----------------------------------------------------
“ไม่แย่หรอก... นรกเลยต่างหากล่ะ...”
เมื่อหม่าม้าพูดแบบนั้น ชั้นก็กอดแขนหม่าหม้าแน่น...
ภาพที่เห็นมันเป็นภาพที่ต่อให้ตายแล้วเกิดใหม่อีกสักกี่สิบชาติก็ไม่มีทางได้เคยพบได้เห็นแน่ๆ มันเหมือนเวลาดูการแสดงละครเล็กๆที่มีการสลับฉากด้านหลังไปมาระหว่างสองฉาก แต่ภาพที่เห็นมันดูน่าขนลุกยิ่งกว่านั้น
ไหนจะคลื่นน้ำวนสีเลือดประหลาดๆที่ลอยอยู่บนอากาศอีก มันเหมือนกับว่าตอนนี้พวกเราไม่ได้อยู่บนโลกมนุษย์เลยด้วยซ้ำ...
จากนั้นชั้นก็เห็นโนบุฮิเดะ คิจภัคและเอ็นสึเกะเดินออกมาจากตัวอาคาร พร้อมแอชลีย์กับหมอจุนที่ช่วยกันพยุงโซระที่บาดเจ็บเดินออกมา เมื่อชั้นเห็นหมอจุนก็อยากจะทำตัวบ้าผู้ชายแต่นี่ไม่ใช่เวลา พวกเขามีสีหน้าไม่ต่างจากชั้นและคนอื่นๆเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า แม้กระทั่งโซระที่เธอเคยบอกว่าไม่มีอะไรในโลกนี้ที่เธอไม่รู้ก็ยังมีสีหน้าที่ตกตะลึงเหมือนกัน
คงเพราะสิ่งที่เห็นมันไม่ควรจะเป็นสิ่งที่อยู่บนโลก...
“โซระ!! เธอรู้ทุกเรื่องไม่หรือไง?? รีบบอกมาเดี๋ยวนี้ว่าพวกเราควรทำยังไง??” มิคาโดะรีบถามโซระทันทีเมื่อเห็นหน้า เหมือนเขาจะไม่รู้ตัวว่ากำลังขึ้นเสียงใส่เธอ โซระมองหน้ามิคาโดะแล้วทำท่าอ้ำๆอึ้งๆ
“เร็วสิ!!!” มิคาโดะเร่งเร้า สิ่งที่เห็นตรงหน้าคงทำให้ใครหลายๆคนสติแตกไปชั่วขณะ มิคาโดะเลยดูท่าทางเหมือนจะคุมสติไม่อยู่ โซระเหมือนจะมีน้ำตาซึมออกมานิดๆเมื่อถูกขึ้นเสียงใส่ถึงสองครั้งติดๆกัน ชั้นเห็นแล้วก็แอบสะเทือนใจอยู่ไม่น้อย
“คือ... โซระ.... โซระ.... โซระไม่รู้...” โซระตอบตะกุกตะกัก คำว่า “ไม่รู้” จากปากของโซระที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้รอบรู้แทบจะเปรียบเสมือนดาวเคราะห์น้อยที่พุ่งชนโลกจนพังทลายไปในพริบตา มิคาโดะได้ยินคำตอบแบบนั้นก็มีท่าทีเดือดดาลอย่างเห็นได้ชัด เขาพุ่งตัวเข้าไปหาโซระอย่างรวดเร็วแล้วกระชากคอเสื้อของเธอ
“เธอพูดบ้าอะไรของเธอ!! เธอไม่รู้ได้ยังไง!!” เมื่อคนอื่นๆเห็นดังนั้นก็พากันเข้าไปแกะมือของมิคาโดะออก ส่วนชั้นได้แต่ยืนขาตายอยู่ตรงนั้น เขาไม่สนใจแล้วกระชากโซระขึ้นจนตัวลอย น้ำตาของโซระหยดลงบนแขนของมิคาโดะ แต่นั่นก็ไม่ทำให้เขาหยุด
“ทำไมเธอถึงไม่รู้!! นี่มันเรื่องร้ายแรงนะ!! ถ้าเธอไม่รู้... คนอื่นอาจจะตายได้นะ... คนอื่นน่ะ... พวกเราน่ะ...” ชั้นสังเกตเห็นว่ามิคาโดะเองก็เริ่มน้ำตาซึมออกมาเช่นกัน มือของเขาที่จับคอเสื้อโซระเริ่มคลายออก โซระลงไปกองกับพื้น มิคาโดะก็ทรุดตัวลงไป เสียงสะอื้นดังขึ้น... นี่คงเป็นครั้งแรกที่ชั้นเห็นเขาดูอ่อนแอเพียงนี้... โซระเองก็ร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร ชั้นก็เริ่มมีน้ำตาซึมออกมานิดๆเมื่อเห็นภาพดังกล่าว
ทุกคนต่างดูหดหู่ ท้อแท้และสิ้นหวัง ชั้นแอบมองเห็นหม่าม้าเช็ดน้ำตา แต่สุดท้ายหม่าม้าก็ทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“นี่ไม่ใช่เวลามานั่งร้องไห้เป็นเด็กๆแล้วนะ” หม่าม้าพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“สิ่งที่เราต้องทำคือหาทางหยุดมัน ไม่ใช่ทำเพื่อชีวิตของพวกเรา... แต่ทำเพื่อชีวิตของคนอื่นๆด้วย อย่างที่ชั้นบอกไป ตอนนี้ดูเหมือนมิติวิญญาณกับมิติมนุษย์กำลังจะผนวกรวมกันเป็นหนึ่งเดียว... เมื่อถึงตอนนั้นไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ... แต่เรายังพอมีเวลาอยู่”
“แล้วเราจะทำยังไงกันดีล่ะคะ?” มิสะถาม
หม่าม้าไม่ตอบอะไร แล้วหยิบปืนพกขนาดใหญ่สีเงินออกมาจากซองปืนที่เข็มขัด จากนั้นก็เล็งไปที่คลื่นน้ำวนประหลาดบนอากาศนั่น
เปรี้ยง!!กระสุนพุ่งตรงไปที่ใจกลางของคลื่นน้ำวนนั่น แล้วภาพที่น่าอัศจรรย์ก็เกิดขึ้น... เมื่อชั้นมองเห็นกระสุนนั้นลอยค้างบนอากาศอยู่ตรงหน้าคลื่นน้ำวนประหลาด กระสุนหยุดนิ่งอยู่สักพัก แล้วมันก็ผลุบหายเข้าไปในคลื่นน้ำวนนั่นเลย!!
“อย่างที่คิดจริงๆ...” หม่าม้าเก็บปืนพกลงบนซองปืนเหมือนเดิม
“นั่นมันเป็นเหมือนกับประตูสู่สถานที่ใดสักแห่งหนึ่ง...”
“การที่จะหยุดเรื่องนี้ได้... คงมีแต่เข้าไปในนั้นแหละนะ” หม่าม้าสรุป
“เอาล่ะ... ชั้นจะลองเข้าไปในนั้นดู... มันน่าจะมีหนทางที่จะหยุดเรื่องนี้ได้”
“แต่มันอาจจะอันตรายก็ได้นะคะหม่าม้า” ชั้นรีบร้องห้าม
“แต่มันไม่มีทางเลือกแล้วนะโนโดกะจัง... มันเป็นหนทางเดียวที่จะหยุดเรื่องนี้นะ” หม่าม้าพยายามเกลี้ยกล่อมชั้น แต่ชั้นไม่ยอมเด็ดขาด ในนั้นมันมีอะไรก็ไม่รู้... ชั้นไม่อยากให้หม่าม้าต้องมาเป็นอะไรไปอีกแล้ว
“ชั้นไปด้วยค่ะ” มิสะเสนอตัว
“ถ้าเธอไป งั้นชั้นก็จะไปด้วย” มาโมรุเสนอตัวด้วยอีกคน หม่าม้าหันไปมองทั้งสอง แล้วก็หันกลับมามองชั้น
“ไม่ต้องกลัวหรอก เห็นไหม? มิสะกับมาโมรุก็อยู่ด้วย ยังไงหม่าม้าก็จะไม่เป็นไร” เมื่อหม่าม้าพูดแบบนั้นชั้นก็เริ่มใจอ่อน บางทีอาจจะไม่เป็นไรก็ได้ ไม่ใช่สิ ทุกคนต้องไม่เป็นอะไร หม่าม้าเก่ง มิสะกับมาโมรุก็เก่ง ไม่เป็นไรแน่ๆ
“เดี๋ยวหม่าม้ากลับมานะ” หม่าม้าลูบหัวชั้นพร้อมยิ้มให้
“โชคดีนะคะ” ชั้นอวยพร หม่าม้ายิ้มให้ชั้นอีกครั้งแล้วพยักหน้า
หม่าม้ามองหน้ากับมิสะและมาโมรุ หม่าม้าพยักหน้า มิสะกับมาโมรุก็พยักหน้า พร้อมเดินไปที่คลื่นน้ำวนสีเลือดนั่น... ในใจชั้นภาวนาอยู่ตลอดให้ทุกคนปลอดภัย
“เดี๋ยวค่ะ!!!!!!!!” เสียงตะโกนขึ้นดังลั่น ชั้นหันไป รวมทั้งทุกคนก็หันไปทางต้นเสียง ไม่เว้นแม้แต่หม่าม้า มิสะและมาโมรุที่กำลังจะเดินตรงเข้าไปที่คลื่นน้ำวนสีเลือดบนอากาศก็หยุดชะงัก พบว่าเสียงนั้นมาจากโซระที่ค่อยๆลุกขึ้น พร้อมใช้นิ้วชี้ปาดน้ำตาที่ยังเอ่ออยู่ที่หางตา
“เข้าไปไม่ได้นะคะ!!” โซระตะโกนอีกครั้ง เหมือนเธอจะเริ่มรู้อะไรบางอย่างแล้ว?
“โซระรู้แล้ว... โซระรู้แล้วค่ะ...”
“โซระคิดว่า... นั่นคือรอยต่อระหว่างมิติแน่ๆ...” โซระพูดขึ้น
“รอยต่อระหว่างมิติ??” หม่าม้าทวนคำพูดของโซระ
“ใช่ค่ะ... นั่นคือสิ่งที่ทำให้วิญญาณหลุดเข้ามาในโลกมนุษย์ โซระก็ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงมาปรากฏขึ้นได้ และมันยังจะทำให้มิติของมนุษย์และวิญญาณเริ่มแปรปรวน”
“แต่ในเมื่อมันปรากฏออกมาแล้ว โซระคิดว่าเราต้องเข้าไปทำลายมัน แล้วทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม” โซระอธิบาย
“งั้นเราก็ต้องเข้าไปทำลายมันสิ แล้วเธอจะห้ามพวกเราทำไม?” หม่าม้าถาม โซระเงียบ
“ว่าไง?” หม่าม้าจึงถามย้ำอีกครั้ง
“คือ.. ถ้าหากเข้าไปแล้ว... อาจจะไม่ได้กลับออกมาอีกเลยค่ะ...” โซระตอบ
“ว่าไงนะ?” ชั้นร้องออกไปอย่างลืมตัว อาจไม่ได้กลับออกมางั้นหรอ?? ถ้าแบบนั้น...
“ถ้างั้นหนูไม่ให้หม่าม้าเข้าไปแน่!!” ชั้นเกาะแขนหม่าม้า ไม่มีวันเด็ดขาดถ้าเป็นแบบนั้น ชั้นสูญเสียหม่าม้าไปแล้วครั้งหนึ่ง... และครั้งนี้ชั้นไม่มีวันจะเสียหม่าม้าไปอีกเป็นครั้งที่สองเด็ดขาด
“แต่ถ้าไม่เข้าไป... โลกเราอาจจะถึงคราวหายนะก็ได้นะ!!” หม่าม้าพูดขึ้น มันทำให้ชั้นสับสน นี่คงเป็นทางเลือกที่แย่ที่สุดเท่าที่ชั้นเคยเจอมา ระหว่างปล่อยให้โลกมันพินาศไปทั้งแบบนี้ กับยอมเสียหม่าม้าไปอีกครั้งเพื่อช่วยเหลือโลก ให้ตายสิ... ชั้นเลือกไม่ได้...
“ถ้างั้นชั้นเข้าไปเองดีกว่าค่ะคุณโนโซมิ” มิสะเสนอตัว แทบทุกคนเหมือนจะอ้าปากพูดว่า “ไม่” ชั้นเองก็เช่นกัน จริงๆชั้นต้องบอกว่าชั้นไม่มีทางยอมเสียใครไปทั้งนั้น ไมว่าจะหม่าม้าหรือว่าใคร
“เพราะชั้นน่ะ... ไม่มีอะไรให้ห่วงเหมือนคนอื่นนี่นะ”
“พูดอะไรของเธอน่ะมิสะ!!” จู่ๆหมอจุนก็ตะโกนขึ้นมา พร้อมพยายามจะเดินไปหามิสะ
“ไม่ต้องเข้ามา” มิสะพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างใส่หมอจุน ทำให้เขาหยุดชะงัก
“ไม่นะคุณมิสะ!! ไม่สิ!! ไม่ว่าใครทั้งนั้นแหละ!! มันต้องมีทางอื่นที่ดีกว่าสิคะ!!” ชั้นพูดพลางมองหน้ามิสะ... มองหน้าหม่าม้า... มองหน้าทุกคน... มันต้องมีทางอื่นสิ... ทางที่จะไม่สูญเสียใครไปทั้งนั้น
“คุณมิสะ... อย่าเลยค่ะ... ขอร้องเถอะค่ะ” ชั้นเกลี้ยกล่อมเธอ พร้อมพยายามเกาะแขนเธอเหมือนตอนที่เคยอ้อนเธอเมื่อก่อน ชั้นหวังแค่ว่ามันจะได้ผลอีกครั้ง
“ปล่อยได้แล้ว” มิสะทำท่าเหมือนจะยอม ชั้นเลยปล่อยมือออกจากแขนเธอ เธอหยุดนิ่ง หันหลังให้กลับคลื่นน้ำวนบนอากาศ
จากนั้นเธอก็หันกลับไปและออกตัววิ่งอย่างที่ทุกคนไม่คาดคิด!!
ไปที่คลื่นน้ำวนสีเลือดนั่น...
“ไม่นะ!!!!!” ทุกคนตะโกนขึ้นแทบจะพร้อมกัน หนึ่งในนั้นมีเสียงของชั้นรวมอยู่ด้วย
ไม่มีทางที่จะเข้าไปหยุดเธอได้แน่... ต่อให้วิ่งเร็วระดับนักวิ่งจักรวาลก็ตาม... มิสะใกล้ที่จะวิ่งเข้าไปในคลื่นน้ำวนสีเลือดนั่น... อีกเพียงแค่ไม่กี่เมตร...
ถึงมิสะจะชอบดุชั้นเวลาไม่ได้ดั่งใจ... แต่เธอก็คอยช่วยเหลือชั้นตลอด... ฝึกซ้อมเด็กกะโปโลอย่างชั้นจนเป็นเจ้าหน้าที่โกสท์ฮันเตอร์โดยสมบูรณ์ได้...
ไม่มีทาง... ชั้นไม่ยอมที่จะเสียเธอไปแน่ๆ...
สิ่งที่ชั้นต้องการคือทำให้เวลามันช้าลง...
เวลาช้าลง...
เวลาช้าลงแล้ว.....
เวลาช้าลงแล้ว........
เอ๊ะ?? เวลาช้าลงหรอ??
ชั้นพบว่าการเคลื่อนไหวของมิสะนั้นช้าลงจริงๆ เหมือนเอฟเฟ็กท์ภาพสโลว์โมชั่นที่ใช้ในหนัง... แต่นี่มันไม่ใช่ในหนังนะ... มันเกิดอะไรขึ้น??
นอกจากมิสะคนอื่นๆก็เคลื่อนไหวช้าลงเหมือนกันหมด... ทุกๆคนกำลังอ้าปากเหมือนกำลังจะร้องห้ามมิสะแต่ไม่มีเสียงอะไรออกมา... มาโมรุกำลังยกมือเพื่อจะเอื้อมจับอะไรบางอย่าง... คงพยายามจะพุ่งเข้าไปห้ามมิสะ... เวอร์ดี้กับมิโนริก็ทำท่าจะออกตัววิ่งเพื่อไปหยุดมิสะ... หมอจุนก็ทำท่าจะวิ่งไปหาเธอเช่นกัน
ทุกอย่างมันภาพสโลว์โมชั่นทั้งหมด??
แต่มีอยู่คนหนึ่งที่ไม่ได้เคลื่อนไหวช้าตามคนอื่นๆ...
ชายวัยประมาณสามสิบถึงสี่สิบ ไว้ผมเสยไปข้างหลังสีดำ สวมแว่นตาดำทั้งๆที่ไม่มีแดด สวมเสื้อสูทพร้อมเนคไทสีแดง ตอนเจอชั้นเจอเขาครั้งแรกท่อนล่างเขาใส่กางเกงบ็อกเซอร์กับรองเท้าแตะ...
เพียงแต่คราวนี้เขาใส่ชุดสูทสีดำสนิทแบบเต็มยศ... ชายเสื้อสูทและเนคไทของเขาพลิ้วไหวไปตามลม บอกตรงๆเลยว่าชั้นรู้สึกว่าเขาดูสง่างามมากในตอนนี้...
ผู้บังคับบัญชาสูงสุดขององค์กรโกสท์ฮันเตอร์... เอ็กซ์
ชั้นเปล่งเสียงเรียกชื่อเขา... แต่รู้สึกได้ว่าตัวเองค่อยๆอ้าปากโดยที่ไม่มีเสียง เอ็กซ์เดินผ่านเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ต่างเคลื่อนไหวแบบสโลว์โมชั่น พวกเขาทำท่าเหมือนจะหันมองไปที่เอ็กซ์
แล้วเอ็กซ์ก็เดินไปหยุดตรงหน้ามิสะ...
เขาดีดนิ้ว... ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม มาโมรุที่ทำท่าจะเอื้อมมือไปข้างหน้าลดมือลง เวอร์ดี้ มิโนริและหมอจุนที่กำลังจะวิ่งไปหามิสะก็หยุดกึก เช่นเดียวกับมิสะก็หยุดฝีเท้าเมื่อเห็นเอ็กซ์ยืนขวางเธอไว้
“จะทำอะไรน่ะมิสะคุง?” มิสะทำอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เอ็กซ์ชิงพูดขึ้นมาก่อน
“เธอทำอย่างนั้นไม่ได้นะ... เธอเป็นเจ้าหน้าที่แนวหน้าของที่นี่ เราขาดเธอไปไม่ได้”
“แต่ชั้นต้องหยุดเรื่องราวพวกนี้นะคะท่าน!!” มิสะแย้ง แต่เอ็กซ์ไม่ตอบอะไร
“ในฐานะที่ผมเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของที่นี่ ผมจะเป็นคนรับผิดชอบและหยุดเรื่องราวพวกนี้เอง” เอ็กซ์พูดจบแล้วหันไปหาหม่าม้า
“ฝากเธอดูแลองค์กรนี้แทนผมด้วยนะ” เอ็กซ์พูดกับหม่าม้า
“นายหมายความว่ายังไง??” หม่าม้าถามขึ้น
“ผมจะเข้าไปในรอยต่อนั่นเอง”
“เอ็กซ์... อย่า...”
“ผมพูดในฐานะผู้บังคับบัญชานะ... ไม่ใช่เพื่อน และนั่นถือว่าเป็นคำสั่งของผม” เอ็กซ์พูดตัดบทหม่าม้าที่ยังพูดไม่จบ
“โนโซมิคุง... เธอถูกฝึกมาเพื่อขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชาหรือเปล่า??” คำพูดของเอ็กซ์ทำให้หม่าม้าถึงกับอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะส่ายหน้าช้าๆ
“เปล่าค่ะท่าน...”
“เมื่อเธอได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชานั่นก็หมายความว่า...” เอ็กซ์พูดเว้นช่วงเหมือนจะให้หม่าม้าพูดต่อประโยคนั้น
“คำสั่งของผู้บังคับบัญชาถือว่าเป็นที่สิ้นสุด” หม่าม้าก้มหน้าพูดด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา
“ดีมาก... สมแล้วที่เป็นว่าที่ผู้บังคับบัญชาคนใหม่” เอ็กซ์ยิ้ม แล้วหันไปทางเจ้าหน้าที่ทั้งหมดที่ยืนอยู่
“ทุกคนได้ยินแล้วนะ... ว่าผมจะเข้าไปในนั้นเอง” ชั้นรู้ดีว่าทุกคนไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น แต่พวกเขาไม่สามารถขัดคำสั่งของเอ็กซ์ได้ เพราะคำสั่งของผู้บังคับบัญชาถือเป็นที่สิ้นสุด...
“ต่อไปนี้ผมขอแต่งตั้งให้ โฮชิมุระ โนโซมิ เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดขององค์กรโกสท์ฮันเตอร์แทนผม” เอ็กซ์พูดโดยไม่มีใครโต้แย้งใดๆทั้งสิ้น ทุกคนก้มหน้ายอมรับในการตัดสินใจของเขาทั้งหมด
“ค่ะ” หม่าม้าตอบ แน่นอนว่าสีหน้าของเธอไม่เต็มใจเลยแม้แต่น้อย... เช่นเดียวกับคนอื่นๆที่ต้องยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เอ็กซ์พูดอย่างจำใจ
“นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ผมอยู่ในฐานะผู้บังคับบัญชา ขอให้ทุกคนโชคดี”
ชั้นมองเห็นทุกคนยืนตรงเพื่อเคารพผู้บังคับบัญชาของตนเองเป็นครั้งสุดท้าย ไม่ว่าจะเป็นหม่าม้า มิสะ มาโมรุ มิคาโดะ เกล เรียว ลุงเชน มิโนริ เวอร์ดี้ โนบุฮิเดะ คิจภัค เอ็นสึเกะ โซระ แอชลีย์ และหมอจุน มันเป็นภาพที่สวยงามมาก
น่าเสียดายจริงๆที่นี่อาจจะเป็นภาพสุดท้ายที่เอ็กซ์จะได้เห็น...
“ลาก่อนนะทุกคน”
จากนั้นเอ็กซ์ก็พุ่งตัวหายเข้าไปในคลื่นน้ำวนสีเลือดนั้นโดยที่ไม่มีใครสามารถทำอะไรได้เลย...
----------------------------------------------------
เมื่อเอ็กซ์พุ่งตัวเข้าไปในคลื่นน้ำวนสีแดงเลือดนั้น ภายในเหมือนเป็นโลกของอะไรบางอย่างที่ไม่มีใครรู้จัก ผนังและเพดานเป็นสีแดงเลือด มันมีลักษณะคล้ายกระจกใสที่มีร่างของวิญญาณมากมายอัดแน่นอยู่ภายใน พวกมันพยายามจะเบียดตัวเพื่อที่จะออกมาสู่ภายนอก บางส่วนที่สามารถออกมาได้พุ่งทะลุผ่านของเอ็กซ์ที่ยืนนิ่งและมองไปรอบกาย เขาขยับแว่นตาดำและไม่มีท่าทีสะพรึงกลัวกับภาพที่เห็นเลยแม้แต่น้อย
“ทำลายให้หมดก็น่าจะจบล่ะมั้ง เอาล่ะ...” เอ็กซ์พูดพร้อมกางแขนทั้งสองข้างขนานกับพื้น บังเกิดแรงสั่นสะเทือนพร้อมลำแสงประหลาดที่ค่อยๆเข้าครอบคลุมร่างของเขา ทำให้ร่างกายเขาของเรืองแสงราวกับหิ่งห้อย ก่อนที่เอ็กซ์จะเหวี่ยงแขนทั้งสองข้างไปข้างหน้า ลำแสงประหลาดเคลื่อนที่จากตัวเขาไปรอบๆ เมื่อลำแสงนั้นทะลุผ่านผนังและเพดานก็เกิดรอยร้าวขึ้น ร่างของวิญญาณร้ายที่อัดแน่นอยู่ในนั้นคิดว่าตนจะได้เป็นอิสระ แต่ทว่าเมื่อผนังและเพดานสีเลือดนั้นแตกกระจาย พวกมันก็ต่างร้องโหยหวนจนดังระงมไปทั่ว ลำแสงประหลาดนั้นกลายเป็นอาวุธพิฆาตทำลายทุกสิ่งทุกอย่างรอบบริเวณ
ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังพังทลาย เอ็กซ์ยิ้มมุมปากอย่างผู้มีชัย เขาถอดรองเท้าและถุงเท้าออก ก่อนที่เขาจะค่อยๆปลดเข็มขัด พร้อมทั้งดึงกางเกงสีดำลงมาเผยให้เห็นกางเกงบ็อกเซอร์ขาสั้นสีดำที่เขาใส่ไว้ข้างใน เขาถอดกางเกงออกและโยนทิ้งไว้ข้างตัว เหลือเพียงสภาพที่สวมเสื้อสูทท่อนบนและกางเกงบ็อกเซอร์กับเท้าเปล่าท่อนล่าง
“ก่อนตายก็อยากอยู่ในชุดที่สบายๆหน่อยน่ะนะ”
ภาพสุดท้ายที่เขาเห็นคือภาพของการพังทลายของพื้นที่เขายืนอยู่
ก่อนที่เอ็กซ์จะไม่สามารถมองเห็นอะไรได้อีก...
----------------------------------------------------
แรงสั่นสะเทือนเหมือนแผ่นดินไหวเกิดขึ้น ทุกคนต่างๆหันมองซ้ายมองขวา สภาพแวดล้อมโดยรอบสลับเปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็วกว่าเดิม มันเร็วขึ้น... เร็วขึ้นเรื่อยๆ... และเร็วขึ้นเรื่อยๆจนมองไม่ทัน... เจ้าหน้าที่ทุกคนต่างมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างหวาดกลัว จนกระทั่ง...
ทุกอย่างกลับสู่สภาพเดิมรวมทั้งการหายไปของคลื่นน้ำวนสีแดงเลือดบนอากาศ ราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ณ ที่ตรงนี้
รวมทั้งบรรยากาศโดยรอบก็กลับสู่สภาพเดิมอีกครั้ง
แสดงให้เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างได้จบลงแล้ว
รวมทั้งเอ็กซ์ที่จากไปด้วยเช่นกัน...
เขาเสียสละตัวเองเพื่อช่วยเหลือทุกคน... รวมทั้งโลกใบนี้
ทุกคนต่างเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรทั้งสิ้น... ไม่มีใครยิ้ม... ไม่มีใครหัวเราะ... ไม่มีใครร้องไห้...
โนโซมิหันไปมองเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ยืนอยู่ จากเพื่อนร่วมงานบัดนี้พวกเขากำลังจะกลายเป็นลูกน้องของเธออย่างเต็มตัว ต่อจากนี้เธอต้องรับช่วงต่อจากเพื่อนและอดีตผู้บังคับบัญชาของเธอ...
อนาคตขององค์กรอยู่ในกำมือของโนโซมิแล้ว... ผู้บังคับบัญชาคนใหม่ขององค์กรโกสท์ฮันเตอร์ต่อจากนี้ แม้ว่าทุกคนจะยังคงทำใจกับสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่โนโซมิก็ปฏิญาณตนไว้อย่างแน่วแน่ว่า...
เธอจะไม่ทำให้เอ็กซ์เพื่อนของเธอผิดหวังแน่นอน...
“มันจบแล้วใช่ไหมคะหม่าม้า?” โนโดกะถามขึ้น
“จ้ะ มันจบแล้วล่ะ...” โนโซมิตอบพร้อมลูบศีรษะของลูกสาวอย่างอ่อนโยน
ท่ามกลางสายตาของเจ้าหน้าที่นับสิบที่มองเธอในฐานะผู้บังคับบัญชาคนใหม่...
