสองเข้าไปช่วยเธอไม่ได้ เมื่อนั้นกงเล็บแห่งเพลิงจึงตรงเข้าใส่ร่างของมาเดียร่าทันที แต่มันกลับหยุดลงไป พร้อมกับสีหน้าของไซอาลอทที่ดูเปลี่ยนไปเช่นกัน เขามองเห็นใบหน้าของหญิงสาวผมสีน้ำตาลที่ร้องไห้ด้วยความกลัว ราวกับว่าเป็นความสงสาร เห็นใจทำให้มารตนนั้นหยุดการกระทำนั้น กระนั้นตัวเขาก็หาได้คิดที่จะปล่อยเธอไปแต่โดยดี มันเหมือนเป็นความลังเลอะไรสักอย่างที่ไม่ทำให้ไซอาลอทสังหารเธอในทันที เพราะความสงสารงั้นหรือ หรือเพราะว่าร่างทรงนี้เหลือเศษเสี้ยวหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ของคนที่ตนเองรัก จึงไม่กล้าที่จะจัดการให้เสร็จสิ้นโดยเด็ดขาด แต่อีกใจเขาก็คิดที่จะสังหารเธอเช่นกัน ราวกับว่าภายในใจ อสูรและเทวากำลังปะทะกันเพื่อชิงกายาการกระทำของมารเพลิงในตอนนี้

“ไซอาลอท! หยุดเดี๋ยวนี้! ได้โปรดเถอะ....” จู่ๆ ลูเซียสก็กล่าวขึ้นมา เกรงว่ามารเพลิงคิดจะสังหารเด็กหญิงที่ตนรัก
“ไม่สิ... ท่านพ่อ! ได้โปรดละ”

วาจาที่เปลี่ยนการเรียกสรรพนามของลูเซียสต่อไซอาลอทสร้างความสนใจให้แก่ชายผู้นั้น

“ข้าข้อเสนอข้อแลกเปลี่ยนแกท่าน... ไว้ชีวิตนางและทุกคนอยู่ที่นี่!”
“แลกกับความจงรักภักดีของข้า”

ไซอาลอทหาได้ตอบกลับไป เขามองลูเซียสด้วยความสนใจดั่งว่ารอให้ชายผู้นั้นพูดต่อไป

“ยังไงเสียท่านก็ต้องการให้ข้าเป็นลูกท่านอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?”

คำพูดเหล่านั้นทำให้ไซอาลอทเลิกหันเหความสนใจแก่มาเดียร่า เขาปล่อยคอของเธอ ดึงกงเล็บกลับก่อนที่จะค่อยๆ เดินตรงไปหาลูเซียส เขาจ้องมองภายในตัวตาของเด็กผู้นั้น เห็นความตั้งใจของหนุ่มผู้นั้นผ่านดวงตาโดยที่ไม่มีแม้กระทั่งความกลัว ทุกคำพูดกล่าวออกมาด้วยความเต็มใจทั้งหมด

“ราธ... เราหมดเรื่องกับที่นี่แล้ว ปล่อยพวกมัน....”

ชายหนุ่มพลังแห่งวอยด์ยอมทำตามที่มารเพลิงกล่าวบอกไป แม้นจะดูไม่ค่อยเต็มใจก็ตาม เมื่อนั้นกายาของทั้งสองก็เป็นอิสระอีกครั้งแต่หมดซึ่งกำลังที่จะต่อกรอีกต่อไป มารเพลิงยังคงจ้องมองลูเซียสที่ค่อยๆ ลุกขึ้นมาช้าๆ เด็กหนุ่มจ้องมองสายตากลับ

“กลับกันได้แล้ว...”

เช่นนั้นแล้วราธจึงเปิดประตูมิติออก แหวกออกซึ่งรูหนอนที่ใช้ในการเดินทางในเวลาอันสั้น ผู้ใช้พลังนั้นค่อยๆ เดินเข้าไปภายในประตูนั้น ก่อนที่จะตามด้วยมารเพลิงแห่งความตาย เมื่อนั้นลูเซียสจึงย่างกรายตามไปช้าๆ แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับมามองเหล่าบุคคลที่อยู่เบื้องหลัง มันเป็นสีหน้าและสายตาที่บ่งบอกชัดเจนว่าเขาไม่ได้อยากจะทำเช่นนี้ แต่มันคงจะเป็นทางเดียวที่น่าจะมีโอกาสให้ผู้คนเหล่านั้นรอดตายจากเงื้อมมือเทพอัคคีผู้นี้มากที่สุด สายตาที่เต็มไปด้วยความเสียใจมองแก่หญิงสาวผมสีน้ำตาล ก่อนที่ประตูมิติจะค่อยๆ ปิดลง หายวับไปต่อหน้าต่อหน้าของเด็กสาวผมสีน้ำตาลที่กำลังจะว่ากล่าววาจาแก่ลูเซียส มันก็สายเกินไปเสียแล้วเพราะอาการบาดเจ็บที่ลำคอและแรงที่มีอยู่มิอาจจะทำให้เธอเร่งรัดวาจาหรือตะโกนมันออกไปได้เลย

“ละ... ลูเซียส”
ขึ้นไปข้างบน Go down
https://www.facebook.com/BillAlfenolf
 
Cataclysm: The Endless Hellfire XLVII
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1
 Similar topics
-
» Cataclysm: The Endless Hellfire XVI
» Cataclysm: The Endless Hellfire I
» Cataclysm: The Endless Hellfire II
» Cataclysm: The Endless Hellfire XIX
» Cataclysm: The Endless Hellfire III

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: