กำปั้นของรินพุ่งตรงไปยังอากาศอันว่างเปล่า
เช่นเดียวกับการฟาดฟันอากาศโดยแขนข้างขวาของนาโอกิที่ถูกเปลี่ยนเป็นปีกเครื่องบินรบ
ทว่าเป้าหมายของทั้งคู่มิใช่กลุ่มก๊าซที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าเหล่านั้น หากแต่เป็นคู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้าต่างหาก
หลังจากผูกมิตรกันในระยะเวลาสั้นๆ สองสาวก็เข้าปะทะกันโดยไม่มีใครยอมใคร หลังจากที่โจมตีไม่โดนอะไรอยู่นาน รินก็พลาดท่าจนได้โดยการถูกนาโอกิหมุนตัวเตะเข้าที่กลางลำตัวหลังจากที่เธอออกหมัดพลาด
คุณสมบัติการ์ด HP Boost ซึ่งยังคงทำงานมาจนถึงตอนนี้หยุดลงจนได้ แต่นั่นก็ไม่สะเทือนต่อ HP ของรินมากนักเท่าไหร่
Naoki 78 - 117 Rinร่างของรินเสียหลักเล็กน้อยแต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร เธอพุ่งตัวเตะด้วยขาข้างขวาโดยมีเป้าหมายอยู่ที่ก้านคอของนาโอกิ แต่เป้าหมายของเธอก้มหลบได้อย่างฉิวเฉียด จนรินรู้สึกได้ถึงสัมผัสของปลายผมนาโอกิที่สะบัดมาโดนปลายเท้าระหว่างที่นาโอกิเคลื่อนที่หลบ
รินซึ่งกำลังเสียหลักจากลูกเตะที่พลาดนั้นถูกนาโอกิใช้ปีกเครื่องบินข้างขวาฟาดเข้าที่ปลายคาง รินเซถอยหลังพร้อมกับใบหน้าที่แหงนขึ้นฟ้าจากแรงปะทะ เธอเกร็งขาเพื่อไม่ให้ตนเองล้มแล้วพุ่งตัวเข้ารวบนาโอกิแบบมวยปล้ำ นาโอกิถอยไปตามแรงผลักของรินจนกระแทกเข้ากับม่านพลังงาน
รินพยายามชกเข้าที่สีข้างของนาโอกิ จนดูเหมือนกำลังแข่งขันการต่อสู้ MMA* ยังไงยังงั้น นาโอกิที่ถูกอัดจนติดเข้ากับม่านพลังงานเปลี่ยนแขนของตนกลับเป็นปกติแล้วทุบเข้าที่หลังของริน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้รินสะทกสะท้านใดๆ
รินกระชากผมของนาโอกิขึ้นมา ทั้งสองสบตากัน สายตาของนาโอกิเต็มไปด้วยความสงสัยว่ารินจะทำอะไร ก่อนที่รินจะใช้ศีรษะของตนกระแทกเข้ากับใบหน้าของนาโอกิเต็มแรง
ศีรษะของรินกระแทกเข้าที่ดั้งจมูกของนาโอกิเข้าอย่างจัง เธอร้องเสียงหลงพร้อมใช้ฝ่ามือคลำไปที่จมูก ไม่ต่างจากรินที่ร้องลั่นพร้อมทิ้งตัวลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้น
“จะ... เจ็บจัง”
ฝ่ายที่เอาศีรษะกระแทกกับคู่ต่อสู้กลับมานั่งลูบหัวตัวเองป้อยๆซะเอง ทำให้นาโอกิที่ยืนมองอยู่แก้มป่องเหมือนพยายามจะอดกลั้นอะไรบางอย่างก่อนที่จะทนไม่ไหวปล่อยออกมาเป็นเสียงหัวเราะคิกคักจนน้ำตาเล็ด
“อุ๊บ... คิกๆ ฮ่าๆๆๆ โขกเองเจ็บเองด้วยแหละ ฮ่าๆๆๆ”
“งื้อ...”
เมื่อนาโอกิเห็นรินทำท่างอนตุ๊บป่องเลยหยุดหัวเราะแล้วปาดน้ำตาที่หางตา
“ว้ายขอโทษ โกรธหรือเปล่าที่หัวเราะน่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอก มันก็น่าหัวเราะจริงๆนั่นแหละ”
ท่าทีของรินเปลี่ยนเป็นยิ้มแหยๆพร้อมหัวเราะแห้งๆ นาโอกิเดินเข้าไปหารินแล้วยื่นมือให้ รินมองมือของนาโอกิสักพักก่อนที่จะจับมือเธอ นาโอกิค่อยๆพยุงรินขึ้นมายืนก่อนที่ทั้งสองจะส่งยิ้มให้กัน
“ทำอะไรกันน่ะ!! นี่การประลองนะไม่ใช่เล่นพ่อแม่ลูก!!”
คาซามิเหมือนจะไม่ค่อยสบอารมณ์นักเพราะการประลองที่ดุเดือดในช่วงแรกเริ่มจะแผ่วลงไปมาก จนดูเหมือนการเล่นสนุกของเด็กประถมมากกว่า
“ดูท่ามาสเตอร์ของเธอจะโกรธแล้วล่ะ”
รินเหลือบไปมองคาซามินิดๆแล้วกล่าวขึ้น
“ฉันว่าใส่กันหนักๆเหมือนเดิมเถอะนะ”
“แต่ว่ามัน...”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มันคือการประลองนี่นะ”
รินขยิบตาให้ นาโอกิมองด้วยสีหน้าครุ่นคิดสักพัก ก่อนที่จะพยักหน้า
“ถ้างั้น... ฉันไม่เกรงใจแล้วนะคะ”
Naoki 60 - 98 Rinสิ้นเสียงนั้นนาโอกิก็ถอยออกไปตั้งหลักแล้วแปลงกายเป็นเครื่องบินรบพุ่งเข้าใส่รินอย่างรวดเร็ว รินยังคงหลบได้ คาซามิคว้าการ์ด Increase SPD ขึ้นมาแล้วแสกนเข้ากับ AG Vision ทำให้ความเร็วของนาโอกิเพิ่มขึ้น ด้วยความเร็วที่มากขึ้นทำให้รินไม่สามารถหลบได้อีกแล้ว เธอพยายามยกแขนขึ้นมาป้องกัน แต่ถึงกระนั้นการจู่โจมก็ทำให้ร่างของเธอถอยกระเด็นออกไป
หลังจากที่รินกระเด็นออกไปเธอก็ดีดตัวขึ้นมายืนอีกครั้ง นาโอกิยังคงพุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วสูงเช่นเดิม รินที่เพิ่งจะตั้งหลักได้ถูกพุ่งเข้าใส่เต็มๆ เธอกระเด็นไปติดม่านพลังงานแล้วกระดอนกลับออกมาถูกนาโอกิที่พุ่งตัวเข้ามาแล้วเปลี่ยนตนเองเป็นร่างกายปกติ ก่อนที่จะกระโดดเตะขาคู่ใส่รินเต็มๆจนกระเด็นไปติดม่านพลังงานอีกหนึ่งครั้ง
Naoki 60 - 42 Rin“เอาล่ะครับ!! หลังจากที่แผ่วไปสักพักตอนนี้การประลองเริ่มกลับมาเข้มข้นดุเดือดอีกแล้ว!! มาติดตามชมกันว่าใครจะเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ!!”
ผู้บรรยายประกาศสุดเสียงเหมือนลืมตัวว่ากำลังพูดใส่ไมโครโฟน อาจเป็นเพราะทนดูการประลองที่อ่อนปวกเปียกมานานจนตอนนี้กลับมาสนุกเร้าใจอีกครั้ง
มาคิโนะรีบใช้การ์ด Increase HP อย่างไม่รีรอทำให้ค่า HP ของรินกลับมาเต็มเหมือนเดิม แต่ทว่ารินก็ยังถูกซัดด้วยปีกเครื่องบินรบจากนาโอกิ รินพยายามต่อยสวน เครื่องบินรบในร่างของมนุษย์ก็หลบได้แล้วสวนด้วยการใช้เท้ายันไปที่หน้าอก
แผ่นหลังของรินสัมผัสกับม่านพลังงาน นั่นหมายถึงว่าเธอกำลังจนมุม นาโอกิจู่โจมรัวๆด้วยปีกเครื่องบินรบ รินพยายามป้องกัน แต่ก็ป้องกันได้บ้างไม่ได้บ้าง ที่แน่ๆเธอแทบไม่มีโอกาสได้ตอบโต้กลับ
อย่างที่นาโอกิได้กล่าวไว้ เธอไม่เกรงใจจริงๆ
Naoki 60 - 73 Rinค่า HP ของรินที่เป็น 100 เพียงแค่ช่วงอึดใจกลับมาลดลงฮวบจากการการโจมตีไม่ยั้งของนาโอกิ และกำลังจะลดลงเรื่อยๆหากรินไม่ทำอะไรซักอย่าง
“เอาล่ะ คงจะจบลงแค่นี้ล่ะนะ ฉันขอเพิ่มพลังโจมตีด้วยการ์ด Increase ATK”
คาซามิใช้การ์ดเพิ่มพลังโจมตีให้นาโอกิ ทำให้การจู่โจมของนาโอกิลด HP ของรินจนเกือบถึงจุดวิกฤติ มาคิโนะใช้การ์ดเพิ่ม HP ของรินจนเต็มอีกครั้ง แต่มันคงไม่มีประโยชน์อะไรหากรินยังคงตอบโต้อะไรไม่ได้
“ถ้าให้เดาการ์ดของนายอีกใบที่เหลือคงเป็นการ์ดเพิ่ม HP เหมือนกันแน่ๆ แต่มันก็ไม่ประโยชน์อะไรแล้ว มันจบลงแค่นี้แหละ”
ถึงคำพูดของคาซามิจะดูเข้าข้างตัวเองไปสักหน่อย แต่มันก็จริงอย่างที่เขาพูด
รินยังโดนอัดอยู่อย่างต่อเนื่อง HP ของรินที่เพิ่งเต็มก็ต้องเป็นอันลดลงอีกครั้ง มาคิโนะผู้เป็นเจ้าของมองการประลองอยู่เงียบๆ ในมือเขามีการ์ดใบสุดท้าย ซึ่งเป็นการ์ดเพิ่ม HP อย่างที่คาซามิคาดเดาไว้
เมื่อ HP ของรินเข้าสู่วิกฤติอีกครั้ง การ์ดใบสุดท้ายของมาคิโนะก็ทำงาน
HP ของรินจะเต็มแค่ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว
“อย่างที่คิดจริงๆ ก็ทำได้แค่ยื้อชีวิตไปได้อีกหน่อยเท่านั้นแหละ”
คาซามิยืนกอดอกดูการประลองที่เขากำลังจะเป็นฝ่ายชนะ
รินที่กำลังหมดทางสู้ใกล้จะหมดพลังชีวิตอยู่รอมร่อ หากโดนจู่โจมอีกสักหนึ่งชุดเธอต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
Naoki 60 - 32 Rin“ฉันเชื่อมั่นในตัวเธอนะ ริน”
นั่นคือคำพูดแรกของมาคิโนะตั้งแต่ที่เริ่มการประลองมา ทำให้คาซามิแอบประหลาดใจเล็กน้อย
และสิ่งที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าก็กำลังจะเกิดขึ้น
นาโอกิที่เห็นว่ารินหมดทางสู้ได้เตรียมจะโจมตีชุดสุดท้าย เธอเหวี่ยงแขนที่เป็นปีกเครื่องบินรบเข้าที่เป้าหมายตรงหน้า
แต่ทว่าร่างของนาโอกิกลับลอยไปกระแทกม่านพลังงานที่อยู่ด้านหลังของรินอย่างรุนแรง เมื่อรินคว้าแขนของนาโอกิแล้วเหวี่ยงไปด้านหลังสุดแรงเกิด
กลายเป็นนาโอกิที่จนมุมเสียเอง เมื่อนาโอกิพยายามจะลุกขึ้นก็ถูกหมัดจากรินกระแทกเข้าใส่เต็มหน้า
ไม่ใช่เพียงหมัดเดียว แต่นับไม่ถ้วน
ภาพที่เห็นคือรินออกหมัดอย่างรวดเร็วจนเกือบจะเทียบเท่าความเร็วแสง นาโอกิทำได้แค่พยายามป้องกันและหลบหลีก แต่มันก็ไม่ได้ผลเลยแม้แต่นิด
“ความเร็วของหมัดนั่นมันอะไรกัน? แต่แค่นี้กระจอกน่า!! ขอใช้การ์ด TEC Boost”
คาซามิใช้การ์ด TEC Boost ซึ่งจะทำให้การหลบหลีกของนาโอกิพุ่งขึ้นสูงสุดแต่ต้องแลกกับการลดค่าอื่นๆให้อยู่ต่ำสุด ร่างของนาโอกิเกิดแสงวาบขึ้นมาเป็นอันบ่งบอกว่าคุณสมบัติของการ์ดได้ทำงานแล้ว
แต่ทว่าภาพที่เห็นก็ยังคงเป็นรินที่ออกหมัดใส่นาโอกิไม่มียั้งโดยที่ไม่มีวี่แววว่านาโอกิจะหลบมันได้เลยแม้แต่น้อย อีกทั้ง HP ของนาโอกิก็ลดลงอย่างรวดเร็วเพราะค่าพลังป้องกันในตอนนี้อยู่ในระดับต่ำสุด
“บ้าน่า!!! ขนาดใช้การ์ด TEC Boost ก็ยังหลบไม่ได้? เป็นไปได้ไง!!??”
คาซามิไม่เหลือทางเลือกอะไรแล้วนอกจากใช้การ์ดเพิ่ม HP ก่อนที่ HP ของนาโอกิจะหมดลง แต่หมัดของรินก็ยังคงพุ่งตรงสู่เป้าหมายอย่างไม่หยุดหย่อนและไม่แม้แต่จะช้าลงทำให้ HP ของรินลดลงไปอีกแม้จะเพิ่งเต็มก็ตาม
จนอดสงสัยไม่ได้ว่ารินไปเอาเรี่ยวแรงมากมายมหาศาลเช่นนี้มาจากไหน?
“ขอใช้การ์ด Increase TEC เพิ่มอีกใบ!!”
คาซามิคว้าการ์ดเพิ่มการหลบหลีกขึ้นมาใช้อีกใบ เมื่อคุณสมบัติการ์ดทำงาน นาโอกิก็ดูจะเริ่มหลบหลีกหมัดของรินได้บ้างแต่ก็ช่วยได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อยังมีการจู่โจมบางส่วนที่ยังหลุดรอดเข้าไปได้
“และใช้การ์ด Increase SPD!! นาโอกิรีบหนีออกมาจากตรงนั้นเร็ว!!”
นาโอกิรีบหลบและพุ่งตัวหนีรินทันที รินที่ออกหมัดจึงหยุดลงเมื่อเป้าหมายหนีไปได้ เธอหายใจถี่หลังจากที่ใช้แรงไปมหาศาลจากกระบวนท่าเมื่อสักครู่
Naoki 72 - 32 Rinถึงจะเห็นว่าค่า HP ของนาโอกิจะยังคงเหนือกว่า แต่หากนาโอกิโดยกระบวนท่าเมื่อสักครู่เข้าไปอีกล่ะก็เธอคงไม่รอดอีกเป็นครั้งที่สองเป็นแน่
“ไม่เบาเลยเหมือนกันนี่นะ... แค่แปปเดียวนายก็ทำให้ฉันต้องใช้การ์ดจนหมด เกือบจะไม่รอดเหมือนกันนะเนี่ย”
น่าแปลกที่คาซามิไม่ได้ลงไปต่อสู้เองแต่กลับหายใจหอบเหมือนเพิ่งวิ่งรอบสนามมา
“ตอนแรกฉันไม่คิดจะใช้มันหรอกนะ เพราะฉันจะใช้ก็ต่อเมื่อเจอคู่ต่อสู้ที่เหนือกว่าฉัน แต่พอฉันได้เห็นการประลองครั้งนี้แล้ว ฉันคงต้องใช้มันแล้วล่ะ”
คาซามิพูดขึ้นโดยที่แทบทุกคนในสนามคงจะสงสัยว่า ‘มัน’ ที่คาซามิพูดถึงคืออะไร นาโอกิจึงหันไปทางคาซามิพร้อมถามขึ้นว่า “จะใช้มันจริงๆหรอคะ?” เป็นอันเข้าใจว่าเธอเองก็รู้ในสิ่งที่คาซามิพูดถึง ซึ่งเขาก็ตอบกลับเธอด้วยการพยักหน้า
“อย่างที่ฉันบอกตั้งแต่เริ่มการประลองแล้วว่า ฉันจะต้องชนะให้ได้ และตอนนี้ชัยชนะจะเป็นของฉัน... เอาล่ะ นาโอกิ จัดการด้วย Nuke!!”
คำสั่งนั้นทำให้นาโอกิแปลงกายเป็นเครื่องบินรบ แต่เธอพุ่งขึ้นฟ้าแทนที่จะพุ่งเข้าใส่เป้าหมาย
นาโอกิในร่างเครื่องบินรบลอยวนอยู่กลางอากาศท่ามกลางความสงสัยของทุกคนที่กำลังชมการประลอง
ก่อนที่จะมีอะไรบางอย่างตกลงมาจากฟากฟ้า
มันคือระเบิด
และมันก็กำลังจะตกกระทบลงสู่พื้นดิน
ตูมมมมมมมมมม!!!!!!!!เกิดเสียงระเบิดที่ดังที่สุดเท่าที่คนๆนึงจะเคยได้ยิน พร้อมสนามประลองที่ถูกปูพรมด้วยทะเลเพลิงและสะเก็ดระเบิด
เหล่าผู้ชมต่างปิดหูทั้งสองข้าง บ้างก็ก้มตัวหลบราวกับอยู่ในสนามรบ เสียงระเบิดยังคงดังสนั่นหวั่นไหวนานอยู่หลายวินาที
ไม่นานทุกอย่างก็เงียบลง
ก่อนที่ภาพที่ทุกคนในโรงยิมเห็นจะเป็นเพียงกลุ่มควันสำดำหม่นปกคลุมไปทั่วจนไม่อาจมองเห็นอะไรได้อีก
----------------------------------------------------
เสียงปรบมือยินดีให้กับมาคิโนะและรินที่กำลังเดินฝ่าฝูงชนกลับไปหาริคาโกะ เสียงปรบมือเหล่านั้นคงจะสร้างความพึงพอใจให้กับเขามากกว่านี้หากมันเป็นการปรบมือให้กับผู้ชนะ
มาคิโนะและรินในฐานะผู้แพ้เดินเข้าไปหาริคาโกะทีมีมาเรียยืนอยู่ข้างๆ ดูเหมือนริคาโกะจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วหลังจากที่ผิดหวังกับความพ่ายแพ้ต่อคาซามิในรอบ 4 คนสุดท้าย ทั้งเธอและมาเรียต่างยืนปรบมือให้กับมาคิโนะ
“ยินดีด้วยนะ มาคิโนะ”
“เรื่องอะไร? ฉันแพ้นะ”
“แต่นายก็ยังสุดยอดอยู่ดีนั่นแหละ”
ริคาโกะกล่าวชมพร้อมยิ้มกว้าง
“นาย ซากุรางิสินะ?”
บทสนทนาของเพื่อนสมัยเด็กทั้งสองหยุดลงเมื่อชายผมสีดำสลับทองเข้ามาแทรก เมื่อริคาโกะเห็นหน้าเขาก็เบือนหน้าหนีราวกับเห็นแมลงสาบ
“นายเก่งจริงๆ ขอโทษที่เคยสบประมาทนาย”
ท่าทีอวดดีของคาซามิที่มาคิโนะและริคาโกะเห็นมาตลอดหายไปอย่างสิ้นเชิง ไม่รู้ทำไมมันถึงทำให้เขาดูเป็นเด็กหนุ่มที่มีเสน่ห์ในระดับหนึ่ง
“เอ่อ... บางทีฉันคิดว่าควรจะเลิกอวดเก่งได้แล้ว เจอนายสอนมวยไปพอสมควรเลยนี่นะ ขอบใจนะที่ทำให้ฉันตาสว่าง ดีจริงๆที่ได้ประลองกับนาย”
คาซามิส่งยิ้มให้มาคิโนะ เป็นรอยยิ้มที่ดูจริงใจกว่าทุกครั้ง ก่อนที่เขาจะเหลือบมองริคาโกะที่คงจะไม่หันหน้ามาคุยกับเขาแน่ๆ
“เอ่อ... ฝากขอโทษแม่สาวผมแดงแฟนนายด้วยล่ะ”
“เอ๋!!! แฟน!!!”
ริคาโกะหันควับทันที หน้าของเธอแดงแป๊ดจนเกือบจะกลืนเข้าไปกับสีผม
“ไม่ใช่แฟนหรอก”
ก่อนที่เธอจะหันกลับไปที่เดิมเมื่อมาคิโนะพูดแบบนั้น ก่อนที่จะบ่นพึมพำว่า “ปฏิเสธซะเสียงแข็งเชียวนะตาบ้า” ซึ่งดูท่าทางมาคิโนะจะไม่ได้ยิน
“งั้นหรอ โทษที เจอกันตอนรับรางวัลนะ”
คาซามิบอกลาแล้วเดินหายไปในฝูงชน มาคิโนะหันไปทางริคาโกะพร้อมอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่างแต่เธอก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน
“รู้แล้วน่าว่านายจะพูดอะไร เงียบๆไปเลยไป!!”
“โมโหอะไรของเธออีกล่ะนั่น?”
“เปล่า!!”
ว่ากันว่าหากผู้หญิงบอกว่า ‘เปล่า’ แสดงว่าเธอต้องเป็นอะไรสักอย่าง
แต่มาคิโนะเลือกที่จะไม่ใส่ใจ
----------------------------------------------------
มาคิโนะกับคาซามิเจอกันอีกครั้งในพิธีรับรางวัล ทั้งสองจับมือกันพอเป็นพิธี รางวัลของผู้ชนะเลิศคือเงินจำนวนสองหมื่นเยน มาคิโนะแอบมองเงินจำนวนนั้นด้วยท่าทีอิจฉาเล็กๆ เพราะมันเป็นสิ่งที่เขาปรารถนาที่จะอยากได้เหลือเกิน
“ส่วนคุณซากุรางิ มาคิโนะ ผู้ที่สร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้กับรอบชิงชนะเลิศถึงแม้จะได้ที่ 2 แต่ก็ไม่ต้องเสียใจไป!! เพราะคุณจะรับได้คูปองส่วนลดของร้าน Neko Paradise จำนวน 2 ท่าน!! ยินดีด้วยครับ!!”
มาคิโนะรับคูปองสองใบมาแบบงงๆเพราะเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่า Neko Paradise มันคืออะไร บนคูปองทั้งสองใบนั้นระบุไว้ว่า ‘คูปองส่วนลด 50% ร้าน Neko Paradise สุดยอดเมดคาเฟ่แห่งย่านอากิฮาบาระ’ พร้อมรูปผู้หญิงที่มีหูแมวติดอยู่บนหัวในชุดเมด
“เมดคาเฟ่หรอ? มีสองใบ... จะไปกับใครดีล่ะ?”
มาคิโนะพูดกับตัวเองแล้วเดินไปหาริคาโกะอีกครั้ง เขายังรู้สึกได้ถึงเพลิงแห่งความหงุดหงิดของเธอที่เขายังไม่รู้ว่าเกิดจากอะไรจนถึงตอนนี้
“ริคา...”
“อะไรอีกเล่า!!”
มาคิโนะสะดุ้งโหยง แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือด้วยการชูคูปองสองใบในมือ
“นี่ฉันได้มาสองใบ ไปด้วยกันไหม?”
“เอ๋??”
ไม่รู้ทำไมจู่ๆเปลวเพลิงจากริคาโกะที่มาคิโนะรู้สึกตอนแรกหายไปอย่างรวดเร็วเหมือนถูกน้ำเย็นราดใส่ ริคาโกะมองคูปองสองใบในมือของมาคิโนะพร้อมใบหน้าที่เริ่มแดงอีกครั้ง
“ทะ... ทำไมต้องเป็นฉันล่ะ?”
“ถ้าไม่ให้ฉันไปกับเธอจะไปกับใครล่ะ? อีกอย่างเธอเคยบอกไม่ใช่หรอว่าอยากลองเข้าร้านเมดคาเฟ่ดูสักครั้งน่ะ?”
“กะ... กะ... ก็ไปกับรินสิ”
“ไม่เอาหรอก ไปกับรินมีหวังได้ตบมุกจนหัวหมุนแน่”
มาคิโนะแอบมองรินที่กำลังนั่งพักอยู่ข้างๆกับมาเรีย ถ้ารินได้ยินคงจะแอบงอนมาคิโนะนิดๆเหมือนกัน
“งะ... งั้นหรอ... ถะ... ถ้างั้นฉันไปกับนายก็ได้ เห็นใจนายนะเนี่ย สำนึกบุญคุณด้วยล่ะ”
“ถ้าไม่อยากไปก็ไม่ต้องฝืนก็ได้นี่?”
“ไม่ๆ ไปสิไป”
ริคาโกะตอบปฏิเสธอย่างลุกลี้ลุกลนราวกับกลัวมาคิโนะจะเปลี่ยนใจ
“โอเค ถ้างั้นตกลงกันอีกแล้วกันว่าจะไปวันไหน”
“อะ... อือ”
“งั้นไปกันเถอะ กลับบ้านกัน”
“อะ... อื้ม”
มาคิโนะเดินไปหารินก่อนที่ทั้งสองจะเดินออกจากโรงยิมพร้อมกัน มาเรียพยักหน้าให้ริคาโกะแทนการเรียก เธอยกมือให้มาเรียเป็นอันรับรู้ก่อนที่มาเรียจะเดินล่วงหน้าไปก่อน
ริคาโกะยังคงยืนก้มหน้านิ่งอยู่ตรงนั้นเหมือนเธอกำลังจะทบทวนเรื่องอะไรบางอย่าง
“ไม่รู้สึกตัวเลยหรือไงกันนะ ตาทึ่ม...”
บางทีคำพูดนั้นอาจจะทำให้มาคิโนะรู้สึกตัวบ้าง
น่าเสียดายที่เขาไม่ได้ยินมัน
----------------------------------------------------
รถสปอร์ตหรูสีน้ำเงินแล่นไปตามท้องถนนอันว่างเปล่า คงเพราะช่วงเวลาดึกสงัดแบบนี้ผู้คนในเมืองคงต่างนอนหลับพักผ่อนอยู่ในเคหสถาน
ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลวัยยี่สิบต้นๆจับพวงพาลัยสีดำเงาบ่งบอกถึงการดูแลรักษาเป็นอย่างดี รวมทั้งส่วนต่างๆภายในรถหรูก็ต่างดูสะอาดสะอ้าน สายตาของเขาจับจ้องไปยังท้องถนนข้างหน้าที่มีเพียงแสงไฟหน้ารถและแสงไฟสลัวๆจากโคมไฟข้างถนนเป็นตัวนำทาง
ข้างๆชายหนุ่มเป็นหญิงสาวผมสีดำสวมแว่นสายตาที่อายุน่าจะไล่เลี่ยกับเขา เธอหันมองทิวทัศน์ของเมืองในยามค่ำคืนผ่านกระจกด้วยท่าทีเหม่อลอย
“เป็นอะไรหรือเปล่า? ดูเหม่อๆ”
ชายหนุ่มพูดขึ้นมาท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบเชียบภายในรถ ทำให้หญิงสาวหันมาทางเขา
“หรือเธอไม่พอใจที่ฉันถอยรถสปอร์ตมาใหม่? ไม่ต้องห่วงหรอกน่าเงินในบัญชีของเราพอที่จะซื้อรถได้ทั้งโชว์รูมเลยนะ”
ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆในลำคอ เหมือนกับพยายามทำให้บรรยากาศดูไม่อึมครึมจนเกินไป แต่หญิงสาวก็ได้แต่อมยิ้มนิดๆ
“แต่ฉันไม่ได้ซื้อเพราะอยากขับรถหรูๆหรอกนะ ฉันแค่อยากให้เธอเดินทางไปทำงานได้เร็วขึ้นเท่านั้นเอง”
“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก ทาคุมิ”
หญิงสาวส่ายหน้าเบาๆพลางตอบปฏิเสธคำพูดของชายหนุ่มที่เธอเรียกว่าทาคุมิ
“ถ้างั้นเธอคงตื่นเต้นกับคอนเสิร์ตที่เธอจะขึ้นโชว์ที่โรงเรียนมินาโนะสินะ?”
“ก็ไม่เชิงนะ”
ทาคุมิยิ้มนิดๆ ก่อนที่จะเอื้อมมือไปเปิดวิทยุ ดูเหมือนเขาอยากจะให้บรรยากาศในรถไม่เงียบจนเกินไป เสียงเพลงที่คลอเบาๆทำให้ทั้งชายหนุ่มและหญิงสาวรู้สึกผ่อนคลาย
นี่สินะใครๆถึงบอกว่าดนตรีนั้นเป็นศิลปะที่มีอิทธิพลต่อภาวะทางอารมณ์ของมนุษย์
“จริงสิลูน่า เธอไม่ต้องปลอมตัวก็ได้นะ เวลาป่านนี้ไม่มีใครมาเห็นพวกเราหรอก”
เมื่อทาคุมิพูดจบ หญิงสาวผมสีดำหรือลูน่าก็พยักหน้าเล็กน้อยแล้วกดปุ่มอะไรบางอย่างที่อยู่บนข้อมือของเธอ นั่นทำให้เส้นผมสีดำสนิทของเธอแปรเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินโดยทันทีราวกับมีเวทย์มนตร์ ก่อนที่เธอจะถอดแว่นสายตาออก เผยให้เห็นแววตาสีเดียวกับเส้นผมภายใต้เลนส์นั้น
“เอ๊ะนั่น เพลงของเธอนี่”
ทาคุมิพูดขึ้นเมื่อวิทยุบรรเลงเพลงๆหนึ่งขึ้น เสียงของหญิงสาวที่อยู่ในเพลงนั้นฟังดูไพเราะเสนาะหูราวกับเสียงสวรรค์ บวกกับเสียงดนตรีที่เข้ากันดีสร้างความหลงใหลให้แก่ผู้ฟังยิ่งนัก
“เพลง ‘วันฝนพรำ’ ของเธอนี่เป็นที่นิยมจริงๆเลยนะ เปิดได้ทุกที่ทุกเวลา ขนาดในร้านสะดวกซื้อยังเปิดเลย”
“อื้ม พรุ่งนี้ฉันว่าจะร้องเพลงนี้ปิดท้ายน่ะ”
“แล้วซิงเกิ้ลใหม่เห็นว่าเสร็จแล้วนี่? ไม่ลองร้องเซอร์ไพรส์แฟนๆดูล่ะ?”
“นั่นสินะ... ลองคิดดูก่อน”
“เพลง ‘START:DASH!!’ ของวงไอดอลในตำนานอย่างมิวส์ที่เธอเอามาร้องใหม่ก็เป็นที่นิยมเหมือนกันนะ”
“นั่นฉันว่าจะร้องเป็นเพลงแรกเลยล่ะ”
การพูดคุยสัพเพเหระหยุดลงเมื่ออยู่ๆทาคุมิก็เงียบไปชั่วขณะ ระหว่างที่ลูน่ากำลังแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของเขา ชายหนุ่มก็ได้พูดขึ้นมา
“เธอมีเรื่องอะไรกังวลก็บอกฉันได้นะ”
“เอ๋??”
“ฉันดูออกนะว่าเธอมีเรื่องไม่สบายใจ พูดมาเถอะ ฉันยินดีรับฟังทุกอย่าง”
คำพูดของทาคุมิดูจริงจัง ทำให้ลูน่าดูอ้ำอึ้งเล็กน้อยก่อนที่ตัดสินใจพูดออกไป
“ฉันสังหรณ์ใจแปลกๆว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นในคอนเสิร์ตพรุ่งนี้น่ะ”
“เรื่องไม่ดี?”
“มะ... ไม่รู้สิ มันเป็นลางสังหรณ์น่ะ ฉันก็บอกไม่ถูก”
“ถ้าเธอไม่สบายใจจริงๆ ฉันไปขอให้ยกเลิกคอนเสิร์ตก็ได้...”
“ทำอย่างนั้นไม่ได้นะ!! จะทำให้แฟนเพลงผิดหวังได้ยังไง มีคนที่รอจะดูคอนเสิร์ตของฉันอยู่เยอะแยะ ฉันจะเห็นแก่ตัวแบบนี้ไม่ได้...”
ลูน่าเผลอขึ้นเสียงใส่ทาคุมิ ก่อนที่เจ้าตัวจะรู้ว่าทำอะไรลงไปจึงก้มหน้าหลบเหมือนรู้สึกผิด แต่ทาคุมิเองก็ไม่ว่าอะไรแล้วเอื้อมไปจับมือของลูน่าอย่างแผ่วเบา
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะปกป้องเธอเอง”
----------------------------------------------------
*MMA ย่อมาจาก
Mixed
Martial
Arts เป็นการแข่งขันการต่อสู้ที่รวมศิลปะการต่อสู้หลายๆแขนงเข้าด้วยกัน เช่น มวยไทย มวยสากล มวยปล้ำ ฯลฯ ซึ่งสมาคมที่มีชื่อเสียงที่สุดในเรื่องของการแข่งขันประเภทนี้ก็คือสมาคม UFC (Ultimate Fighting Championship) ของประเทศสหรัฐอเมริกา