----------------------------------------------------
“ในฐานะที่ชั้นเป็นผู้บังคับบัญชาคนใหม่ขององค์กร... ชั้นขอแสดงความยินดีที่ทุกคนสามารถปิดรอยต่อระหว่างมิติมนุษย์และวิญญาณได้สำเร็จ” หญิงสาววัยสามสิบปลายๆพูดขึ้นท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า ท้องฟ้านั้นมืดสนิท ในขณะที่ลมหนาวพัดผ่านจนเส้นผมสีน้ำตาลของเธอปลิวสยายไปตามแรงลม เธอสวมเสื้อกันหนาวอย่างหนา อีกทั้งคำพูดของเธอที่ออกมาเป็นไอแสดงให้เห็นว่าสภาพอากาศในตอนนี้หนาวเย็นมากแค่ไหน
“แม้วิญญาณร้ายจะไม่สามารถหลุดเข้ามาในโลกมนุษย์ได้อีกแล้ว แต่หน้าที่ของพวกเรายังไม่จบ ยังคงมีวิญญาณร้ายบางส่วนหลงเหลืออยู่บนโลกแห่งนี้”
“แต่ในตอนนี้หน้าที่ที่สำคัญที่สุดของพวกเรานั่นคือ... นี่อย่าหลับสิ!!” โนโซมิพูดขึ้นเสียงดังขึ้นเมื่อเห็นโนบุฮิเดะสัปหงก จริงๆต้องพูดว่าเจ้าหน้าที่แทบทุกคนต่างสัปหงกกันเป็นแถบๆด้วยความง่วงนอน แต่ละคนต่างสวมเสื้อกันหนาวยกเว้นแต่มาโมรุที่ยังสวมชุดว่ายน้ำอีกตามเคยแม้อากาศโดยรวมจะหนาวเย็นจนแทบสั่น
“คุณโนโซมิ ชั้นไม่ไหวแล้วนะ” มิสะพูดพร้อมเปลือกตาที่จะปิดอยู่รอมร่อ
“อีกแค่ไม่กี่นาทีเองทนหน่อยสิ” โนโซมิพูด
“ดูเซต้าสิ เห็นไหมเธอยังไม่หลับเลย” โนโซมิชี้ไปที่เซต้า เธอยืนตัวตรง ดวงตาเพ่งมองไปข้างหน้า ซึ่งความจริงเธอไม่มีวันหลับแน่นอนอยู่แล้วเพราะเป็นหุ่นยนต์
“เซต้า? ได้ยินไหม?” โนโซมิเรียกซ้ำเมื่อเห็นเซต้าไม่ตอบสนองใดๆ เพราะอย่างน้อยเธอน่าจะตอบว่า “รับทราบ” หรืออะไรซักอย่างเหมือนทุกที เธอจึงเดินเข้าไปใกล้ๆเซต้า
“หวา... พลังงานหมดแล้วสินะเนี่ย ซ่อมยังไงกันนะ พลังงานแบตเตอรี่ถึงได้น้อยแบบนี้” โนโซมิพูดขึ้นเมื่อพบว่าเซต้ายืนนิ่งอยู่แบบนั้นเป็นเพราะพลังงานหมดซะแล้ว เธอจึงประคองร่างเซต้าให้นอนลงไปบนพื้นหญ้า
“ไม่... ไหว... แล้ววววว” เมื่อเจ้าหน้าที่ทุกคนเห็นเซต้านอนลง ก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันแล้วนอนลงบนพื้นหญ้าทั้งๆแบบนั้นโดยไม่สนว่านั่นไม่ใช่สถานที่ที่ควรจะมานอนหลับแบบนี้ โนโซมิเห็นดังนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจ
จากนั้นดวงอาทิตย์ก็ค่อยๆปรากฏขึ้นจากทิวเขา แสงอาทิตย์สีส้มอมทองเริ่มสาดส่องไปตามพื้นหญ้าที่เหล่าเจ้าหน้าที่ต่างนอนอยู่ด้วยความอ่อนเพลีย โนโซมิที่ยืนอยู่ยิ้มให้กับแสงแดดของเช้าวันใหม่อันอบอุ่นที่ค่อยๆพาดผ่านตัวเธอ
“เฮ้อ!! อุตส่าห์ปลุกมาดูแสงอาทิตย์แรกของปีแท้ๆ มาหลับกันซะได้” โนโซมิพูดแบบเซ็งๆ พลางเท้าสะเอว ยืนมองดวงอาทิตย์แรกของปีใหม่อยู่คนเดียว
“หม่าม้า” โนโดกะเรียกโนโซมิแล้วเดินมายืนเคียงข้างคุณแม่ของเธอ โนโซมิหันไปมองแล้วมีสีหน้าแปลกใจนิดๆ
“อ้าวโนโดกะจัง นึกว่าหลับไปแล้ว”
“แหะๆ ก็หม่าม้าอุตส่าห์พามาดูดวงอาทิตย์แรกของปีทั้งที ก็เลยอดทนหน่อยน่ะค่ะ” โนโดกะตอบ พลางมองไปที่ดวงอาทิตย์แรกของปีใหม่
“สวยจังเลยนะคะ”
“นั่นสินะ” โนโซมิโอบกอดลูกสาวของเธออย่างรักใคร่ สายตาของทั้งสองจ้องมองไปที่ดวงอาทิตย์ที่เริ่มขึ้นมาอย่างช้าๆ
“ปีใหม่นี้ก็ฝากตัวด้วยนะโนโดกะจัง”
“เช่นกันค่ะหม่าม้า” โนโดกะพูดพร้อมยิ้มให้กับคุณแม่ของเธอ
“แต่ตอนนนนนนี้หนูไม่ไหววววววแล้วค่าาาาาาา...” โนโดกะพูดเสียงยานๆแล้วล้มตัวลงไปนอนลงบนพื้นหญ้าอ่อนนุ่มพร้อมๆกับเจ้าหน้าที่คนอื่นที่นอนหลับอยู่บนนั้นอย่างหมดแรง โนโซมิส่ายหน้านิดๆให้กับลูกสาวของตัวเองแล้วยิ้มให้กับเธอที่หลับตาพริ้มและกรนออกมานิดๆอย่างเอ็นดู
----------------------------------------------------
เมื่อถึงรุ่งเช้า ทุกคนเดินทางไปยังศาลเจ้าที่อยู่ใกล้ๆ
ชั้นหาวไปตลอดทางที่เดินหลังจากที่อดตาหลับขับตานอนเพื่อที่จะชมดวงอาทิตย์แรกของปีกับทุกๆคนซึ่งต่างสัปหงกจนหลับไปตามๆกัน หลังชมแสงอาทิตย์เสร็จชั้นก็ได้นอนแค่นิดเดียวแล้วก็ถูกหม่าม้าลากมาไหว้ขอพรที่ศาลเจ้าใกล้ๆกับอาคารของศูนย์บัญชาการโกสท์ฮันเตอร์ คนอื่นๆก็มีสภาพเหมือนคนอดนอนไม่แพ้กัน ยกเว้นแต่หม่าม้าที่ดูกระปรี้กระเปร่าสุดๆทั้งที่อดนอนเหมือนๆกัน ชั้นชวนยัยมิโอะมาด้วย ดูเหมือนยัยนั่นเองก็น่าจะอดนอนเมื่อคืนเหมือนกันดูจากสภาพหน้าแล้วน่ะนะ
เหมือนที่นี่จะเป็นศาลเจ้าเล็กๆที่อาจไม่ค่อยมีคนรู้จักนัก เพราะไม่มีใครอยู่แถวนี้เลยสักคนนอกจากชั้นและคนอื่นๆ วันนี้เจ้าหน้าที่หญิงทุกคนต่างใส่ชุดกิโมโนสวยๆมาไหว้ขอพร รวมทั้งชั้นเองก็ด้วย หม่าม้าเป็นคนแต่งให้ชั้นเองกับมือ แต่ที่น่าสนใจที่สุดคือมิสะกับมาโมรุในชุดกิโมโน ซึ่งกำลังยืนขอพรอยู่ที่ศาลเจ้า
อย่างที่รู้ๆกัน รายแรกก็เอาแต่ใส่ชุดเดิมๆ รายหลังก็เอาแต่ใส่ชุดว่ายน้ำ ในที่สุดก็ได้เห็นนางทั้งสองใส่ชุดอื่นสักที มันทำให้ชั้นตื่นเต้นยิ่งกว่าเล่นรถไฟเหาะเสียอีก
ชั้นเดินไปขอพรที่ศาลเจ้าพร้อมกับหม่าม้า พลางเหลือบมองที่หม่าม้านิดๆ ไม่รู้ว่าหม่าม้าขอพรอะไร เมื่อขอพรเสร็จชั้นกับหม่าม้าก็เดินออกมา
“โนโดกะจังขออะไรหรอ?” หม่าม้าถาม
“ความลับน่ะค่ะ” ชั้นยิ้มกวนๆ
“คงไม่ได้ขอให้เจอกับผู้ชายหล่อๆสินะ”
“ใช่ซะที่ไหนล่ะคะ!!”
แล้วชั้นกับหม่าม้าก็หัวเราะพร้อมกัน
ชั้นก็ขอแค่ให้ปีใหม่นี้มีแต่เรื่องดีๆและขอให้ทุกคนมีความสุข
แค่นี้ชั้นก็จะไม่ขออะไรอีกแล้ว...
ชั้นสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด อากาศดูจะสดชื่นกว่าทุกวัน
“โนโดกะจัง เสี่ยงโอมิกุจิ*กันไหม?” มิโอะตะโกนชวนชั้นที่จุดเสี่ยงโอมิกุจิ
“อื้ม!!” ชั้นตอบรับคำชวนของมิโอะพร้อมวิ่งไปหา
หวังว่าคงจะเสี่ยงได้โชคดีๆนะ...
The End
----------------------------------------------------
*โอมิกุจิ คือชื่อเรียกของเซียมซีญี่ปุ่น----------------------------------------------------